ในสมัยอดีตกาล เมื่อ "ต้าอี่ว์" สืบทอดราชบังลังก์จากกษัตริย์ "ซุ่น" กลายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน แต่กลับใช้ชีวิตอย่างสมถะ ปราศจากความละโมบโลภมาก ข้าวของเครื่องใช้ล้วนทำจากไม้ที่ไม่ผ่านการแกะสลัก พระราชวังก็เป็นเพียงห้องหับพื้นๆ อาหารการกินมีเพียงข้าวแข็งหยาบกับแกงจืดที่ต้มจากผักพื้นบ้าน เครื่องนุ่งห่มเป็นผ้ากระสอบแข็งระคายและใช้หนังกวางมาเป็นเครื่องป้องกันความหนาวเมื่อถึงฤดูหนาว ครั้งหนึ่ง ต้าอี่ว์เดินทางล่องเรือไปยังแดนใต้ โดยสารเรือลำหนึ่งข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ขณะที่เรือแล่นไปถึงใจกลางลำน้ำ พลันมีมังกรสีเหลืองตัวใหญ่มหึมาโผล่ขึ้นมาจากสายน้ำ มังกรตัวนั้นไม่ทราบมีความยาวเท่าใด แต่เฉพาะส่วนหางก็มีขนาดใหญ่โตเทียบได้กับเรือลำหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อมังกรเหลืองตัวนั้นโบกสะบัดหาง สายน้ำก็ถูกม้วนกลายเป็นคลื่นยักษ์ลูกแล้วลูกเล่าสาดซัดเข้าใส่ลำเรือ จนเรือโคลงเคลงไปมา เท่านั้นไม่พอ มังกรเหลืองยังดำลงไปใต้ท้องเรือ ใช้ส่วนหลังยกลำเรือขึ้นแล้วว่ายพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผู้โดยสารที่อยู่บนเรือต่างพากันหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด คงมีเพียงต้าอี่ว์ ผู้เดียวที่รักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ราวกับไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เหล่าผู้ติดตามเห็นต้าอี่ว์ไม่มีทีท่าหวาดกลัว จึงเอ่ยถามด้วยความข้องใจว่า "เวลานี้ เรืออาจจะพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ พวกเราก็อาจจะกลายเป็นอาหารในปากมังกรเหลือง แต่เหตุใดใต้เท้ายังคงลักษณะสำราญใจเช่นนี้?"
|