bloggang.com mainmenu search




ผู้เสียสละแห่งชุมชน

“หมอ ข้าวกะเพราไข่ดาวร้อนๆ มาเสิร์ฟแล้วจ้า พี่ทำให้สุดฝีมือเลยนะ ลองดูสิว่าจะอร่อยสู้ที่กรุงเทพได้มั้ย”

เสียงพี่ๆอสม.ดังขึ้น ขณะที่พวกเรานั่งคุยกันหลังไปเก็บข้อมูลตามบ้านต่างๆมาอยู่

“น่าทานจังเลยพี่ ยังงี้ต้องขอสอง”

สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาจากคำพูดของเพื่อนของฉัน คือ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างจริงใจของพี่ๆ
รอยยิ้มของผู้ที่ไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อย
รอยยิ้มที่สามารถมอบให้ได้แม้กระทั่งผู้มาใหม่........อย่างพวกฉัน


ย้อนกลับไป เช้าวันนี้

พวกฉันตื่นกันตั้งแต่หกโมงเช้า เพื่อมาขึ้นรถทันเวลาที่นัดกันไว้
พี่ต๋อย เจ้าหน้าที่หน่วยเวชปฏิบัติของโรงพยาบาลบางสะพาน เป็นคนลงมือขับรถพาพวกฉันไปด้วยตนเอง

หมู่บ้านที่เรากำลังจะไป “บ้านในล๊อค” เป็นหมู่บ้านในชายป่าติดกับชายแดนพม่า ห่างจากถนนใหญ่ร่วม 20 กิโลเมตร

เมื่อพวกเราขับรถลึกเข้าไป ฉันยิ่งรู้สึกตื่นตากับภาพสิ่งแวดล้อมรอบๆที่ผ่านเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งที่ฉันเห็น คือ ภาพแถวแนวต้นไม้ที่สะท้อนกับแสงแดดอ่อนๆในยามเช้า ออกเป็นสีเขียวเหลือง

สวนยางพาราที่ฉันเห็น สวยงามและเป็นระเบียบจนฉันอดคิดไม่ได้ว่า เวลาชาวบ้านเค้าจะปลูกต้นยางกัน เค้าต้องใช้ไม้เมตรมาวัดระยะห่างแน่ๆ มันถึงได้ตรงกันขนาดนี้ ฉันล่ะนับถือจริงๆ

(คุณๆค่ะ เรื่องอย่างนี้ หมออย่างเราๆถึงจะเรียนมามากมาย ก็ทำไม่ได้ง่ายๆเลยนะเนี้ย )

พี่ต๋อยเริ่มชะลอรถลงหน้าศาลาที่อยู่ตรงข้ามโรงเรียนเล็กๆแห่งหนึ่ง
อ่าว....ถึงแล้วหรอเนี้ย ฉันถามตัวเอง
ฉันนั่งมองพี่ต๋อยลงไปพูดกับกลุ่มพี่ๆกลุ่มหนึ่ง
หนึ่งในนั้นมีพี่ผู้ชายที่พวกฉันเจอที่อนามัยวันก่อน
แหะๆ วันนี้ พี่เค้ายังใส่ชุดทหารพรานเหมือนเดิมเลยแหะ (ก็เท่ห์ไปอีกแบบอ่านะ)
พี่คนนั้นพยักหน้าตกลงกับพี่ต๋อยเสร็จ
พี่ต๋อยก็เดินขึ้นรถมา

“พี่ต๋อย...มีอะไรกันหรือปล่าวค่ะ”

ฉันลองถามดูด้วยความสงสัย

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกหมอ ...พี่ลงไปคุยกับอาสาสมัคร ผู้ใหญ่บ้านและกำนันมา”

อ๋อ ที่แท้กลุ่มที่นั่งอยู่เมื่อกี้ คือ คนใหญ่โตของผู้บ้านนี้นี่เอง
และแล้วพวกเราก็ขับรถลึกเข้าไปอีก

เมื่อเราไปถึงที่
ก็พบว่า มีรถของอาสาสมัครเมื่อกี้และทีมตามมาอีกสามสี่คัน
พี่ๆทีมงานกว่าสิบคนใส่เสื้อแขนยาวเดินลงมาจากรถ
พร้อมๆกับเริ่มมีเสียงประกาศเรื่องที่พวกเรามากันในวันนี้ออกมาจากลำโพงกระจายเสียงของหมู่บ้าน
พี่ๆเจ้าหน้าที่บางส่วนเริ่มออกเดินไปตามบ้านหลังเล็กๆที่อยู่กระจายกันแถวนั้น
ซึ่งฉันเองก็ไม่รอให้เสียโอกาส....รีบตามกลุ่มพี่ๆเค้าไปทันที

และแล้วฉันก็เจอบุคคลที่ฉันต้องการ
แหะๆ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ
ฉันก็แค่เลือกถามพี่ผู้หญิงที่ดูน่าจะเป็นมิตรมากที่สุดเพื่อจะติดตามไปเท่า นั้นเอง

“พี่ค่ะ กำลังทำอะไรกันอยู่หรอคะ”

เอาละสิฉัน แค่คำแรกที่พูด ก็เริ่มแสดงความโง่ออกมาซะแล้ว

แหะๆ แต่ทำไงได้ล่ะ ก็เมื่อกี้ยังไม่ทันถามรายละเอียดจากพี่ต๋อย สมองก็สั่งให้รีบเดินตามมาซะแล้ว

พี่คนนั้นไม่ได้แสดงความรำคาญใส่ฉัน แต่กลับยิ้มอย่างเมตตาให้กับฉัน

“เราจะมาสำรวจลูกน้ำยุงลาย หลังจากที่อาทิตย์ที่แล้วเรามาใส่ทรายอะเบทให้อ่ะจ๊ะ”

“อ๋อค่ะ พี่”

พี่ๆ เริ่มเดินเข้าไปสำรวจตามบ้าน บางคนดูตามร่องน้ำ ยางรถยนต์
บางคนเปิดฝาโอ่งดู และฉันก็เห็นพี่เค้าเทอะไรในซองลงไปในน้ำ
ซึ่งฉันคิดว่า ก็คงเป็นทรายอะเบทนั่นแหละ

มีพี่อีกคนนึงหันมาอธิบายให้ฉันฟังเรื่องการใส่ทรายอะเบทว่าต้องใส่เท่าไหร่ ยังไง ซึ่งฉันก็รู้สึกขอบคุณพี่ๆทุกคนที่เมตตาฉัน

หลังจากฟังเสร็จ ฉันก็รีบกลับไปหาเพื่อนๆ ที่ฉันทิ้งมาในตอนแรก
แอบรู้สึกผิดเหมือนกันแหะ แต่รู้สึกเหมือนว่าเพื่อนๆก็ยังไม่ได้เริ่มทำอะไร

ตอนนี้พวกเราอยู่ในร้านขายข้าว ร้านที่เป็นเหมือนแหล่งชุมนุมของคนบ้านในล็อค

พี่ต๋อยแนะนำให้พวกฉันรู้จักกับพี่ๆอสม.ที่จะเป็นคนช่วยดูแลพวกเราในการลงพื้นที่สำรวจและสอบถามในครั้งนี้

และแล้วเราก็แบ่งกันเดินแยกย้ายไปทั่วๆหมู่บ้าน
ฉันและฝน เลือกที่จะลงพื้นที่ในที่ลึกๆสุดก่อน
โดยในทุกๆที่ ที่เราเดิน ก็จะมีพี่อสม.หนึ่งคนที่เดินไปกับเรา

หลายครั้งที่เราเกรงใจ และบอกพี่เค้าว่า พวกหนูเดินไปกันเองก็ได้นะคะ
แต่พี่เค้าก็ยิ้มให้เรา และช่วยเหลือเราด้วยความเต็มใจ อย่างกับเหมือนว่าไม่เคยเหน็ดเหนื่อย

เป็นเราเองที่กลัวว่าพี่เค้าจะเสียเวลา ซึ่งเราเชื่อว่า ถ้าตอนนี้พี่ๆไม่ต้องมาอยู่กับเรา พี่บางคนคงได้ทำงานบ้าน บางคนคงได้ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว

สิ่งนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันทึ่งกับน้ำใจของพี่ๆ
พี่อสม.ทุกคนเต็มใจเสียสละตนเองมาอยู่กับเราที่นี่ ก็เพราะเห็นว่า สิ่งที่พวกเรามาทำ เป็นสิ่งที่จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคนภายในหมู่บ้าน

อาสาสมัครหมู่บ้านทุกคน ทำงานด้วยใจ ไม่ได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนใดๆ

ฉันคิดว่า อสม.เป็นผู้น่านับถือน้ำใจจริงๆ

บางที พี่ก็ช่วยพาเราไปบ้านที่มีเด็กป่วย ที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก
บางที ก็ช่วยคุยกับผู้สูงอายุที่ฟังภาษากลางของเราไม่ออก
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง พี่ๆก็ยังอยู่กับเรา
ตอนนี้ไม่รู้ว่า เพื่อนๆของฉันคนอื่นๆที่แยกย้ายกันไปจะเป็นอย่างไรบ้าง
แต่ฉันก็รู้ว่า พวกเค้าจะต้องมีพี่ๆอสม.ที่น่ารักอยู่ด้วยกับเค้า....อย่างแน่นอน

“ปรื้นๆ ปรื้นๆ........”
และแล้ว มอเตอร์ไซด์ของพี่อสม.คนนึงก็มาหยุดตรงหน้าเรา

“หมอเที่ยงแล้ว ไปกินข้าวเถอะ มีเพื่อนหมอไปรออยู่แล้ว”

“อ๋อ พี่ค่ะ อีกแปปนึงได้มั้ยคะ ยังสัมภาษณ์ไม่เสร็จเลย”

และฉันคิดว่า พวกคุณคงรู้คำตอบใช่มั้ยคะ ว่าพี่เค้าจะตอบอย่างไร
ถูกแล้วค่ะ พี่เค้าก็รอพวกฉันจนเสร็จ แล้วจึงพาฉันและเพื่อนอีกคนซ้อนรถกันไปกินข้าว

และแล้วเรื่องราวก็กลับมาถึงข้าวผัดกระเพราร้อนๆ หอมกรุ่นจนได้
หึหึ.....


ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆที่ฉันได้ไปอยู่โรงพยาบาลชุมชน ที่ซึ่งห่างไกลจากสิ่งแวดล้อมที่ฉันเคยอยู่

ที่ๆห่างไกลจากคำว่าเมืองใหญ่ ที่ๆซึ่งไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือเทคโนโลยีมากมายนัก

แต่การที่ฉันได้อยู่ที่นี่ ได้ออกพื้นที่ และทำงานร่วมกับบุคลากรทางสาธารณสุขระดับชุมชนหลายๆฝ่าย กลับทำให้ฉันได้มีความสุขอิ่มเอมและได้เรียนรู้หลายๆสิ่งไปพร้อมกัน

ฉันตระหนักว่า เรื่องของสุขภาพ....ไม่ใช่เพียงการรักษาในโรงเรียนแพทย์ หรือโรงพยาบาลใหญ่ๆที่มีความสำคัญ

แต่งานสาธารณสุขระดับชุมชนเป็นสิ่งที่สำคัญมากงานหนึ่งที่จะช่วยป้องกัน ควบคุมโรคและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน


การจะทำสิ่งเหล่านี้ให้ดี จำเป็นที่จะต้องเข้าไปสัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่และปัญหาของชาวบ้านจริงๆ

เป็นงานที่ต้องมีใจรัก และหวังดีต่อสุขภาพของผู้อื่นเป็นแรงผลักดัน และต้องอาศัยความร่วมมือ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างผู้ร่วมงาน

ซึ่งฉันดีใจ ที่ฉันมีโอกาสเห็นสิ่งดีๆทั้งหมดนี้จากการมาอยู่ที่อ.บางสะพาน

ไม่เพียงเท่านั้น การทำงาน ยังทำให้ฉันได้รับน้ำใจและความเมตตาจากพี่ๆทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเพียงพี่ๆแพทย์ที่โรงพยาบาลบางสะพาน ยังมีเจ้าหน้าที่รพ.ที่คอยช่วยเหลือพวกเรา โดยเฉพาะฝ่ายเวชปฏิบัติ

และที่จะขาดไม่ได้เลย คือ พี่ๆอสม.และชาวบ้านทุกคนที่ให้ความร่วมมือแก่นศพ.ตัวเล็กๆอย่างพวกเรา

ฉันภูมิใจจริงๆที่ได้มีโอกาสมาออกชุมชนในครั้งนี้ เพราะนั่นทำให้ฉันได้มีโอกาสมาพบเจอและรู้จักกับพี่ๆผู้เป็น........ผู้เสีย สละแห่งชุมชน

และฉันเองก็เชื่อว่า ที่อำเภออื่นๆ ก็คงมีบุคคลดีๆเช่นนี้รวมตัวกันทำงานเพื่อสังคมอยู่อย่างแน่นอน

เมื่อได้เห็นอย่างนี้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจอย่างบอกไม่ถูกว่า ถ้ากลุ่มผู้เสียสละแห่งชุมชนขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

มีทั้งฉัน มีทั้งคุณที่ร่วมมือกัน สักวันหนึ่ง ประเทศไทยของเรา จะต้องมีสุขภาพดีขึ้นกันอย่างถ้วนหน้าแน่นอน

เมื่อเห็นข้อดีและความสำคัญของการมีส่วนร่วมอย่างนี้แล้ว......

พวกคุณพร้อมห รือยังค่ะ....ที่จะเสียสละอะไรเล็กๆน้อยๆเพื่อทำสิ่งดีๆให้แก่ชุมชนและประเทศของพวกเรา มาเถอะค่ะ ตั้งแต่วันนี้ไป
เรามาเริ่มเป็น ....... “ผู้เสียสละแห่งชุมชน” พร้อมๆกัน




นศพ.ภัทราภรณ์ พุ่มเรือง
นศพ.ปี 5 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล


Create Date :13 พฤศจิกายน 2551 Last Update :13 พฤศจิกายน 2551 18:50:10 น. Counter : Pageviews. Comments :0