เหรียญปราบ "ฮ่อ" ล้ำค่า บำเหน็จสมัยรัชกาลที่ 5
ศิวพร อ่องศรี
ก่อนจะถึงวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 สยามต้องทำสงครามปราบฮ่อ มายาวนาน ต้องเสียชีวิตและเงินแผ่นดินจำนวนมหาศาล จนเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยร้องทุกข์ว่าหมดปัญญา ขอถวายการทัพคืน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงรับเป็นพระธุระส่งทัพใหญ่ถึงเมืองแถงและสิบสองจุไท เพื่อที่จะพบว่าศึกฮ่อยังไม่ทันสิ้น ฝรั่งเศสนักล่าอาณานิคมกำลังจะมา
หลายคนอาจสงสัยว่า "ฮ่อ" กลุ่มคนเหล่านี้คือใคร มาจากไหน
กองบรรณาธิการนิตยสารศิลปวัฒนธรรม สโมสรศิลปวัฒนธรรมเสวนา จัดเสวนาเรื่อง "สงครามปราบกบฏฮ่อ สมัยรัชกาลที่ 5" โดยมี ไกรฤกษ์ นานา นักวิชาการทางประวัติศาสตร์ และ ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ นักวิชาการอิสระและเจ้าของสำนักพิมพ์ต้นฉบับ ร่วมเสวนา ที่มติชน อคา เดมี วันที่ 21 ม.ค.
ธงชัยกล่าวว่า "ฮ่อ" คือกลุ่มคนจีนที่มาจากทางตอนใต้ ส่วนที่เรียกว่า ฮ่อ นั้นเป็นการเรียกของกลุ่มคนชาวเหนือ ชาวแม่ฮ่องสอน ชาวลาว ส่วนคนกรุงเทพฯ จะเรียกจีนกลุ่มนี้ที่เข้ามาค้าขายว่า "เจ๊ก" ระหว่างนั้นเกิดกบฏไท่ผิง ซึ่งเดินทางมาจากทางตอนใต้ของจีนผ่านยูนนาน ผ่านทางตอนเหนือของเวียดนาม และผ่านลาว มีกำลังพลประมาณ 300-500 คน เข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ เป็นกองกำลังปล้นตามทาง จึงมีการเรียกกลุ่มคน "ฮ่อ" ว่า "โจรฮ่อ"
"สถานการณ์การปล้นเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2418 กระทั่งต้องมีการปราบปรามขึ้นถึง 3 ครั้ง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างเหรียญปราบฮ่อขึ้น ซึ่งเป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์เพื่อบำเหน็จความดีความชอบ พระราชทานแก่ผู้ไปราชการสงครามปราบฮ่อ รัฐบาลสยามในสมัยนั้นได้ว่าจ้างให้บริษัทบีกริมแอนด์โก ผลิตเหรียญปราบฮ่อ ที่ประเทศเยอรมนี มีจำนวนผลิตเพียง 500 เหรียญเท่านั้น เป็นเหรียญที่แพงและหายาก ทำด้วยเนื้อเงินเพียงอย่างเดียว ด้านหลังเหรียญมีการระบุถึงศักราชที่เกิดสงคราม คือสงครามครั้งแรกเมื่อ จ.ศ.1239 ตรงกับ พ.ศ.2420 ครั้งที่ 2 เมื่อ จ.ศ.1247 ตรงกับ พ.ศ.2428 และครั้งที่ 3 เมื่อ จ.ศ.1249 ตรงกับ พ.ศ.2430"
เหรียญปราบฮ่อมีลักษณะเป็นเหรียญเงินรูปกลม ด้านหน้าเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระพักตร์เสี้ยว ผินพระพักตร์ไปทางซ้าย มีพวงมาลัยรองรับ เบื้องบนเป็นแถวอักษรตามแนวขอบเหรียญเป็นข้อความ "จุฬาลงกรณ์ บรมราชาธิราช" ด้านหลังเป็นรูปพระสยามเทวาธิราชทรงช้างถือพระแสงของ้าว มีควาญอยู่ท้ายช้างคนหนึ่ง รองรับด้วยกลุ่มแพรแถบ เบื้องบนของรูปนั้นมีอักษรตามแนวขอบเหรียญ เป็นข้อความ "ปราบฮ่อ ๑๒๓๙ ๑๒๔๗ ๑๒๔๙"
ส่วนวิธีการสังเกตดูเหรียญปราบฮ่อ อันไหนจริงอันไหนปลอมนั้น ธงชัยบอกว่า เหรียญปราบฮ่อมีราคาสูงสุดอยู่ที่ 2.6 ล้านบาท มีความสวยงามและคมชัดเจน ตัวอักษรจะเป็นเหลี่ยมแท่งๆ ไม่มีโค้งมน ด้านหน้าของเหรียญให้สังเกตคอปกเสื้อจะเป็นร่องลึกๆ ข้างในจะมีเส้นบางๆ 3 เส้น ต้องมีทุกเหรียญ ส่วนด้านหลังของเหรียญมีตั้งข้อสังเกตว่า
1.ตรงขาช้าง จะมีเส้นขนแมวบางๆ อยู่ เส้นนี้จะต้องคม
2.หลังช้างตรงที่เป็นลายผ้า ร่องต้องลึกคมและห้ามมีเม็ดและห้ามมีตุ่มในซอกเล็กๆ
3.ตรงหลังช้าง จะมีรอยเหล็กแกะแม่พิมพ์นั้นพุ่งแล้วไม่ได้เก็บ จะเป็นรอยขนแมวอยู่ 4-5 รอย ตรงด้านหลังเล็กๆ แต่ถ้าเหรียญที่ผ่านการใช้งานแล้วรอยตรงนี้ก็จะหายไป ซึ่งถ้าเหรียญไม่ได้ใช้งานต้องมีรอยตรงนี้
4.ตรงบริเวณคนขี่คอช้าง จะมีเส้นเกินบางๆ เล็กๆ เหมือนเข็มหมุดหัวแหลมพาดจากคอลงมา 4 จุดด้านหลัง ตรงนี้จะเป็นจุดตายของการวินิจฉัยความเก๊แท้ของเหรียญปราบฮ่อ
"ทั้งหมดมี 500 เหรียญ และมีเฉพาะเหรียญเงินเท่านั้น ส่วนเหรียญทองแดงนั้น เป็นเหรียญตัวอย่างส่งมาถวายให้สมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทอดพระเนตรว่าชอบหรือไม่ชอบ แล้วเหรียญทุกเหรียญจะต้องมีหมายเลขกำกับ ระบุถึงเลขที่ผู้ที่ได้รับเหรียญ ซึ่งรายชื่อจะไปปรากฏอยู่ในราชกิจจานุเบกษาปีใดปีหนึ่ง และ เหรียญทองแดงที่เป็นเหรียญตัวอย่าง จะสังเกตได้ว่า จะระบุคำว่า "จุพาลงกรณ์" และคำว่า "ปราบฮอ" ซึ่งเป็นการสะกดผิด จึงนำกลับไปแก้แล้วเหรียญที่สะกดผิดนั้นจึงตกค้างอยู่ที่เมืองไทย ซึ่งมีราคาแพงมากเพราะมีเหรียญเดียว จากการสะสมเล่นเหรียญมาร่วม 30 ปี ผมได้เห็นเหรียญปราบฮ่อที่เป็นของแท้ไม่เกิน 20 เหรียญ และมีโอกาสสัมผัสกับมือไม่เกิน 5 เหรียญ ที่เหลือนั้นอยู่ไหนก็ไม่รู้" ธงชัยอธิบาย
ไกรฤกษ์กล่าวว่า การปราบปรามฮ่อที่เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 5 เป็นการต่อสู้ของกองทัพ 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายสยาม ฝ่ายฝรั่งเศส และฝ่ายญวน (เวียดนาม) หากถามว่าเหตุใดญวนจึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะญวนเป็นเจ้าของดินแดนส่วนหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลสยามได้จัดทัพเป็นฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ โดยฝ่ายเหนือใช้วิธียกทัพแบบโบราณ คือยกทัพเกณฑ์ไปแต่ละเมือง เดินทัพตั้งแต่กรุงเทพฯ ขึ้นไป แวะทัพใหญ่ที่เมืองพิชัย หลังปราบปรามกลุ่มชาวฮ่อหลายครั้ง สุดท้ายสยามได้รับชัยชนะในที่สุด
หน้า 21
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ คุณศิวพร อ่องศรี
สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date : 28 มกราคม 2559 |
Last Update : 28 มกราคม 2559 12:57:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2659 Pageviews. |
|
|