"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
2 พฤศจิกายน 2558
 
All Blogs
 
เจ้าเมืองหงายท้อง นั่งชนเข่าคุย ร.๕ แถมคว้าพระหัตถ์จูงซะด้วย!!!

  โดย โรม บุนนาค

 

เจ้าเมืองหงายท้อง นั่งชนเข่าคุย ร.๕ แถมคว้าพระหัตถ์จูงซะด้วย!!!
วันสบายๆของพระพุทธเจ้าหลวงที่เรือนต้น

       

ในการเสด็จประพาสทางชลมารค ไปตามชนบทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โดยปลอมพระองค์เป็นราษฎรสามัญ ซึ่งเรียกกันว่า “ประพาสต้น”

ได้เกิดเรื่องสนุกสนานให้เล่าต่อกันมามากมาย “เพื่อนต้น” ที่ทรงพบระหว่างเสด็จบางราย ก็ได้ดิบได้ดีเพราะมีความจริงใจ และแสดงน้ำใจออกมาให้ประจักษ์ต่อพระเนตร

แต่เจ้าเมืองรายหนึ่งถึงกับหงายท้อง เกือบจะช็อกหัวใจวายตาย เมื่อเข้าจูงมือ นั่งชนเข่า คุยกับเจ้าเหนือหัวอย่างสนิทสนม โดยไม่ระแคะระคายแม้แต่น้อย
       
       การออกเสด็จพระพาสต้นนั้น ก็เนื่องจากทรงตรากตรำกับงานบริหารราชการแผ่นดิน โดยที่พระวรกายก็ไม่แข็งแรงอยู่แล้วจากพิษไข้ป่า ที่ทรงได้รับมาจากการติดตามพระราชบิดาไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ก็สวรรคตด้วยเชื้อมาเลเรียจากการเสด็จไปในครั้งนี้
       
       แพทย์หลวงได้ถวายคำแนะนำ ให้ว่างเว้นจากราชการสักระยะหนึ่ง เพื่อผ่อนคลายความกังวล เสด็จไปสำราญพระอิริยาบถในที่โล่งแจ้งอากาศถ่ายเทได้สะดวก จะเป็นการดีต่อพระพลานามัย

จึงได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับที่พระราชวังบางปะอิน แล้วเสด็จประพาสทางชลมารค โดยไม่มีหมายกำหนดการที่แน่นอน ทั้งยังมีพระราชประสงค์ที่ไม่ต้องการให้ราษฎรรู้ว่าพระองค์เป็นใคร

เพื่อจะได้ทอดพระเนตรชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกร ตามสภาพความเป็นจริง ไม่มีการตกแต่งรับเสด็จ ราษฎรที่เห็นเรือพาหนะและการแต่งกาย ก็คิดว่าเป็น “ผู้ดีบางกอก” ที่ออกมาเที่ยวชนบทเท่านั้น
       
       ผู้ที่ทรงไว้วงพระราชหฤทัยให้ตามเสด็จก็มี ๒ พระอนุชา คือ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ผู้คุ้นเคยกับเจ้าเมือง และข้าราชการฝ่ายปกครองในหัวเมืองต่างๆ

กับ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงนครบาล ซึ่งดูแลความสงบเรียบร้อยในราชอาณาจักร
       
       การเสด็จไปโดยไม่มีใครรู้จักพระองค์นี้ ทำให้ทรงผ่อนคลายพระอิริยาบถ และทรงพระเกษมสำราญมาก บางรายก็โชคดีได้รู้ว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถึงบ้าน แต่บางรายมีบุญแต่กรรมบัง เสด็จกลับไปแล้วเจ้าของบ้านก็ยังไม่รู้ว่าใครมา

อย่างรายหนึ่ง เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาทางแม่น้ำราชบุรีใกล้เวลาอาหาร เห็นบ้านหลังหนึ่งมีแพอยู่หน้าบ้าน ท่าทางสะอาดสะอ้าน จึงจอดเรือพระที่นั่งเข้าเทียบ

รับสั่งให้สมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ ขึ้นไปเจรจากับเจ้าของบ้านขออาศัยทำครัวสักมื้อ พบหญิงเจ้าของบ้าน บอกว่าเป็นภรรยานายอำเภอ ส่วนตัวนายอำเภอ ข้ามไปหาฟืนใส่เรือกลไฟ อยู่ที่ฝั่งตรงข้ามเดี๋ยวจะกลับมา ขบวนเสด็จจึงอาศัยแพหน้าบ้านนั้นเป็นที่ทำอาหาร
       
       สักครู่นายอำเภอก็มาถึง พอจอดเรือที่แพได้ก้าวอาดๆ ผ่านหน้าพระพักตร์ ขึ้นเฝ้ากรมพระยาดำรงฯ บนบ้าน แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกัน พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ก็คลานเข้ามายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กรมพระยาดำรงฯ ข้อความในกระดาษเป็นลายพระหัตถ์มีความว่า
       
       “ให้นายอำเภอรู้จักแต่เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเถิด อย่าให้ล่วงรู้เป็นเด็ดขาด ว่าเราได้เสด็จมาอยู่ ณ ที่นี่แล้ว”
       
       กรมพระยาดำรงฯ อ่านแล้วก็ตีหน้าเฝื่อน รีบกลบเกลื่อนด้วยการคุยข้อราชการกับนายอำเภอ และกำนันผู้ใหญ่บ้านที่มากันเต็มบ้าน
       
       พออาหารเสร็จ ก็รับสั่งให้จัดสำรับขึ้นไปถวายท่านเสนาบดีบนบ้าน ส่วนพระพุทธเจ้าหลวงเสวยที่เรือนแพทำอาหารนั้น
       
       เมื่อได้เวลากลับ นายอำเภอพร้อมกับกำนันผู้ใหญ่บ้านก็ลงมาส่งเสด็จกรมพระยาดำรงฯ ที่เรือนแพ แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงหลบลงไปอยู่ในเก๋งเรือแล้ว

และปล่อยพระอาสน์ที่ประทับ ไว้ให้กรมพระยาดำรงฯ แต่กรมพระยาดำรงฯ ก็ไม่ยอมนั่ง ยืนอยู่หน้าเก๋งจนเรือออกพ้นบ้านนายอำเภอไปแล้ว จึงบ่นด้วยเสียงดังว่า
       
       “เล่นอย่างนี้เต็มที ไม่สนุกเลย”
       
       พระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จออกมาจากที่ซ่อน ทรงพระสรวลด้วยความพอพระทัย ทำให้ทุกคนในเรือหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน
       
       ส่วนรายการที่เจ้าเมืองหงายท้องเกือบช็อกนั้น เกิดขึ้นเมื่อคราวเสด็จประพาสเมืองเหนือ ทรงมีหมายกำหนดการ ที่จะแวะนมัสการพระพุทธชินราชด้วย

แต่แรกทรงพระราชดำริที่จะอัญเชิญพระพุทธชินราชมาประดิษฐานเป็นพระประธานในโบสถ์วัดเบญจมบพิตรที่ทรงสร้าง ข่าวนี้ทำให้ชาวเมืองพิษณุโลกโศกเศร้าเสียใจถึงกับหยุดค้าขายกัน บ้านเมืองเงียบเหงา ผู้คนมีแต่ใบหน้าเศร้าไปทั้งเมือง

เมื่อสมุหเทศาภิบาลถวายรายงานมาให้ทรงทราบ จึงมีพระมหากรุณาธิคุณ เพียงแต่จำลองพระพุทธชินราชลงมา ส่วนองค์จริงให้ประดิษฐานอยู่คู่เมืองพิษณุโลกตามเดิม ชาวพิษณุโลกจึงกลับแช่มชื่นกันได้
       
       ในการเสด็จประพาสพิษณุโลกครั้งนี้ พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “เจ้าคุณโพ” เจ้าเมืองพิษณุโลก มีสายดี แอบส่งข่าวให้รู้มาก่อน จึงสั่งบ่าวไพร่รีบเร่งทำสะพานเทียบเรือขึ้นที่หน้าจวน เพื่อให้เรือพระที่นั่งเทียบได้สะดวก

ขณะที่เจ้าคุณถอดเสื้อ ลงมือบัญชาการด้วยตนเองเพื่อให้เสร็จทันรับเสด็จนั้น ก็มีเรือแจว ๔ แจว ล่วงหน้ามาอย่างเงียบๆ พอมาถึงชาย ๓ คนก็ก้าวขึ้นมาจากเรือ เจ้าคุณโพคนมีไหวพริบอ่านได้ทันทีว่า ต้องเป็นเรือมาจัดเตรียมการรับเสด็จ

และคนที่เดินมาหลังสุดไว้หนวดถือกล้องถ่ายรูปมาด้วยนั้น เจ้าคุณโพก็อ่านว่าต้องเป็นหัวหน้ากลุ่มที่มาเตรียมรับเสด็จแน่ จึงเข้าถามว่าพระเจ้าอยู่หัวมาถึงไหนแล้ว วันนี้จะเสด็จมาถึงจวนหรือเปล่า

ชายไว้หนวดก็ตอบว่าใกล้เข้ามาแล้ว คืนนี้จะประทับแรมที่นี่แหละ เจ้าคุณโพก็บอกว่าอย่างนั้นก็เบาใจ ท่าเทียบเรือเสร็จทันรับเสด็จแน่ แถมยังต่อว่ากับชายไว้หนวดอีกว่า
       
       “ในหลวงนี่ก็แปลก จะเสด็จมาก็ไม่บอก ดีแต่ได้ข่าวมาจากคนทางนครสวรรค์ ไม่งั้นก็ไม่ได้เตรียมรับเสด็จแน่”
       
       ทั้งยังปรึกษากับคนทั้ง ๓ ที่มาว่า ได้ข่าวว่าพลับพลาที่มีฝาเลื่อนนั้นไม่ทรงโปรด เลยไม่กล้าทำ เสด็จมาที่นี่แล้วจะเสด็จไปไหนอีกพอจะบอกได้หรือไม่

ตอนนี้ยอมรับว่างงไปหมด ทำอะไรไม่ใคร่จะถูก เพราะไม่มีหมายกำหนดการให้ทราบ ชายมีหนวดก็บอกว่า พวกเราก็ไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อมาถึงก็จะรับสั่งเอง ส่วนพลับพลาฝาเลื่อนนั้นไม่ทำก็ดีแล้ว ถ้าทำขึ้นมาทรงกริ้วละก็ไม่มีใครทัดทานได้เชียว
       
       เจ้าคุณโพได้ฟังก็ค่อยสบายใจ เชิญชายทั้ง ๓ ให้ไปนั่งในที่ร่มดื่มน้ำชากัน ว่าแล้วก็คว้ามือชายมีหนวด ที่พูดคุยกันถูกอัธยาศัยไปนั่งที่แคร่ ยกน้ำชา จานอับ น้ำตาลกรวด หมากพลู บุหรี่ มาต้อนรับ

นั่งชนเข่าคุยกันอย่างถูกคอ ไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของชายอีก ๒ คนที่แอบอมยิ้มกันอยู่
       
       พอบ่ายแก่ๆ ขบวนเรือเสด็จก็โผล่คุ้งน้ำมา เจ้าคุณโพเห็นเข้าก็ตาเหลือก รีบเผ่นลงจากแคร่จะขึ้นจวน เพื่อไปแต่งตัวมารับเสด็จ ชายไว้หนวดที่กำลังคุยกันถูกคอก็คว้าข้อมือไว้

บอกว่าต้องไปแต่งทำไม เรือเสด็จก็ไม่เห็นแต่งธงทิวมาเลย ขืนแต่งตัวเต็มยศมารับเสด็จ จะทรงหาว่าไม่รู้กาลเทศะอาจกริ้วได้ เจ้าคุณโพเลยยืนเซ่อทำอะไรไม่ถูก
       
       เมื่อขบวนเสด็จเข้าเทียบท่า คนที่ขึ้นมาจากเรือก็เดินตรงมาที่เจ้าคุณโพ ส่วนเจ้าคุณโพชะเง้อดูที่เรือก็ยังไม่เห็นพระเจ้าอยู่หัว จนคนที่ขึ้นมาจากเรือ พอถึงข้างหน้าเจ้าคุณโพ

ก็ก้มลงกราบชายมีหนวดที่ยืนฉุดข้อมือเจ้าคุณไว้ เจ้าคุณโพคนมีไหวพริบ จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว และได้เล่าความรู้สึกตอนนั้นในภายหลังว่า
       
       “...ขนหัวลุกซ่า และขนตัวก็ลุก ตัวเบา สมองมึนงงเหมือนถูกทุบอย่างแรง โลกมันหมุนคว้างไปหมด หัวใจเต้นเหมือนจะหลุดออกมานอกหน้าอก ขวัญบินออกจากร่าง

คิดอยู่แต่เพียงว่าพระอาญาไม่พ้นเกล้า คราวนี้ถ้าไม่ถูกจองจำก็คงถูกโบยในฐานะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแน่ ก็เรามาคุยหยอกล้อเล่นกับพระเจ้าแผ่นดินเหมือนเพื่อนเล่น แถมยังจูงไม้จูงมือเสียอีกด้วย...”
       
       เจ้าคุณโพเข่าอ่อน ทรุดลงกราบและแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นดู จนรู้สึกว่ามีพระหัตถ์มาลูบศีรษะพร้อมกับพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาว่า
       
       “ลุกขึ้นเถิด ข้าไม่ถือเจ้าหรอก”
       
       หลังจากนั้น เจ้าคุณโพที่คิดว่าไม่ถูกจองจำ ก็คงถูกเฆี่ยนหลังลาย กลับได้รับโปรดเกล้าฯเป็นเทศาภิบาลมณฑลอุดร มีอำนาจควบคุมดูแลภาคเหนือหลายจังหวัด
       
       ในจำนวน “เพื่อนต้น” ที่ได้ทรงพบปะพูดคุยในระหว่างเสด็จประพาสต้นนั้น เรื่องของ “ตาช้าง” นับว่าได้รับการกล่าวขานถึงมากที่สุด และเป็นรายที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณมากที่สุดด้วย

โดยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หมื่นปฏิพัทธภูวนารถ ซึ่งหมายถึง ผู้เป็นที่พอพระราชหฤทัยแห่งพระมหากษัตริย์
       
       ตาช้างเป็นชาวบ้านตำบลบางหลวงอ้ายเอียง แขวงกรุงเก่า เมียชื่อนางพลับ จัดว่าเป็นคนมีฐานะ และมีลูกด้วยกันถึง ๑๑ คน เป็นชาย ๕ คน หญิง ๖ คน
       
       ในการเสด็จประพาสต้น ในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ขบวนเรือเสด็จได้เข้าคลองมะขามเฒ่าที่ชัยนาท แล้วทรงแวะประทับแรมที่บ้าน ขุนพิทักษ์บริหารกับนางจ่าง เจ้าของเรือเมล์เขียวที่ผักไห่ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม

วันรุ่งขึ้นรับสั่งให้เรือกลไฟพลับพลา แล่นไปทางคลองเจ้าเจ็ด มาออกบางไทร ส่วนขบวนเรือเสด็จ จะไปออกทางคลองโผงเผง แล้วไปพบกันที่บางปะอิน

แต่เรือพลับพลาไปผิดเส้นทาง มาเข้าคลองโผงเผง เส้นเดียวกับขบวนเรือเสด็จ ซึ่งนอกจากจะทำคลื่นให้เรือประทับโคลงเคลงแล้ว ยังทำให้ราษฎรสองฝั่ง เข้าใจว่าพระองค์ท่านประทับอยู่ในเรือพลับพลา

 เลยออกมารอเฝ้ารับเสด็จกันริมฝั่งคลอง พระสงฆ์ก็สวดชยันโตเมื่อเรือผ่านหน้าวัด ทำให้เอิกเกริกไปตลอดเส้นทาง จนหาที่สงบจอดเสวยพระกระยาหารไม่ได้เลย
       
       เมื่อเสด็จมาถึงบ้านหลังหนึ่งดูสงบดี สะพานท่าน้ำทอดออกมายาว จึงรับสั่งให้จอดเรือที่บ้านหลังนั้น ตาช้างเจ้าของบ้านเป็นคนมีอัธยาศัยดี เมื่อเห็นว่าผู้ดีบางกอกมาจอดเรือที่หน้าบ้าน

จึงกุลีกุจอมาเชื้อเชิญให้ขึ้นบ้าน กรมพระยาดำรงฯ ก็เข้ารับหน้าบอกว่าเป็นเรือตามเสด็จ จะขอจอดพักกินข้าวหน่อย ตาช้างได้ฟังก็ว่า นึกแล้วเชียว เห็นเรือเสด็จเพิ่งผ่านไป นี่คงตามไม่ทัน งั้นก็ขึ้นมาก่อนจะบอกให้เมียทำกับข้าวเลี้ยง
       
       ตาช้างจัดแจงปูเสื่อต้อนรับแขกที่โรงเลื่อยข้างบ้าน แล้วขนน้ำชา ขนมมาเลี้ยง นั่งชนเข่ากับกรมพระยาดำรงฯ และพระเจ้าอยู่หัว คุยโขมงโฉงเฉง ว่าตัวเองเป็นคนคุ้นเคยกับบางกอกเป็นอย่างดี
       
       “พวกผู้ดีบางกอกหลายคนรู้จักฉันดี ลูกชายฉันก็บวชอยู่ที่วัดเบญจะ พวกขุนน้ำขุนนางพอเห็นหน้าฉันก็ต้องร้องอ๋อทันที” ตาช้างคุย
       
       “พระเจ้าอยู่หัวล่ะ เคยเข้าเฝ้าบ้างไหม ท่านเสด็จวัดเบญจะบ่อยๆ” กรมพระยาดำรงฯ ถาม
       
       “ปัทโธ่ ทำไมจะไม่เคยเฝ้า บนเรือนนี่ก็มีรูปท่าน เห็นที่ไหนก็ต้องเข้าไปกราบพระบาททุกครั้ง”
       
       คำคุยของตาช้างเรียกเสียงฮาได้รอบวง พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล อย่างสำราญพระราชหฤทัย
       
       ตาช้างเห็นว่าที่โรงเลื่อยนั้นอากาศอับจนอบอ้าว จึงเชิญทุกคนขึ้นเรือน ไปกินข้าวที่ยายพลับทำเสร็จแล้ว มีแกงไก่และบะช่อตำลึง
       
       รายการที่บ้านตาช้าง ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงพระสำราญ และทุกคนสนุกสนานกันมาก เพราะตาช้างเป็นคนคุยเก่ง และค่อนข้างจะขี้คุย มีแต่ พระยาโบราณราชธรนินทร์ ผู้ว่าราชการมณฑลกรุงเก่า เพียงคนเดียวที่ต้องซ่อนตัวอยู่แต่ในเก๋งเรือ โผล่หน้าออกมาไม่ได้ เพราะผู้คนแถวอยุธยาจำได้หมด
       
       ที่สำรับกับข้าว ตาช้างกับยายพลับก็เข้าร่วมวงกับเจ้าชีวิตด้วย ตาช้างคุยไม่หยุด แถมยังหยอกล้อพระเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าตาช้างทำไปตามธรรมชาติไม่ได้เสแสร้ง แม้จะคุยเขื่องไปทุกเรื่อง ยิ่งฟังก็ยิ่งขำ ทำให้ทรงพระสรวลได้บ่อย
       
       เมื่อเสร็จจากรับประทานอาหารแล้ว ตาช้างก็ทูลไหว้วานให้ช่วยซื้อปืนเมาเซอร์ให้ซักกระบอก อยากได้ไว้เฝ้าบ้าน ถึงมีเงินก็ไม่รู้ว่าจะซื้อที่ไหน และต้องขออนุญาตตีทะเบียนยุ่งยาก พระเจ้าอยู่หัวก็รับปากว่าจะจัดการให้
       
       ตอนเสด็จกลับ ตาช้างไปส่งที่ท่าน้ำ ทรงส่งซองๆ หนึ่งให้ ตาช้างก็ไม่สนใจ รับได้ก็ใส่กระเป๋าเพราะกำลังคุยเพลิน พอขบวนเสด็จพ้นไปแล้วกำนันก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาร้องบอกว่า
       
       “แกรู้ไม๊ ใครที่มานั่งกินข้าวกับแกน่ะ ข้าแอบดูอยู่นานแล้วแต่ไม่กล้าเข้ามาบอก นั่นแหละพระพุทธเจ้าหลวง แกน่ะ เคราะห์ร้ายเสียแล้วที่ไปตีเสมอกับท่านเหมือนเป็นเพื่อนเล่น”
       
       ตาช้างไม่ยอมเชื่อ หาว่ากำนันหลอก กำนันจึงเอาพระบรมฉายาลักษณ์ที่ไปหยิบมาเปรียบเทียบยื่นให้ดู ตาช้างก็ยอมรับว่าเหมือน แต่คงไม่ใช่
       
       “พระเจ้าแผ่นดินที่ไหนจะมาเดินเล่นตามบ้านชาวบ้านแบบนี้” ตาช้างเถียง
       
       แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าท่านมอบซองไว้ให้ซองหนึ่ง จึงควักออกมาดู ก็เห็นเป็นธนบัตรรุ่นใหม่ ที่ชาวบ้านนอกยังไม่เคยได้เห็น ตาช้างนับได้ ๕ ชั่ง หรือ ๔๐๐ บาท คนธรรมดาคงไม่มีใครเอาเงินมาให้มากถึงขนาดนี้ ตาช้างเลยหงายผลึ่งเป็นลมไป
       
       ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้ตาช้างเข้าเฝ้าที่พระบรมมหาราชวัง พระราชทานปืนเมาเซอร์ให้กระบอกหนึ่ง แล้วโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น หมื่นปฏิพัทธภูวนารถ

พระราชทานไม้เท้าสลักพระปรมาภิไธย จปร.ให้ตาช้าง และหีบหมากสลัก จปร.เช่นกันให้ยายพลับ ถือเป็นใบเบิกทางเข้าเฝ้าในงานพระราชพิธีได้ใกล้ชิด
       
       เนื่องจากการเสด็จประพาสต้น มีเพื่อนต้นอยู่ทั่วไป ทรงให้สร้าง “เรือนต้น” ขึ้นริมอ่างหยกในพระราชวังดุสิต ตรงข้ามกับพระที่นั่งพิมานเมฆ สำหรับรับรองเพื่อนต้นที่มาเฝ้า

ทุกครั้งที่ประทับในเรือนต้น จะทรงพระสำราญทุกพระองค์ ทั้งพระมเหสีและพระราชโอรสพระราชธิดา ทรงฉลองพระองค์แบบชาวบ้าน ทรงปรุงพระกระยาหารด้วยพระองค์เอง ฟังมโหรีขับกล่อม และเป็นที่รู้กันว่าห้ามนำข้อราชการมาถวายที่เรือนต้นเป็นอันขาด
       
       สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์ถึงผลของการเสด็จประพาสต้นไว้ว่า
       
       “การที่พระองค์ทรงสมาคมกับราษฎร ไม่ใช่สักแต่ว่าเพียงจะรู้จักหรือสนทนาปราศรัยให้คุ้นเคยกันเท่านั้น ย่อมทรงเป็นพระราชธุระไต่ถามถึงความทุกข์สุข และความเดือดร้อนที่ได้รับจากผู้ปกครองอย่างไรบ้างทุกโอกาส

ผู้ที่เคยตามเสด็จย่อมเคยได้ยินและทราบความอันนี้ ฉันเคยเห็นบางที่ราษฎรกราบทูลร้องทุกข์ เป็นข้อความซึ่งทรงพระราชดำริเห็นว่าเป็นความทุกข์ร้อนจริงๆ ทรงรับธุระมาต่อว่า

ทำเอาเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เสนาบดีลงมา ได้รับความรำคาญใจหลายคราว บางทีก็ถึงกับต้องผลัดเปลี่ยนพนักงานปกครองก็มีบ้าง เป็นเหตุให้การเสด็จประพาสเป็นคุณประโยชน์ แก่ความสุขสำคัญของราษฎรได้อีกเป็นอันมาก”


เจ้าเมืองหงายท้อง นั่งชนเข่าคุย ร.๕ แถมคว้าพระหัตถ์จูงซะด้วย!!!
เรือที่ใช้เสด็จประพาสต้น
       

เจ้าเมืองหงายท้อง นั่งชนเข่าคุย ร.๕ แถมคว้าพระหัตถ์จูงซะด้วย!!!
พระพุทธเจ้าเสวยพระกระยาหารระหว่างทางประพาสต้น
       

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

คุณโรม บุนนาค

จันทรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ    




Create Date : 02 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2558 11:40:06 น. 0 comments
Counter : 1228 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.