Create Date :21 มกราคม 2563
Last Update :15 มีนาคม 2563 19:54:59 น.
Counter : 8363 Pageviews.
Comments :5
- Comment
- เรียนรู้ นำไปปรับใช้ให้เหมาะสม ... ตระหนัก แต่ไม่ตระหนก
ไวรัส COVID-19 ( Corona virus 2019 ) .... นำมาฝาก (ไม่ได้เขียนเอง ^_^)
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=21-01-2020&group=4&gblog=144
หน้ากากอนามัย วิธีการใส่ที่ถูกต้อง
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=19-06-2015&group=4&gblog=111
มา " ล้างมือ " กันเถอะ ....
https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=10-10-2008&group=4&gblog=60
ตระหนัก ดีกว่าตระหนก เรียนรู้และปองกันโคโรนาไวรัส 2019 เวทีจุฬาฯ เสวนา ครั้งที่ 23
https://www.chula.ac.th/wp-content/uploads/2020/02/การป้องกันตนเองจาก-COVID-credit-ศูนย์โรคอุบัติใหม.pdf
https://www.chula.ac.th/wp-content/uploads/2020/02/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-COVID-credit-%E0%B8%A8%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1.pdf
อินโฟกราฟฟิก สำหรับประชาชน เวบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/info.php
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เวบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/
คำแนะนำ สำหรับประชาชน เวบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/introduction.php
สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย
คำแนะนำสำหรับประชาชนในสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา-19 (Coronavirus disease-19, COVID-19)
https://www.idthai.org/Contents/Views/?d=sxpE!8!4!!639!lI7YRGNc
คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้หน้ากากอนามัย สำหรับประชาชนทั่วไป
https://www.idthai.org/Contents/Views/?d=oty6!8!4!!643!9SUaMeVn
ลักษณะทางคลินิกของผู้ป่วยโรคไวรัสโคโรนา-19 (Coronavirus disease-19, COVID-19)
https://www.idthai.org/Contents/Views/?d=Kzb4!31!2!!638!ml1HZXYG
*************************************
โดย: หมอหมู 4 มีนาคม 2563 13:57:51 น. - มูลนิธิเพอร์เฟคไลฟ์ 14มีนาคม2563
สิ่งที่สับสนในสังคมตอนนี้มี 2-3 เรื่อง
1.เรื่องหน้ากาก ตกลงจำเป็นต้องใส่ไหม
ไม่ว่าหมอจะพยายามอธิบายเท่าไหร่ " ให้ใส่เฉพาะ บุคลากรทางการแพทย์ คนป่วย และเวลาไปในที่ชุมชน แออัด ที่ยืน เบียดใกล้กัน เกิน1 เมตร) ทุกคนก็จะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก
- เมกา ยุโรป บอกไม่ต้องใส่ ดูสิเป็นกันเพียบ !
- ถ้าเราไม่ใส่แล้วเขาไอใส่เราก็เป็นสิ
เอาเถอะ เอาที่สบายใจ แต่ข้อมูลทางการแพทย์ บอกใส่หน้ากากไม่ลดการระบาด เพราะ คีย์ คือมันไม่ได้กันเชื้อได้ 100% , จะติดก็ตอนถอดกับตอนใส่นี่แหละ
เอาแบบสิงค์โปร์ก็ดีคนละ 4 อัน เก็บไว้ ใช้ยามจำเป็น หมดแล้วหมดกันไม่ให้ขาย ตามร้านขายยา ถ้าต้องการไปขอตามโรงพยาบาล ให้เฉพาะ คนป่วย
2. เรื่องการตรวจ RT-PCR ทำไม ตรวจยากจัง ทำไมไม่ตรวจให้ ฟรี? ราคาค่าตรวจแพงจัง ?
เหตุผล ที่ไม่ควรตรวจ ให้ทุกคนคือ มันมีความไว ( sensitivity) ต่ำ พบเพียง 30%-60% ในการตรวจครั้งแรก เพราะฉะนั้น การตรวจไม่พบในครั้งแรกไม่ได้แปลว่า ไม่เป็นโรค ทุกคนควรเข้าใจในประเด็นนี้
หมายถึงผล ลบลวง ( false negative ) พบสูง ถึง 40-70% ยกตัวอย่างเช่นดาราที่ใกล้ชิด ดารา ตรวจแล้วพบว่า ผล เป็น undetected ( แบบในรูป) ไม่ได้หมายถึงคุณจะไม่เป็นโรค ยังไงคุณก็ต้อง แยกตัว 14 วัน ถ้า สัมผัส กับดาราท่านนั้น
แล้วทำไมค่าตรวจต้องแพง เพราะมันไม่ใช่ เฉพาะค่าชุดตรวจ มันรวมถึง คนที่จะเก็บ nasal swab แหย่เข้าไปในจมูก ลึก ๆ ( 2 ครั้ง) oropharyngeal แหย่เข้าไปที่ด้านหลังของคอ ( 2 ครั้ง ) ส่งตรวจ อีก 2 ที่ ( กรมวิทย์ และ อีก 1 รพ) แล้วคนที่ทำการแหย่ให้คุณเขาเสี่ยงขนาดไหน แหย่ๆ อยู่คุณไอออกมา กระจายไปทั่ว ทำอย่างไร คนที่ทำหน้า เก็บ specimen ( คนที่เอาไม้พันสำลีแหย่) ให้คุณ ต้องใส่ชุดเต็มยศขนาดไหน ต้องหวาดผวาขนาดไหน ลองคิดดู !
-ย้ำอีกครั้งตรวจ ไม่พบ ไม่ได้แปลว่าไม่เป็นแล้ว ออกไปใช้ชีวิตตามปรกติได้ ไปทำงาน ไป ออกงาน มันไม่ใช่ แบบนั้น
- ตรวจพบ ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป ต้องรอ ยืนยันจากอีกแลป หนึ่งก่อน ถึงจะแถลงแจ้งความได้ โรงพยาบาลไม่ได้ปกปิด แต่ต้องยืนยันให้แน่ชัด บาง case ต้องตรวจถึง 3 ครั้งจึงจะพบเชื้อ ไวรัส
แล้วเรามี test อื่น ที่ดีกว่านี้ไหม คำตอบคือ ยังไม่มี
แล้วใช้ CT scan ตรวจได้ ไหม อันนี้ยิ่งหนัก.ความไว( sensitivity ) สูงกว่า RT-PCR แต่ความจำเพาะต่ำ ตรวจมาเจอนี่มีหวัง panic ตื่นตระหนกทั่ว ประเทศแน่
***ตรวจไม่พบเชื้อก็ต้องเก็บตัวอยู่ ดี Social Distance และหมั่นล้างมือดีสุด ****
3. เป็นแล้วปอดจะถูกทำลายเลยไหม
ขอบอกว่าเป็น COVID-19 แล้วมีอาการรุนแรง เพียง 15% ปอด ที่ถูกทำลาย ก็คืนกลับมาได้ ( ดูจากภาพ CT) ที่เหลือชิว ๆ เป็นแล้วหาย แถมมีภูมิคุ้มกัน ด้วย และอย่ารังเกียจ คนที่เป็น COVID- 19
4.ข้อสุดท้ายคือข่าวสาร มากมายเกินไป ไม่ทราบจะเชื่อใครดี หมอพูดไม่ตรงกัน รัฐบาล ไม่ชัดเจน คือด่าไปก็เท่านั้น สุดท้ายทุกท่านต้องใช้กาลามสูตร และสติ อย่ารีบแชร์ ถ้าไม่ sure และมาคิดเอาว่าจะทำอย่างไร เราและครอบครัวคนรอบข้างจึงจะปลอดภัย และจะอยู่กันต่อไปอย่างไร ในอีก 1-2 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจ ถดถอยทั่วโลกต้องยอมรับ
ในวิกฤต ต้องมีโอกาส เราโชคดีมากที่อยู่ในประเทศไทย ที่
1. มีหมอและบุคลกรทางการแพทย์เก่ง หาcase zoro เจอเป็นประเทศแรก แถม อัตราการ ระบาด ของเราก็น้อยกว่าประเทศอื่น มากๆ
2. อากาศร้อน ไวรัสกระจายช้า ( แต่เดี๋ยวเข้าหน้าฝน อาจจะมากกว่านี้)
3. มีวัฒนธรรมการไหว้ ที่ดี ตอนนี้กระจายไปทั่วโลก
ลองมาคิดถึงข้อดี ของ corona ไวรัสกัน บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่โลกส่งมาพิสูจน์ คุณงามความดีของเรา เขากำลังบอกว่า หยุดบริโภค หยุดเที่ยว หยุด สังสรรค์ หยุดคลุกคลี อยู่กับตัวเอง พิจารณาใจ กายตัวเอง แล้ว มาทำความสะอาดจัดระเบียบโลกนี้กัน
สิ่งที่เราต้องมีคือ
กาลามสูตร
สติ , เมตตา , ปัญญา ขันติ และ ความอดทน
สิ่งที่เราต้องกำจัดออกไป ความกลัว หวาดระแวง โทษคนอื่น วุ่นวายสับสน เห็นแก่ตัว ความประมาท
แล้วเราจะผ่านมาไปให้ได้
https://www.facebook.com/perfectheartfoundation/posts/2827041124048406
*************************************************
โดย: หมอหมู 15 มีนาคม 2563 19:47:11 น. - สรุปการป้องกันสำหรับประชาชน
เพื่อไม่ให้ติดเชื้อโควิด-19
หลังไทย +32 รวม 114 ราย
1) งดทริป ไปต่างประเทศ เด็ดขาด
2) กรณีไปมาแล้ว กลับมาก็กักตัว 14 วัน และห่างจากคนในบ้าน 1 เมตร แยกห้องนอน สวมหน้ากาก
3) กินร้อน อาหารปรุงสุก สะอาด ไม่กินสัตว์แปลก
4) ช้อนกู แก้วกู ห้ามช้อนกลาง อย่าลืมห้ามกินน้ำแก้วเดียวกัน เหล้าสาบานห้ามเด็ดขาด
5) สวมหน้ากากอนามัย คนไม่ป่วยหน้ากากผ้าได้ แต่ถ้าคนป่วย ควรสวมหน้ากากทางการแพทย์
6) ล้างมือ บ่อยๆ พกแอลกอฮอล์เจล กรณีไปที่สาธารณะแล้วต้องจับลิฟต์ บันไดเลื่อน ห้องน้ำ
7) มีโรคประจำตัวเช่นหัวใจ โรคปอด เบาหวาน อย่าขาดยาประจำ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อัตราการตายสูงถ้าติดเชื้อ
8) ป่วย+เข้าเกณฑ์
ไข้ 37.5 ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หอบ ต้องมาพบแพทย์ และเล่าความจริง อย่าโกหก
ตอนเดินทางมาสวมหน้ากากอนามัยด้วย
9) งดไปแหล่งชุมชนมากๆและสถานที่ปิด ไม่ถ่ายเท เช่น สนามมวย ผับ บาร์ งานประชุม
10) กรณีเลี่ยงไม่ได้ ต้องเข้าแหล่งชุมชน ต้องยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร
ด้วยความปรารถนาดี
รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงนะ
Cr. Infectious ง่ายนิดเดียว
https://www.facebook.com/Infectious1234/posts/913521609078533?__tn__=-R
โดย: หมอหมู 15 มีนาคม 2563 19:50:52 น. - สังคมไทยควรเรียนรู้ กรณีเคสศึกษารายที่ 82
ดารานักแสดง เจ้าของค่ายมวย
เราผ่านการระบาดมาเดือนที่ 3 แล้วจะ 90 วันแล้ว
เพื่อสร้างความถูกต้องในสังคมไทย กับโรคโควิด
มีหลายประเด็น!! ที่ต้องเข้าใจ
1) ระบบสาธารณสุขไทย ไม่มีปิดข้อมูล
แต่ต้องรอ ยืนยันผลถึงจะรายงาน
_ กรณีรายที่ 82 ตรวจแล้วบวก แล้วโพสโซเชียล
_โดยหลักการต้องตรวจซ้ำครั้งที่ 2 เนื่องจากอาจมีผลบวกลวง
กรมควบคุมโรคไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบตามมาแอดมิด รพ.ราชวิถี
_ส่วนเคสอื่นๆก็ยังมี ทั้งประเทศ ที่เป็นข่าวลือ เขาเล่าว่า ในไลน์ในเฟส
แต่กระทรวงสาธารณสุขยังไม่รายงาน แต่ไปโผล่ในเฟส ในไลน์
ต้องใจร่มๆ อาจเป็นแค่เคสเข้าข่าย รอผลตรวจ
ทีผ่านมา กาลเวลาพิสูจน์ให้เห็นว่า ข่าวมโน มากกว่าข่าวจริง
ผ่านมาเข้าเดือนที่ 3 ก็พิสูจน์แล้วว่ามีเคส 82 ราย ไม่ได้ปิดข้อมูล
แต่รอผล
ความลับไม่มีในโลก กระทรวงสาธารณสุขจะปิดเพื่อ??
คงมีกลุ่มคนป่วย และเสียชีวิต ไม่หลุดรอดนักเลงคีบอร์ดได้หรอก
2)ตรวจน้อย เจอน้อย???
ไม่จริง จากข้อมูลคัดกรองสนามบินไปเกือบ 30,000 เที่ยวบิน ประชาชน 3.7 ล้านมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เกือบ 247 ราย ให้ผลบวกพบเชื้อ 4 ราย
_เดินเข้ามารักษาเอกที่เอกชนเกือบ 5000 ราย ให้ผลบวก เกือบ 45 ราย
และตามคนสัมผัสใกล้ชิดกับเคสบวก 1 ราย ตามมา 40-200 ราย
มาตรวจได้พบเชื้อเกือบ 33 ราย
_ยอดรวม 82 ราย
3)คนสัมผัส เอามาตรวจ???
_เอามาแน่นอน สังเกต
3.1) รายงานตั้งแต่ ปู่ย่ากลับจากฮอกไกโด ตามพ่อแม่ ลูก 2 คน มาตรวจ จนพบว่า หลานติด
3.2)เคสบริษัท Gult ไปอิตาลี 6 คน ติด 3
3.3)แก็งค์ปาร์ตี้ 15 คน ตามมาตรวจทุกคน ล่าสุดรายที่ 76 เป็นแม่ของคนที่ติด
3.4)ยายที่ไปญี่ปุ่น เอามาติด อีก 3 คน ลูกสาว เขย และหลาน
3.5)กรณีรายที่ 82 ดารา. ในขณะนี้ ตามผู้สัมผัสมาตรวจจำนวนมาก
4) ทำไมไม่ตรวจคัดกรองไปซะทุกคน
เหตุผล
4.1 )ถ้าไม่มีอาการ ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อย จะตรวจไม่พบ เพราะเราตรวจหาเชื้อ สารพันธุกรรม (PCR) ป้ายบริเวณหลังโพรงจมูก คอหอย เจ็บตัว แถม สิ้นเปลืองทรัพยากร
4.2)การตรวจไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ใช่แค่ป้ายๆหรือ เจาะเลือดแล้วจบ
ต้อง_ คนทำต้องมีประสบการณ์ ฝึกการใส่ชุดหมี ป้องกันการติดเชื้อ
_ ใช้อุปกรณ์จำนวนมาก ชุดหมี หน้ากาก N95 ถุงมือ หน้ากากพลาสติกทับ หมวก ถ้าทำทุกคนคงไม่หลุด
ทำเสร็จต้องส่งห้องแลปตรวจด้วยวิธีพิเศษใช้เวลานาน อย่างน้อย 4-8 ชม.
ปัจจุบันกำลังผลิตชุดตรวจง่ายๆรู้ผลไว เหมือนที่ตรวจฉี่ดูการตั้งครรภ์ ใช้เวลาอีกสักระยะ
5)ก็อยากรู้ อยากตรวจ มีเงิน พร้อมจ่าย
_ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ ประเทศชาติคงล่มจม เพราะเสียทั้งทรัพยากรคน ที่ต้องตรวจ และอุปกรณ์ ถ้าไม่เข้าเกณฑ์การตรวจ แพทย์ไม่ตรวจให้ ถ้ายังดื้อดึง ก็จำยอมเสียเงินแพง ห้ามมาบ่น แต่รู้ไว้คุณคือ ภาระชาติ
6) เป็นแล้ว ตาย ปอดถูกทำลาย น่ากลัว มีคนตายนิ หมอรับประกัน??
ข้อมูล ถึงติด เก็บข้อมูลจากจีน 95%ไม่รุนแรง ส่วนน้อยรุนแรงคือ 5% กลุ่มเสี่ยงคือ อายุมาก >80 ปี มีโรคประจำตัวเช่น หัวใจ ความดันโลหิตสูง
นี่ยังคิด 82 คน ที่เป็น ส่วนใหญ่ อาการหายเป็นปกติเป็นช่วงที่ประชาชนยังเป็นไม่มาก ทีมแพทย์ พยาบาล ดูแลเต็มที่
ลองถ้าไปป่วยในประเทศที่คนป่วยระดับหลักหมื่น อิหร่าน อิตาลี เกาหลีใต้ คงไม่มีเวลามาดราม่า ทีมหมอ พยาบาลอาจดูแลไม่ทั่วถึง อาจอาการหนักหรือแย่ได้
ขณะนี้ยังแค่ 82 ราย ยังไม่ถึง100
ต้องเรียนรู้
เจ้าหน้าที่ทำงานหนักมาก
ทั้งกายและใจ ที่ถูกบั่นทอนทุกวัน
พวกเราจะไม่ติดและไม่แพร่เชื้อ
สิ่งเดียวเลยคือ คำว่า
รับผิดชอบสังคม
คือ
งดทริป
กลับมาก็กักตัว 14 วัน
กินร้อน
ช้อนกู แก้วกู
สวมหน้ากากอนามัย
ล้างมือ
มีโรคประจำตัวอย่าขาดยา
ป่วย+เข้าเกณฑ์ ต้องมาพบแพทย์ และเล่าความจริง อย่าโกหก
โควิดไม่น่ากลัวเท่ากับโคมนุษย์
🙏🏻 ให้กำลังเจ้าหน้าที่ + เชื่อใจและไว้ใจ
พวกเราทำงานมดงานเบื้องหลังหนักมากๆ
และพวกเค้าเสี่ยงติดเชื้อจากผู้ป่วยมากกว่าพวกคุณหลายเท่า
Cr infectious ง่ายนิดเดียว
https://www.facebook.com/Infectious1234/posts/912768915820469?__tn__=H-R
โดย: หมอหมู 15 มีนาคม 2563 19:55:46 น. - Sunt Srianthumrong
9 มีนาคม ·
COVID-19 จำลองสถานการณ์ประเทศไทย สำหรับแม่บ้านวางแผน:
ผมลองใช้ค่า Constant ที่ได้จากการ Matching Curve ของ Worldwide แล้วเปลี่ยนประชากรเป็นประเทศไทย โดยคิดเสียว่าคุมอะไรไม่อยู่เลยแล้วมันจะระบาดไปทั้งประเทศทั้ง 69 ล้านคนเลยแบบว่า Worst Case สุดๆนะครับ ซึ่งก็อาจจะไม่เกิดขึ้นนะครับ จะมีวิธีการสังเกตุสถานการณ์ง่ายๆว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น สถานการณ์เป็นประมาณไหนแล้วสำหรับพวกเรา เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ แม่บ้านพ่อบ้าน ที่จะคิดและเตรียมตัวนะครับ จากกราฟที่ทำมานี่อันบนเป็นตัวเลขคนติดเชื้อสะสม ส่วนอันล่างเป็นจำนวนคนติดเชื้อใหม่ ซึ่งกราฟอันล่างช่วงที่เป็นยอดระฆังคว่ำก็คือ ระบาดเละเทะอย่าได้ออกจากบ้านนะครับ ผมคิดว่าจุดสังเกตุสำคัญจากกราฟอันบนมี 4 Check Point ดังนี้ครับ
Check Point 1: ถ้าตัวเลขไหลจากปัจจุบันที่ 50 คนไปเป็น 100 คนภายในประมาณ 4 วัน ให้เริ่มเตรียมเฝ้าระวังครับ แปลว่ามันอาจจะกำลังจะเริ่มละ แต่ถ้ามันนานๆขึ้นทีละคนสองคนไม่เป็นไรนะครับ แปลว่ารัฐบาลเอาอยู่ครับ ณ จุดนี้ให้จ้องไว้เลยนะครับ แต่ยังไม่ต้อง Move อะไรมาก เวลายังมีครับ ถ้ายังไม่พบการเปลี่ยนสถานการณ์มายังจุดนี้ก็ยังเบาใจได้ครับ ตอนนี้ประเทศไทยเรายังมาไม่ถึงจุดนี้นะครับ แต่ถ้ามันมาถึงตรง Check Point 1 นี้ให้เริ่มวางแผนได้นะครับว่าจะอยู่ที่ไหน จะซื้ออะไรที่ไหน จะ Work at Home ไหม
Check Point 2: ตัวเลขไหลจาก 100 ไปเป็น 1,000 ภายใน 13 วัน อันนี้จะเป็นการยืนยันว่า "ใช่แน่ๆ" นะครับ ให้เริ่มปฏิบัติการตามแผนที่วางได้แล้วนะครับ เริ่มซื้อของที่จำเป็น เริ่มซ้อม Work at Home ได้ สำหรับผมก็จะเลี่ยงที่คนเยอะแล้วครับ เพราะมีคนติดเชื้อ 1 ใน 69,000 คน ในเมืองที่คนเยอะๆก็ไม่ไกลตัวเราแล้วครับ จากจุดนี้มีความเป็นไปได้ว่าเราจะมีเวลาอีกประมาณ 10 วัน (หรือน้อยกว่า) ก่อนที่จะเข้าจุดสำคัญมากๆครับที่ Check Point 3
Check Point 3: Lock Down ตัวเลขไหลจาก 1,000 ไปเป็น 5,000 ภายในเวลาประมาณ 10 วันหรือสั้นกว่า ซึ่งอิตาลีสั่ง Lock Down ทั้งแคว้นลอมบาดีที่แถวๆตัวเลขผู้ติดเชื้อประมาณนี้ครับ แต่เวลาจาก Check Pont 2 ไป 3 สั้นกว่า 10 วันพอสมควรครับที่นั่น ส่วนที่อู่ฮั่นทำที่ตัวเลขต่ำกว่านี้อีกครับ ผมคิดว่ารัฐบาลไทยก็น่าจะทำอะไรคล้ายๆกันในช่วงตัวเลขแถวๆนี้ครับ ณ จุดนี้อยู่บ้านอย่างเดียวครับ อะไรที่เตรียมไว้ก่อนหน้าก็ได้เอามากินมาใช้ครับ แต่ผมเชื่อนะว่า 7/11 ของเจ้าสัวน่าจะพยายามเปิดอยู่แน่นอน แต่เชื่อเถอะครับว่าเราจะไม่อยากออกจากบ้านไปไหนหรอกครับ ถามว่าจะต้องรอนานแค่ไหน ก็จากกราฟตัวเลขบอกเราว่าแถวๆอย่างน้อย 72 วันหรือกว่า 2 เดือนครึ่งครับ ช่วงนี้ระฆังสูงครับนอกบ้านมีความเสี่ยงสูงมาก ปริมาณของจำเป็นที่จะซื้อตุนแค่ไหนก็อยู่ที่ความยาวระหว่าง Check Point ที่ 3 กับที่ 4 คือ 72 วันนี่แหละครับ
Check Point 4: เมื่อทุกอย่างเริ่มดูโอเค อัตราการติดเชื้อใหม่ลดลง แต่เนื่องจากผมคิดว่าโรงพยาบาลน่าจะยังแน่นไปด้วยคนป่วยนะครับ ทางที่ดีถ้าไม่รีบเกินไป รออีกสัก 14 - 28 วันค่อยออกไปใช้ชีวิตตามปกติก็ได้ครับ ณ จุดนั้น Case จะ Close เกือบหมดแล้วครับ
รวมเวลาทั้งหมดทุกเฟสก็ราวๆ 100 + 28 วันนะครับ
ก็เป็น Guide Line คร่าวๆครับ ผมก็กำลังติดตามประมาณนี้แล้วก็วางแผนให้ตัวเองประมาณนี้เหมือนกันครับ ตอนนี้ก็ลุ้นว่าขอให้รัฐบาลและสาธารณสุขเอาอยู่ ไม่เกิดการเปลี่ยนจากจุดปัจจุบันไปสู่ Check Point 1 ที่เป็นการระบาดระดับ 3 ครับ ต้องช่วยๆกัน
ปล. ผมไม่ใช่หมอ ไม่ใช่นักระบาดวิทยานะครับ ไม่ได้น่าเชื่อถือในเชิงสาธารณสุขขนาดนั้นนะครับ คือเอาคณิตศาสตร์มาเล่าให้ฟังล้วนๆ ก็ฟังเอาหูไว้หูประกอบการตัดสินใจพอนะครับ ใช้ดุลพินิจส่วนตัวกันประกอบข้อมูลหลายๆทางดีที่สุดนะครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=3903434849697206&set=a.134679909906071&type=3&theater
โดย: หมอหมู 15 มีนาคม 2563 19:57:37 น.
คุณhaiku, คุณnewyorknurse, คุณโอน่าจอมซ่าส์