"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
3 กุมภาพันธ์ 2559
 
All Blogs
 
ร.๖ ทรงวินิจฉัย “ท้าวแสนปม” เรื่องปาฏิหาริย์เหลือเชื่อ ซ่อนความจริงที่เป็นไปได้ไว้!!!

 โดย โรม บุนนาค

ร.๖ ทรงวินิจฉัย “ท้าวแสนปม” เรื่องปาฏิหาริย์เหลือเชื่อ ซ่อนความจริงที่เป็นไปได้ไว้!!!
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าฯ ทรงแสดงละครในบท “นายมั่นปืนยาว”

เรื่อง “ท้าวแสนปม” เป็นเรื่องเก่าที่เล่ากันมาแต่ดึกดำบรรพ์ ว่าเป็นพระราชบิดาของพระเจ้าอู่ทองผู้สร้างกรุงศรีอยุธยา และตามสไตล์ของเรื่องเก่าระดับนี้จึงเต็มไปด้วยอภินิหารต่างๆนานา

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ซึ่งได้รับการถวายพระสมัญญานามว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ได้ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องท้าวแสนปมนี้เป็นบทละครรำไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖

ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๖๘ ซึ่งเป็นปีสุดท้ายในรัชกาล ก็ได้ทรงพระราชนิพนธ์ในรูปแบบของบทละครดึกดำบรรพ์ออกมาอีกครั้ง และได้แสดงพระราชปรารภเมื่อครั้งทรงพระราชนิพนธ์บทละครรำไว้ว่า

       “เรื่องท้าวแสนปมเป็นเรื่อง ๑ ซึ่งผู้ที่ได้อ่านแล้วมักรู้สึกว่าเหลือที่จะเชื่อได้ เพราะเหตุการณ์ที่เป็นไปในเรื่องนั้น เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์ อันคนเราในสมัยนี้มักรู้สึกตนว่ามีความรู้มากเกินที่จะเชื่อได้เสียแล้ว

เพราะฉะนั้นจึงไม่ใคร่มีใครใฝ่ใจนึกถึงเรื่องท้าวแสนปม พออ่านแล้วก็ลงความเห็นว่าเหลวแล้วก็เลยทิ้ง ไม่พิจารณาต่อไปทีเดียว โดยเห็นว่าเสียเวลาเปล่าในการที่จะใช้ความคิดพิจารณาเรื่องเช่นนี้”

       แต่ก็ทรงแสดงพระราชปรารภ ที่ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องท้าวแสนปมนี้ขึ้นว่า

       “แต่ที่แท้นั้น ถ้าคิดไปสักหน่อยก็จะรู้สึกได้ว่า อันที่จริงควรที่จะอยากรู้ต่อไปอยู่บ้างว่า ท้าวแสนปมนั้นจะมีความจริงอยู่เพียงไร เพราะท้าวแสนปมนี้ไม่ใช่คนอื่นไกลเลย เป็นพระบิดาสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ ผู้สถาปนากรุงทวารวดี (คือกรุงศรีอยุธยา) จะว่าไม่เป็นคนสำคัญอย่างไรได้

เว้นเสียแต่ถ้าจะไม่เชื่อว่าสมเด็จพระรามาธิบดี เป็นลูกท้าวแสนปมทีเดียวนั้นแหละจนใจอยู่ แต่ถ้ายังเชื่อว่าสมเด็จพระรามาธิบดีเป็นลูกท้าวแสนปมแล้วก็คงจะต้องอยากรู้อยู่ว่า ท้าวแสนปมนั้นแท้จริงคือใคร และเรื่องราวของท่านผู้นี้จะมีมูลความจริงอยู่มากหรือน้อยเพียงใด”

       นอกจากนี้ยังได้ทรงแสดงพระราชดำริในเรื่องตำนานต่างๆไว้ว่า

       “ข้าพเจ้าอยู่ในคนจำพวกซึ่งพอใจจะเชื่อ เรื่องราวแห่งอัจฉริยบุคคลอันมีปรากฏอยู่ในตำนานต่างๆ โดยมากไม่ใช่ผูกแต่งขึ้นลอยๆ เป็นนิยายเล่าเล่น โดยมากย่อมมีความจริงเป็นเค้าอยู่บ้าง เช่นพระร่วงส่วยน้ำกับขอมดำดิน...”

       เรื่องท้าวแสนปมนั้น ปรากฏอยู่ในหนังสือตำนานโยนก กับพงศาวดารสังเขปของสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส กล่าวถึง พระพรหมมหาราช ซึ่งตั้งราชธานีอยู่ที่เมืองเชียงแสน

ต่อมาถูกมหาราชรามัญ แห่งเมืองสตอง ยกทัพมาตีใน พ.ศ. ๑๗๓๑ จึงเสียเมืองแก่ข้าศึก แตกหนีลงมาทางใต้ พบเมืองร้างที่ชื่อว่าเมืองแปบใกล้เมืองกำแพงเพชร มีชัยภูมิเหมาะจึงสร้างเมืองขึ้นใหม่ ให้ชื่อว่า เมืองไตรตรึงษ์

และครองเมืองนี้มาจนถึงรัชสมัยของท้าวไตรตรึงษ์องค์ที่ ๔ ซึ่งมีพระราชธิดาทรงสิริโสภายิ่งนัก

       วันหนึ่งเทวดาก็ดลใจให้พระธิดาอยากเสวยมะเขือ บรรดาพี่เลี้ยงนางกำนัลจึงออกไปหามะเขือมาถวาย แต่มะเขือที่ไหนก็ไม่งามเท่ามะเขือที่สวนของชายทุคตะ หรือชายยากเข็ญคนหนึ่ง ชื่อว่า แสนปม

เพราะมีปุ่มปมขึ้นทั้งตัวดูน่าเกลียด และมะเขือต้นใดในสวนนั้นก็ไม่งามเท่าต้นที่อยู่ติดกับกระท่อมของนายคนยาก ทั้งนี้ก็เพราะนายแสนปมปัสสาวะรดเป็นประจำ จึงได้เก็บมะเขือจากต้นที่งามที่สุดนี้ไปถวายพระธิดา

       หลังจากพระธิดาเสวยมะเขือจากต้นนั้นไปไม่นาน ก็ทรงครรภ์ และประสูติพระกุมารองค์หนึ่ง ท้าวไตรตรึงษ์โทรมมนัสพระทัยยิ่งนัก ที่พระราชธิดามีพระราชโอรสโดยไม่ได้อภิเษก ครั้นไต่ถามว่าใครคือบิดาของพระโอรส นางก็บอกไม่ทราบ

ท้าวไตรตรึงษ์จึงป่าวประกาศให้ขุนนางข้าราชการและราษฎรทั่วไป ที่เป็นชายมาพร้อมหน้ากันในวัง โดยให้ทุกคนมีของกินติดมือมาด้วยทุกคน และทรงอธิษฐานว่า ถ้าใครเป็นบิดาของพระกุมาร ก็ขอให้เทวดาดลใจให้พระกุมารรับของกินจากมือผู้นั้น

       นายแสนปมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกต้อนเข้าวังไปด้วย แต่ด้วยความยากแค้นทำให้เขาไม่อาจหาของกินเข้าไปได้ จึงคว้าก้อนข้าวเย็นในหม้อติดมือไป

       เมื่อถึงเวลาลงสนามเสี่ยงทาย ผู้คนทั้งหลายต่างก็นำโภชนากระยาหารอย่างดีมาถวาย แต่พระกุมารไม่สนพระทัย จนมาถึงนายแสนปมซึ่งยื่นก้อนข้าวเย็นให้ พระกุมารก็รับมาเสวยทันที

       ท้าวไตรตรึงษ์ทั้งโกรธทั้งอาย ที่เห็นชายผู้มีปุ่มปมทั้งตัวคือพระราชบุตรเขย จึงไล่พระธิดาและพระกุมารให้ออกจากวัง ไปอยู่กับนายแสนปมที่กระท่อมกลางไร่มะเขือทันที ทั้งพระธิดาและพระกุมารจึงต้องตรากตรำลำบากร่วมชะตากับนายแสนปม

ร้อนถึงพระอินทร์ที่ทำเรื่องยุ่งไว้ จึงต้องจำแลงแปลงร่างเป็นวานร นำกลองที่เรียกว่า อินทเภรี ใบหนึ่งมาให้นายแสนปม พร้อมทั้งบอกกติกาการใช้ว่า ถ้าต้องการสิ่งใดก็ให้อธิษฐานแล้วตีกลองนี้ สิ่งที่ปรารถนาก็จะบังเกิดขึ้นทันที โดยให้ตีได้เพียง ๓ ครั้งเท่านั้น ซึ่งนายแสนปมก็ใช้สิทธิตีครบทั้ง ๓ ครั้งทันที

       ครั้งที่ ๑ ขอความหล่อไว้ก่อน ให้ปุ่มปมตามร่างกายหายไปเป็นปลิดทิ้ง เมื่ออธิษฐานและตีอินทเภรี นายแสนปมคนยากผู้อัปลักษณ์ ก็กลับเป็นชายหนุ่มรูปโฉมงดงามเหมาะกับความงามของพระราชธิดา

       ครั้งที่ ๒ นายแสนปมอธิษฐานขอเมืองทั้งเมือง ไร่มะเขือก็กลายเป็นเมืองขึ้นมาทันที นายแสนปมให้ชื่อว่า เมืองเทพนคร แล้วขึ้นครองราชย์สมบัติ ณ เมืองนี้ ทรงพระนามว่า พระเจ้าศิริไชยเชียงแสน

       ครั้งที่ ๓ จึงขอพระอู่ทองคำ สำหรับเป็นที่บรรทมของพระโอรส

       เหตุการณ์นี้ ตำนานบอกว่าเกิดขึ้นใน พ.ศ.๑๘๖๒ และพระเจ้าศิริไชยเชียงแสนครองราชย์อยู่ ๒๕ ปีจึงทิวงคตเมื่อ พ.ศ. ๑๘๘๗ พระราชบุตรขึ้นครองราชย์แทน ทรงพระนามว่า พระเจ้าอู่ทอง

       สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า รัชกาลที่ ๖ ทรงสันนิษฐานว่า ที่เรียกเมืองของท้าวแสนปมว่า เทพนคร นั้น คำว่าเทพนครเป็นคำเรียกเมืองหลวงทั่วไป ไม่ใช่ชื่อของเมือง แต่เมืองนี้น่าจะเป็นนครศิริชัย หรือ ศรีวิชัย ซึ่งก็คือเมืองนครปฐมในปัจจุบันนั่นเอง

       ส่วนคำว่า พระเจ้าศิริไชยเชียงแสน เมืองเชียงแสนนั้นสร้างหลังเมืองศรีวิชัย คนเขียนตำนานเรื่องท้าวแสนปม ไม่มีความรู้ในเรื่องเมืองเชียงแสน รู้แต่ว่าเป็นราชธานีโบราณเท่านั้น จึ

งเอามาต่อเติมชื่อว่าเป็นกษัตริย์เชื้อสายเชียงแสน สันนิษฐานว่า ท้าวแสนปมอาจจะเป็นกษัตริย์นครศิริไชยที่ชื่อ ชินเสน ก็ได้ เมื่อทรงสันนิษฐานเช่นนี้ ในบทละครที่พระองค์ทรงนิพนธ์ ท้าวแสนปมจึงมีนามว่า ชินเสน และในบทละครรำเรื่อง ท้าวแสนปม จึงมีบทกลอนตอนหนึ่งกล่าวว่า

       เมื่อนั้น
       องค์พระชินเสนผู้รุ่งฟ้า
       เป็นโอรสยศยงทรงศักดา
       แห่งจอมอาณาศรีวิไชย
       ทรงฤทธิ์กำแหงแรงรณ
       ประชาชนนิยมหาน้อยไม่
       แต่ยุพราชานั้นไซร้
       ยังมิได้มีคู่อยู่ครอง

       เมื่อพระชินเสนทราบข่าวความงามของพระราชธิดาท้าวไตรตรึงษ์ ใคร่จะได้ชมโฉม จึงได้ทูลลาพระบิดาไปดูตัวเพื่อสู่ขอ พระบิดาบอกว่าเคยส่งทูตไปขอให้แล้ว แต่ท้าวไตรตรึงษ์กลับยะโส บอกว่าถ้าศรีวิไชยยอมเป็นเมืองขึ้นก็จะยกลูกสาวให้ ซึ่งบทพระราชนิพนธ์ตอนนี้กล่าวไว้ว่า

       พ่อได้ใช้วังแก้วไปสื่อสาร
       เพื่อขอนงคราญมาให้
       แต่ท้าวไตรตรึงษ์อึงไป
       มิได้รอรั้งฟังคดี
       ตอบว่าถ้าแม้พ่อยอม
       อ่อนน้อมเป็นข้าบทศรี
       จึงจะยอมแผ่ไมตรี
       ให้มิ่งมารศรีแก่ลูกยา
       สุดที่จะเอาศรีวิไชย
       ไปออกเขาได้ดังที่ว่า
       พ่อจึงเงือดงดอดมา
       มิได้แจ้งกิจจาแก่ลูกรัก

       เมื่อพระชินเสนรู้ว่าพระบิดากับท้าวไตรตรึงษ์ผิดใจกันเรื่องนี้ไปแล้ว พอคุมไพร่พลรอนแรมไปถึงเมืองไตรตรึงษ์จึงมิได้เปิดเผยตัว แปลงเป็นยาจกคนเข็ญใจ เอาฝุ่นและเขม่าทาตัวให้เปื้อนเปรอะ

เอารงค์แต้มให้ดูเป็นปุ่มเป็นปมทั่วตัว เรียกชื่อตัวเองว่า แสนปม ให้ไพร่พลซุ่มอยู่นอกเมืองแล้วลอบเข้าไปในเมือง

       ทรงพระราชนิพนธ์ตอนนี้ไว้ว่า

       เมื่อฝุ่นและเถ้าเขม่าไฟ
       ลูบไล้มอมทั่วสรรพางค์
       เอารงค์แต้มองค์เป็นปมปุ่ม
       ปมชุมทั้งตัวทั่วข้าง
       ดูทีกิริยาท่าทาง
       เหมือนอย่างยาจกเข็ญใจ
       เกศารุงรังดังฤาษี
       ภูษาหาที่ดีไม่ได้
       มีย่ามตะพายหนึ่งใบ
       เพื่อใส่เสบียงพอกิน
       แลดูรุงรังไปทั้งตัว
       ตั้งแต่หัวถึงตีนหมดสิ้น
       ถือไม้เท้าก้าวไปดังใจจินต์
       เข้าไปสู่ถิ่นไตรตรึงษ์

       พระชินเสนได้เข้าไปอาสารับใช้ผู้เฝ้าสวนหลวง เพื่อหาโอกาสพบพระธิดา ซึ่งทรงพระนามว่า นางอุษา จนสบโอกาสเมื่อนางอุษาเสด็จประพาสสวนหลวง พระชินเสนเห็นเข้าก็ตะลึงในความงาม นำผักที่ปลูกไปถวาย

นางอุษาเห็นพระชินเสนปุ่มป่ำไปทั้งตัวก็จริง แต่นางก็ตาแหลมสังเกตดูท่าทีว่าไม่ใช่ยาจกอย่างที่แต่ง ประการแรกคือเขาไม่ได้ไหว้นาง อันเป็นกิริยาที่พวกไพร่จะไม่ละเว้นเมื่อได้พบพระราชธิดา

อีกประการหนึ่งก็คือเมื่อเธอจ้องมองเขาก็ไม่หลบตา นางจึงสั่งให้นายแสนปมหมั่นเก็บผักมาให้ และนางก็หมั่นลงมารับผักบ่อยๆ นางโปรดมะเขือของเขาเป็นพิเศษ เพราะในมะเขือนั้นมีสาส์นของนายแสนปมสลักมาด้วย

       ในสาส์นของนายแสนปมถึงพระราชธิดาตอนหนึ่งมีความว่า

       ในลักษณ์นั่นว่านิจจาเอ๋ย
       กระไรเลยหัวอกหมกไหม้
       อกผ่าวราวสุมรุมไฟ
       ทำไฉนจะพ้นไฟราญ
       เสียแรงเกิดมาเป็นนักรบ
       เผ่าพงศ์ทรงพบมหาศาล
       สู้กรากกรำลำบากยากนาน
       ยอมเป็นปมเป็นปานเปรอะไป
       ได้เห็นแก้วประเสริฐเลิศชม
       จะนิยมก้อนกรวดกระไรได้
       เคยพบสาวฟ้าสุราลัย
       ฤาจะใฝ่ต้องชาวปัถพิน
       โอ้แก้วแวววับช่างจับจิต
       จะใคร่ปลิดปลดมาดังถวิล
       โอ้เอื้อมสุดล้าดังฟ้าดิน
       จะได้สมดังจินต์ฉันใด

       ส่วนบทพระราชนิพนธ์ตอนที่นางอุษาตอบนายแสนปมนั้น คนรุ่นเก่าๆแม้ไม่เคยอ่านบทพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ ก็คงเคยได้ยินอย่างขึ้นใจ เพราะเป็นเนื้อร้องของเพลงสุนทราภรณ์ที่ฮิตในสมัยหนึ่ง มีข้อความว่า

       ในลักษณ์นั้นว่าน่าประหลาด
       เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า
       เหตุไฉนย่อท้อรอรา
       ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที
       เห็นแก้วที่แวววับจับจิต
       ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา
       มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ
       ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม
       ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง
       คงชวดดวงบุปผชาติสอาดหอม
       ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม
       จึ่งได้ออมอบกลิ่นสุมาลี

       พระชินเสนอยู่เมืองไตรตรึงษ์ไม่นาน ก็ได้ข่าวว่าพระบิดาประชวร จึงต้องรีบกลับเมืองศรีวิไชย ครั้นวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๘ ค่ำ พ.ศ. ๑๘๕๗ พระราชธิดาอุษาก็ประสูติพระโอรส

ท้าวไตรตรึงษ์จึงปรึกษากับพระมหาราชครู ป่าวประกาศว่า ให้บรรดาลูกเจ้าลูกขุนและประชาชนทั่วไปมาพร้อมกันที่หน้าพระลาน โดยให้ถือขนมนมเนยติดมือมาด้วย แล้วตั้งอธิษฐานว่า ถ้าผู้ใดเป็นบิดาของพระกุมาร ก็ขอให้พระกุมารจงรับขนมจากมือผู้นั้น

       พระชินเสนได้ทราบข่าวประกาศนี้เช่นกัน จึงรีบยกทัพใหญ่ไปซุ่มอยู่รอบเมืองไตรตรึงษ์ สั่งเสียขุนพลไว้ แล้วก็แปลงกายเป็นนายแสนปมถือก้อนข้าวเย็นไปยังหน้าพระลานในพิธีเสี่ยงทาย พระกุมารไม่ยอมรับขนมนมเนยของใครเลย จนกระทั่งนายแสนปมชูก้อนข้าวเย็นให้ พระกุมารก็รับไปด้วยยินดี

       บทพระราชนิพนธ์ได้ทรงบรรยายความคั่งแค้นและอับอายของท้าวไตรตรึงษ์ที่ได้เห็นภาพนี้ไว้ว่า

       เมื่อนั้น
       ท่านท้าวไตรตรึงษ์มหาศาล
       ครั้นเห็นนัดดายอดกุมาร
       รับข้าวเย็นปานเนยนม
       เสียใจหน้ามืดนัยตามล
       มหาดเล็กสองคนต่างนวดห่ม
       พอค่อยเหือดหายวายเป็นลม
       แลดูแสนปมก็ขัดใจ
       ร้องตวาดเรียกราชบุตรี
       เฮ้ยอีหญิงกาลีมันอยู่ไหน
       มึงนี้อัปรีย์นี่กระไร
       ไสหัวออกไปจากเมืองกู
       ดูดู๋กูเลี้ยงให้มีศักดิ์
       ช่างลอบรักอ้ายขี้ข้าน่าอดสู
       อ้ายขี้ปมเหียนรากไม่อยากดู
       ยังเล่นชู้กับมันอีจัญไร
       คิดคิดก็แสนแค้นคั่ง
       จะใคร่สั่งผลาญชีพิตักษัย
       แต่เป็นเวรเป็นกรรมจะทำใย
       ไปเถิดไปกับผัวอีตัวดี

       ฝ่ายนายแสนปมได้ยินพ่อตาเกรี้ยวกราดขับไล่ไสส่งนางอันเป็นที่รักเช่นนั้น จึงปลอบนางให้ได้ยินทั่วกันว่า

       ถึงแม้พ่อขับไล่ไปจากนี่
       พี่จะสร้างธานีใหม่ก็ได้
       คนเหล่านี้โง่เง่าไม่เข้าใจ
       เพราะเห็นรูปพี่ไซร้ดูเลวทราม
       แต่ที่แท้ไม่แพ้แก่ผู้ใด
       พี่ไม่เลวกว่าใครในแดนสาม
       ฤาใครจะท้าทำสงคราม
       พี่ไม่รอให้ถามถึงสามครั้ง
       แต่พอพี่ตีอินทเภรี
       เหมือนนิมิตโยธีจะพร้อมพรั่ง
       ล้วนพวกพลหาญชาญกำลัง
       เหมือนดังพระสมุทรนองมา

       ท้าวไตรตรึงษ์ได้ยินลูกเขยข่มขู่เช่นนั้นก็โกรธ บังคับให้ตีอินทเภรีตามคำคุย มิฉะนั้นจะฆ่าเสีย นายแสนปมก็รับคำท้าทันที และว่า

       เอาเถิดเมื่อตีเภรี
       จะได้ยินเสียงโยธีที่ชายป่า
       แม้ไม่เชื่อก็จะตีอีกสามรา
       โยธาก็จะห้อมเข้าล้อมวัง
       ว่าแล้วจึงเรียกเสนี
       ผู้ถือเภรีมาตามสั่ง
       ตีกลองเปรี้ยงๆ เสียงดัง
       พลกำลังโห่ลั่นตามสัญญา

       ทรงผูกเรื่องว่าอินทเภรีนั้น ความจริงก็ไม่ใช่กลองของพระอินทร์ที่จะเนรมิตอะไรได้ทุกอย่าง แต่เป็นกลองที่ตีให้สัญญาณในกองทัพ เมื่อนายแสนปมตีอินทเภรี ไพร่พลที่ล้อมเมืองไตรตรึงษ์อยู่แล้วก็โห่ร้องตามที่นัดกันไว้ เรื่องก็เลยเรียบร้อยนายแสนปม พานางอุษาและพระกุมารกลับไปสู่เมืองศรีวิไชย

       เรื่องเก่าๆ ดึกดำบรรพ์มักเป็นเช่นนี้ ใส่เวทย์มนต์คาถาเพิ่มอภินิหารให้คนในสมัยนั้นรับรู้เรื่องราวด้วยความนิยมชมชื่น แต่คนรุ่นใหม่ยากที่จะรับได้ พระมหาธีรราชเจ้าทรงนำเรื่องตำนานที่เหลือเชื่อมาทรงวินิจฉัย และใส่เหตุผลความเป็นไปได้ลงไป ตำนานโบราณก็เลยเห็นภาพของความจริงที่น่าจะเกิดขึ้นในแบบนี้


ร.๖ ทรงวินิจฉัย “ท้าวแสนปม” เรื่องปาฏิหาริย์เหลือเชื่อ ซ่อนความจริงที่เป็นไปได้ไว้!!!
สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า


ร.๖ ทรงวินิจฉัย “ท้าวแสนปม” เรื่องปาฏิหาริย์เหลือเชื่อ ซ่อนความจริงที่เป็นไปได้ไว้!!!
โบราณสถานเมืองไตรตรึงษ์ที่จังหวัดกำแพงเพชร

ขอบคุณ MGR Online 

คุณโรม บุนนาค 

สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ




Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2559 10:43:21 น. 1 comments
Counter : 1846 Pageviews.

 
เพลง สาส์นรัก จาก ๑๓.อารัมภ์พจนาคีตากานต์ มีเนื้อร้องดังนี้ ของคุณโรม ตกไปวรรคหนึ่งค่ะ ... จขบ.


สาส์นรัก

คำร้อง รัชกาลที่ 6
ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน


ในลักษณ์นี้ว่าน่าประหลาด เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า เหตุไฉนย่อท้อรอรา หรือจะกล้าแต่เพียงวาที

เห็นแก้วแวววับที่จับจิต ไยไม่คิดอาจเอื้อมให้เต็มที่ เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี อันมณีหรือจะโลดไปถึงมือ

อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ หรือแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม

ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินดอม จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี.




โดย: sirivinit วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:10:50:34 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.