เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๑๕ ประเทศไทยตกเป็นข่าวเขย่าขวัญกึกก้องไปทั้งโลก จากเหตุการณ์ขบวนการ “กันยายนทมิฬ” หรือ “แบลกเซปเทมเบอร์” ซึ่งเป็นขบวนการก่อการร้ายของชาวปาเลสไตน์ บุกเข้ายึดสถานทูตอิสราเอลในกรุงเทพฯ จับเจ้าหน้าที่สถานทูตเป็นตัวประกัน

       ขณะนั้น ทั่วโลกยังช็อกไม่หายกับปฏิบัติการของขบวนการนี้ ที่บุกเข้ายึดหมู่บ้านโอลิมปิกที่เมืองมิวนิค เยอรมัน เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา จับนักกีฬาอิสราเอล ๙ คนเป็นตัวประกันขอแลกกับขบวนการปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลจับไว้ การเจรจาสามารถตกลงกันได้

แต่พอเวลาส่งตัวที่สนามบินได้เกิดความผิดพลาดขึ้นเมื่อ ตร.เยอรมันยิงขบวนการคนหนึ่งตาย พวกที่เหลือเลยระเบิดตัวประกันตายพร้อมกับกลุ่มขบวนการทั้งหมด คนทั้งหลายจึงพากันวิตกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะจบลงด้วยโศกนาฏกรรมทำนองเดียวกัน ทั่วโลกต่างพุ่งความสนใจติดตามข่าวจากกรุงเทพฯด้วยใจระทึก

       แต่ทว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ได้เป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ประเทศไทยเป็นดินแดนที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เป็นดินแดนแห่งสันติสุขซึ่งไม่มีที่ใดในโลกเหมือน และมีความเป็นไทยๆที่ใครไม่มี

       เหตุการณ์ระทึกขวัญเริ่มขึ้นราว ๑๒ น.ของวันนั้น เมื่อมีชาย ๒ คนแต่งกายด้วยชุดสากลสีเทา ปีนรั้วสถานทูตอิสราเอลที่ซอยหลังสวน ถนนเพลินจิต ข้างโรงเรียนมาแตร์เดอี เข้าไปโดยไม่มีใครสังเกตเห็น เพราะเป็นวันหยุดราชการของไทย เมื่อพบ พลตำรวจสัญชัย เพียรการนา ตำรวจสันติบาลกอง ๑ ซึ่งถูกส่งมารักษาการณ์สถานทูต ก็โค้งแล้วส่งยิ้มให้

พลฯสัญชัยนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตกลับมาจากพระราชพิธี สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ขณะเดียวกัน พลฯ สัญชัยก็เห็นมีชายอีก ๒ คนสวมแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลปืนรั้วด้านข้างสถานทูตเข้ามา แต่ไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกชาย ๒ คนแรกใช้ปืนกลมือที่ซ่อนมาในชุดสากลขู่บังคับ

 แล้วให้พาไปกวาดต้อนคนไทยที่อยู่ในสถานทูตขณะนั้น คือ พนักงานส่งเอกสารพร้อมด้วยภรรยาและลูกชายวัย ๒ เดือน คนขับรถอุปทูต และคนสวน ให้ออกไปจากสถานทูตทั้งหมด โดยกองโจรทั้ง ๔ ไม่ได้สนใจแม้แต่ปืนพกซึ่งเหน็บอยู่ที่เอวพลฯสัญชัย

       จากนั้นทั้ง ๔ ก็ปราดเข้าไปในตัวตึกสำนักงานสถานทูต ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายคนทำงานอยู่ ทั้งหมดถูกจี้ด้วยปืนกลและถูกจับมัดไปรวมกันไว้ที่ชั้นบน ผู้ตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้มี นายนิคสัน ฮาดาซ อุปทูต พร้อมด้วย นางรูธ ฮาดาซ ภรรยา นางซาร่าห์ เบอรี่ หัวหน้ากองการกงสุล

พร้อมกับนายแดน เบอร์รี่ นายเวรสถานทูตผู้สามี นายพินฮัสส์ เลวี่ พ่อบ้านสถานทูต ส่วน นายรีห์อาวีน อามีร์ เอกอัครราชทูต ไปร่วมพระราชพิธีสถาปนามกุฎราชกุมาร เลยโชคดีไป คนโชคร้ายที่มาแทนก็คือ นายซีมอน อาร์วีมอร์ เอกอัคราชทูตอิสราเอลประจำกรุงพนมเปญ ซึ่งมาติดต่องานในตอนนั้นพอดี เลยถูกจับเป็นตัวประกันรวม ๖ คน

       เมื่อเจ้าหน้าที่ของไทยทราบข่าวต่างวิ่งกันพล่าน สถานีตำรวจลุมพินี ๑ เจ้าของท้องที่ ส่งตำรวจทั้งโรงพักมาล้อมสถานทูตอิสราเอลไว้ ตามด้วยหน่วยคอมมานโดกองปราบ ทหารจากศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หน่วยรบพิเศษจากป่าหวาย ลพบุรี มีนายตำรวจใหญ่มากันพร้อมหน้า

 และใช้เครื่องขยายเสียงพูดภาษาอังกฤษเข้าไปขอเจรจาด้วย ว่ามีจุดประสงค์อะไรที่ทำเช่นนี้ พวกกองโจรได้ทุบกระจกหน้าต่างอาคารสถานทูตแล้วชูธงปาเลสไตน์ออกมา พร้อมกับบอกว่าถ้าจะเข้ามาต้องวางอาวุธก่อน มิฉะนั้นจะสังหารตัวประกันทั้งหมด

       พ.ต.ท.จำทูน สวัสดิชูโต ได้รับมอบหมายให้เข้าไปเจรจา จึงปีนรั้วเข้าไป เมื่อไปถึงตัวตึกก็ชูมือให้ดูว่าไม่มีอาวุธ พวกกองโจรได้โยนกระดาษลงมา ๒ แผ่น ซึ่งเป็นทั้งเงื่อนไขและข้อเรียกร้อง คือ

       เอ. เราต้องการหลักประกันที่แน่นอนดังนี้

       ๑. ประชาชนของประเทศนี้เป็นมิตรของพวกเรา ฉะนั้นเราจึงไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหายุ่งยากและทำให้เสียเอกภาพของประเทศ

       ๒. พวกเราเป็นสมาชิกองค์การปาเลสไตน์“แบลคเซปเทมเบอร์” กลุ่ม อาลี ทาฮา

       ๓. พวกซีออนนีสต์ ซึ่งครอบครองแผ่นดินปาเลสไตน์นั้นเป็นพวกอาชญากร และเป็นพวกไร้มนุษยธรรมที่ทำลายล้างพวกเรา ฉะนั้นเราจึงจะไม่มีการหยุดยั้งที่จะติดตาม จนกระทั่งอำนาจเถื่อนของพวกเขาเหล่านั้นได้หมดไป โดยยอมตามข้อต้องการของเรา

       ๔. เราเห็นว่าสถานทูตอิสราเอลก็คือแผ่นดินปาเลสไตน์ ฉะนั้นเราจึงมีสิทธิ์จะทำการใดๆ เพื่อประโยชน์แก่พวกเรา

       ๕. เราจะทำทุกวิถีทางที่จะให้พวกสถานทูตที่ถูกจับอยู่ในความปลอดภัย นอกจากฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีการรุนแรง และไม่ยอมฟังคำเรียกร้องของเรา

       ๖. การกระทำรุนแรงใดๆ ไม่ว่าทางปฏิบัติหรือทางการเมือง จะทำให้ชีวิตของพวกที่ถูกจับเป็นอันตราย และรัฐบาลไทยก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

       ๗. ถ้าอิสราเอลปฏิเสธคำเรียกร้องของเรา เราก็ย่อมมีอิสระที่จะกระทำการใดๆ กับพวกที่ถูกจับในทำนองเดียวกับที่พวกอิสราเอลเป็นคนร้ายฆ่าประชาชนของเรา

       บี. ข้อเรียกร้องของเรามีย่อๆ ดังนี้

       ๑.ให้ปล่อยบุคคลซึ่งมีชื่อตามรายชื่อที่แนบท้ายมา เพราะพวกนี้เป็นพี่น้องของเราที่ถูกจับขังอยู่ในคุกของอิสราเอลผู้เป็นศัตรู

       ๒. ให้ส่งศพ มาคร์ที อาลี ทาฮา และ อับดุล อาร์ซิก แอล อาทาส (ผู้ซึ่งเป็นผู้เคราะห์ร้ายในเหตุการณ์สนามบิน“ล๊อด”) ให้ส่งศพไปยังครอบครัวของเขาที่เมืองเยรูซาเล็ม และเมืองเฮบบรอน

       ๓. เวลาสิ้นสุดในการยื่นคำขาดของเรา คือวันพรุ่งนี้ เวลาไม่เกิน ๐๘.๐๐ น. ในทุกกรณี

       ๔. ผู้ถูกจับที่คุมขังในคุกอิสราเอลที่จะให้ปล่อยนั้น ให้ส่งรายชื่อไปยังสนามบิน

       ๕. การล่าช้าใดๆ จะทำให้อยู่ในฐานะที่จะต้องดำเนินการตามวิธีการของเรา

 เงื่อนไขและข้อเรียกร้องของกองโจรได้ถูกถ่ายสำเนากระจายออกไปยังจอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี และเอกอัครราชทูตอิสราเอล ซึ่งได้ติดต่อสายตรงไปยัง นางโกลดา แมร์ นายกรัฐมนตรี “หญิงเหล็ก” ของอิสราเอลทันที ทำให้คณะรัฐมนตรีของทั้ง ๒ ประเทศต้องเรียกประชุมด่วนพร้อมกัน

       หลังการประชุม ครม. จอมพลถนอมพร้อมด้วยบุคคลสำคัญของไทยอีกหลายคน ได้ไปชุมนุมกันที่โรงเรียนมาแตร์เดอี ซึ่งใช้เป็นกองบัญชาการ จัดกำลังเสริมล้อมสถานทูตไว้ทุกด้าน ทั้งยังเตรียมสปอร์ตไลท์ไว้พร้อม หากมีความจำเป็นก็จะตัดไฟสถานทูต แล้วบุกเข้าช่วยตัวประกันในคืนนั้น

       ตลอดทั้งวัน ตำรวจนครบาลได้ยกกำลังออกค้นตามโรงแรมที่ต้องสงสัยในกรุงเทพฯ โดยคาดว่ายังมีขบวนการแบลคเซปเทมเบอร์เป็นกองหนุนซุ่มเตรียมพร้อมอยู่อีก เพราะกลุ่มสมาชิกของโจรทั้ง ๔ ที่ยึดสถานทูตอยู่ขู่ว่า ถ้าพวกตนถูกตอบโต้ด้วยวิธีรุนแรง พลพรรคอีก ๔ กลุ่มก็จะลงมือก่อวินาศกรรมในกรุงเทพฯ เป็นการตอบแทน

       ขณะเดียวกันผู้แทนมุสลิมที่ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีวันนั้น ก็นัดจะไปรวมตัวกันที่หน้าสถานทูตอิสราเอล เพื่อสวดคัมภีร์กุรอ่านให้กองโจรทั้ง ๔ ใจอ่อน ทั้งยังมีข่าวแพร่สะพัดไปว่านิสิตนักศึกษา ๖ สถาบัน มี ธรรมศาสตร์ จุฬา รามคำแหง เกษตร ศิลปากร และมหิดล กำลังระดมพลจะเดินขบวนไปยังหน้าสถานทูตอิสราเอล เพื่อเรียกร้องให้กลุ่มสมาชิกขบวนการยุติการกระทำ

       ส่วนประชาชนทั้งหลายที่รู้ข่าวต่างก็โกรธแค้นขบวนการปาเลสไตน์ ที่มาปฏิบัติการณ์ในวันสำคัญอันเป็นมหามงคลของชาวไทย นับเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และหลู่เกียรติคนไทย จึงอยากจะเห็นการจัดการโดยวิธีการแตกหัก

       ถ้าคนกลุ่มต่างๆเหล่านั้นมาชุมนุมกันที่หน้าสถานทูตอิสราเอล แล้วคนหนึ่งคนใดจงใจหรือกระทำไปด้วยความบ้าระห่ำ ทำให้มีเสียงปืนเกิดขึ้นเพียงนัดเดียว เหตุการณ์อันเลวร้ายก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

       ที่โรงเรียนมาแตร์เดอี ซึ่งเป็นกองบัญชาการของฝ่ายรัฐบาลไทย พร้อมหน้าด้วยบุคคลสำคัญทางการเมือง การทหารและตำรวจ ตั้งแต่จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี พลเอกประภาส จารุเสถียร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอยู่กันพร้อมหน้า

ราว ๑๖.๐๐ น.พลอากาศเอกทวี จุลละทรัพย์ เสนาธิการทหารและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางมาถึงพร้อมด้วยพลโทเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ขณะนั้นมีการติดต่อกันทางโทรศัพท์กับกลุ่มกองโจรแล้ว โดยมี นายทวี นภากร อดีตนักศึกษาไทยที่เคยไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยไคโร ประเทศอียิปต์ มาช่วยเป็นล่ามให้

แต่ พล.อ.อ.ทวีเห็นว่านายทวีแค่เป็นล่ามแปลให้ได้เท่านั้น ไม่มีจิตวิทยาในการเจรจาพอ จึงบอกพลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ให้ติดต่อขอเอกอัครราชทูตอียิปต์มาช่วยเจรจาด้วย ซึ่งท่านทูต มุสตาฟา ฟาห์มี ก็ตอบตกลง

       ทางฝ่ายไทยได้ปรึกษาหารือกันว่า จะทำอย่างไรให้ขบวนการกู้ชาติปาเลสไตน์กลุ่มนี้ยุติปฏิบัติการ คือปล่อยชาวอิสราเอลที่จับตัวไว้ รัฐบาลไทยก็จะเปิดโอกาสให้เขาเดินทางออกนอกประเทศได้ พล อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ ซึ่งมีประสบการณ์ในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เมืองมิวนิคมาแล้ว จึงเสนอตัวต่อพลเอกประภาสว่าจะขอเข้าไปเจรจากับ “กันยายนทมิฬ” เอง

เพราะการพูดกันทางโทรศัพท์ได้ยินแต่เสียงไม่เห็นหน้า ย่อมจะเข้าใจกันได้ยาก จอมพลประภาสให้ถามจอมพลถนอม พล.อ.อ.ทวีจึงขออนุญาตต่อนายกรัฐมนตรี โดยจะขอชวนเอกอัครราชทูตอียิปต์เข้าไปด้วย จอมพลถนอมลังเลที่จะให้รัฐมนตรีและเสนาธิการทหารเข้าไปเสี่ยง แต่เมื่อพลเอกประภาสบอกว่า

       “ให้เขาเข้าไป เชื่อฝีมือเขา”

       จอมพลถนอมก็ยอมอนุมัติ พล.อ.ทวีขออำนาจสิทธิ์ขาดที่จะสั่งการเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว โดยเฉพาะการสั่งยิงหรือเคลื่อนย้ายกำลังตำรวจทหาร ห้ามคนอื่นเกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะความผิดพลาดที่เมืองมิวนิคนั้นเนื่องจากมีผู้สั่งการหลายฝ่าย พลเอกประภาสก็บอกว่า

       “ให้ทั้งหมด ให้ทวีคนเดียว”

       พล อ.อ.ทวีได้หันไปชวน พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ เข้าไปด้วยกันอีกคน ซึ่ง พล.ต.ชาติชายก็ยินดี จึงมีผู้กล้าเข้าไปเจรจากับขบวนการปาเลสไตน์ ๔ คนคือ เสธ.ทวี พล.ต.ชาติชาย เอกอัครราชทูตอียิปต์ และนายทวี นภากร ผู้เป็นล่ามมาแต่ต้น

       พล.อ.อ.ทวีได้บันทึกเหตุการณ์ตอนที่เผชิญหน้ากับกองโจร “กันยายนทมิฬ” ครั้งนี้ไว้ว่า

       “เมื่อเราเดินเข้าประตูไปถึงตัวตึก ข้าพเจ้าก็บอกให้เอกอัครราชทูตอียิปต์ตะโกนเป็นภาษาอาหรับ บอกว่ารัฐบาลไทยขอส่งพลอากาศเอกทวี จุลละทรัพย์ และพลตรีชาติชาย ชุณหะวัณเข้ามา เพื่อทำการปรึกษาหารือกับท่าน สักพักหนึ่งหน้าต่างชั้นบนก็เปิดออกมา ข้าพเจ้าได้เห็นคนๆหนึ่งอยู่ที่ชั้นบน แล้วมีเสียงพูดกันอยู่ข้างในเป็นภาษาอาหรับ

พร้อมกับมีเสียงเลื่อนโต๊ะเก้าอี้กันในห้องโถง พอประตูเปิดแง้มออกมา ก็มีคนโผล่ออกมาแล้วก็หันกลับไปพูดกับคนที่อยู่ข้างใน คนที่โผล่ออกมานี้หน้าตาท่าทางก็ไม่น่าจะเป็นคนเหี้ยมหาญเช่นนี้ เป็นคนรูปร่างสูงหน้าตาจุ๋มจิ๋ม สะพายปืนอาร์ก้ามีลูกระเบิดมือห้อยอยู่ตามเอวหลายลูก เขาได้เชิญเราเข้าไปข้างใน

พอผ่านประตูห้องรับแขกเข้าไป เราก็เห็นว่า ตามประตูหน้าต่างปิดกลอนลั่นดานกันอย่างแน่นหนา มีโต๊ะเก้าอี้กั้นประตูไว้มากมาย เมื่อข้าพเจ้าเข้าไปก็ได้จับมือกับเขาก่อน เขาก็จับด้วย ข้าพเจ้าจึงแนะนำตัวว่า ข้าพเจ้าคือพลอากาศเอกทวี จุลละทรัพย์ และแนะนำพลตรีชาติชาย ชุณหะวัณให้รู้จัก เขาน่ะไม่บอกชื่อของเขาหรอก จับมือแล้วก็พยักหน้าให้เข้าไปข้างใน

       พอเราเข้าไปถึงข้างใน ก็มีหัวหน้านั่งอยู่บนเก้าอี้ สูบบุหรี่พ่นควันโขมงอยู่ เขายืนขึ้นและจับมือ ข้าพเจ้าจึงแนะนำตัวอีกครั้งหนึ่งรวมทั้งพลตรีชาติชาย ชุณหะวัณด้วย ขณะนี้ล่ามทั้งสองก็ทำหน้าที่แปล ถ้าเราพูดเป็นภาษาอังกฤษ เอกอัครราชทูตอียิปต์ก็เป็นผู้แปล ถ้าเราพูดเป็นภาษาไทย ล่ามไทยก็เป็นผู้แปล

ข้าพเจ้านั่งลงสักพักหนึ่ง เขาก็ส่งบุหรี่มาให้ข้าพเจ้าสูบ ข้าพเจ้าได้กล่าวขอบคุณและบอกว่า ตัวข้าพเจ้านั้นได้เลิกสูบบุหรี่นานแล้ว สังเกตดูรอบๆตัวเขานั้นก้นบุหรี่เต็มไปหมด แม้กระทั้งที่พื้นห้องก็เหยียบไว้เป็นจำนวนมาก มีคนยืนอยู่ข้างๆหัวหน้าเขาคนหนึ่ง อีกคนอยู่บนชั้นสองของตัวตึก และอีกคนหนึ่งยืนเฝ้าอยู่ทางประตูทางเข้า

คนที่ยืนข้างๆหัวหน้าท่าทางเป็นฮิปปี้หน่อย ผมยาว มีหนวดเครารุงรัง แต่งตัวทะมัดทะแมง คนที่นั่งซึ่งเป็นหัวหน้าท่าทางน่าจะเป็นพระเอกหนังมากกว่า ข้าพเจ้ายิ้มกับเขาแล้วถามว่าเหนื่อยไหม เขาก็บอกว่าเหนื่อยมากไม่ได้นอนมา 2 คืนแล้ว รู้สึกว่าเวลามันใกล้เข้ามาแล้วในการที่จะตกลงใจ

       เขาพูดกับข้าพเจ้าอย่างสุภาพ แต่ว่าลักษณะการพูดที่กล่าวออกมานั้น ใจความคล้ายๆจะขู่ข้าพเจ้าเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ดีข้าพเจ้าก็ยิ้มๆ ทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน โดยถามว่าการปฏิบัติการของท่านที่กระทำไปในครั้งนี้ทำเพื่ออะไร เขาตอบว่าท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว เราได้ส่งข้อเรียกร้องไปแล้วเพื่อให้รัฐบาลอิสราเอลตอบ

ข้าพเจ้าก็บอกเขาว่า ที่เข้ามานี้ไม่ได้เข้ามาในนามของรัฐบาลอิสราเอลหรือรัฐบาลอาหรับประเทศใดประเทศหนึ่งเลย ข้าพเจ้าเข้ามา ในฐานะที่เป็นผู้แทนของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ มาเพื่อฟังความคิดเห็นของท่าน ว่ากำลังทำอะไรอยู่ และกำลังจะทำอะไรต่อไป

ถ้ามีโอกาส ข้าพเจ้าจะได้แนะนำว่าท่านควรจะทำประการใดต่อไป เขาบอกว่าเขาเข้าใจ แต่อยากจะได้คำตอบจากรัฐบาลอิสราเอลก่อนที่จะมีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น ข้าพเจ้าก็บอกว่า ข้าพเจ้าก็ได้บอกแล้วว่าข้าพเจ้าไม่มีสิทธิมีเสียงใดๆทั้งสิ้นในการที่จะไปบังคับรัฐบาลอิสราเอลได้

และเหตุการณ์ทุกครั้งที่ขบวนการของท่านได้ปฏิบัติการผ่านมา รัฐบาลอิสราเอลไม่เคยเลยที่จะตอบว่า Yes กับท่าน การที่ท่านได้ดำเนินการยึดสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลและคนอิสราเอลไว้ถึง ๖ คนในประเทศไทยนี้ ทั่วโลกกำลังงงงันต่อการกระทำของท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนคนไทย

       ข้าพเจ้าได้กล่าวต่อไปอีกว่า ถ้าหากสมมุติว่าท่านปฏิบัติการในครั้งนี้ไม่สำเร็จ และมีเหตุการณ์ที่ต้องปะทะกัน จนทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายขึ้นแล้ว จะไม่ได้บาดเจ็บและตายเฉพาะท่านกับชาวอิสราเอลเท่านั้น ประชาชนคนไทยหลายคนจะต้องประสบเคราะห์กรรมไปด้วย

หากจะมีการขว้างระเบิด ยิงกัน หรือจะปฏิบัติการอย่างใดก็ตาม คนไทยที่อยู่ใกล้เคียงในบริเวณนี้ก็จะต้องได้รับความเดือดร้อนไปด้วย คนไทยเหล่านั้นไม่เคยรู้เรื่องข้อบาดหมางระหว่างท่านกับอิสราเอลเลย ดังนั้นขอให้เห็นใจคนไทยเหล่านั้นด้วย

เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนั้น ข้าพเจ้าได้ประสบพบเห็นเหตุการณ์นั้นอย่างใกล้ชิด ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า สาเหตุนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เยอรมันเป็นอย่างไร ข้อบกพร่องต่างๆเกิดขึ้นได้อย่างไร และอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมีการตายกันขึ้น

       ความจริงนั้น ขบวนการแบลกเซปเทมเบอร์ของท่านนั้น ไม่ต้องการที่จะดำเนินการให้ถึงกับมีการเลือดตกยางออกกันขึ้น แต่เป็นความบกพร่องของฝ่ายสืบราชการลับ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปราบปรามต่างๆของเยอรมันที่มีจำนวนมากมายเหลือเกิน

ฝ่ายของท่านได้ยินยอมทำตามข้อตกลงแล้ว ได้นำตัวประกันที่จับไว้เดินทางไปสนามบินโดยเฮลิคอปเตอร์ แต่ขณะที่คนฝ่ายท่านคนหนึ่งขึ้นไปตรวจเครื่องบินนั้น ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของเยอรมันได้ทำการยิงคนของฝ่ายท่านก่อน เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกที่เหลือก็ถือว่าสัญญาที่ตกลงกันไว้ก็เป็นอันสิ้นสุดลง

ฝ่ายพวกของท่านจึงได้ใช้ลูกระเบิดขว้างใส่เฮลิคอปเตอร์ จึงทำให้ตายกันหมด ซึ่งจะถือว่าเป็นข้อบกพร่องของพวกท่านไม่ได้ ข้าพเจ้าถือว่าเป็นข้อบกพร่องของฝ่ายดำเนินการสั่งการ เพราะมีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่สั่งการ ในครั้งนี้ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายจากจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้ดำเนินการสั่งการแต่เพียงผู้เดียว

       ฉะนั้น จึงอยากจะบอกกับท่านว่า ในการปฏิบัติการของฝ่ายท่านที่เมืองมิวนิคนั้น ฝ่ายท่านทำให้ทั่วโลกสนใจ แต่สนใจไปในลักษณะที่กล่าวหาฝ่ายท่านว่าเป็นคนโหดร้ายทารุณต่อผู้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไปปฏิบัติการในสถานที่ที่ไม่ควรจะกระทำ กรณีนี้ทำให้ขบวนการของท่านถูกรังเกียจอยู่มาก และในขณะนี้ทั่วโลกก็ยังรังเกียจอยู่

ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะแก้ข้อครหาให้เพื่อนท่าน และขบวนการของท่านให้ทั่วโลกเข้าใจให้ถูกต้อง โดยถ้าหากว่าท่านจะยินยอมให้ข้าพเจ้าดำเนินการนำท่านไปยังสถานที่ ที่ปลอดภัยตามที่ท่านจะต้องการ ทั่วโลกก็จะสรรเสริญท่านและขบวนการของท่าน

เหตุการณ์ต่างๆที่ทั่วโลกยังจารึกและจดจำอยู่ที่เมืองมิวนิคก็จะค่อยๆจางหายไป ยังมีหนทางปฏิบัติอีกหลายทางที่จะทำให้รัฐบาลอิสราเอลปล่อยเพื่อนๆของท่านที่จับไป เช่นทางด้านสหประชาชาติ ทางด้านการเมือง ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงขอร้องให้ท่านยุติการปฏิบัติการของท่านในครั้งนี้

       หัวหน้าขบวนการกู้ชาติปาเลสไตน์จึงยิ้ม แล้วก็พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า เหตุที่เขายังไม่ได้แต่งงานจนกระทั่งบัดนี้ เพราะทรัพย์สมบัติและคฤหาสน์ที่อยู่ที่อาศัย ซึ่งเป็นตึกอย่างดีได้ถูกสหรัฐอเมริกาและอังกฤษบีบบังคับโดยวิถีทางการเมือง ให้ต้องอพยพออกไปจากเมืองเยรูซาเล็ม

โดยตั้งประเทศขึ้นมาใหม่ คือประเทศอิสราเอล ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทำให้เขาต้องประสบความยุ่งยากอย่างมากมาย ต้องผจญกับความลำบาก พ่อแม่ซึ่งชรามากแล้วต้องอาศัยอยู่ในเต๊นท์ ตัวเองจนกระทั่งบัดนี้อายุตั้ง ๓๕-๓๖ ปีแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักได้ เพราะได้ปฏิญาณตนไว้แล้วว่า ถ้าหากไม่ได้ดินแดนและบ้านเรือนของเขาคืนมา เขาจะไม่แต่งงาน”

       เสธ.ทวี ยังได้บอกพวกเขาอีกว่า ในวันนี้เขาจะสังเกตเห็นคนไทยไม่ได้แต่งกายด้วยสีดำเลย เพราะเป็นวันมงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาเจ้าฟ้าชายขึ้นเป็นมกุฎราชกุมาร คนไทยจึงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสดใส เพื่อไม่ให้เป็นลางร้ายต่อวันอันเป็นมงคลนี้

       หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการบอกว่า เขาไม่ทราบมาก่อนเลยว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของชาวไทย เขามีความเสียใจมาก แต่เมื่อได้ดำเนินการไปแล้วก็ต้องพยายามอย่างถึงที่สุดให้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสธ.ทวีขอร้องให้เขาเห็นแก่วันสำคัญของคนไทย เขาจะยอมยกเลิกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงขอปรึกษาหารือกันอย่างรอบคอบ ขอให้ เสธ.ทวีนำคณะกลับออกไปก่อน อีก ๓๐ นาทีค่อยกลับมาฟังคำตอบ

       ตอนจับมือลากันชั่วคราว เสธ.ทวียังหยอดลูกเล่นติดตลกว่า

       “ถ้าจะมีการเปลี่ยนใจประการใด ก็อย่ายิงข้าพเจ้าเลย”

       “เป็นไปไม่ได้หรอก เราเป็นเพื่อนกันแล้ว” เขาบอก

       อีก ๓๐ นาทีต่อมา เสธ.ทวีก็นำคณะเดิมกลับเข้าไปฟังคำตอบ พร้อมด้วยเนื้อสวรรค์และน้ำดื่ม กองโจรปาเลสไตน์คงจะหิวกันพอควร เพ่งมองดูเนื้อสวรรค์ และไม่ได้คิดถึงเรื่องยาพิษเลย ถามด้วยความสงสัยว่า

       “ไม่ใช่หมูนะ”

       หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ “กันยายนทมิฬ” บอกว่าเขาได้ปรึกษาหารือกันแล้ว รู้สึกเห็นใจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมฯ รวมทั้งรัฐบาลและประชาชนคนไทยมาก แต่ก็ข้องใจที่เอาตำรวจมาล้อมพร้อมติดตั้งไฟฉายไว้รอบด้าน เป็นการเตรียมจู่โจมหรือ

เสธ.ทวีจึงอธิบายให้ทราบว่า ตำรวจที่ล้อมอยู่รอบนี้ไม่ได้เตรียมจู่โจม แต่ตรงกันข้าม ล้อมเพื่อรักษาความปลอดภัยให้เขา เพราะพวกเขามีทั้งปืนกลและระเบิด หากมือที่สามแทรกเข้ามาทุกอย่างก็จะพินาศทันที ทางเราต้องการเจรจาอย่างสันติจึงต้องป้องกันไว้

หัวหน้ากองโจรยิ้มพยักหน้าอย่างเข้าใจ และบอกว่าเขาได้ตัดสินใจที่จะยุติปฏิบัติการครั้งนี้ ขอให้จัดเครื่องบินพาเขาส่งออกนอกประเทศด้วยก่อนสว่าง โดยขอให้ พล.อ.อ.ทวีและ พล.ต.ชาติชายร่วมไปส่งด้วย ซึ่งก็เท่ากับเอา ๒ รัฐมนตรีของไทยเป็นตัวประกัน ซึ่ง เสธ.ทวีก็ตอบตกลง และขอขึ้นไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอล ๖ คนที่ถูกจับอยู่ข้างบน พวกกองโจรก็อนุญาต

       เจ้าหน้าที่ของอิสราเอลถูกมัดมือเรียงกันเป็นตับ พอเห็นหน้า เสธ.ทวีและพล.ต.ชาติชาย ก็ใจชื้นขึ้นทันที มีความหวังจะได้รอดชีวิต และยังได้แก้หิวด้วยเนื้อสวรรค์และน้ำดื่มที่แบ่งมาจากกองโจรด้วย

       กองโจรขอให้นำเขาไปส่งที่กรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อ เสธ.ทวีหันมาปรึกษา พล.ต.ชาติชาย รมต.ต่างประเทศขอเปลี่ยนเป็นไคโร อียิปต์ดีกว่า เพราะสะดวกกับสายการบินมากกว่า แต่ในใจคิดว่าเลบานอนเป็นฐานของขบวนการ “กันยายนทมิฬ” ถ้าไปที่นั่นอาจจะมีปัญหา หรืออาจจะถูกจับเป็นตัวประกันก็ได้ ฝ่ายกองโจรก็ยอมไปไคโร

       เมื่อ เสธ.ทวีขอกลับออกมาเพื่อเตรียมเครื่องบิน และถามหัวหน้ากองโจรที่ดูท่ากำลังหิวกันทุกคนว่า ตอนกลับเข้ามาจะเอาอาหารมาฝาก อยากจะกินอะไร หัวหน้ากองโจรก็บอกโดยไม่อ้อมค้อมว่า ตอนที่มาอยู่กรุงเทพฯนี้ ติดใจข้าวหมกไก่มาก เสธ.ทวีก็รับปากว่าจะกลับเข้ามาพร้อมข้าวหมกไก่

       พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ออกมารายงานต่อจอมพลถนอม กิตติขจร และ พล.อ.ประภาส จารุเสถียร ซึ่งยังเฝ้ารอฟังผลอยู่ที่กองบัญชาการใน ร.ร.มาแตร์เดอี โดยมีเอกอัครราชทูตอเมริกันมาสมทบด้วย และเรียก พล.อ.ท.สวน สุขเสริม กรรมการผู้จัดการบริษัทการบินไทย กับกัปตันพร้อม ณ สงขลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ มาให้รับภาระติดต่อสายการบินไปไคโร แต่ปรากฏว่าไม่มีสายการบินใดยอมรับกองโจรเลย

       ในที่สุดการบินไทยจึงต้องจัดเที่ยวบินพิเศษไปโดยเฉพาะ

       ในเวลาตีสาม เสธ.ทวีได้กลับเข้าไปในสถานทูตอิสราเอลอีกครั้ง พร้อมด้วยคณะเดิม และยังเพิ่ม พล.ท.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ และ ร.ต.เทพพนม จุลละทรัพย์ บุตรชายเข้าไปด้วย พร้อมกับนายทหารที่หิ้วข้าวหมกไก่และน้ำโพลาลิสไปส่งถึงประตูตึก

       หน่วยปฏิบัติการ “กันยายนทมิฬ” รอรับกันอยู่แล้ว พอแก้ห่อข้าวหมกไก่ออก กลิ่นก็ตลบไปทั้งห้อง สมาชิกกองโจรยืนมองกลืนน้ำลาย แต่ยังไม่ยอมกิน เสธ.ทวีรู้ท่าเลยบอกว่า

       “กลัววางยาใช่ไม๊...ข้าพเจ้าจะลองรับประทานให้ดู”

       จากนั้นก็ตักข้าวหมกไก่จากห่อต่างๆ กินเป็นตัวอย่าง เหล่ากองโจรยิ้ม แล้วลงมือรับประทานกัน

       กลิ่นข้าวหมกไก่ไม่เพียงแต่ตลบในห้องข้างล้าง ยังโชยขึ้นไปข้างบนด้วย สมาชิกกองโจรที่คุมเชลยชาวอิสราเอลอยู่ตะโกนเป็นภาษาอาหรับลงมา ซึ่งทูตอียิปต์แปลให้ฟังว่า

       “กลิ่นข้าวหมกไก่หอมเหลือเกิน ขอกินบ้างซี”

       ทั้งยังชะโงกหน้ามาดูทางช่องบันได ทำให้ระเบิดมือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อตกกลิ้งลงมาตามขั้นบนได ในวินาทีทั้งขบวนการกู้ชาติปาเลสไตน์และกลุ่มทูตสันติฝ่ายไทยต่างพุ่งตัวเข้าไปใต้โต๊ะเหมือนนัดกันไว้ แต่เคราะห์ดีที่สลักระเบิดไม่หลุด เจ้าของระเบิดลงบันไดมาเก็บคืนไป หากระเบิดลูกนี้ระเบิดขึ้น นอกจากหลายคนในห้องจะได้รับอันตรายแล้ว ตำรวจที่ล้อมรอบอยู่อาจจะถล่มเข้ามาก็ได้

       กองโจรปาเลสไตน์ได้กำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นว่า ขอให้เอาเชลยชาวอิสราเอลขึ้นรถบัสไปคันเดียวกับพวกเขา พร้อมกับ พล.อ.อ.ทวี พล.ต.ชาติชาย และเอกอัครราชทูตอียิปต์ โดยพวกเขายังไม่ยอมให้ปลดอาวุธ และให้มีรถตำรวจคุ้มกันทั้งข้างหน้าข้างหลังด้วยเพื่อป้องกันมือที่สาม

       เมื่อถึงสนามบินแล้ว ให้รถบัสจอดใกล้เครื่องบินที่สุด กันตำรวจทหารออกไปให้ห่าง จากนั้นพวกเขาคนหนึ่งจะถืออาวุธขึ้นไปตรวจบนเครื่อง ขออย่าให้พนักงานประจำเครื่องตกใจ เมื่อตรวจเสร็จแล้วพวกที่คุมเชลยอยู่จะทยอยตามขึ้นไป ส่วน เสธ.ทวีนั้น ขอให้ยืนกำกับอยู่ที่บันไดเครื่องบิน เมื่อทุกคนขึ้นไปบนเครื่อง ปล่อยเชลยอิสราเอลไปหมดแล้ว เขาจะมอบอาวุธทั้งหมดให้บนเครื่องบิน

       ฝ่ายไทยไม่มีทางต่อรองอยู่แล้ว จึงยอมรับข้อกำหนดทุกอย่าง

       ขบวนได้เคลื่อนออกจากสถานทูตอิสราเอลเมื่อ ๕ น.เศษ และเมื่อรถบัสจอดเทียบเครื่อง “ท้าวสุรนารี” เสธ.ทวีได้ก้าวลงมาเป็นคนแรก เห็นทหารตำรวจมาเรียงรายขยายแถวเหมือนเตรียมรบ จึงร้องสั่งให้ถอยออกไปพ้นเขตสนามบินให้หมด

จากนั้นกองโจรทั้ง ๔ ก็ลงมาจากรถบัส เป็นการปล่อยเชลยชาวอิสราเอลตามสัญญา สมาชิกกองโจรคนหนึ่งได้ถือปืนวิ่งสลับฟันปลาขึ้นไปบนเครื่องบินเพื่อสำรวจ ซึ่งผู้วิ่งแบบนี้ที่เมืองมิวนิคถูกยิง จึงทำให้ตัวประกันและกองโจรต้องตายทั้งหมด

       เมื่อเหล่ากองโจรทยอยกันขึ้นเครื่องการบินไทยนั้น แอร์โฮสเตสได้ยืนต้อนรับกล่าวสวัสดีเหมือนต้อนรับผู้โดยสารทั่วไป ทำให้สมาชิกกองโจรที่ถือปืนเตรียมพร้อมชักเขิน ลดปืนลง แต่เมื่อเสธ.ทวีขึ้นตามไปมองเห็นสจ๊วตที่ท่าทางทะมัดทะแมงทั้งหลาย ก็รู้ว่าไม่ใช่สจ๊วตของการบินไทย แต่เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ฝึกมาโดยเฉพาะ ปลอมมาเป็นสจ๊วตเที่ยวบินพิเศษ

       เมื่อขึ้นเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว เหล่ากองโจรก็ปลดอาวุธตัวเองลงกองกับพื้น แต่ไม่ยอมมอบปืนพกให้ ขอติดตัวไว้เผื่อเหตุฉุกเฉิน เสธ.ทวีก็ยอมให้ เพราะบนเครื่องการบินไทยลำนี้ก็มีจุดที่เก็บอาวุธและแก๊สน้ำตาไว้อีกหลายแห่ง รวมทั้งหน้ากากป้องกันไอพิษด้วย ที่ต้องเตรียมไว้ก็เพื่อไม่ให้ไร้พิษเมื่อเหตุการณ์พลิกผัน ซึ่งถ้าไม่ผิดสัญญาก่อนฝ่ายไทยก็จะรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัด

       ราว ๖ น. เมื่อ “ท้าวสุรนารี” เหินขึ้นจากรันเวย์ของสนามบินดอนเมือง ทั้งฝ่ายขบวนการปาเลสไตน์และฝ่ายไทยต่างก็รู้สึกโล่งอก รอแต่เวลาที่จะไปถึงไคโรเท่านั้น

       เมื่อเครื่องบินผ่านกาญจนบุรี มะละแหม่ง เข้าย่างกุ้ง นักบินที่ ๒ ก็ออกมาบอก เสธ.ทวีว่า พม่าไม่ยอมให้ผ่าน ให้บินวนเหนือย่างกุ้งจนกว่าจะได้รับคำสั่ง หากบินต่อไปจะส่งเครื่องบินขับไล่บังคับให้ลง เสธ.ทวีจึงขอพูดวิทยุเองว่า

       “นี่ ข้าพเจ้าพลอากาศเอกทวี จุลละทรัพย์ มาจากกรุงเทพฯ จะเดินทางไปไคโรในธุระสำคัญพิเศษ ทวน ในธุระสำคัญพิเศษ ขออนุญาตบินผ่าน ขอให้ท่านนำความนี้แจ้งต่อ ฯพณฯ พลเอกเนวิน หรือพลเอกซันยุโดยด่วน ถ้าเป็นไปได้ ข้าพเจ้าขอพูดกับท่านทั้งสองด้วย”

       สักครู่มีเสียงตอบขึ้นมา เป็นเสียงเหมือนต่อจากโทรศัพท์มาเข้าวิทยุของหอบังคับการบิน ซึ่งน่าจะเป็นเสียงของพลเอกท่านใดท่านหนึ่ง บอกให้เดินทางต่อไปได้ และขออวยพรให้พลอากาศเอกทวี จุลละทรัพย์และคณะจงสำเร็จในการปฏิบัติการพิเศษนี้ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ

       หัวหน้ากองโจรฟังแล้วก็มองหน้า เสธ.ทวีพร้อมถอนหายใจ บอกว่าโชคดีที่ เสธ.ทวีรู้จักผู้ใหญ่ของพม่า เสธ.ทวีบอกว่าเป็นเพื่อนกัน เคยช่วยเหลือกันเมื่อคราวที่พลเอกเนวินตั้งขบวนการกู้เอกราชมาแล้ว ทำให้สมาชิกกองโจรไว้วางใจมากขึ้น

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ก็ให้การดูแลอย่างดีเหมือนดูแลผู้โดยสารโดยทั่วไป พนักงานหญิงบางคนเอาไพ่มาชวนสมาชิกกองโจรเล่น ไม่มีการควบคุมกัน หัวหน้ากองโจรเลยมอบปืนพกประจำตัวให้ เสธ.ทวีเป็นการให้ความไว้วางใจ แต่เสธ.ทวีก็นักเลงพอที่จะไม่รับ บอกว่าเอาเก็บไว้ก่อน ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก เขาอาจจะต้องใช้

ทำให้สนิทใจกันเหมือนเพื่อนร่วมเดินทางธรรมดา เสธ.ทวีได้ขอให้พนักงานบนเครื่องเอาอาหารเครื่องดื่มมาเลี้ยงกันอย่างอิ่มหนำสำราญ และคุยเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตกัน ทำให้รู้ว่าสมาชิกกองโจรทั้ง ๔ ต่างมีการศึกษาดี คนหนึ่งเป็นแพทย์ อีกคนเป็นวิศวกรไฟฟ้า อีกคนเป็นวิศวกรโยธา และอีกคนเป็นครู เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้ว ต่างก็หลับกันเป็นตายเพราะอดนอนมาหลายคืน

       ขณะที่เหล่ากองโจรทั้ง ๔ หลับ เสธ.ทวีก็เอากระดาษออกมาทำทีว่าจะเขียนจดหมาย แต่ได้แอบสเก๊ตภาพของกองโจรทั้ง ๔ ไว้

       เมื่อเครื่องบินแวะเติมน้ำมันที่กรุงการาจี ทหารปากีสถานได้ เอารถเกราะและรถดับเพลิงมาเตรียมพร้อมเต็มที่ เสธ.ทวีลงไปเดิน คนเหล่านั้นเลยนึกว่า เสธ.ทวีเป็นหัวหน้ากองโจร ทำให้ต้องตะโกนเรียกหัวหน้ากองโจรลงมาแนะนำตัว

ทำให้เจ้าหน้าที่ปากีสถานงงกันเป็นการใหญ่ ที่เห็นกองโจรกับตัวประกัน เดินทางกันอย่างอิสระแบบนี้ บ้างก็กระซิบถามเสธ.ทวีว่าทำยังไง เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ เสธ.ทวีจึงบอกว่า แล้วจะบันทึกให้อ่านกันเพื่อเป็นบทเรียนต่อไป

       พอออกจากการาจี ทุกคนก็สบายใจยิ่งขึ้น มีการดื่มเหล้าดื่มเบียร์และขอซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเครื่องเอาไปฝากพรรคพวก เสธ.ทวีจึงซื้อน้ำหอมแจกกองโจรคนละขวดให้เอาไปฝากแฟน

       ออกจากการาจีมาราว ๔ ชั่วโมงครึ่งทางไปไคโร กลุ่มกองโจรก็เกิดวิตกว่าอิสราเอลจะส่งเครื่องบินขับไล่มายิง ขอให้เปลี่ยนเส้นทางบิน เสธ.ทวีบอกไม่ต้องวิตกเรื่องนี้ ได้ขอให้ทางการาจีปิดบังเวลาบินไว้แล้ว ทั้งยังขอให้ประเทศที่สามช่วยกราดเรดาร์ดูย่านนี้ให้ด้วย ถ้ามีเครื่องบินที่ไม่ใช่เครื่องบินโดยสารแปลกปลอมเข้ามา ให้แจ้งให้ทราบด้วย ทำให้สมาชิกกองโจรโล่งอก หลับกันต่อ

       เมื่อเครื่องไปถึงสนามบินไคโร มีคนเป็นจำนวนมากมาต้อนรับ พร้อมกับกองทัพนักข่าวจากทั่วโลก กลุ่มคนที่มารอด้วยความดีใจสุดๆ คือบรรดาญาติมิตรของกองโจรเอง เพราะเป็นครั้งแรกที่กองโจรกู้ชาติปาเลสไตน์ไปปฏิบัติการณ์แล้วรอดชีวิตกลับมาได้

       ขณะเดียวกันทางกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอลที่รอดตายต่างฉลองชีวิตใหม่กัน และนายมุสตาฟา ฟาห์มี ได้รับการจารึกว่าเป็นทูตอียิปต์คนแรกของโลก ที่เข้าไปในเขตสถานทูตอิสราเอล ซึ่งการที่ทูตอียิปต์ร่วมในการช่วยชีวิตชาวอิสราเอลในครั้งนี้ ได้ทำให้เหตุการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางคลี่คลายลง จนอียิปต์เป็นอาหรับชาติแรกที่เปิดสัมพันธไมตรีกับอิสราเอลในเวลาต่อมา

       นางรุธ ฮาดาซ ภรรยาเลขานุการสถานทูตอิสราเอล ถือแก้วเหล้าเต้นรำอย่างเริงร่าที่รอดตายอย่างไม่คาดฝัน กล่าวว่า

       “ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า การมีชีวิตอยู่นั้นมีความสุขเพียงใด หากไม่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งประเทศไทยแล้ว เราก็คงไม่ได้รอดชีวิตกันแน่”

       ส่วนนายฮาดาซเองเผยว่า เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน พวกกองโจรบอกว่าจะปล่อยตัวเชลยทุกคนเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งประเทศไทย และว่า

       “เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยทุกคนทำงานกันอย่างรอบคอบสุขุม ไม่มีการตื่นเต้นตกใจเลย ผมขอปฏิญาณว่า ตราบเท่าที่ผมมีชีวิตอยู่ ใครอย่าได้กล่าวร้ายประเทศไทยต่อหน้าผมเป็นอันขาด”

       ทั่วโลกต่างแซ่ซ้องสรรเสริญปฏิบัติการของไทยครั้งนี้เป็นเสียงเดียวกัน นางโกลดาร์ แมร์ นายกรัฐมนตรีหญิงเหล็กของอิสราเอล ให้สัมภาษณ์นักข่าวเอพีว่า นางต้องนั่งติดตามข่าวทางกรุงเทพฯตลอดเวลา ๑๙ ชั่วโมงโดยไม่ยอมลุกไปไหน

       “ข้าพเจ้าต้องการขอบคุณรัฐบาลไทย ที่ช่วยเหลือด้วยความจริงจังและมีประสิทธิภาพยิ่ง เรารู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณรัฐบาลไทยอย่างที่สุด ต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กระทำลงไป”

       แล้วนางก็ยกแก้วบรั่นดีขึ้นดื่มฉลองชัย

       ก่อนหน้านั้นรัฐบาลอิสราเอลได้ประกาศเตือนประชาชนทางวิทยุ หลังจากที่ได้รับข่าวว่ากองโจรอาหรับยอมรับข้อเสนอของเจ้าหน้าที่ไทยว่าจะปล่อย ๖ ตัวประกันเพื่อแลกกับการเดินทางออกนอกประเทศ ว่าอย่าหวังอะไรมากนัก ขอให้ระลึกถึงเมื่อวันที่ ๔ กันยายนที่ผ่านมา เมื่อคนยิวทั้งชาติเข้านอนหลังจากทราบข่าวว่านักกีฬายิว ๙ คนซึ่งถูกจับเป็นตัวประกันที่มิวนิคจะปลอดภัย แต่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ได้ทราบว่าทั้ง ๙ ถูกสังหารเสียแล้ว

       ขณะเดียวกัน นสพ.ทั่วโลกได้วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างเกรียวกราว โดยชมเชยรัฐบาลไทยที่สามารถจัดการกับกองโจรอาหรับโดยละมุนละม่อมไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ

       หนังสือพิมพ์ สเตรทไทม์ ยักษ์ใหญ่ของมาเลเซียและสิงคโปร์ ยกย่องรัฐบาลไทยและเอกอัครราชทูตอียิปต์ประจำประเทศไทย ที่เจรจากับกองโจรอาหรับ และเผชิญหน้าสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยความรอบคอบและดุลยพินิจ

       นิวยอร์คไทม์ ของอเมริกา ลงบทวิจารณ์ภายใต้หัวเรื่องว่า “แฮปปี้ เอนดิ้ง บางกอก” กล่าวว่าเหตุร้ายที่ทำว่าจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมนองเลือด แบบเดียวกับการฆ่าหมู่นักกีฬายิวที่มิวนิค ได้จบลงอย่างมีความสุขที่กรุงเทพฯ รัฐบาลไทยสามารถจูงใจให้พวกก่อการร้ายอาหรับ ปล่อยเชลยอิสราเอล และบินไปไคโรได้

       หนังสือพิมพ์ เดลิเทเลกราฟ ของอังกฤษ กล่าวยกย่องว่า พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ เสนาธิการทหารไทยเป็น “วีรบุรุษ” ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งอาจจะจบลงด้วยการสังหารหมู่อย่างน่าสะอิดสะเอียน ตัวประกันชาวอิสราเอล ๖ คน เป็นหนี้ชีวิตต่อเสน่ห์ในการชักจูงใจของ พล.อ.อ.ทวี ที่สามารถกล่อมให้พวกก่อการร้ายตระหนักว่ารัฐบาลอิสราเอลจะไม่ยอมตามคำขาดของพวกเขาโดยเด็ดขาด

       หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นทุกฉบับ ต่างยกย่องการดำเนินทางการทูตของประเทศไทยเป็นเสียงเดียวกัน อันเป็นผลให้เรื่องร้ายจบลงโดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อและชมเชยว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศของผู้รักสันติภาพและสุภาพ”

       ส่วนหนังสือพิมพ์ อัล อาห์ราม อันเป็นหนังสือกึ่งราชการของอียิปต์ ได้ยกย่องกองโจรปาเลสไตน์ทั้ง ๔ คน ที่ไว้ชีวิตตัวประกันชาวอิสราเอลทั้ง ๖ ซึ่งแสดงว่าเคารพต่อค่าของคน และกล่าวว่าต้นเหตุของเหตุร้ายครั้งนี้คือ การที่อิสราเอลไม่ยอมรับรู้สิทธิของชาวปาเลสไตน์

       หนังสือพิมพ์ อัลโมฮาร์เธอร์ ของเลบานอน ที่ใกล้ชิดกับขบวนการนี้ เสนอข่าวว่า กองโจรปาเลสไตน์ทั้ง ๔ คนจะถูกนำตัวขึ้นศาลกองโจรปาเลสไตน์ ฐานละเมิดคำสั่ง ไม่ยอมระเบิดสถานทูตและสังหารตัวประกันชาวยิวทั้ง ๖ คน

       กองโจรกลุ่มนี้ได้รับคำสั่งมาให้ระเบิดสถานทูตพร้อมเจ้าหน้าที่ในสถานทูต แล้วมอบตัวต่อรัฐบาลไทยถ้าหากอิสราเอลไม่ยอมปล่อยนักโทษทั้ง ๓๖ คน นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า กองโจรจะเดินทางออกจากประเทศไทยได้ก็ต่อเมื่อได้เกิดกรณีพิเศษขึ้นจริงๆ แต่ต้องนำตัวประกันไปด้วย

       ทั่วโลกซึ่งเพิ่งสยดสยองกรณีกองโจรปาเลสไตน์ฆ่าหมู่นักกีฬาอิสราเอลที่มิวนิคไป ๙ คน และเตรียมใจไว้แล้วว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คงจบลงแบบเดียวกัน แต่เมื่อผลกลับเปลี่ยนเป็น “แฮปปี้ เอนดิ้ง” โลกจึงต้องตะลึงอย่างไม่คาดคิด และแซ่ซ้องสรรเสริญไทยกันกระหึ่ม ชื่นชมที่ใช้แค่วาจาพลิกสถานการณ์ได้ยอดเยี่ยม “ไซมิส ทอล์ค” จึงดังขึ้นอีกครั้ง

       เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ คำว่า “ไซมิส ทอล์ค” เป็นแสลงที่หมายถึงคำพูดที่กลับไปกลับมา เพราะประกาศสงครามกับเขาแล้ว แต่พอสงครามยุติเป็นฝ่ายแพ้ กลับประกาศใหม่ว่า การประกาศครั้งก่อนเป็นโมฆะเพราะคนไทยไม่เต็มใจประกาศ

       ครั้งนี้ “ไซมิส ทอล์ค” หมายถึงคำพูดที่มีเสน่ห์ มีเหตุผลที่น่าฟัง โน้มน้าวจิตใจได้ดี สยบความรุนแรงที่สร้างความสยดสยองทั่วโลกมาแล้วลงได้

       หลังเหตุการณ์ครั้งนี้ คนไทยทั้งประเทศต่างมีความสุข ภูมิใจในความเป็นไทย ซึ่งมีสิ่งที่คนทั่วโลกไม่มี แต่ยังไม่เท่ากับคนไทยในต่างประเทศ ต่างยืดอกขึ้นอีกเมื่อเดินถนน แล้วมีคนต่างชาติมองด้วยความชื่นชมเมื่อรู้ว่าเป็นคนไทย