ยังคงติดเกมและเล่นเฟสมากกว่า อาจไม่ค่อยมาตอบคอมเม้นท์นะคะ

ยาคูลท์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




ข้าพเจ้าเป็นสุข และเชื่อว่าใครก็ตามซึ่งมีรสนิยมในการอ่านหนังสือดี ย่อมสามารถทนต่อความเงียบเหงาในทุกแห่งได้ -- วาทะของท่านมหาตมะ คานธี


Book Archive by Group



หมายเหตุ: โซน Romance และ การ์ตูน ยังไม่ทำเพราะมีน้อย


Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
24 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ยาคูลท์'s blog to your web]
Links
 

 

นักอยากเขียน

ผู้แต่ง: ศุ บุญเลี้ยง
สำนักพิมพ์: วงกลม
พิมพ์ครั้งแรก เมษายน 2549
ราคา 110 บาท

[จากปกหลัง] มีคนจำนวนมาก อยากเป็นนักเขียน แต่ไม่ค่อยเขียน ข้าพเจ้ามีคำแนะนำข้อแรกง่าย ๆ สั้น ๆ ว่าให้ท่านเป็นนักอยากเขียนเสียก่อน ไม่ใช่คิดแต่จะเป็นนักเขียน โดยไม่ลงมือเขียนอะไรสักอย่าง

และแม้จะเป็นนักเขียนแล้ว เขาก็ควรจะรักษาความเป็นนักอยากเขียนเอาไว้ เพราะความอยาก ทำให้เกิดการฝึกฝน และอารมณ์ร่วมในการสร้างงาน

ต่อให้เก่งเพียงไร หากไม่อยากเขียน โอกาสที่จะเป็นนักเขียนชั้นดีย่อมริบหรี่
เขียนบอกตัวเองด้วยนะนี่

เขียนต่อไปพ่อหนุ่ม สู้ต่อไปไอ้มดแดง พวกเราเอาใจช่วย

ศุ บุญเลี้ยง

* * * * * *


เล่มนี้ยืมคุณคนขับช้ามาอ่าน (นานเชียว) ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ในเล่มแบ่งเป็นบทย่อย เล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่าผู้เขียนเริ่มเดินบนเส้นทางน้ำหมึกได้อย่างไร เริ่มจากความประทับใจในวัยเด็ก เมื่อการบ้านเรียงความที่เขียนแบบไม่ตั้งใจกลับเรียกเสียงหัวเราะและคำชมได้ หลังจากนั้น ถึงตอนโตจะเกือบเลือกเป็น "นัก" อย่างอื่นที่ไม่ใช่ "นักเขียน" ก็ยังโชคดีที่มีกัลยาณมิตรชักชวนอ่านหนังสือ มีรุ่นพี่คอยให้คำแนะนำ บวกกับผู้เขียน "อยากเขียน" และลงมือเขียน ยามรักก็เขียน ยามท้อก็เขียน ยามรำคาญก็ยังเขียน จึงได้กลายเป็นนักเขียนเช่นปัจจุบัน

ระหว่างที่เล่าเรื่องพวกนี้ ผู้เขียนจะแทรกคำแนะนำเหล่านักอยากเขียนไว้ด้วย เช่น บอกให้เขียน "บันทึกประจำตัว" ทุกครั้งที่เกิดความคิดอะไรแว่บขึ้นมา แทนที่จะเขียน "บันทึกประจำวัน" ซึ่งอาจจะมีเนื้อหาซ้ำซากทุกวัน

จขบ. ชอบคำแนะนำที่บอกให้เขียนเสร็จแล้วทิ้งไว้นาน ๆ ค่อยกลับไปอ่านอีกที หรือใช้หัวข้อเดิมเขียนงานขึ้นมาใหม่อีกชิ้นโดยใช้มุมมองอื่น หรือเขียนส่วนหนึ่งของพล็อตไว้หลายเวอร์ชั่นแล้วมาเลือกทีหลัง
ประโยชน์ของการทำแบบนี้คือเจ้าตัวสามารถเปรียบเทียบงานตัวเองได้ ยิ่งถ้าไม่ย่อท้อ หมั่นทดลองอะไรใหม่ ๆ ก็อาจกลายเป็นการพัฒนาฝีมือได้ ... ในเล่มจะมีตัวอย่างงานเก่า-งานใหม่ลงเทียบกันให้ดูด้วย อ่านแล้วเห็นความแตกต่างจริง ๆ ค่ะ

น้ำเสียงที่เล่าออกแนวสบาย ๆ ไม่ถึงกับเป็นอัตชีวประวัติหรือคู่มือการเขียน หากเป็นคำแนะนำที่กลั่นจากประสบการณ์ตัวเองเสียมากกว่า นักอยากเขียนอาจหยิบมาอ่านเพื่อลองทำตาม ส่วนนักอ่านธรรมดาอ่านเอาเพลินค่ะ

กลอนที่ชอบในเล่ม:

คุณศุเขียนกลอนนี้จากความรำคาญรุ่นพี่มหาวิทยาลัย จากนั้นนำไปแปะบอร์ดให้เห็นทั่วกัน เป็นกลอนที่อาจารย์เลือกมาพิมพ์เป็นชีทแจกให้นิสิตวิจารณ์

กูไม่ใช่นกน้อย...ที่บินวนเวียนอยู่ในไร่ส้ม
กูไม่ใช่แมงมุม...ผู้สร้างสายใยให้สังคม
กูไม่ใช่ดอกไม้บานต้านพายุ สู้กลางแดด
กู...แค่คนบ้านนอก
ที่บังเอิญได้เข้ามาในสถาบันอันทรงเกียรติ
กูจะเป็นปัญญาชน เหมือนคนอื่นรึเปล่า...กูไม่แน่ใจ
แต่ว่า
ถ้า...คุณรักความจริง
ถ้า...คุณไม่หยิ่งเกินไป
และ...ถ้า...คุณใจกว้างพอ
คุณเป็นเพื่อนกับกูได้


คุณศุเขียนกลอนนี้ตอนปีสอง ระบายความอึดอัดที่เห็นแต่พูดไม่ได้ ชิ้นนี้จะใช้นามปากกา (ไม่งั้น...)

น้อง น้อง น้อง น้อง น้อง
ร่ำร้องเรียกน้องๆ มีของขาย
สมุดครับสมุด
ฉุดน้องไว้ จะเดินไปง่ายๆ
เอ๊ะ ได้ยังไง...
น้อง น้อง น้อง น้อง น้อง
ร่ำร้องเรียกน้องมีของขาย
ซื้อแล้วซื้ออีกได้
พี่ ๆ ดักไว้..ทุกทาง
น้อง น้อง น้อง น้อง น้องจ๋า
น้องคะ น้องขา น้องของพี่ ควักเงินมาเสียดีๆ
พี่นี้อุตส่าห์มาเฝ้ารอ
ทางโน้นเสื้อ...ทางนี้สมุด
เร้ว...เร็ว..ช่วยกันฉุดน้องไว้
ไม่ซื้อ ต้องยื้อ ต้องตื๊อให้ได้
ดักไว้ ดักไว้ เพื่อ...เงิน
คนกลางเปลว



บทนี้เกิดจากความท้อของผู้แต่ง ซึ่งบอกว่า..หลังจัดการให้คนที่รักเป็นดั่งใจไม่ได้ จึงตั้งใจว่าจะจัดการกับตัวเอง ให้ตัวเองได้ทำสิ่งที่รัก

ค่อยๆ เก็บความทุกข์ทิ้งลงถัง
กอบความหวังมัดรวมเป็นกำใหญ่
ปัดความเศร้าที่ทับถมให้หมดไป
เปิดหน้าต่างรับแดดใสที่สาดมา
จับความบ้าขึ้นเขียงลงมือหั่น
หยิบความฝันใส่กรอบแขวนข้างฝา
ปักความรักลงกระถางริมชายคา
เริ่มต้นใหม่อย่ารอช้าท้าตัวเอง



ชิ้นนี้ ผู้แต่งเขียนขึ้นตอนเข้าค่าย

หว่านความรักลงที่นั่น ปลูกต้นฝันในใจเจ้า รินรด น้ำ..ค่ำ..เช้า เด็ดใบเศร้าทิ้งไป บำรุงรากด้วยรัก กิ่งโน้มหนักอ่อนไหว รอผลหวานแม้นานไกล โคนต้นใหญ่ยังมั่นคง




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2550
9 comments
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2550 2:06:13 น.
Counter : 1303 Pageviews.

 

ถ้าจำไม่ผิด(หรือคิดผิด)เคยอ่านฉบับทำมือ หุหุ

 

โดย: สายลมอิสระ 25 กุมภาพันธ์ 2550 1:38:58 น.  

 

ไม่ได้อ่านงานพี่จุ้ยนานแล้ว

 

โดย: ผู้สาวเมืองยศ 25 กุมภาพันธ์ 2550 7:21:39 น.  

 

อ่านแค่ปกหลังก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วค่ะ

เท่าที่อ่านตรงรีวิว หลายข้อก็เป็นสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นะ อิอิ

งานหนังสือคราวนี้ ถ้าไม่ลืม จะไปเก็บมาสักเล่ม ^^

 

โดย: Clear Ice 25 กุมภาพันธ์ 2550 9:14:55 น.  

 

เดจาวู

เหมือนเคยอ่านแล้วง่ะ

แต่ไหงนึกไม่ออกว่าเคยซื้อมาหว่า

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2550 12:13:32 น.  

 

ชอบแนวคิดและความกล้าเสนอความคิดที่ไม่แคร์ที่จะไม่เหมือนใครของศุ บุญเลี้ยง

 

โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ 25 กุมภาพันธ์ 2550 12:51:06 น.  

 

2 รอบแล้วที่เราหยิบแล้ววาง

แต่งานหนังสือคราวนีจะหยิบแล้วจ่ายเงินค่ะ

 

โดย: Masaomi 25 กุมภาพันธ์ 2550 13:34:50 น.  

 

ไม่เคยอ่านงานของ ศุ บุญเลี้ยงเลย

 

โดย: กระปุกกลิ้ง IP: 203.150.232.68 26 กุมภาพันธ์ 2550 10:35:33 น.  

 

ไม่เคยอ่านงานของพี่เค้าเหมือนกันค่ะ

 

โดย: คอเล่า IP: 202.44.135.35 26 กุมภาพันธ์ 2550 20:37:16 น.  

 

ไม่เคยอ่านงานของพี่จุ้ยเลยค่ะ
แต่เคยฟังเพลง ชอบๆ

 

โดย: piccy IP: 124.120.235.105 27 กุมภาพันธ์ 2550 8:02:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.