
กังวลอะไรไหม ??
ช่วงที่ผมอยู่วอร์ดออร์โธปีดิกส์ ผมได้บทเรียนที่ประทับใจไม่มีวันลืม จากคุณยายคนหนึ่ง...
เย็นวันนั้นเป็นวันที่ผมรับคนไข้ใหม่ ซึ่งพี่แพทย์ประจำบ้านได้ซักประวัติและตรวจร่างกายคุณยายเรียบร้อยแล้ว ผมได้ไปดูบันทึกเวชระเบียนที่พี่ทำการบันทึกประวัติ ทำให้ทราบว่า คุณยายมาผ่าตัดเปลี่ยนหัวเข่าซึ่งจะผ่าตัดพรุ่งนี้
หลังจากที่ผมได้รับผู้ป่วยตามปกติแล้ว (ปกติคืออ่านประวัติที่พี่เขียนบันทึกไว้ให้เข้าใจ) วันนั้นผมกำลังรีบกลับ เพราะนัดเพื่อนไว้ คิดว่าคงจะไม่ไปคุยกับคุณยายเพราะคงคุยนานไป คุยแล้วอาจจะเลยเวลาที่ผมนัดเพื่อนไว้ ไปคุยพรุ่งนี้ก็ได้ คุยวันนี้ไปก็คงไม่ต่างจากคุยพรุ่งนี้มากนัก
ขณะที่ผมกำลังจะกลับ ผมได้เหลือบไปมองเห็นคุณยายผู้ป่วยของผม ภาพที่กระทบเข้าสู่ลานสายตาของผมเป็นภาพหญิงชราหน้าตาดูกังวลเล็กน้อย นอนอยู่บนเตียงตามลำพัง ไม่มีใครมาเยี่ยม ในขณะที่รอบๆเตียงของคุณยาย เต็มไปด้วยผู้ป่วยที่มีญาติมาเยี่ยมด้วยกันทั้งนั้น
ความคิดที่จะรีบไปทันทีโดยที่ไม่ได้คุยกับคุณยายเลยได้เริ่มเปลี่ยน...
มีความคิดที่อยากจะลองไปคุยกับคุณยายดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง รู้เรื่องที่ตัวเองจะต้องผ่าหรือปล่าว มีความพร้อมหรือไม่อย่างไร ใจผมทีแรกก็ไม่ได้อยากเข้าไปคุยอะไรนานเท่าไรหรอก แค่อยากไปคุยให้คุณยายพอรู้จักเห็นหน้าก็พอ พอเป็นพิธี
ขณะที่กำลังเดินเข้าไปหาคุณยาย ผมได้คิดหาคำพูดที่สั้นกระชับที่จะสามารถเข้าใจความรู้สึกของคุณยาย และแล้วอยู่ๆก็มีคำๆหนึ่งได้แล่นเข้ามาในสมองผม เป็นคำพูดซึ่งตัวเองก็ไม่ทราบว่าเคยได้ไปยินมาจากใคร และยังไม่เคยได้พูด ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรก ซึ่งผมเองก็ไม่เคยทราบเลยว่าประโยคนี้ต่อไปจะกลายเป็นประโยคที่พูดติดปากผม ในเวลาต่อๆมา
คุณยายกังวลใจอะไรบ้างไหม
น้ำเสียงเล็กๆของผมได้แล่นเข้ากระทบหูของคุณยาย
สีหน้าของคุณยายค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อย คงมีความงงสงสัย ด้วยเล็กน้อย
ริ้วรอยบนใบหน้าที่เหี่ยวย่น ปมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอยู่ ได้ค่อยคลายออกทีละน้อย
ผมได้สัมผัสกับรอยยิ้มที่ริมฝีปากอ่อนๆ และรอยย่นที่หางตาทั้งสองข้าง ซึ่งทำให้ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของคุณยายได้เป็นอย่างดี
หลังผ่าตัดจะต้องอยู่นอนโรงพยาบาลนานแค่ไหนคะคุณหมอ
เสียงเปล่งของยายเป็นเพียงเสียงแผ่วๆ มีแต่ลมเสียเป็นส่วนใหญ่
คงประมาณ 3-4 วัน แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจนะครับ เดี๋ยวผมจะถามพี่แพทย์ประจำบ้านให้นะครับ เอแต่ยังไม่มีคนบอกเรื่องนี้แก่คุณยายหรือครับ
อ้อ มีคนมาบอกยายแล้วเหมือนกัน ว่าประมาณนี้ แต่ต้องดูหลังผ่าอีกว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนหรือไม่ แต่ตัวยายเองอยากทราบวันที่ต้องกลับจริงๆ เนื่องจากต้องดูว่าตรงกับวันที่ลูกๆคุณยายว่างที่จะมารับกลับบ้านหรือไม่
คำพูดของคุณยาย ณ ขณะนั้นได้ไปสะกิดเบื้องลึกในหัวใจผม
อะไรกันนี่ ยายเป็นคนป่วยเวลาที่จะกลับบ้านยังต้องคอยมาเป็นห่วงลูกๆอีกหรือนี่
แล้วลูกๆได้คิดถึงคุณยายบ้างไหมหนอ งาน,เงินและเกียรติ มันมีค่าเกินกว่าพ่อแม่อีกหรือ
เสียงตะโกนก้องในใจผมดังขึ้น
ครับเดี๋ยวผมจะลองนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับพี่ๆดูนะครับ อืมแล้วคุณยายมีเรื่องกังวลใจไม่สบายอีกมั้ยครับ
หลังผ่าตัดจะกลับมาเดินเป็นปกติได้ไหม คุณยายถามด้วยความกังวล ไม่รู้ว่าชีวิตตัวเองจะเป็นอย่างไรหลังผ่า
ส่วนใหญ่จะกลับมาเดินได้ตามปกตินะครับ แต่ที่สำคัญขึ้นอยู่ใจของคุณยายนะครับ ต้องสู้กับภาวะเสื่อมของร่างกาย อาจจะลำบากในการที่ต้องฝึกเดินตามที่แพทย์แนะนำในช่วงแรก แต่ต่อๆไปจะชินไปเองผมตอบออกไปพร้อมกับกุมมือของคุณยาย
ผมได้ตกใจกับภาพที่เข้ามากระทบสายตาผมอีกครั้ง
คุณยายยกมือขึ้นไหว้ผม กล่าวขอบคุณผมมาก
ทั้งๆที่ตัวผมเองกลับมีความคิดว่ายังไม่ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ
ผมกล่าวลาคุณยาย พร้อมกับยกมือไหว้คุณยายเช่นกัน
พรุ่งนี้เดี๋ยวผมมาดูคุณยายใหม่นะครับ ผมได้ลาคุณยาย
เดินกลับไปเพื่อไปหาเพื่อนตามนัด โดยที่ไม่ได้ไปช้ากว่าที่นัดไว้เลย...
เดินไปพร้อมกับรอยยิ้มของคุณยายที่ได้ฝังลึกลงในหัวใจของผม และคงเป็นเหมือนกำลังใจที่หล่อเลี้ยงผมไปอีกนาน
การที่ผมได้ไปคุยกับคุณยายครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผมในการดูแลผู้ ป่วย
สำหรับหมอตัวน้อยๆอย่างผมนี้ ก็มีความสำคัญต่อผู้ป่วยเหมือนกัน
หากใครว่าหรือมีความคิดว่า เราเป็นแค่นักศึกษาแพทย์คงทำอะไรไม่ได้มากหรอก
ผมคงจะแย้งเป็นเสียงแข็งว่า
ถึงแม้ความรู้เกี่ยวกับโรคทางกายเราอาจจะยังมีไม่เพียงพอ แต่เราสามารถดูแลเรื่องใจของผู้ป่วยได้ ไม่ว่าผู้ป่วยจะป่วยเป็นโรคทางกายอย่างไร ซึ่งเรื่องทางใจนี้ผมเชื่อว่ามันมีความสำคัญไม่แพ้เรื่องกายเลย
ความกังวลใจหรือปัญหาเรื่องทางใจทั้งหลาย มักเป็นปัจจัยอันดับต้นๆที่ทำให้เกิดโรคทางต่างๆมากมาย
แม้เราจะยังไม่มีทักษะการคุยกับผู้ป่วย
ขอเพียงแค่เราเปิดใจรับฟังปัญหาผู้ป่วย ...
คำถามง่ายๆ กังวลใจอะไรไหม
คำถามประจำตัวของผมที่เป็นเหมือนอาวุธคู่กาย ที่ต้องพกติดตัวเวลาจะไปคุยกับผู้ป่วย
หากเราไม่ได้ถามแล้วเราจะรับรู้ปัญหาผู้ป่วยได้อย่างไร
บางครั้งเราอาจจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ด้วยซ้ำ
และเแม้เราจะไม่สามารถแก้ปัญหาให้ผู้ป่วยได้
แต่อย่างน้อยสิ่งที่เราทำนั้น ก็เป็นการให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกทอดทิ้ง ต้องนอนอยู่กับเตียงตามลำพัง... ซึ่งนั่นก็ถือว่า เราได้เยียวยาเพื่อนมนุษย์ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว..... มิใช่หรือ ??
โดย นาย ศุภชัย ครบตระกูลชัย นศพ.ปี 5
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
Create Date :11 พฤศจิกายน 2551
Last Update :13 พฤศจิกายน 2551 18:50:38 น.
Counter : Pageviews.
Comments :7
- Comment
happy วันลอยกระทงครับ
โดย: LovelyPanda
ขวัญเองก็ต้องไปดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง คำถามนี้เป็นคำถามประจำตัวที่ขาดไม่ได้...
เพราะว่าผู้ป่วยที่ขวัญดูแลจะมีความกังวลใจเป็นปกติอยู่แล้วค่ะ...
ถึงแม้ว่าเราจะบอก หรือช่วยแก้ปัญหาไม่ได้
อย่างน้อยผู้ป่วยก็จะมีความสบายใจขึ้นในระดับหนึ่งค่ะ...
โดย: NuHring
ยังไงก็ขอให้พี่อยู่บนโลกไซเบอร์นานๆนะค่ะ
โดย: กล่องของขวัญ
ไม่เคยอ่านประวัติพี่เลย อ่านแต่บล๊อคที่พี่เขียน ขออภัยค่ะ
โดย: กล่องของขวัญ
ขอให้ยึดคำถามนี้และจดจำรอยยิ้มของคุณยายคนนี้ไว้ตลอดเวลาของการเป็นหมอนะคะ
ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่า อย่างน้อยก็ยังมีหมอที่ใส่ใจคนไข้อยู่อีก อยากให้หมอทุกคนเป็นอย่างน้องจัง
ปล. น้องพี่ก็เพิ่งจบหมอมาเหมือนกันคะ แต่เป็นหมอชนบท ตอนนี้ใช้ทุนอยู่ที่รพ.มหาราช นครราชสีมาคะ
โดย: The White Rider
โดย: คนขับช้า
So good to talkto opatient sometime. I'm a student nurse in England. We used to study about one of the subject called ..nursing in context on communication for 5 weeks.I didn't understand why do we need to learn to talk to the patient so much but after I have read u story about this patient I do understand.
Thank you
โดย: Kiky Dee (Look at me now