"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 ตุลาคม 2558
 
All Blogs
 

หญิงไทยเมียฝรั่งคบชู้ฆ่าผัว!.. แต่ฝรั่งทั้งบางกอกและรัฐบาลสหรัฐกลับช่วยเธอให้รอดตาย!!

 โดย โรม บุนนาค 

 

หญิงไทยเมียฝรั่งคบชู้ฆ่าผัว!.. แต่ฝรั่งทั้งบางกอกและรัฐบาลสหรัฐกลับช่วยเธอให้รอดตาย!!
หญิงไทยสมัย ร.๕

       

 ในช่วงต้นรัชกาลที่ ๕ ได้เกิดคดีฆาตกรรมสนั่นเมืองขึ้นคดีหนึ่ง เมื่อมีผู้พบศพ กัปตันจอห์น สมิธ ชาวอเมริกัน ผู้ทำหน้าที่นำร่อง ลอยอืดขึ้นมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากชาวไทยและชาวต่างปะเทศเป็นจำนวนมาก

เพราะผู้ตายเป็นฝรั่งและถูกฆ่าอย่างโหดร้าย ต่อมาก็จับฆาตกรที่รุมสังหารได้ทั้งชุด ปรากฏว่าเป็นคนไทยทั้งหมด ศาลสยามจึงดำเนินคดีอย่างเร่งรีบ ด้วยการตัดสินประหารชีวิตเพื่อเอาใจฝรั่ง

แต่ปรากฏว่าเรื่องกลับโอละพ่อ ฝรั่งที่อยู่ในบางกอกจำนวนมากกลับเห็นใจจำเลย กดดันให้กงสุลอเมริกันช่วยเหลือให้รอดชีวิต กลายเป็นเรื่องสำคัญ ถึงกับรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเสนอแนะหาทางเปลี่ยนคำพิพากษาของศาลสยาม
       
       คดีเริ่มขึ้นในเช้าตรู่ของวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๔๑๒ เมื่อนายอินกับญาติคนหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ที่หลังโบสถ์แบบทิสท์ ถนนตก เข้าแจ้งกับนายอำเภอว่า เมื่อคืนนี้ได้ยินเสียงหลายคน รุมตีใครคนหนึ่งในบริเวณบ้านกัปตันสมิธและภรรยาซึ่งอยู่ติดกัน

พร้อมกับได้ยินเสียงร้องครวญครางอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงียบหายไป จำได้ว่าเป็นเสียงของกัปตันสมิธ
       
       เมื่อเจ้าหน้าที่ไปสอบสวนที่บ้านกัปตันสมิธ พบนางสมิธซึ่งใบหน้าบวมช้ำเป็นปื้นใหญ่ ยืนยันว่าไม่รู้จริงๆ ว่ากัปตันสมิธหายไปไหน เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจบริเวณหลังบ้าน ก็พบว่าพื้นที่ซึ่งเละเป็นโคลน มีรอยเท้าคนย่ำไปมาและมีรอยลากของหนัก

ทั้งยังมีรอยเลือดที่ประตูกระต๊อบที่อยู่หลังบ้านด้วย ใกล้ๆ กระต๊อบยังพบด้ามผึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือถากไม้คล้ายขวานอันหนึ่งเปื้อนโคลนตกอยู่
       
       เจ้าหน้าที่สืบรู้ว่านางสมิธมีชู้ชื่อ นาค และพบเขาที่กระต๊อบหลังบ้านกัปตันสมิธ ซึ่งเป็นที่อยู่ของ กลม และหัน ทาสของนางสมิธ จึงจับทั้งสามคนไปสอบสวน แต่ทุกคนต่างปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น จึงคุมตัวไว้ก่อนฐานสงสัย
       
       ต่อมาศพของกัปตันสมิธก็ลอยขึ้นมาที่หน้าบริษัทบอร์เนียว นายแพทย์แคมป์แบลล์ ทำการชัณสูตร พบว่ากระดูกใบหน้าด้านขวาหัก มีรูซึ่งแสดงว่าถูกแทงที่แก้มด้านขวา คอข้างขวามีรอยบาดลึกถึงเส้นเลือดใหญ่เป็นแผลยาวประมาณสี่นิ้ว

มีรอยแทงทะลุคอและมีรอยทุบข้างหลังตรงคอต่อ ที่ศีรษะมีรอยแผลหลายแห่ง จึงลงความเห็นว่ากัปตันสมิธตายเพราะถูกฆาตกรรม
       
       ในที่สุดกลม ก็รับสารภาพว่า นายหญิงของเขา คือนางสมิธเป็นคนขอให้เขาฆ่ากัปตันสมิธ โดยสัญญาว่าจะปล่อยเขากับเมียเป็นไทตอบแทน เขาจึงร่วมกับหมอนาค สังหารกัปตันสมิธ
       
       นางสมิธเป็นลูกจีนในไทยชื่อ เชี่ยว พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเล็ก ญาติพี่น้องจึงนำไปเป็นทาสหลวงของวังหน้า พออายุ ๒๐ ปีเป็นสาวเต็มตัว ราชองครักษ์ในพระบาสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เป็นผู้ชักนำให้ได้กับ กัปตันจอห์น สมิธ ชาวอเมริกัน

ซึ่งมาอยู่บางกอกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒ ทำหน้าที่นำร่องแม่น้ำ และแต่งงานกันที่สถานกงสุลอเมริกันใน พ.ศ. ๒๔๐๗ มีลูกด้วยกัน ๔ คน และยังมีลูกบุญธรรมอีก ๑ คน ตั้งชื่อว่า แมรี่ แดเนียล เวบสเตอร์ เจมส์ และซาราห์

ขณะนั้นนางเชี่ยว ยังตั้งครรภ์ลูกคนที่ ๕ ด้วย ซึ่งยังเป็นที่สงสัยว่าเป็นลูกใครกันแน่
       
       กัปตันสมิธแก่กว่านางเชี่ยวถึง ๒๐ ปี เป็นนักดื่มอย่างฉกาจฉกรรจ์ เมาตลอดเวลา มีนิสัยฉุนเฉียวง่ายและดุร้าย กลับเข้าบ้านทีไรก็เฆี่ยนตีภรรยาอย่างโหดร้าย

เธอเคยร้องทุกข์ต่อกงสุลจอห์น แฮสเซ็ทท์ แซนด์เลอร์ ๓ ครั้ง กงสุลเวสเตอร์ เวลท์ ๑ ครั้ง และกงสุลนอร์แมน เอ. แมคโดนัลท์ ๓ ครั้ง

เรียกว่ากงสุลอเมริกันเปลี่ยนมากี่คน ก็ได้รับการร้องทุกข์จากเธอทุกคน ซึ่งทุกครั้งกัปตันสมิธจะถูกเรียกตัวมาว่ากล่าวตักเตือน แต่พอเมาเขาก็ยังโหดร้ายทารุณเมียตามเคย จนเป็นที่กล่าวขานกันไปทั้งในหมู่คนไทยและฝรั่ง
       
       เชี่ยวหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตอันขมขื่น อยากจะตายหรือหนีไปให้ไกลสุดจากผัวที่ชั่วร้าย แต่เธอก็ไม่มีปัญหาจะหนีไปไหนได้ จนกระทั่งได้พบกับหมอนาค
       
       หมอนาคอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเชี่ยว พ่อตายตั้งแต่อายุ ๑๔ จึงไปเป็นลูกศิษย์วัด ต่อมาก็บวชเป็นพระ ปรนนิบัติรับใช้พระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรให้ จนนาคมีความเชี่ยวชาญ

จึงสึกออกมาเป็นแพทย์แผนโบราณ และเปลี่ยนผู้หญิงที่อยู่ด้วยไปเรื่อยๆ จนได้มาพบเชี่ยว เมื่อลูกของเธอคนหนึ่งป่วย พาไปหาหมอฝรั่งก็รักษาไม่หาย จึงไปตามเขามา ซึ่งนาคก็รักษาให้หายได้
       
       เมื่อได้รับรู้ชีวิตอันขมขื่นของเธอ นาคก็เห็นใจ มีความสนิทสนมกันมากขึ้น เมื่อกัปตันสมิธไม่อยู่บ้าน ในที่สุดเขาก็ตกหลุมรักสาวลูก ๔ จึงขอให้เธอเลิกกับกัปตันสมิธมาอยู่กินกับเขา

เชี่ยวว่าถ้าเขารักเธอจริง ต้องพาเธอหนีไปอยู่จังหวัดทางภาคเหนือที่กัปตันสมิธตามไม่พบ ทั้งสองได้ไปสาบานกันที่วัดแห่งหนึ่งว่า จะเป็นตายอย่างไรก็จะไม่ทอดทิ้งกัน
       
       เชี่ยวขอร้องอีกอย่างว่า เธอคงจะไปอย่างไม่มีความสุข หากไม่ได้ชำระแค้นผัวฝรั่ง ที่สร้างความขมขื่นให้ชีวิตมาหลายปี ซึ่งนาคก็ยอมตามเธอทุกอย่าง
       
       เชี่ยวเห็นว่าอ้ายกลม ทาสของเธอล่ำสันแข็งแรงน่าจะช่วยเรื่องนี้ได้ จึงเรียกมันมาเกลี้ยกล่อมว่า ถ้ามันช่วยฆ่าผัวของเธอได้ จะให้มันเป็นไท กลมเห็นโอกาสที่จะไม่ต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต จึงตกลง เชี่ยวได้พาหมอนาค ไปนัดแนะกับอ้ายกลมที่กระต๊อบของมัน ต่อหน้าอีหันเมียของกลม และว่า
       
       “ฉันจะวางแผนให้เอง”
       
       ในวันที่รู้ว่ากัปตันสมิธจะต้องกลับบ้าน เชี่ยวเอาลูกไปฝากคนเลี้ยงไว้แต่เช้า พอกัปตันสมิธเมากลับมา เธอก็บอกว่าจะไปรับลูก แล้วเดินออกไป โดยไม่ฟังว่าผัวฝรั่งจะว่าอย่างไร กัปตันสมิธระแวงอยู่แล้วว่าเมียคบชู้จึงคว้ามีดตามไป

เชี่ยวเห็นผัวตามมา ก็เข้าแผนที่วางไว้ จึงตรงไปที่กระต๊อบหลังบ้าน ซึ่งนัดหมายหมอนาคกับอ้ายกลมไว้ กัปตันสมิธตามไปเห็นทั้ง ๓ ยืนคุยกันอยู่ที่ระเบียงกระต๊อบ เขาจึงตรงเข้าตบเธอ และจ้วงแทงอ้ายกลม มันเอี้ยวหลบแต่ก็โดนที่สะบัก

หมอนาคเตรียมตัวอยู่แล้ว จึงเข้าหวดกัปตันสมิธที่ต้นคอด้วยด้ามผึ่ง กัปตันสมิธตกจากระเบียงลงไปในโคลน หมอนาคโดดตามไปกระชากคอให้พลิกตัวขึ้นมาแล้วหวดซ้ำอีก กลมก็เข้าช่วยอีกคน กัปตันสมิธ ร้องเสียงแหลมได้สองครั้งก็สิ้นใจ
       
       เชี่ยวสั่งการให้นำเรือมาใส่ศพไปทิ้งโดยผูกหินถ่วงน้ำ นาคกับกลมช่วยกันห่อศพด้วยผ้าที่เชี่ยวเอามาให้ ลากใส่เรือนำไปหย่อนกลางแม่น้ำ แล้วกลับมานอนที่กระต๊อบอ้ายกลม พากันหลับสนิทจนตำรวจมา
       
       ทั้งหมดวางแผนกันไว้ว่า ในวันรุ่งขึ้นจะแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง กว่าคนจะรู้ว่ากัปตันสมิธถูกฆ่าก็คงไปกันไกลลิบแล้ว แต่เสียงร้องของกัปตันสมิธก่อนตาย ทำให้พวกเขาพบจุดจบโดยไม่ต้องรอให้ศพโผล่มาฟ้อง
       
       ศาลสยามรีบดำเนินคดีเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เห็นว่าทางการสยามเอาใจใส่การทำร้ายฝรั่งเป็นพิเศษ คำพิพากษามีว่า
       
       “ศาลลงความเห็นว่า อีเชี่ยวเป็นเมียของกัปตัน เจ.สมิธ เขารักนางและนางก็มีลูกกับเขาถึงสี่คน นางจึงควรรู้สึกกตัญญูสำนึกในความกรุณาปราณีของผัว และปรนนิบัติรับใช้เขาอย่างซื่อสัตย์
       
       แต่อีเชี่ยวเป็นหญิงสามานย์ ไม่ซื่อสัตย์ต่อผัวและลอบมีชู้ ไอ้นาคบังอาจลอบเป็นชู้กับอีเชี่ยวเมียของกัปตันเจ.สมิธ และสมคบกันวางแผนกับอ้ายกลมและอีเชี่ยว โดยอีเชี่ยวเป็นคนยุยงให้อ้ายนาคกับอ้ายกลมฆ่ากัปตันสมิธ โดยไม่เคารพต่อกฎหมายหรือกลัวการลงโทษทัณฑ์ใดๆ
       
       อ้ายนาคกับอ้ายกลมสมคบกันทำร้ายและตีกัปตันสมิธจนถึงแก่ชีวิต แล้วถ่วงลงแม่น้ำ ส่วนอีหันรู้เห็นเป็นใจในเรื่องนี้
       
       ด้วยเหตุนี้ ทั้งอีเชี่ยวซึ่งเป็นต้นคิด และอ้ายนาคกับอ้ายกลมผู้ลงมือฆ่ากัปตันจอห์น สมิธ จึงมีความผิดฐานฝ่าฝืนกฎหมาย จะต้องได้รับโทษสถานหนักที่สุด ส่วนอีหันซึ่งรู้เห็นเป็นใจทำผิดกฎหมาย จะต้องได้รับโทษสถานเบา”
       
       กฎหมายลักษณะผัวเมียซึ่งใช้กันอยู่ในสมัยนั้นกล่าวว่า
       
       “หญิงที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อผัวและมีชู้ ถ้าชู้กระทำฆาตกรรมผัวโดยตีหรือแทง ท่านว่าให้หญิงนั้นและชายชู้ตายตกไปตามกัน ถ้าผัวไม่ถึงแก่ความตายแต่ได้รับบาดแผลเจ็บป่วยลง ชู้จะถูกปรับเป็นสองเท่าของค่าปรับสำหรับความผิดร้ายแรงที่สุดต่อคดีผัวเมีย

และจะเรียกปรับเพิ่มได้สำหรับบาดแผลและความเจ็บป่วยนั้น ส่วนเมียจะถูกประจานตามกฎหมาย”
       
       และยังมีกฎหมายอาญาอีกบทกล่าวว่า หากผู้ใดว่าจ้างหรือวานให้ผู้อื่นใช้หอก ดาบหรือ อาวุธใดๆ ทำการตีหรือแทง ถ้าผู้ตีหรือแทงทำให้เกิดบาดแผลหรือเจ็บป่วย ผู้ว่าจ้างหรือผู้วานจะโดนใส่คา เครื่องทรมาน และทั้งสองจะถูกปรับตามกฎหมาย

แต่ถ้าตีและแทงจนถึงแก่ความตาย คนต้นคิดและคนลงมือจะถูกประหารชีวิต ทั้งจะถูกริบทรัพย์ ช้าง ม้า วัว ควาย และทาสเป็นของหลวงด้วย
       
       สำหรับคดีนี้ อ้ายนาคมีความผิดฐานเป็นชู้กับอีเชี่ยว และทุบตีฆ่ากัปตันสมิธ
       
       อีเชี่ยวมีความผิดฐานเป็นชู้กับอ้ายนาคและเป็นคนต้นคิดฆ่ากัปตันสมิธ
       
       อ้ายกลมมีความผิดฐานกระทำการทุบตีและฆ่ากัปตันสมิธ
       
       อีหันมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับอ้ายนาค อ้ายกลม และอีเชี่ยว
       
       ศาลจึงตัดสินลงโทษให้เฆี่ยนจำเลยทั้ง ๔ คนละ ๓ ยก ยกละ ๓๐ ที จากนั้นให้นำอ้ายนาค อ้ายกลมและอีเชี่ยวประจานทางบกสามวัน ทางน้ำสามวัน และขึ้นขาหยั่งประจานอีกสามวัน ก่อนที่จะให้นำตัวไปประหารในที่สาธารณะ
       
       ส่วนอีหันซึ่งรู้เห็นเป็นใจจะต้องตกเป็นทาสหลวง เช่นเดียวกับลูกๆ ของอีเชี่ยวและลูกเมียของอ้ายนาค ที่ไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องนี้ด้วย ก็ต้องถูกริบเป็นทาสหลวง เพื่อไม่ให้ผู้คนเอาเป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
       
       พระยาราชรองเมือง ได้นำคำตัดสินของคณะผู้พิพากษาเสนอต่อผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ซึ่งท่านผู้สำเร็จฯ มีความเมตตาให้งดโทษประจานทางบกและขึ้นขาหยั่ง อ้ายนาคอ้ายกลมและอีเชี่ยว ให้เอาตัวไปประจานทางน้ำ เฆี่ยน ๓ ยก แล้วประหาร
       
       ส่วนอีหันซึ่งกำลังมีครรภ์ ให้งดโทษเฆี่ยนเสีย แต่ต้องตกเป็นทาสหลวงทำงานในโรงสีข้าว เช่นเดียวกับลูกๆ ของอีเชี่ยวและลูกเมียของอ้ายนาค
       
       สำหรับอีเชี่ยวซึ่งกำลังมีครรภ์เช่นกัน ท่านผู้สำเร็จราชการแผ่นดินให้เลื่อนการเฆี่ยน และการประหารออกไปหลังคลอด
       
       แม้ศาลสยามจะมองนางเชี่ยวว่าเป็นผู้หญิงชั่วช้าสามานย์ แต่คนอเมริกันและคนตะวันตกในบางกอก กลับเห็นใจเธอไม่น้อย ที่ถูกกดขี่บีบคั้นทารุณจากผัวผู้ชั่วร้าย จนเธอต้องทำเช่นนี้

ส่วนกงสุลอเมริกันมองว่าเรื่องนี้เป็นการคุกคาม “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” ของตนที่มีอยู่เหนือแผ่นดินสยาม แต่เมื่อศาลสยามรวบรัดตัดสินไปแล้ว ก็ไม่กล้าคัดค้านให้เกิดกรณีขัดแย้งกันขึ้น

กงสุลแมคโดนัลด์จึงมีหนังสือประท้วงอย่างนิ่มๆไปว่า ขอขอบคุณทางการสยามที่สามารถจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้อย่างรวดเร็ว และตั้งคำถามขึ้นมาว่า

สยามหรือสหรัฐอเมริกาเป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดี กับภรรยาหม้ายของกัปตันสมิธ เพราะนางแต่งงานกับคนอเมริกันถูกต้องตามกฎหมาย ในกรณีนี้กงสุลอเมริกันจะยอมให้รัฐบาลสยามลงโทษนางตามที่ได้พิพากษาไปแล้ว แต่ขออย่าได้ยึดถือเป็นแบบอย่างในกรณีอื่นๆ ต่อไป
       
       เจ้าพระยาพระคลัง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลชาวต่างประเทศได้ตอบอย่างสุภาพ แต่กลับเป็นการวางหมาก ที่ทำเอากงสุลแมคโดนัลด์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก โดยกล่าวว่า
       
       ถ้ากงสุลแมคโดนัลด์เห็นว่า ภรรยาหม้ายของกัปตันสมิธอยู่ในอำนาจของศาลอเมริกัน ก็ไม่ควรปล่อยให้ศาลสยามลงโทษนาง เพราะในสนธิสัญญามีอยู่ว่า

เมื่อใดที่คนในบังคับของกงสุลอเมริกันประกอบอาชญากรรมร้ายแรง มีโทษถึงประหารตามกฎหมายสยาม จะต้องไม่ลงโทษที่สยาม แต่ต้องส่งตัวให้แก่กงสุล เพื่อให้ส่งกลับไปรับโทษที่ประเทศของตน
       
       ข้อความในหนังสือของเจ้าพระยาพระคลังลงท้ายว่า
       
       “ข้าพเจ้าขอส่งตัวนางเชี่ยวมาให้ท่านตามสนธิสัญญา เพื่อให้ส่งไปรับโทษตามแต่ที่ท่านผู้มีเกียรติจะเห็นสมควร”
       
       กงสุลแมคโดนัลด์ได้รับหนังสือแล้วก็อึ้งไป เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งตัวนางเชี่ยวไปลงโทษที่อเมริกา จึงขอให้รัฐบาลสยามรอการประหารนางไว้ก่อน จนกว่าทางกงสุลจะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลอเมริกัน
       
       ในระหว่างนั้น หมอนาค อ้ายกลมที่ไม่มีใครช่วยได้ ก็ถูกนำไปตัดหัวที่วัดโคก โดยมีชาวตะวันตกหลายคน ถูกเชิญมาเป็นสักขีพยานว่า รัฐบาลสยามมีความตั้งใจ ที่จะพิทักษ์ชีวิตร่างกายและเกียรติยศของฝรั่งอย่างจริงจัง
       
       ระหว่างที่นางเชี่ยวถูกจองจำอยู่ในคุกรอคลอดบุตรคนที่ ๕ นั้น พลเอก เอฟ.ดับบลิว. พาร์ทริดจ์ ก็เข้ารับหน้าที่กงสุลอเมริกันคนใหม่ และได้รับคำตอบจากรัฐบาลอเมริกันแจ้งมาว่า
       
       กฎหมายของสหรัฐที่ยินยอมให้สัญชาติแก่หญิงต่างชาติ ที่แต่งงานกับชาวอเมริกัน มีผลบังคับใช้เฉพาะในดินแดนและเขตอำนาจของศาลสหรัฐเท่านั้น แต่จะนำมาใช้บังคับกับหญิงสยามที่แต่งงานกับชาวอเมริกันที่ยังอยู่ในสยามต่อไปหรือไม่นั้น

ต้องแล้วแต่กฎหมายสยามว่าจะกำหนดไว้อย่างไร ทั้งยังชมกงสุลแมคโดนัลด์ ที่ปล่อยเรื่องนี้ให้อยู่ในการพิจารณาของศาลสยาม แต่สงวนสิทธิ์ที่จะคัดค้านในกรณีอื่นต่อไป
       
       กระทรวงต่างประเทศสหรัฐยังตั้งข้อสังเกตไว้อีกว่า ตามรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์เสนอในทำนองว่า กลมฆ่ากัปตันสมิธก็เพื่อป้องกันตัว เพราะถูกกัปตันสมิธทำร้ายก่อน การกระทำของเขาจึงไม่ใช่การจงใจฆ่า

ฉะนั้นแม้มิสซิสสมิธจะมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด ก็ควรจะได้รับโทษที่เบาลง และอาจได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายสยาม ลดหย่อนจากโทษร้ายแรงถึงประหารชีวิตได้
       
       พลเอกพาร์ทริคจ์ได้รับคำตอบเช่นนี้ก็ไม่พอใจ เขากล่าวว่ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐ มองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่า สหรัฐมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขตในสยามตามสนธิสัญญา การฆาตกรรมทำในบ้านกัปตันสมิธ ย่อมเหมือนกับกระทำในอเมริกา

และการสมรสก็กระทำที่สถานกงสุล ซึ่งถือว่าเป็นดินแดนของสหรัฐ มิสซิสสมิธจึงควรได้รับการไต่สวนโ ดยศาลกงสุลที่กรุงเทพฯ ตามกฎหมายของรัฐนิวยอร์ค ที่เป็นบ้านเกิดของกัปตันสมิธ

หากยอมรับว่ามิสซิสสมิธยังเป็นพลเมืองสยาม นอกจากนางจะต้องถูกตัดหัวแล้ว ลูกๆ ของนางทั้ง ๔ คนรวมทั้งคนที่จะเกิดใหม่ ก็จะต้องตกเป็นทาส ทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็จะถูกริบเป็นของหลวงด้วย

กงสุลพาร์ทริดจ์ได้ขออนุมัติกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ที่จะต้องคัดค้านเรื่องนี้ เนื่องจากมีแรงกดดันจากชาวต่างชาติในสยามหลายคน ที่เห็นใจมิสซิสสมิธ

และแม้การกระทำของนางจะโหดเหี้ยม แต่ทุกคนก็ไม่พอใจที่ลูกๆ ของกัปตันสมิธ จะต้องตกเป็นทาสไปตลอดชีวิต จากอาชญากรรมที่แม่ทำลงไป
       
       กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ หลีกเลี่ยงที่จะขัดแย้งกับรัฐบาลสยามในเรื่องนี้ แต่แนะนำกงสุลพาร์ทริดจ์ว่า ถ้าทางการสยามจะหาเหตุผลมาลดหย่อนผ่อนโทษให้มิสซิสสมิธได้ รัฐบาลสหรัฐก็จะพอใจมาก

และให้ย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มีกรณีใดเลย ที่กฎหมายสหรัฐจะโยนบาปของอาชญากรให้แก่บุตร ซึ่งปราศจากความผิด กงสุลพาร์ทริดจ์ได้รับคำสั่งให้กล่าวว่า

รัฐบาลและประชาชนอเมริกันเห็นว่า เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมาก ที่บุตรจะต้องตกเป็นทาส เพราะความผิดของบิดามารดา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

รัฐบาลอเมริกันแม้จะไม่มีสิทธิ์คัดค้าน แต่ก็ใคร่จะวิงวอนขอร้องว่า ถ้าจะเกิดผลร้ายแก่ลูกๆ เช่นนั้น ถึงแม้จะต้องอภัยโทษทั้งหมดให้แก่มารดาก็ควรทำ
       
       กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ยังได้แนะนำให้ใช้วิธีทางกฎหมาย ที่จะเป็นประโยชน์ทั้งตามความมุ่งหมายของกฎหมายสยามและตัวเด็ก โดยรัฐมนตรีต่างประเทศเดวิส บันทึกชี้ทางออกมาว่า
       
       “เราอาจก่อให้เกิดความยุติธรรมทางอาญาได้ โดยการประกาศว่า ภรรยาหม้ายที่ต้องโทษของกัปตันสมิธ ได้ตายไปจากโลกทางกฎหมาย ทิ้งให้บุตรมีสิทธิ์บริบูรณ์ในทรัพย์สมบัติของบิดา เสมือนว่าบิดามารดาตายด้วยเหตุธรรมดาทั่วไป”
       
       พาร์ทริดจ์ได้รับคำสั่งให้ยืนยันเต็มที่ว่า รัฐบาลอเมริกันต้องการหลีกเลี่ยงอย่างที่สุด ไม่ให้มีการยึดทรัพย์สินของกัปตันสมิธ หรือให้ลูกๆ ของเขาตกเป็นทาส

เนื่องจากลูกๆ ของเขามีสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติรัฐสภา ที่จะได้เป็นพลเมืองสหรัฐ แม้จะยังไม่ได้เป็นในวันนี้ก็ตาม แต่เขาก็มีสิทธิเสรีภาพที่จะเลือกเป็นคนในบังคับสยาม หรือจะเป็นพลเมืองอเมริกัน

การทำให้เขาตกเป็นทาส จึงทำให้เขาสูญสิ้นอำนาจที่จะทำตามใจตนไปตลอดชีวิต ซึ่งเป็นสถานภาพที่ขัดกับสถานภาพของพลเมืองอเมริกัน หรือคนในบังคับของสหรัฐโดยสิ้นเชิง
       
       พลเอกพาร์ทริดจ์ได้ใช้หนังสือนี้ เป็นเครื่องมือในการเจรจากับรัฐบาลสยาม เขาเริ่มต้นด้วยการขอให้ลด หรือเปลี่ยนการลงโทษมิสซิสสมิธ และยกทรัพย์มรดกให้แก่บุตรในฐานะทายาทโดยชอบธรรม

เจ้าพระยาพระคลัง ตอบทันทีด้วยความพอใจอย่างยิ่ง ที่ทางการสหรัฐไม่ได้สนใจจะไต่ถามถึงอำนาจและสิทธิ์ของรัฐบาลสยาม ในการดำเนินคดีต่อนางเชี่ยว แต่ไม่ยอมกล่าวถึงการลดโทษจากการประหารชีวิตที่ได้ตัดสินไปแล้ว
       
       หลังจากที่ถูกจองจำอยู่ ๖ เดือน นางเชี่ยวก็คลอดบุตรคนที่ ๕ เป็นหญิง และจากนั้นไม่นาน กงสุลพาร์ทริดจ์ก็ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการว่า นางเชี่ยวจะถูกประหารในวันที่แจ้งกำหนดมาด้วย และจะส่งลูกๆ ของนางมาให้ตามคำสั่งของเขา

พาร์ทริดจ์ส่งคนไปรับเด็ก และไม่พอใจที่ทางการสยามไม่ทำตามคำขอของเขา ที่ให้พิจารณาลดโทษมิสซิสสมิธ แต่เมื่อทางการสยามยอมเรื่องเด็กและทรัพย์สินอันเป็นประเด็นสำคัญแล้ว กงสุลพาร์ทริดจ์จึงตัดสินใจไม่แสดงความไม่พอใจเรื่องนี้ออกมา

แต่ทว่าชาวตะวันตกหลายคน ซึ่งส่วนมากเป็นคนอเมริกันได้ยกขบวนไปพบเขา เรียกร้องให้พาร์ทริดจ์ใช้อิทธิพลของกงสุล ระงับการประหารชีวิตไว้ก่อนและพิจารณาลดโทษ
       
       ตอนแรกพาร์ทริดจ์ปฏิเสธ แต่เมื่อตรองดูแล้ว เขาจึงขอเข้าพบผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านผู้สำเร็จฯ เห็นด้วยกับคำขอของเขา และขอให้พาร์ทริดจ์ ทำหนังสือถึงกระทรวงต่างประเทศ เพื่อท่านจะได้ตอบอย่างเป็นทางการ
       
       จากนั้นพาร์ทริดจ์ได้เรียกประชุมศาลกงสุล ในเดือนเมษายน ๒๔๑๓ ซึ่งศาลกงสุลได้พิพากษาว่า การตายของกัปตันจอห์น สมิธ ถือว่าได้พิสูจน์แล้ว และให้ถือว่ามิสซิสสมิธ ภรรยาของเขาซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เนื่องจากเป็นผู้ฆาตกรรมสามี

เป็นผู้ที่ “ตายไปจากโลกนี้แล้วทางกฎหมาย” ซึ่งบุตรทั้ง ๕ ที่เกิดจากการสมรส ให้ถือว่าเป็นทายาทโดยชอบธรรมในทรัพย์สินมรดกซึ่งมีประมาณสามพันดอลลาร์ แลให้อยู่ในความพิทักษ์ของศาล

ค่าใช้จ่ายจนถึงวันพิพากษาเป็นจำนวนสี่ร้อยดอลลาร์ ให้หักจากกองมรดกจ่ายให้เสมียนศาล
       
       พอถึงตอนนี้เลยเป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมาอีก เพราะการช่วยเหลือมิสซิสสมิธและลูก ซึ่งคนทั่วไปคิดว่าเป็นไปด้วยความเมตตาสงสารนั้น กลับถือเป็นบริการ ต้องเสียค่าใช้จ่ายจากกองมรดก

และคนที่ได้รับเงินก้อนนี้ไปก็ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็น นายเฟรเดอริค พาร์ทริดจ์ บุตรชายของพลเอกพาร์ทริดจ์ กงสุลอเมริกันนั่นเอง
       
       หลังจากนั้น เจ้าพระยาพระคลัง ก็ส่งหนังสือถึงกงสุลพาร์ทริดจ์ แจ้งว่าได้ส่งเรื่องให้ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินพิจารณาแล้ว ท่านกล่าวว่านางเชี่ยวสมคบกับชู้ฆ่าสามี ประกอบอาชญากรรมที่ร้ายแรงมาก

ตามกฎหมายแล้วเธอควรจะถูกประหารชีวิต แต่เมื่อเห็นว่ารัฐบาลอเมริกันปรารถนาให้รัฐบาลสยาม เปลี่ยนจากการลงโทษถึงชีวิตเป็นการจองจำ ที่มีระยะเวลานานพอสมควรกับความผิดที่กระทำ

ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินจึงยอมให้ตามที่สหรัฐต้องการ นั่นคือ นางเชี่ยวจะถูกจำคุกสามปี แล้วจะได้รับการปล่อยตัว ส่วนบุตรจะยังคงเป็นพลเมืองสหรัฐ และจะได้ทรัพย์สินเป็นมรดก”
       
       มิสซิสพาร์ทริดจ์ได้พาเจมส์ไปอเมริกา และจัดการให้แมรี่เข้าโรงเรียนประจำที่สิงคโปร์ อีกปีหนึ่งต่อมาแมรี่ก็ตามไปสมทบกับน้องชายที่อเมริกา ส่วนลูซี่น้อย ที่เกิดในเรือนจำ อยู่ในความดูแลของนายแพทย์ฮัทชิสัน
       
       หลังจากจัดแบ่งมรดกกันแล้ว เด็กๆ จะได้รับกันคนละหกร้อยดอลลาร์ แต่ครอบครัวพาร์ทริดจ์เอาทุกทางที่จะเอาได้ เป็นค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ และค่าเล่าเรียน จนในที่สุดเงินก็ตกถึงมือเด็กๆเคราะห์ร้ายเหล่านั้นคนละไม่กี่ดอลลาร์
       
       หมอบรัดเลย์ซึ่งบันทึกการฆาตกรรมกัปตันสมิธไว้ ได้บันทึกถึงพลเอกพาร์ทริคจ์ไว้ด้วยว่า
       
       “...พลเอก เอฟ.ดับบลิว.พาร์ทริคจ์ เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญเป็นยอด ในการรีดเงินจนสตางค์สุดท้ายจากแม่หม้าย และลูกกำพร้าไร้ที่พึ่ง ตามที่เราทราบจากกรณีลูกๆ ของกัปตันสมิธ...”
       
       ส่วนนางเชี่ยว หลังจากถูกจองจำอยู่จนครบ ๓ ปีก็ได้รับอิสรภาพ และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่สังคมได้รับข่าวคราวของเธอ ผู้ซึ่ง “ตายไปจากโลกนี้แล้วทางกฎหมาย”

หญิงไทยเมียฝรั่งคบชู้ฆ่าผัว!.. แต่ฝรั่งทั้งบางกอกและรัฐบาลสหรัฐกลับช่วยเธอให้รอดตาย!!
ชีวิตริมฝั่งเจ้าพระยา
       

หญิงไทยเมียฝรั่งคบชู้ฆ่าผัว!.. แต่ฝรั่งทั้งบางกอกและรัฐบาลสหรัฐกลับช่วยเธอให้รอดตาย!!
ชีวิตริมฝั่งเจ้าพระยา
       

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

คุณโรม บุนนาค

ศุกรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2558
0 comments
Last Update : 30 ตุลาคม 2558 12:32:47 น.
Counter : 1731 Pageviews.


sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.