bloggang.com mainmenu search




:: ก๋าราณีตอบคำถามพี่ตฤณ ::







คำถามที่ท้าทายคุณพ่อวัยหนุ่ม
ที่อาจต้องเผชิญกับปัญหานี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ามาแล้วครับ


"เราจะจัดการกับลูกหลานที่ติดเกมได้อย่างไร..?"



สั่งสอน อบรม ตักเตือน นะครับ ไม่ใช่เพิกเฉย
ทั้งลูกทั้งหลานกลับจากโรงเรียน
แทนที่จะผลัดเสื้อผ้าอาบน้ำให้สะอาด หมักหมมมาค่อนวัน
เสร็จแล้วทำการบ้านให้เสร็จซะ กินข้าวให้อิ่ม
พ่อแม่จัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ

แต่นี่ไม่เลย ตรงดิ่งเข้าห้องคอม เปิดสวิชท์
นั่งแช่อยู่อย่างนั้นที่หน้าจอ
บอกให้ไปอาบน้ำ ก็เดี๋ยว เดี๋ยว อยู่นั่นแล้ว
พูดกันดีๆนะ จนรู้สึกเบื่อ ไม่เคยที่จะเดินดูรอบๆบ้านเลย
ว่ามีต้นไม้ใบหญ้าอะไรบ้าง ไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
อย่างอื่นก็ดีนะ เพราะพ่อแม่อบรมมาดี
เสียอย่างเดียวกับเรื่องติดเกม

ผมคิดว่าปัญหานี้เป็นกับเพื่อนๆที่มีลูกวัยติดเกมทุกครอบครัว
เราจะปล่อยปละละเลยก็ไม่ได้ แต่บางครั้งก็รู้สึกเบื่อ
อยากปล่อยวาง..ทุกอย่างในโลกนี้เปลี่ยนไปจริงๆนะ






คำถามโดย : ปลายแป้นพิมพ์
วันที่ : 29 กรกฎาคม 2554
เวลา : 10:23:11 น.
























สวัสดีครับพี่ตฤณ



ผมโตมาทั้งในฐานะลูกที่เคยติดเกม
และพ่อที่ทำให้ลูกติดเกมครับ 5555



ช่วงอายุ 23-25 ปีผมติดเกมอย่างหนัก
เกมนั้นมีชื่อเรียกว่า winning 11 เป็นเกมฟุตบอล
จำได้ว่ามันเป็นช่วงเริ่มต้นทำงานของผม
ผมเบื่องานที่ทำอยู่มาก ไม่มีความสุขกับสิ่งรอบตัวเลย
ไม่ว่าจะเรื่องใด ทั้งการงาน ความรัก
ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

โลกของเกมทำให้ผมมีความสุข
มันละลายความน่าเบื่อหน่ายในชีวิตได้
(แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม)

ผมนั่งเล่นเกมนี้ตั้งแต่ทุ่มตรงจนถึง 5 ทุ่ม
แล้วค่อยเข้านอน

เล่นทุกวัน เล่นเหมือนเป็นยาเสพติด
เล่นอย่างมีวินัยด้วยครับ
เพราะมีการจดสถิติจากเกมอย่างจริงจัง
ว่าชนะกี่นัด เสมอและแพ้กี่นัด
ยิงไปกี่ประตู เสียไปกี่ประตู
ใครเป็นดาวซัลโวของทีม
จดลงสมุดเป็นเล่มๆเลยครับ 5555

บางคนเรียกสภาวะนี้ว่า “บ้า” หรือ “ติดเกม”
แต่ผมเรียกมันว่า “ความหลงใหล”

ถ้าให้วิเคราะห์ตัวเอง
ผมคิดว่าตัวเองในตอนนั้นผมแค่ต้องการ “ชัยชนะเล็กๆ” จากเกม
เพื่อมากลบเกลื่อนความน่าเบื่อหน่ายของชีวิตในช่วงนั้นเท่านั้นเอง...



ผมเล่นเกมนี้อยู่สองสามปีนะครับ เล่นแบบจริงจังเลย
แต่ที่สุดแล้วค่อยๆผ่อนคลายไปเอง
เล่นน้อยลง เมื่อชัยชนะซ้ำๆเดิมๆ
ไม่ท้าทายให้อยากเล่นเกมนี้อีกแล้ว.....



แล้วเลิกเล่นในที่สุด
เมื่อรู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงมีอะไรน่าสนใจและท้าทาย
มากกว่าการเอาชนะเกมในจอสี่เหลี่ยมมากมาย…







........................









ในมุมมองของคนเป็นพ่อแม่ซึ่งไม่เล่นเกม
ย่อมไม่เข้าใจว่าในเกมมันมีอะไรนัก
ถึงทำให้เด็กติดเกมอย่างงอมแงม
จนไม่สนใจสิ่งต่างๆรอบตัว

ต้นไม้ใบหญ้าจะมาน่าสนใจสู้เกมยิงปืนได้อย่างไร
ดนตรี กีฬามันเหนื่อย...
นั่งเล่นในห้องเย็นๆสบายกว่ากันเยอะ...
ฯลฯ


เกมมันตอบโจทย์ได้ครับพี่ตฤณ
มันตอบโจทย์เด็กที่ว่า...มัน “ท้าทาย” ให้เขาต่อสู้
แย่งชิง แก้ไขปัญหา ค้นหาวิธี
และทำทุกทางเพื่อเป็นผู้ชนะในเกม


มุมมองผู้ใหญ่อาจมองว่าเกมมันสร้างแต่ความก้าวร้าว
ความอยากเอาชนะ และที่สุด...
ทำให้เด็กไม่สนใจสิ่งต่างๆรอบตัว....






ในมุมมองของผม
นั่นคือ สิ่งต่างๆรอบตัวเขาไม่เอื้อให้เขารู้สึกสนุกไปกับชีวิต


พ่อแม่บางคนบังคับลูกให้ต้องชอบ
ต้องทำ ต้องเป็นในสิ่งที่เด็กไม่สนใจ...

เมื่อไม่อยากทำ
กิจกรรมใดใดย่อมทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่น่าสนใจไปเสียทั้งหมด



ถ้าเขาค้นพบตัวเอง...เขาย่อมทิ้งเกมไปได้อย่างแน่นอน
ถ้าเขาไม่ต้องทำทุกอย่างเพราะถูกบังคับ
เขาย่อมเต็มใจทำสิ่งนั้นโดยที่พ่อแม่ไม่ต้องร้องขอ


เจ้าอาการ “เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน” ผมก็เคยเป็นครับพี่ 555

แต่เมื่อวันหนึ่ง...เราได้เรียนรู้ว่าบางสิ่งก็ไม่ควร “เดี๋ยวก่อน”
ผมก็ลงมือทำสิ่งนั้นอย่างเต็มใจโดยไม่ต้องถูกร้องขอหรือบังคับใดใด






วัยรุ่นไม่ชอบการถูก “บังคับ” ให้ทำ
ไม่ชอบคำพูดประชดประชัน เสียดสี

แน่นอน --- เราไม่อาจตามใจให้ลูกเล่นเกมทั้งวันทั้งคืนได้แน่ๆ
เราไม่อาจปล่อยลูกให้ไปนั่งเล่นในร้านเกมจนข้ามคืน
แล้วละทิ้งการเรียนได้



แล้วจะทำอย่างไร ?


“วินัย” ครับ...

วินัยจากการพูดคุยกันดีดี
ให้เหตุผลว่าเขาสามารถเล่นเกมได้
แต่ต้องมีเงื่อนไขที่ตกลงกันก่อน
เล่นได้วันละกี่ชั่วโมง ก่อนเล่น “ควร” ทำอะไร
หลังเล่น “ควร” ทำอะไร

ผมใช้คำว่า “ควร” นะครับในการพูดคุย
ไม่ใช่ใช้คำว่า “ต้อง”

เมื่อไหร่ที่พ่อแม่พูดกับลูกว่า

“ลูกต้องทำแบบนี้”
“ลูกต้องคิดแบบนั้น”

“ลูกต้องเป็นแบบนี้”



ผมว่าพ่อแม่เตรียมตัวโดนการต่อต้านได้เลย....








............................








พ่อแม่ห่วงลูก อยากให้ลูกได้ดี นั่นไม่ใช่ความคิดที่ผิด
แต่ผมว่าเราต้องถามตัวเองให้ดีว่า
ลูกจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องเป็นในแบบที่เราต้องการทุกอย่าง


พ่อผมเองเคยคาดหวังกับผมไว้สูงเช่นกัน
แต่ถามว่าผมเป็นอย่างที่พ่อต้องการได้ทุกอย่างหรือไม่
ก็ไม่นะครับ ... ผมเป็นตัวผม ผมมีวิธีคิด
มีวิธีใช้ชีวิตแบบที่ผมมี....
บางครั้งผมตัดสินใจผิดพลาด
ทำสิ่งผิดพลาดในชีวิต
แต่นั่นเป็นความรับผิดชอบที่ผมต้องมีกับตัวเอง
ไม่ใช่ให้พ่อแม่มาคอยบอกสอนตลอดว่าต้องทำแบบนี้สิ
ต้องเป็นแบบนี้สิ ชีวิตจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด...

ถ้าผมทำตามที่พ่อแม่บอกสอนทุกอย่าง
แล้วชีวิตผมไม่มีอะไรผิดพลาดเลย
ผมจะได้เรียนรู้อะไรจากชีวิตของตัวเองบ้าง
นี่เป็นสิ่งที่ผมคิดมาโดยตลอด....








........................









ผมมองว่าน้องกำลังเบื่อ
เบื่ออะไรไม่รู้ล่ะครับ ---
เด็กวัยรุ่นมันเบื่อง่ายนะครับพี่
พี่ก็เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมา ผมเองเคยผ่านช่วงนั้นมา
มันมีอะไรกระทบใจไม่ค่อยได้ ฮอร์โมนมันวิ่งพล่านน่ะครับ 555


เกมอาจเป็นทางระบายออกซึ่งความเบื่อหน่ายนั้น....


แล้วถึงจุดหนึ่งเดี๋ยวเขาก็เบื่อครับ
ผมไม่คิดว่าจะมีใครเล่มเกมแล้วทิ้งทุกอย่างในชีวิตไปจนอายุ 50

ให้เขาเล่นให้พอ แต่ให้อยู่ในขอบเขตที่เรารับได้
การเรียนไม่เสีย ไม่ตัดตัวเองออกจากโลกและเพื่อนฝูง

ให้เขานั่งเล่นเกมอยู่ในบ้านอยู่ในสายตาเรา
ดีกว่าเขาวางเกมแล้วออกไปสำมะเลเทเมากับเพื่อน
โดยที่เรามองไม่เห็นนะครับพี่







.............................







หรือจะลองเล่นเกมดูกับลูกไปเลยดีไหมครับ
เรียนรู้กับลูกเลยว่ามันสนุกอย่างไร
ผมว่าวิธีนี้ดีกว่าการห้าม การดุด่า

เล่นเกมที่เขาเล่น
บอกเลยพ่ออยากเล่นด้วย 5555

ผมว่าเขาจะรู้เองครับว่าลิมิตอยู่ตรงไหน
เคลียเกมได้สักสามรอบเขาก็เบื่อแล้วครับ


คำถามที่ว่า “จะทำอย่างไรกับลูกหลานที่ติดเกม”
มันเป็นคำถามที่เราน่าจะลองตอบตัวเอง
เหมือนกับที่เราควรตอบคำถามนี้ด้วยว่า
“เพราะอะไรเกมมันถึงสนุก”
“จะทำอย่างไรจึงจะเล่นในเวลาที่เหมาะสมไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป”



จะดีกว่าไหมครับถ้าพี่ตฤณตอบคำถามแบบ


“จงให้เหตุผลที่ลูกไม่ควรเล่นเกมนานเกินไป”

แล้วก็ตอบคำถามนี้ด้วย

“จงให้เหตุผลที่ควรอนุญาตให้ลูกเล่นเกม”


เมื่อพี่ตอบเสร็จทั้งสองข้อ
ก็ลองให้น้องทำข้อสอบสองข้อนี้ด้วย
ข้อหนึ่งเป็นมุมมองของผู้ปกครอง
ข้อสองเป็นมุมมองของลูก

ตอบเสร็จแล้วเอาคำตอบมานั่งดูกัน
แล้วหาจุดกึ่งกลางของความต้องการของสองคน...







..............................








หมิงหมิงก็ชอบเล่นเกมครับ
ชอบเกมรุนแรงด้วย
ผมไม่เห็นด้วยหรอกครับ
แต่คนที่อยู่แวดล้อมก็ตามใจ

ผมไม่มีหน้าที่ป้องกันลูกจากความรุนแรง
แต่ผมมีหน้าที่สอนให้เขารู้จักแยกแยะ
ว่าอันไหนคือความรุนแรง สิ่งไหนควรพูด
กิริยาแบบไหนไม่ควรทำ


วันก่อนครูเพิ่งเรียกเตือนว่า
หมิงหมิงพูดแต่เรื่องเกมในห้องเรียน
เวลาเพื่อนแย่งของก็พูดว่า

“เดี๋ยวยิงหัวหลุดกระเด็นเลย”


ผมต้องเปลี่ยนแผนการเลี้ยงดูโดยด่วนครับ 555


สามอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ให้ดูคลิปเกมที่รุนแรงเลย
ผมสังเกตดู...
เขาก็ลดคำพูดและท่าทางที่ได้จากเกมลงไปเอง...








....................................








เด็กกำลังสนใจอะไร
ไปห้ามเขายิ่งต่อต้านครับ
ในวัยเดียวกันผมเคยต่อต้านพ่อแม่มาแล้ว
ตอนนั้นมองไม่เห็นความหวังดีหรอกครับ
คิดแต่ว่าเราอยากทำในสิ่งที่เราอยากทำ

ถ้าพ่อแม่ใช้ “ความเข้าใจ”
ผมว่าชนะใจได้ดีกว่าการ “บังคับ” แน่นอน








......................................








การเป็นพ่อคนนี่ยากจริงๆครับ
ผมเองไม่ใช่พ่อที่ดีที่สุด
ผมมีความเชื่อ มีวิธีเลี้ยงลูกในแบบของผม
ซึ่งมันคงไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดในการเลี้ยงลูกแน่ๆ...

ผมเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนรักลูกและหวังดีกับลูก
แต่ความรักที่ไม่มีความเข้าใจเป็นพื้นฐาน
อาจกลายเป็นความรักที่ตั้งมั่นอยู่บนความคาดหวัง
ว่าลูกจะต้องเป็นอย่างนั้น ลูกจะต้องเป็นอย่างนี้
(พ่อแม่ถึงจะพอใจ ถึงจะรัก)
โดยลืมไปว่า…
ตัวลูกเอง...ก็ต้องการ “เป็นตัวของตัวเอง” เช่นกัน.




ปล.ผมเองตอนนี้ยังติดเกม zuma revenge อยู่เลยครับ แหะๆๆๆ






































Create Date :29 กุมภาพันธ์ 2555 Last Update :29 กุมภาพันธ์ 2555 5:01:03 น. Counter : Pageviews. Comments :90