bloggang.com mainmenu search




:: โอกาสในโอกาส ::

ภาพและคำ : กะว่าก๋า











เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
วันหนึ่งในช่วงปลายเดือน
ผมซื้อก๋วยเตี๋ยวเนื้อมาทานตอนมื้อเที่ยง
ตกค่ำมีอาการอาหารเป็นพิษ
กินยาจนอาการทุเลา แต่คืนต่อมาหมิงหมิงไอใส่ผมทั้งคืน
ในที่สุดก็ติดหวัดจากลูก
ผมป่วยเป็นหวัด ไอ เจ็บคอนานหนึ่งอาทิตย์
จนรู้สึกอ่อนเพลียมากผิดปกติ
จึงตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาล
การไปพบหมอในครั้งนั้นทำให้ผมตรวจเจอโรคใหม่ของตัวเอง
นั่นคือ “ความดันสูง” วัดความดันครั้งแรก เลขบน 190
พยาบาลทำหน้าตกใจ ขอวัดซ้ำอีกสองสามรอบ


“ความดันสูงมากเลยนะคะ คนไข้เป็นโรคประจำตัวอะไรรึเปล่า
ขอให้พบหมอด้านหัวใจและความดันอีกคนเลยดีกว่า
เพื่อความปลอดภัย”


หลังจากหาหมออายุรกรรม รับการตรวจรักษาโรคหวัดเสร็จ
ผมก็เดินขึ้นไปชั้น 4 พบหมออีกท่าน

หมอนั่งคุยสอบถามประวัติต่าง ๆ ของคนในครอบครัว
ว่าเคยมีประวัติป่วยเป็นโรคประจำตัวอะไรบ้าง
เรียกว่าชุดใหญ่ไฟกระพริบครับ 555
พ่อและญาติ ๆ ฝั่งบ้านผม ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
ความดัน หัวใจกันถ้วนทั่ว

หมอบอกว่า


“เอายาไปกิน แล้วสองอาทิตย์
ค่อยกลับมาตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งครับ”


ยอมรับเลยว่าการป่วยในครั้งนี้เหมือนวิกฤต
แต่ในวิกฤตมันมีโอกาสอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมได้เรียนรู้
ว่าถึงเวลาที่เราจะต้องปรับตัวปรับใจ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตได้แล้ว

อย่างแรก คือ เรื่องน้ำหนักตัว
ที่ปล่อยปละละเลยมานานจนน้ำหนักตัวพุ่งไปที่ 80 กิโลกรัม

สอง คือ การกิน ผมเป็นคนชอบกินของทอดมาก
ชอบกินขนมกรุบกรอบ ชอบกินน้ำผลไม้ (แต่ไม่ทานน้ำอัดลม)
ชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ชอบกินลูกชิ้นทอด ฯลฯ

หลังตรวจร่างกายเสร็จ ผมกินยารักษาโรคหวัดจนหาย
แต่สองวันต่อมาก็กลับมาเป็นหวัดอีกรอบ จนต้องกินยาฆ่าเชื้ออีกชุด
ทำให้แผนการออกกำลังกายต้องหยุดชะงักไปโดยปริยาย
เพราะมีอาการเพลียสะสมจากโรคหวัด

ภรรยาเข้ามาช่วยดูเรื่องอาหารอย่างเคร่งครัด
ผมเลิกกินขนม น้ำผลไม้ และของทอด
เน้นผัก ผลไม้สด และกินอาหารเสริมเป็นบางตัว

หลังจากหายหวัด
ผมเริ่มกลับมาออกกำลังกายเบา ๆ อีกครั้ง

สองอาทิตย์ผ่านไป น้ำหนักลดไป 5 กิโลกรัม
วัดค่าความดันเองในทุกเช้าที่บ้าน
ค่าลดลงมาเหลือ 130 กว่า ตัวล่างอยู่ที่ 90 กว่า ๆ


เมื่อกลับไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
เจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ วัดคลื่นหัวใจ
เอ็กซ์เรย์ปอด ผลออกมาดีเยี่ยมจนคุณหมอชม
เพราะเบาหวานปกติ ไตปกติ หัวใจปกติ ค่าไขมันดีก็ดีมาก
แต่ยังให้กินยาต่อเนื่องไปอีกสัก 2 เดือน
คุณหมอบอกว่าถ้าตัวเลขลงมาเป็นปกติก็อาจเลิกกินยาได้

ตอนนี้ภารกิจหลัก คือ การออกกำลังกายครับ
อาหารก็ควบคุมให้ดีขึ้น (มีแอบกินของทอดที่บ้านอยู่บ้าง 555)
ตอนนี้อาการกลางวันก็สั่งแบบไม่ใส่ชูรส ไม่กินรสจัดจ้านเหมือนก่อน
ไม่ปรุงรสจนเข้มข้นแล้ว หลายเมนูบอกเลิกศาลาไม่กินอีกเลย
เช่น ลูกชิ้นทอด ขนมกรุบกรอบ ฯลฯ

การป่วยในครั้งนี้เหมือนได้เห็นโอกาสในโอกาส
คือ เห็นความป่วย แต่ทำให้เรากลับมาดูแลตัวเองดีขึ้น
ถ้าไม่ป่วยก็คงไม่รู้ และยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม
ซึ่งอาจทำให้ป่วยหนักกว่านี้โดยไม่รู้ตัวก็ได้


ผมหวังว่าทุกคนจะลองหาโอกาสไปตรวจสุขภาพดูนะครับ
ไม่ได้แพงอย่างที่คิด และไม่ได้เจ็บ ไม่ได้เสียเวลาอะไรเลย
รู้ก่อนว่าเป็นอะไร ก็จะมีโอกาสในการรักษาให้หาย
อย่าได้นิ่งนอนใจว่า ไม่เป็นไรหรอก ไม่อยากรู้ว่าป่วยอะไร
ไว้รู้ทีเดียวไปเลย
ถึงตอนนั้นอาจรักษาได้ยากและไม่มีโอกาสหายก็เป็นได้

สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ
แล้วก็ไม่มีใครทำให้เราได้ด้วยสิครับ

























[ รูปนี้ถ่ายเมื่อ 20 ปีที่แล้วครับ ]




Create Date :24 กรกฎาคม 2560 Last Update :24 กรกฎาคม 2560 6:32:49 น. Counter : 3264 Pageviews. Comments :29