bloggang.com mainmenu search

:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 233 ::


โจทย์ --- เรื่องที่เธอเสียใจ

ผู้คิดโจทย์ --- กะว่าก๋า








:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 5 ::

เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า















 
แต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าราวเมฆขาวล่องลอยอ้อยอิ่งอยู่ท่ามกลางหุบเขาลึกเร้น

ไป่จิงเหวินใช้เวลาอยู่กับตัวเอง  อยู่กับความสงัดเงียบ
ดื่มด่ำลึกซึ้งในถ้อยคำของคัมภีร์ทั้งสอง  เขาค่อย ๆ คลี่ม้วนไม้ไผ่ออกมาศึกษาอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ 
จดจำทุกตัวอักษร  ซึมซัมรับรู้ทุกภาพที่ปรากฏ 
ทวนซ้ำไปซ้ำมาจนถ่องแท้นับร้อยนับพันรอบ


วันผ่านวัน  คืนผ่านคืน  เขาเดินลมปราณทุกเช้า  ฝึกวรยุทธ์ตลอดทั้งวัน 
เทียนชี่โคจรสู่กายทั่วร่างอย่างไหลลื่น   ก่อเกิดพลังลมปราณอันมิสุดสิ้น 
ในคัมภีร์ผูกที่เจ็ดเขียนถึงท่าการฝึกลมหายใจ 
ไป่จิงเหวินค่อย ๆ ทำตามอย่างช้า ๆ   หายใจลึก  กลั้นลมหายใจ 
   ถ่ายเทพลังลมปราณสู่เบื้องล่างก่อนปล่อยให้ไหลเวียนภายในร่างอย่างอิสระ 
เขารู้สึกเหมือนได้ล่องลอยอยู่ในสรวงสวรรค์  สมาธิดิ่งลึกลงไป

แต่ท่าซึ่งสร้างพละกำลังให้เขามากที่สุด คือ กระบวนท่า มังกรเขย่าสวรรค์
และท่าจู่โจมแบบฉับพลัน พยัคฆ์ซ่อนเมฆ 
เมื่อฝึกเป็นรอบที่ 95  ฝ่ามือของไป่จิงเหวินสามารถกระแทกจนผนังหิน
เกิดเป็นรอยรูปนิ้วมือทั้งห้าอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

กระบวนท่าในคัมภีร์มังกรพยัคฆ์บูรพานั้นก่อเกิดพลังอันไม่สิ้นสุด  
เดี๋ยวย้อน  เดี๋ยวกลับ  เดี๋ยวขยับ เดี๋ยวนิ่ง  เดี๋ยวจู่โจม เดี๋ยวตั้งรับ 
หากผู้ฝึกมิได้มีกำลังภายในขั้นสูงหรือลมปราณขั้นเทพ 
เห็นทีจะมิอาจฝึกฝนได้เป็นแน่แท้

ไป่จิงเหวินใช้เวลาในถ้ำฝึกฝนวรยุทธ์อย่างมุ่งมั่นตั้งใจ 
โดยมิรู้ด้วยซ้ำว่าจะออกจากถ้ำนี้ได้อย่างไร 
สมาธิทั้งหมดทั้งมวลจดจ่ออยู่กับการศึกษาคัมภีร์และฝึกฝนเพลงยุทธ์ตลอดทั้งวัน
จำจนขึ้นใจได้หมดทุกท่า  หากแต่เขารู้ตัวดีว่าตนเองนั้นยังมิได้บรรลุวรยุทธ์ขั้นสูงสุด 
เหมือนยังขาดอะไรบางอย่างไป  ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร


 
            .....................................................


 
45 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วิทยายุทธ์ของไป่จิงเหวินก้าวหน้ามหัศจรรย์พันลึกเหนือคาดคิด 
พลังตัวเบาเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าประหลาด  เขากระโดดได้สูงขึ้นกว่าที่ตัวเองคาดคิด 
 พลังหมัดสร้างความเสียหายรุนแรงกับผนังหินภายในถ้ำ 
กำลังภายในอัดแน่นจนกายแกร่งดั่งศิลา   กระบวนท่าโจมตีอ่อนแข็งสุดคาดเดา

แม้อาหารและน้ำดื่มในถ้ำค่อย ๆ ร่อยหลอลงเรื่อย ๆ 
แต่เขาหาได้กังวลใจในเรื่องนั้นไม่

สิ่งที่ยังค้างคาใจ คือ  ไป่จิงเหวินรู้ดีว่าตัวเองยังมิอาจบรรลุสุดยอดวิชา 
เขาพลิกม้วนคัมภีร์อ่านซ้ำไปซ้ำมาอย่างเคร่งเครียด
แต่ยังหาจุดอ่อนของตนเองไม่พบ
ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่รอบ  ฝึกฝนอีกกี่หน  ผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิม !!!


 
            ........................................................


 
คืนนั้นไป่จิงเหวินเดินลมปราณหลังฝึกซ้อมหนักมาตลอดทั้งวัน 
ใจนึกถึงแต่ข้อบกพร่องที่ยังค้นไม่พบ  หรือยังมีประโยคใดซึ่งเขาขบไม่แตก 
จึงไม่อาจเข้าถึงแก่นแท้ของวิชา

ยิ่งดึก  จิตยิ่งงุนงงสับสน  ยิ่งคิด  คิ้วยิ่งขมวด  
กล้ามเนื้อแข็งเกร็งโดยมิรู้สึกตัว
ลมปราณตีย้อนกลับจากก้นกบขึ้นสู่จุดกลางกระหม่อม

ไป่จิงเหวินรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่างราวหัวสมองกำลังระเบิด 
เหงื่อไหลโทรมกายดั่งน้ำป่าหลากไหลเชี่ยว  ตามิอาจลืม  
ร่างกายมิอาจเคลื่อนขยับ   ความคิดแตกดับสับสน 
เขาอยากร้องตะโกนออกมาแต่มิอาจทำได้  
กล้ามเนื้อเดี๋ยวพองตัว  เดี๋ยวยุบ  เดี๋ยวหด  เดี๋ยวยืด
กระดูกเคลื่อนขยับจนเกิดเสียงประหลาดดังกรุบกรับ ๆ  
 เอ็นปูดโปน  เส้นเลือดโป่งพอง

หรือนี่จะเป็นวาระสุดท้ายของเขา !!!


 
            ......................................................


 
ห้วงวินาทีแห่งความเป็นความตายนี้เอง 
สำนึกแห่งความเสียใจได้หลั่งไหลพรั่งพรูเข้ามาในห้วงความคิดของไป่จิงเหวิน 
ราวกับภาพฉายชัดฉายซ้อนที่เคยซ่อนหลบอยู่ในความทรงจำมาเนิ่นนาน 
ได้หวนคืนกลับมาปรากฏตรงหน้าราวกับเรื่องจริงอีกครั้ง

ภาพความแค้นซึ่งเห็นพ่อแม่ถูกฆ่าในวัยเด็ก   กลายเป็นความอาฆาต 
ก่อเกิดความวิปลาสในตัว  ดั่งปีศาจร้ายถูกปลุกให้ฟื้นตื่นขึ้น 
  ภาพที่ไป่จิงเหวินฆ่าพี่น้องร่วมสำนักโดยไม่ลังเลใจ
เกิดความโลภจนคิดคดทรยศต่อความไว้วางใจที่อาจารย์และศิษย์ร่วมสำนักมีต่อตัวเขา

“อภัย...เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัย” 

คำสอนของท่านอาจารย์ดังกึกก้องในสมองอีกครั้ง

ฉับพลันทันใดนั้นเอง  ไป่จิงเหวินกระอักเลือดออกมากองโต 
 เขาตะโกนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดเสียง
ก่อนสิ้นสติไป !!!
 

    ......................................................
 

“ข้ายังไม่ตาย...นี่ข้ายังไม่ตายหรือนี่ ?” 

ไป่จิงเหวินพูดพึมพำกับตัวเอง


ในโถงถ้ำมืดมิดไร้แสงสว่าง  ยามนี้น่าจะเป็นช่วงกลางดึกสงัด 
เขารู้สึกมึนงงสับสน    พยายามลำดับความคิด  นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
  แต่เหมือนความทรงจำขาดห้วงไป
เขาจำอะไรไม่ได้อีกเลย  แต่ยังรู้ว่าตัวเองเป็นใคร 
และต้องทำอะไรตามคำสั่งสุดท้ายในจดหมายของท่านอาจารย์ไคหมิงต้าซือ

บุญคุณความแค้น   ความโกรธเกลียด  เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต 
เขาไม่ได้นึกถึงความตายของพ่อแม่อีกต่อไป   
ลืมสิ้นแม้วันที่คิดจะขโมยคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
  ลืมแม้กระทั่งชั่วขณะซึ่งได้เข่นฆ่าพี่น้องร่วมวัด 
 ลืมทุกการเข่นฆ่าอันเคยกระทำกลางสนามรบ 
  แต่เขากลับจำทุกเรื่องราวได้ดี
โดยเฉพาะเรื่องราวของเหลียนหู่ศิษย์น้องผู้เสียสละตน
เพื่อปกป้องชีวิตของเขา
ไป่จิงเหวินค่อยยันกายลุกขึ้นช้า ๆ  นั่งสมาธิปรับลมปราณเข้าออก
รู้สึกร่างกายปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน  
ชี่ไหลเวียนไปทั่วร่าง  ทุกลมหายใจเข้าออกแช่มช้าแต่มั่นคง  
เขาปล่อยจิตให้นิ่งไปพร้อมกับความสงบ
ร่างกายและจิตหลอมรวมเป็นหนึ่ง 
  รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่พ้นไปจากขอบเขตของกาลเวลา 
คล้ายว่าร่างกายแกร่งกล้าได้ป่นสลายไปกับอากาศธาตุรอบตัว
จนกลายเป็นฝุ่นผงธุลี


แม้ตะวันแรกจะฉายฉานอยู่นอกถ้ำ 
จนแสงส่องลอดผ่านเข้ามาในถ้ำแล้ว 
แต่ไป่จิงเหวินหารู้ตัวไม่   เขานั่งนิ่งราวก้อนหิน  
และหากใครใช้มืออังใต้จมูก

ก็จะพบว่าไป่จิงเหวินหยุดหายใจไปแล้ว !!!    

 



















ความเดิมจากตอนที่แล้ว

ตอนที่ 1

ตอนที่ 2

ตอนที่ 3

ตอนที่ 4
Create Date :31 กรกฎาคม 2562 Last Update :12 สิงหาคม 2562 23:01:37 น. Counter : 5495 Pageviews. Comments :27