bloggang.com mainmenu search




กำลังใจ

ทำไมชีวิตผมต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วยนะ นี่ผมคิดถูกแล้วหรือที่เข้ามาเรียนคณะนี้ งานก็ยาก เนื้อหาก็เยอะ แถมยังต้องอดหลับอดนอนมาอยู่เวรอีก เหมือนไม่มีอะไรดีในชีวิตเลย สิ่งเหล่านี้เคยเป็นความคิดของผมในอดีต แต่เหตุการณ์วันหนึ่งบนวอร์ดอายุรกรรมทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

วันนั้นก็เป็นอีกวันที่ต้องขึ้นวอร์ดมาทำงาน บรรยากาศตอนบ่ายหลังกินข้าวกลางวันเสร็จใหม่ๆ มันช่างน่าล้มตัวนอนจริงๆ

“ไม่ได้การ ต้องทำรายงานแล้ว หาคนไข้ซักประวัติซักเตียงดีกว่า ขืนไม่รีบๆทำไว้ก่อน จะไปเหนื่อยใกล้สอบเอาได้”

ผมคิดในใจพลางเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลเปิดแฟ้มดูเวชระเบียนของผู้ป่วย จำได้ว่าเมื่อเช้าตอนราววอร์ดมีคนไข้เป็นปอดอักเสบจากเชื้อราอยู่เตียงนึง เป็นPrecaution(HIV) ด้วย น่าสนใจดีคงเขียนรายงานได้ไม่ยาก รีบๆไปซักดีกว่าจะได้ไปพักผ่อนเร็วๆ เบื่อจริงๆอยู่แต่บนวอร์ด

“สวัสดีครับ เป็นนักศึกษาแพทย์ปี 4 ครับ ขออนุญาตซักประวัติตรวจร่างกายหน่อยนะครับ”

ผมยกมือสวัสดีและแนะนำตัวกับผู้ป่วยทันทีที่ไปถึงเตียง ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 30 ปี ดูภูมิฐาน นอนอยู่บนเตียงริมหน้าต่าง มีสายcanulaคาดจมูก ดูๆคงไม่เหนื่อยมากแล้ว ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง แล้วผมก็เริ่มซักประวัติ ผู้ป่วยก็ตอบด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดี ผู้ป่วยรายนี้เป็นอาจารย์สถาบันแห่งหนึ่ง

เขาเล่าให้ฟังว่า เขาติดเชื้อมาจากแฟนเขาซึ่งเป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะติดมากที่สุด หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง แต่เอ๊ะผมเพิ่งจะมีผู้ป่วยเป็นเอชไอวีเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าคนที่เขาเป็นโรคนี่เขาจะรู้สึกแย่ขนาดไหนนะตอนทราบข่าวครั้งแรก จำได้ว่าวิชาfamily medicine ที่เพิ่งเรียน การซักประวัติทางpsychosocialน่าจะมีประโยชน์ ลองเอามาใช้สักหน่อยละกัน

“คุณคิดยังไงกับโรคที่เป็นอยู่นี่บ้างครับ”

“ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างครับ”

“แล้วไม่ทราบว่าครั้งแรกที่คุณรู้ว่าตัวเองมีเชื้อนี่รู้สึกอย่างไรบ้างครับ ”

“แล้วทำอย่างไรต่อครับ”

คำถามมากมายพรั่งพรูจากปากผม บ้างก็เป็นรูปแบบที่ท่องจำกันมา บ้างก็มาจากความอยากรู้จริงๆ ฟังคนไข้เล่าครั้งแรกที่เขาทราบว่าเป็นก็ต้องใช้เวลานานเหมือนกันในการทำใจ เพราะเขาติดมาจากแฟนคนเดียวที่เขาไม่คิดว่าจะติด แฟนเขาก็ออกจะเรียบร้อยราวกับกุลสตรีไทยก็ไม่ปาน แต่แล้วความประมาทก็เป็นบ่อเกิดของความผิดพลาด มันกลายเป็นบทเรียนราคาแพงที่จะอยู่กับเขาไปอีกนาน

ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะทำใจได้แล้วกับสิ่งที่เขาเป็น ผมพูดคุยกับเขาไปเรื่อยๆ จนถึงคำถามหนึ่งที่ทำให้ผมต้องแปลกใจ

“คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือยังครับ”

สีหน้าผู้ป่วยเริ่มเปลี่ยนสีดูเศร้ากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลง

“ผมบอกคุณแม่เป็นคนแรก คืนนั้นแม่ไม่ว่าอะไรผมสักคำ ได้แต่ร้องไห้กอดผมทั้งคืน แล้วบอกเพียงว่าลูกของแม่ต้องไม่เป็นไร นี่เป็นสิ่งที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิตที่ทำให้แม่ต้องร้องไห้ ”

น้ำตาหยดน้อยๆเริ่มไหลรินลงมาจากดวงตาของเขา ผมยื่นกระดาษทิชชูให้ เขารับไว้เช็ดน้ำตา

“ชีวิตคนเรามันสั้นนะหมอ กว่าจะรู้บางทีก็เกือบจะสายไป”

วันนั้นคืนแรกที่เขารู้เขาก็ร้องไห้เข้าไปกอดแม่ เขาบอกว่าเขาโชคดีที่มีแม่ที่เข้าใจความรู้สึกเขา ไม่เคยมีทีท่ารังเกียจเขาเลยแม้แต่น้อย คอยแต่ให้กำลังใจเขาให้สู้ต่อไป ไม่ว่าอย่างไรลูกก็เป็นลูกของแม่เสมอ ตรงกันข้าม กลับรู้สึกโกรธแค้นผู้หญิงคนนั้นที่มาทำร้ายลูกเขา ทำให้ลูกของเขาต้องติดเชื้อร้ายที่ไม่มีทางรักษานี้

ทุกวันนี้เขาเป็นอาจารย์ที่มีนักเรียนรักมากมายเพราะความใจดีของเขานี่เอง ระหว่างที่เขานอนอยู่โรงพยาบาลมีลูกศิษย์โทรมาหาหลายคน อยากให้เขาหายไวๆ จะได้กลับไปสอนอีกครั้ง

ผมเองก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของเขา รู้สึกสงสารเขาเหมือนกัน ถ้าเป็นตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง จะมีกำลังใจมากมายได้อย่างเขาหรือเปล่า รู้สึกว่าตัวเองยังโชคดีนัก ความยากลำบากในการเรียนของผมนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความทุกข์ที่ผู้ป่วยต้องเผชิญ

ผมเผลอพูดคุยและให้กำลังใจเขาไปจนไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร ผมลาผู้ป่วยกลับมาโดยที่ไม่รู้ว่าเขาประทับใจผมที่ผมใส่ใจกับความรู้สึกเขาอยู่

วันสุดท้ายที่เขาจะต้องออกจากโรงพยาบาล ผมก็ไปตรวจร่างกายเขา พูดทักทายเขาตามปรกติ เมื่อผมกำลังจะลาไปตรวจเตียงอื่นต่อ เขาก็หยิบขนมปังห่อใหญ่ขึ้นมาแล้วก็ยื่นใส่มือผม แล้วบอกขอบคุณมากสำหรับการดูแลและให้กำลังใจเขามาตลอดเวลาที่เขาอยู่โรงพยาบาล

ผมยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ปฏิเสธไป แต่ผู้ป่วยยังยืนยันที่จะให้ผมจึงรับไว้แล้วเดินจากมา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับของจากผู้ป่วย ระหว่างเดินมาห้องพักผมยังคิดอยู่ว่าทำถูกไหมที่รับของผู้ป่วยมาแบบนี้ แต่ตอนนี้ในใจผมพองโตเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูก

ความรู้สึกตรงนี้มันไม่ได้อยู่ที่ราคาของที่ได้รับเลย เพราะราคาขนมปังเองคงไม่กี่บาท แต่คุณค่าต่อจิตใจผมจริงๆมันมากกว่านั้นมาก มันอยู่ที่ความรู้สึกที่ผู้ป่วยอยากจะให้ผมด้วยใจมากกว่า มันทำให้ผมรู้สึกมีคุณค่าในชีวิตอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ก่อนกลับผมก็ได้สวัสดีลาแม่เขา แม่เขาแอบกระซิบบอกกับผมว่า

“ขอบคุณมากนะคะที่คอยพูดคุยเป็นเพื่อนลูกเขามาตลอด ลูกดิฉันชมคุณไม่ขาดปากเลย ในอนาคตคุณต้องได้เป็นหมอที่ดีแน่ๆค่ะ”

คำพูดของแม่ผู้ป่วยยิ่งทำให้ผมมีความสุขมากขึ้นไปอีก เป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่เราสามารถเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้ มีคุณค่าในตัวเองมากขึ้น

เชื่อไหมว่า ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานบนวอร์ดที่ผ่านมามันหายไปหมดสิ้น หยาดเหงื่อแรงงานที่ได้พยายามเพื่อการเรียนที่แสนยากลำบาก ตอนนี้รู้สึกมันเกินคุ้มค่าจริงๆ



สิ่งที่ผู้ป่วยและแม่ของผู้ป่วยได้บอกกับผมในวันนั้นมันยังอยู่ในความทรงจำของผมมาตลอดเพราะมันกลายมาเป็นกำลังใจให้ผม เวลาที่ผมท้อแท้หรือเหน็ดเหนื่อยกับการเรียน ทำให้ผมรู้ว่านอกจากตัวผมเองที่คิดว่ามีความทุกข์ที่สุด ยังมีคนที่ลำบากกว่าผมอยู่อีก รวมทั้งน้ำใจจากผู้ป่วยที่ผมได้รับนั้นทำให้ผมรู้สึกว่า ยังมีสิ่งดีๆซุกซ่อนอยู่บนโลกที่อาจจะดูโหดร้ายใบนี้เพียงเราคิดจะค้นหา แต่ที่สำคัญคือต้องค้นหาด้วยหัวใจ



นศพ.วัฒนกิจ จันทรธนะสุทธิ์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี




Create Date :15 พฤศจิกายน 2551 Last Update :15 พฤศจิกายน 2551 10:31:16 น. Counter : Pageviews. Comments :3