bloggang.com mainmenu search





เสียงจากใจ


กรึ้งๆ กรึ้งๆๆๆ เสียงอะไรกันนะ มาดังตอนกลางคืนแบบนี้
กรึ้งๆ ฉันหันกลับไปมองหาต้นเสียงนั้น

อ่อ ยายเตียงนั่นเอง .....

“ยายจ๊ะ ยายเป็นอะไร”

ฉันลองถามยายดู ทั้งๆที่รู้ว่ายายพูดไม่ได้หรอก แต่อย่างไรซะการตอบรับด้วยเสียงเงียบก็ถือว่า เป็นความสำเร็จขั้นแรกแล้ว อย่างน้อยๆ ยายแก ก็ไม่เขย่าเตียงอย่างเมื่อกี้ล่ะ

“ยาย หายใจไม่ออกหรอ”

เอ๊ะ ยายส่ายหน้าแหะ

“ยาย เหนื่อยรึเปล่าจ๊ะ”

ยายก็ยังส่ายหน้า ....ฉันก็คิด เอ๋ คนไข้สูงอายุปอดบวมที่ใส่ท่อช่วยหายใจอยู่จะมีปัญหาอะไรได้อีกมั้ยนะ

ระหว่างที่ฉันคิดอยู่นั้น พี่พยาบาลที่เดินผ่านมาก็เมียงมองมาทางฉันเล็กน้อย ฉันเลยบอกพี่พยาบาล

“พี่นัท ยายเตียงไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า เขย่าเตียงเสียงดังเลย”

“อื้มใช่ ยายเขย่ามาตั้งแต่เย็นล่ะ พี่ถามก็ไม่เห็นว่า แกมีปัญหาอะไรนะ”

“หรอคะพี่ ..... ขอบคุณมากเลย พี่ทำงานต่อเถอะค่ะ”

เมื่อพี่นัทจากไป ฉันก็หันกลับมาสนใจยายเตียงที่เริ่มเขย่าเตียงอีกครั้ง
ฉันว่า บางทียายแกอาจรำคาญผ้าที่มัดมือ มัดเท้าแกให้ติดอยู่กับเตียงก็ได้

“ยาย ยายอยากแกะผ้าออกใช่มั้ย”

อีกครั้งที่ยายเลิกเขย่าเตียง

“ยายรำคาญหรอ”

ยายพยักหน้าเร็วๆให้ฉัน อ้าวจะทำไงดีล่ะฉัน
จะช่วยยายแกะก็ไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวมือแกว่าง เดี๋ยวแกดึงท่ออาหารออกอีก ของแกยิ่งใส่ยากซะด้วย เมื่อเช้า ฉันเปลี่ยนให้แกไปรอบนึงใช้เวลานานมากๆเลย

“อื้ม ยาย แต่หมอเอาออกให้ไม่ได้น้า เดี๋ยวยายดึงท่ออาหารออกอีก เวลาใส่ใหม่ มันเจ็บใช่ไหม”

ยายทำตาแป๋วๆใส่ฉัน พร้อมกระพริบตาหนักๆเหมือนจะตอบฉันว่า เจ็บสิ

“ถ้าเจ็บ ก็ต้องทนรำคาญนิดนึงนะยาย ยายจะได้ไม่เผลอดึงไง”
กรึ้งๆ ยายเลยเขย่าเตียงอีกครั้ง

“ยายอย่าเขย่า รู้มั้ย คนไข้คนอื่นนอนอยู่นะจ๊ะ”

ฉันพูด พร้อมกับดึงมือยายที่เขย่าเตียงมากุมไว้กับมือฉันแทน
ได้ผล ยายเลิกหยุกหยิกแล้วหันมาสบตากับฉันอีกครั้ง สบตานิ่งนาน แล้วยายแกก็กำมือฉันแน่นขึ้น

ฉันมองเห็นอะไรบางอย่างในตาของยาย ตาของยายดูเศร้าสร้อย เดียวดาย ฉันว่า บางที ยายคงเหงา และอยากกลับบ้านไปหาลูกหลาน

“ยายเหงาหรอ”

ยายกระพริบตาหนักๆให้ฉันอีกครั้ง

“งั้นหมออยู่คุยเป็นเพื่อนดีมั้ย”

ยายพยักหน้าเร็วๆให้ฉัน
ฉันนั่งกุมมืออยู่กับยายไปสักพัก
พี่พยาบาลอีกคนก็เดินผ่านมา และยิ้มให้ฉัน
บางที พี่เค้าอาจตลกที่ฉันนั่งพูดคนเดียวอยู่กับยายได้นานสองนาน แถมกุมมือกันไว้อีก
ฉันเลยส่งยิ้มแหะๆกลับไปให้พี่เค้า พร้อมอยากจะส่งคำพูดออกไปบอกว่า หนูไม่ได้บ้านะคะพี่
ฉันกุมมือกับยายนาน...นานซะจนถึงเวลาเกือบจะเที่ยงคืน ถึงเวลาที่ฉันจะต้องกลับหอซะที

“ยาย นี่ดึกมากแล้ว ยายนอนนะ หมอก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน”

ฉันค่อยๆปล่อยมือที่กุมออก ยายมองฉันนิ่ง
ถ้าฉันดูไม่ผิด ฉันว่า ตายายแกก็เริ่มจะปิดแล้วเหมือนกันนะ
พอฉันเดินออกไปนิดนึงเท่านั้นแหละ
ยายเริ่มเขย่าเตียงอีกครั้ง
ฉันจึงเดินกลับไปเล็กน้อย

“ยายจ๋า คนไข้คนอื่นนอนกันแล้วนะ ยายอย่าเขย่าเตียงเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หมอมาคุยด้วยใหม่ โอเคมั้ย”

ยายยังเงียบ

“โอเคนะ ไม่เขย่าเตียงนะจ๊ะ หมอไปแล้วนะ เจอกันพรุ่งนี้”

แล้วฉันก็เดินกลับหอ โดยยังไม่ได้ยินเสียงเขย่าเตียงอีก
ไม่รู้ว่าคืนนั้น ยายจะเขย่าเตียงอีกมั้ยนะ

หลังจากนั้นมา ทุกครั้งที่ฉันว่างจากการทำงานในวอร์ดและดูแลคนไข้คนอื่นๆ ฉันจะเดินแวะมาคุยและกุมมือยายไว้เสมอ ยายจะกุมมือของฉันไว้แน่นและมองตาฉัน มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ฉันเองไม่เคยรู้สึกมาก่อน ฉันเคยรู้สึกดีที่ฉันได้ช่วยทำให้ยายหายเหงา แต่ในตอนนี้ ฉันกลับรู้สึกว่า ยายเองก็ทำให้ใจของฉันชุ่มชื้นมาจากภายใน เหมือนยายชโลมน้ำลงไปในซอกหลืบลึกๆในหัวใจที่แห้งผาดของฉัน ที่ๆแม้แต่ฉันเองยังไม่รู้ว่ามันมีอยู่

ฉันเพิ่งตระหนักถึงความจริงที่ว่า ไม่ใช่เพียงหมอที่เยียวยาคนไข้ แต่คนไข้ของพวกเราก็เยียวยาฉันและคุณทุกคนเหมือนกัน

เสียงกรึ้งๆ ยังคงเป็นเสียงที่พวกเราได้ยินอยู่เสมอเวลาเดินผ่านเตียงของยาย

แต่เมื่อใดก็ตาม......ที่มีใครสักคนเดินเข้าไปใกล้ๆยาย เหมือนพร้อมที่จะรับฟังและพูดคุยกับแก แกก็จะหยุดเงียบและมองตากับผู้ที่ผ่านเข้ามา

ฉันว่า บางทีที่แกเขย่าเตียง แกอาจไม่ได้ต้องการอะไร........นอกจากคนที่จะรับฟังและห่วงใยแก

แล้วคุณล่ะคะ วันนี้นอกจากตรวจดูอาการ และผลทางห้องปฏิบัติการณ์ของคนไข้ของพวกคุณแล้ว



“คุณได้รับฟัง.........เสียงในหัวใจของคนไข้ของคุณ.............แล้วหรือยัง ........??”



นศพ.ภัทราภรณ์ พุ่มเรือง
นศพ.ปี 5 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

Create Date :18 พฤศจิกายน 2551 Last Update :18 พฤศจิกายน 2551 20:10:42 น. Counter : Pageviews. Comments :2