bloggang.com mainmenu search




:: ก๋าราณีตอบคำถามในเว็บ a thing::






เขามีครอบครัวแล้ว มีลูก 2 คน
แต่แยกอยู่กันคนละบ้าน ภรรยาบอกว่าไม่ได้รักเขา
ที่แต่งงานด้วยเพราะเขาดีกับเธอ แต่เธอไม่ได้รักเขา
ภรรยาเคยบอกขอหย่า ผ่านมา 2 เดือนบอกว่าไม่หย่า

ทุกวันนี้เขาบอกว่าอยู่อย่างทรมานใจ
อยู่ทน หรือทนอยู่ก็ไม่รู้
เขานอนคนละห้อง อยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่พูด ไม่คุย
ลูกๆ ไม่ค่อยคุยกับเขาสักเท่าไหร่ อยู่รวมกันเป็นครอบครัว
แต่ไม่มีกิจกรรมที่จะชวนทำร่วมกัน ต่างคน ต่างทำ

เขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน เป็นคนที่คอยรับใช้ให้ทำนู้นนี่
ไปนู่นนี่ เใจหนึ่งก็อยากไปอยู่บ้านของเขาเอง
แต่กังวลของความรู้สึกของลูกๆ
เพราะลูกเชื่อฟังแม่มากกว่า

พ่อสอนลูก ตักเตือนลูก
ลูกบอกพ่อมาอยู่แล้วเขาอึดอัด

ขอคำแนะนำค่ะ ว่าเขาควรคิดหรือทำยังไงดี





คำถามโดย : คุณจัน






















ทุกๆครั้งที่เกิดปัญหาภายในครอบครัว
มันไม่ได้มีผลกระทบแค่คู่กรณี แค่สามีภรรยา
แต่คนที่ต้องรับผลแห่งความบาดหมางนี้ไปเต็มๆ
คือ ลูก.....



ผมเคยคุยกับเพื่อนหลายคนที่มีปัญหาพ่อแม่หย่าร้าง
น่าแปลก....ที่ส่วนใหญ่เมื่อเติบโตขึ้นและมีความรัก
มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิตคู่


เกือบทั้งหมดจบลงด้วยการหย่าร้าง....



เรามักทำสิ่งที่เราเคยเกลียด
ยิ่งเกลียด ยิ่งไม่ชอบสิ่งไหน
ดูเหมือนสิ่งนั้นจะถูกดึงดูดเข้ามาสู่จิตใจของเราโดยไม่รู้ตัว


แต่ถ้ามองย้อนกลับไปที่ต้นตอของปัญหา
เราจะพบว่า ทุกคู่ที่มีปัญหากัน
มักแสดงออกให้ลูกเห็น

มีการด่าทอ มีการทำร้ายร่างกาย มีการทำร้ายจิตใจ
ในรูปแบบต่างๆให้เด็กๆซึมซัมรับรู้อยู่ตลอดเวลา


สิ่งนี้ไม่ต่างจากการรับ “ข้อมูล” เข้าสู่ “ความคิด”

เหมือนคนดูละครมากๆ
แล้วเผลอไปคิดตาม ไปทำตาม ไปเห็นดีงามด้วยกับสิ่งที่ละครนำเสนอ

เหมือนคนที่บ้าการเมือง ติดตามข่าวสารโดยไม่กลั่นกรอง
ที่สุดความคิดความเชื่อก็ถูกลากจูงไปกับข้อมูลที่ตนเชื่อถือรับฟัง
จนสุดท้ายกลายเป็นคนขาดสติ
และงมงายอยู่กับความคิดความเชื่อสุดโต่งของตนเอง





.............................................





เราใส่ “ข้อมูล” ใดใดลงไปให้ลูกรับรู้
เขาก็จดจำ ย้ำเตือนตนอยู่ตลอดเวลาด้วยข้อมูลนั้น

ถึงไม่ชอบ แต่พอข้อมูลถูกเติมลงไปในใจทุกเมื่อเชื่อวัน
วันหนึ่ง...ข้อมูลเหล่านั้นถูกส่งผ่านไปยังตัวลูก
และส่งผ่านไปยังคนรอบตัวที่เด็กแวดล้อม


เหมือนแม่ปู ที่พยายามสอนลูกให้เดินตรงๆ
โดยที่ตัวเองไม่เคยเดินได้ตามที่ตัวเองสอนลูกเลย




..............................................





การที่คู่ชีวิตคู่หนึ่งจะหมดรักและเลิกร้างกันไป
ไม่ใช่เรื่องผิดบาป ไม่ใช่บาดแผลในชีวิต

ชีวิตคู่เป็นเพียง “ช่วงเวลาหนึ่ง”
ที่คนสองคนได้นำชีวิตของตนเองมาทดลองใช้ร่วมกัน
ถ้าวันหนึ่ง “ช่วงเวลานั้น” ไม่ได้สร้างความสุขกายสุขใจ

ผมไม่เห็นประโยชน์ที่ใครคนใดจะต้องทนทุกข์
หรือปล่อยชีวิตให้จมอยู่อย่างเจ็บปวดด้วยคำว่าต้องอดทน

ต้องอดทนเพื่อลูก เพราะสงสารลูก
บางทีเราอาจแค่สงสารตัวเอง
แต่ไม่รู้ว่าจะหาทางออกให้ชีวิตยังไง
เพราะการเลิกราหย่าร้างจะตามมาด้วยคำถามมากมาย
ที่เราต้องตอบกับคนรอบข้างเวลาที่คนเหล่านั้นถามมา


ถ้าเรากล้าหาญพอที่จะตอบคำถาม
ผมคิดว่าการตอบคำถามว่าเราเลิกรากับคู่รัก
ไม่ใช่คำตอบที่ผิดบาปอะไรเลย


ชีวิตเราไม่ได้จบลง ไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุด

อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความหวัง ความสุข
และสิ่งใหม่ที่ดีกว่าก็ได้.....



การเยียวยาตัวเองออกจากความเจ็บปวดเป็นสิ่งสำคัญและควรทำ

ใช่...มากพอๆกับที่เราต้องคิดด้วย
ว่าเราจะบอกสอนลูกอย่างไร
จะทำให้ลูกเข้าใจได้อย่างไร
ว่าเขาไม่ได้เป็นต้นเหตุของความบาดหมางของพ่อแม่
เพราะเด็กจะชอบคิดว่าตัวเองไม่ดี ถึงทำให้พ่อแม่ต้องเลิกร้างห่างกัน
ที่สุดเมื่อไม่เห็นคุณค่าตนเอง เด็กจะโทษตัวเอง
จะทำร้ายตัวเองด้วยพฤติกรรมด้านลบ
และทุกสิ่งจะส่งต่อไปยังชีวิตของเขาเมื่อเติบโตขึ้นมา





..................................................





วันนี้พ่อแม่อาจไม่ได้รักกันแล้ว
หรืออาจกำลังแยกทางห่างกัน
เพื่อไปมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น

อย่าลืมบอกลูก
อย่าลืมทำให้ลูกรู้สึกด้วยนะครับ

ว่าลูกไม่ได้เป็นคนผิด
ลูกไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมาง

พ่อแม่อาจเลิกกัน ไม่ได้เป็นสามีภรรยา
แต่ลูกคือลูก
ยังเป็นลูกของพ่อแม่ไปตลอดชีวิต



เราไม่รู้จริงๆนะครับ
ว่าการรักใครสักคนจะจบลงตรงไหน

ตรงความรัก ความสุขสม ตรงเงินทองหรือความมั่นคง
ตรงการแต่งงาน ครองคู่กันไปจนแก่เฒ่า
หรือแค่รักกันอย่างเร่าร้อน แต่จบลงตรงการเลิกราหย่าร้าง



รักกันให้ดีในวินาทีนี้
เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจเวลาพรากจาก

ดูแลกันให้ดีที่สุด
เพื่อจะได้ไม่ต้องมาถามในวันที่สายเกินไป
ว่าฉันได้ทำสิ่งต่างๆอย่างดีที่สุดเพื่อความรักแล้วหรือยัง


จบแล้วเริ่มใหม่ได้เสมอ
ชีวิตก็เป็นอย่างนี้นะครับ

เราเริ่มต้นใหม่ในทุกๆเรื่อง
ทำให้ดีกว่าเดิมได้ ขอเพียงเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เคยมี

แต่อย่าลืม “ดูแล” บางสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาท่ามกลางความรักความเกลียดชังด้วย

เพราะสิ่งนั้นคือ “ลูก” ของคุณทั้งสองคนครับ



















น้องรินทำบล็อกสัมภาษณ์ กะว่าก๋า เอาไว้
ติดตามอ่านกันได้
กดที่ชื่อลิ้งค์บล็อกได้เลยครับ




:: Interview .. the Blogger :: ~ กะว่าก๋า ~






Create Date :31 พฤษภาคม 2556 Last Update :31 พฤษภาคม 2556 6:19:22 น. Counter : 5663 Pageviews. Comments :51