"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
16 พฤศจิกายน 2558
 
All Blogs
 
รักข้ามกำแพงวัง-วัด!..พระองค์หญิงผู้ว้าเหว่ ออกนอกวังไปได้แค่วัด พูดกับชายต้องครองเพศบรรพชิต..เลย

 โดย โรม บุนนาค 

 

 

รักข้ามกำแพงวัง-วัด!..พระองค์หญิงผู้ว้าเหว่ ออกนอกวังไปได้แค่วัด พูดกับชายต้องครองเพศบรรพชิต..เลยเป็นโรคท้องมาน!!
พระองค์หญิงยิ่งเยาว์ลักษณ์ฯกับเจ้าน้องร่วมพระมารดา

       

ความรักมักจะทำให้สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้เกิดขึ้นได้เสมอ ความรักทำให้ทั้งกล้าและอ่อนแอ กล้ากระทำความผิดทั้งๆที่รู้ดีว่ามีโทษถึงตาย อ่อนแอที่ปล่อยให้ความรักชักจูงให้ทำในสิ่งที่รู้ดีว่าไม่ควรกระทำ

โดยเฉพาะตัวละครทั้งสองฝ่ายในเรื่องนี้ น่าจะห่างไกลกันจนยากที่จะสัมผัสกันได้ แต่กลับใกล้ชิดอย่างที่คนอื่นยากจะมีโอกาส
       
       พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ มีพระราชโอรส ๓๙ พระองค์พระราชธิดา ๔๓ พระองค์ ประสูติแต่พระมารดา ๓๔ พระองค์ แต่ก็ทรงรักใคร่พระราชโอรสธิดา เช่นเดียวกันกับสามัญชนที่รักลูก อุ้มชูเชยชมเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะประสูติแต่พระราชินีหรือเจ้าจอมมารดา
       
       ก่อนออกทรงผนวชที่ยาวนานถึง ๒๗ ปี พระองค์มีพระโอรสแล้ว ๒ พระองค์ คือพระองค์เจ้าชายนพวงศ์ และพระองค์เจ้าชายสุประดิษฐ์ และในปีแรกที่ขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ. ๒๓๙๔ แม้ยังไม่มีพระมเหสี ก็ทรงให้กำเนิดพระธิดาองค์แรก

ทรงพระนาม พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์อรรคราชสุดา จากเจ้าจอมมารดาแพ พระองค์เจ้าหญิงยิ่งเยาวลักษณ์ จึงเป็นพระพี่นางองค์ใหญ่ที่ต้องคอยดูแลว่ากล่าวเจ้าน้องที่ยังทรงพระเยาว์ และคอยรับใช้ใกล้ชิดพระบรมชนกนาถที่ทรงเรียกว่า “แม่หนูใหญ่”
       
       พระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ ๔ มีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน ผิดกับพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลก่อนๆ ซึ่งไม่ใคร่เสด็จไปไหนนอกวัง เป็นแต่ขึ้นเฝ้าบนพระราชมณเฑียรตามเวลาแล้วก็กลับตำหนัก

แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯโปรดเสด็จประพาสนอกวังเป็นประจำ ทั้งในกรุงเทพฯ และแปรพระราชฐานไปหัวเมือง พระเจ้าลูกเธอที่เป็นชั้นโต ก็ต้องตามเสด็จไปคอยรับใช้ ที่เป็นชั้นเล็กก็ติดไปกับเจ้าจอมมารดา

เจ้าพี่ที่เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องคอยดูแลว่ากล่าวเจ้าน้องที่ยังทรงพระเยาว์ เจ้าน้องก็ต้องยำเกรงเชื่อฟังในโอวาทเจ้าพี่ ปกครองกันตามประสาเด็ก ทุกพระองค์ทุกชั้น จึงสนิทสนมกันมาตั้งแต่ไว้พระเกศาจุกด้วยกัน
       
       ราชสำนักรัชกาลที่ ๔ เปิดกว้างกว่ารัชกาลก่อนๆ ทรงต้อนรับแขกเมืองถึงพระราชมณเฑียรที่ประทับ ทรงแนะนำให้รู้จักกับฝ่ายในและพระเจ้าลูกเธอ อย่างในคราวเสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ

พระเจ้าลูกเธอรุ่นโต ๔ พระองค์ได้ตามเสด็จไปรับใช้ใกล้ชิดด้วย คือ พระองค์หญิงยิ่งเยาวลักษณ์ พระองค์เจ้าหญิงทักษิณชา พระองค์เจ้าหญิงโสมาวดี ซึ่งอยู่ในวัย ๑๖ พรรษาด้วยกัน

และเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์พระชนม์ ๑๔ พรรษา ซึ่งจดหมายเหตุของ เซอร์ แฮรี่ ออด ผู้ว่าราชการสิงคโปร์ ได้บันทึกไว้ว่า
       
       “...ในวันนั้นเมื่อเวลาค่ำประมาณ ๙ ล.ท.(๒๑.๐๐ น.) ท่านเจ้าเมืองกับพวกที่มาด้วยทั้งชายหญิงทั้งหมด ได้รับเชิญให้ไปที่ค่ายหลวง เมื่อไปถึงตรงทางที่จะไปท้องพระโรง

พระเจ้าแผ่นดินทรงพระกรุณาโปรดเสด็จออกมาทรงต้อนรับ และทรงพาเข้าไปในพระห้องที่เฝ้ารโหฐานแห่งหนึ่ง ทรงแนะนำให้รู้จักกับข้าราชการฝ่ายใน และพระองค์เจ้าหญิงที่ยังทรงพระเยาว์”
       
       ทั้งยังวิจารณ์พระราชโอรสพระราชธิดาทั้ง ๔ พระองค์ไว้ว่า
       “...สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ เป็นพระราชกุมารที่ทรงพระปัญญาเฉลียวฉลาดยิ่งนัก พระรูปทรงสูงและท่วงทีกล้าหาญเกินแก่พระชนมายุ

ส่วนพระเจ้าลูกเธอพระองค์หญิง ๓ พระองค์ ที่มีพระชนมายุสูงกว่าก็ทรงพระโฉมศุภลักษณ์ เสียแต่เสวยหมาก ถ้าไม่ย้อมพระทนต์ (ให้ดำ) ตามธรรมเนียมของชาวสยามแล้ว ต้องชมว่าเป็นสตรีที่ทรงกัลยาณีเลิศลักษณ์ทีเดียว

พระกิริยามารยาทก็น่าชม และตรัสภาษาอังกฤษได้ดีทุกพระองค์ แท้จริงพระราชโอรสพระราชธิดาโดยมากตรัสภาษาอังกฤษได้ เพราะพระเจ้าแผ่นดินทรงจัดหาพระพี่เลี้ยงเป็นชาวอังกฤษไว้”
       
       เนื่องจากทรงขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมพรรษา ๔๗ พรรษาแล้ว จึงทรงวิตกว่า หากพระองค์สวรรคต ขณะพระราชโอรสพระราชธิดายังเยาว์วัยจะต้องลำบาก

ในวันสมโภชเดือนของพระราชโอรสธิดา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จะพระราชทานทรัพย์ทั้งอสังหาริมทรัพย์ สำหรับเก็บค่าเช่าและเงินทองไว้ใช้จ่ายเลี้ยงพระชนม์ชีพ ทั้งยังพระราชทานสำเนาพระบรมราโชวาทแนบไปด้วย มีข้อความบางตอนว่า
       
       “...พ่อขอสั่งแก่ตัวเจ้าไว้ ทรัพย์ที่มีหางว่าวจำนวนผูกติดกับหนังสือนี้ มีตราของพ่อปิดไว้เป็นสำคัญนี้ พ่อให้แก่เจ้าคนเดียว ตัวเจ้าเมื่อโตได้ ๑๖ ปีแล้ว จึงคิดอ่านเอาเปนทุนทำมาหากินแลเลี้ยงตัวต่อไป แลใช้สอยตามสมควรเถิด

แต่พ่อขอเสียเป็นอันขาดทีเดียว คิดถึงคำพ่อสั่งสอนให้มากนักหนา อย่าสูบฝิ่นแลอย่าเล่นผู้หญิงที่ชั่ว อย่าเล่นเพื่อนกับใครเลย มีผัวมีเถิด แต่อย่าให้ปอกลอกเอาทรัพย์ของเจ้าไปได้นัก จงรักษาทุนของพ่อให้ไว้เป็นเกียรติยศชั่วลูกชั่วหลาน...
       
       จงระวังความผิดให้มาก อย่าตามใจมารดาและคนรักนัก ทรัพย์สินนี้ของพ่อให้ดอก ไม่ใช่มารดาเจ้าแลผู้อื่นเข้าทุนด้วย จงคิดถึงพ่อคนเดียวให้มาก เจ้าเกิดเมื่อพ่อสูงอายุแล้ว พ่อไม่ประมาท จึงจัดแจงไว้แต่เดิม

ถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่อันตรายมีแก่เจ้าก่อน ถ้าอายุถึง ๑๖ ปีแล้วสั่งให้ใคร พ่อจะให้ผู้นั้น ถ้ายังไม่ถึงกำหนดหรือไม่ได้สั่ง พ่อจะเอาคืนมาทำบุญให้ทาน ถ้าพ่อมีชีวิตแลอำนาจไปนาน ทำมาหากินได้ก็จะเพิ่มให้อีก...”
       
       แต่แล้วเหมือนอาทิตย์ดับ หลังจากกลับจากหว้ากอได้ ๕ วัน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ก็ทรงประชวรด้วยไข้ป่า พระอาการทรุดหนักอยู่ได้เดือนเศษก็สวรรคต

เมื่อรู้พระองค์ว่าจะต้องสวรรคตในไม่ช้า ยังทรงมีความห่วงพระราชโอรสธิดา ตรัสฝากฝังกับเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์เป็นครั้งสุดท้ายว่า
       
       “ข้าเป็นคนลูกมากรากดก แล้วลูกก็ยังเล็กเด็กอยู่ ไหนๆ คุณศรีสุริยวงศ์อุปถัมภ์บำรุงข้ามา ก็ช่วยบำรุงลูกข้าเหมือนอย่างตัวข้า ขออย่าให้มีภัยอันตรายเป็นที่กีดขวางด้วยการแผ่นดิน

ถ้าจะมีความผิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นข้อใหญ่ ขอแต่ชีวิตไว้ให้เป็นแต่เนรเทศ ถ้าโทษตั้วเหียแล้ว (หมายถึงอั้งยี่ส้องสุมผู้คน) ก็ตามแต่การจะเป็นไป ถ้าไม่ถึงกับตั้วเหียแล้ว ก็อย่าให้ต้องเปนไปเลย...”
       
       ขณะนั้นหลายพระองค์ยังทรงพระเยาว์อยู่มาก บางพระองค์ก็เพิ่งประสูติในปีนั้น บางองค์ก็ยังอยู่ในครรภ์พระมารดา พระองค์หญิงยิ่งเยาวลักษณ์ “แม่หนูใหญ่” องค์โตสุดก็เพิ่ง ๑๖ พรรษาเท่านั้น

เหล่าพระสนมกำนัลในต่างหมดบุญสิ้นวาสนาไปตามกัน พระสนมที่ไม่มีพระโอรสธิดา ก็มีสิทธิ์ที่จะไปใช้ชีวิตอิสระนอกวังหลวงได้ แต่บรรดาเจ้าจอมมารดาและพระองค์หญิงทั้งหลาย จำต้องถูกจำกัดขอบเขตอยู่ในวัง

เหมือนนกในกรงทอง ที่จะออกไปคบหาสมาคมกับคนภายนอกไม่ได้ พระองค์เจ้าหญิงยิ่งเยาวลักษณ์ ที่ขาดพระมารดาแล้วยังมาขาดพระบรมชนกนาถ ที่ทรงเมตตาให้รับใช้ใกล้ชิดอีก

จะดิ้นรนไปอย่างคนที่มีอิสระก็ไม่ได้ จึงจำต้องทรงอดทนอยู่กับความว้าเหว่ นึกถึงพระบรมราโชวาท ที่พระราชทานมาตั้งแต่วันฉลองเดือนประโยคที่ว่า
       
       “...เมื่อสืบไปภายหน้านานกว่าจะสิ้นอายุเจ้า ตัวเจ้าจะต้องตกเปนข้าแผ่นดินใดใด ก็จงอุตส่าห์ตั้งใจทำราชการแผ่นดินให้ดี อย่ามีความเกียจคร้านแชเชือน แลเปนอย่างอื่นๆ บรรดาที่ไม่ควร

เจ้าอย่าทำอย่าประพฤติให้ต้องตำหนิติเตียนตลอดถึงพ่อ ด้วยว่าสั่งสอนลูกไม่ดี จงเอาทรัพย์ที่พ่อให้ไว้นี้เปนกำลังตั้งเปนทุน เอากำไรใช้การบุญอุดหนุนตัวทำราชการแผ่นดิน...”
       
       นานวันพระชนมายุมากขึ้นความว้าเหว่ก็ยิ่งทวีคูณ วัยที่เคยเป็นสาวแรกรุ่นก็เริ่มโรยรา พระองค์หญิงก็หาทางปลงกับชีวิต ด้วยพระธรรม เข้าวัดทำบุญมิได้ขาด

และวัดที่ไปมาสะดวกที่สุดก็คือ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม อันเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๔ นั่นเอง เพียงแต่ออกประตูเทวาพิทักษ์ข้างพระที่นั่งสุทไธสวรรค์ ข้ามถนนมหาไชยก็ถึงแล้ว

บรรยากาศในวัดยังร่มรื่น ทำให้พระทัยสงบเหมือนได้ออกมาสู่อีกโลกหนึ่ง ทั้งยังได้เห็นชาวบ้านชาวเมืองที่มาทำบุญหน้าตาแปลกๆกว่าชาววังที่จำเจ ได้มีโอกาสโอภาปราศรัยกับผู้ชายแปลกหน้า หากชายผู้นั้นครองเพศบรรพชิต
       
       การมาทำบุญทุกวันพระ ทำให้พระองค์หญิงยิ่งเยาวลักษณ์ได้รู้จักมีความสนิทสนมกับ “พระโต” เพราะพูดคุยกันถูกอัธยาศัย ความทุกข์ร้อนอัดอั้นพระทัยในเรื่องใด เมื่อระบาย พระโตก็ช่วยผ่อนคลายด้วยหลักธรรมให้บรรเทาลง

ในวัย ๓๐ พรรษาเศษ พระองค์หญิงไม่เคยได้พูดคุยกับชายใดได้สนิทชิดเชื้อทำให้สบายพระทัยเช่นนี้ ในที่สุดความสนิทสนมก็ถลำลึกเป็นความรัก พระองค์หญิงเฝ้าแต่รอคอยให้ถึงวันพระ เพื่อจะออกไปวัดราชประดิษฐ์ฯ
       
       ส่วนพระโตเมื่อจีวรร้อน จึงตัดสินใจสลัดจีวรออกเป็นฆราวาส และเป็นหน้าที่ของอีเผือก บ่าวผู้ใกล้ชิดของพระองค์หญิงใหญ่ ที่รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้มาตลอด

เป็นผู้จัดการหาตึกแถวที่ถนนเจริญกรุง ไม่ห่างจากพระราชวังนัก เป็นที่อยู่ของทิดโต ตามที่พระองค์หญิงรับจะเป็นผู้อุปการะ
       
       ความลับเรื่องนี้ถูกปิดบังไว้มิดชิด รู้กันแต่พระองค์หญิง ทิดโต และอีเผือกเท่านั้น จากนั้นไม่นานพระองค์หญิงก็ประชวร เก็บพระองค์อยู่แต่ในเรือน ไม่ยอมให้หมอหลวงรักษาและไม่ยอมให้ใครพบ

ชาววังลือกันว่าพระองค์หญิงเป็นโรค “ท้องมาน” ครั้งหนึ่งเจ้าจอมมารดาเปี่ยม ขอให้พระองค์หญิงเปิดพระภูษาให้ดู พอเห็นแล้วก็ทูลว่า
       
       “ขอประทานโทษเถอะเพคะ มองดูแล้วเหมือนคนท้องไม่มีผิด”
       
       พระองค์หญิงว่า
       
       “ก็ดูเถอะค่ะ โรคเวรกรรมอะไรก็ไม่รู้”
       
       แต่แล้ววันหนึ่งพระโรคของพระองค์หญิงก็กำเริบ เกิดอาการปวดพระครรภ์อย่างรุนแรง หมอหลวงถูกตามมาจนยากที่พระองค์หญิงจะปฏิเสธได้ และความลับก็แตก สร้างความโกลาหลไปทั่วพระราชวัง เมื่อพระองค์หญิงคลอดออกมาเป็นชาย
       
       ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับที่พระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๙ บันทึกไว้ว่า
       
       “เกิดความเป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศ คือพระองค์เจ้าหญิงยิ่งเยาวลักษณ์ ซึ่งเดิมว่าเป็นโรคท้องมานนั้น ปวดครรภ์แลคลอดออกมาเป็นลูกชายที่เรือน ภายในพระบรมมหาราชวัง

สมเด็จกรมพระภาณุพันธ์ฯ กรมหมื่นนเรศร์ กรมหมื่นอดิศร กรมหมื่นเทววงศ์ ได้จัดการที่จะชำระพิจารณาการที่ได้เกิดขึ้นต่อไป แต่ลูกนั้นเอาออกไปไว้วังกรมหมื่นอดิศรอุดมเดช
       
       เวลา ๑๑ ทุ่ม สมเด็จฯกรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช กรมหมื่นเทววงศ์ได้ออกไปเมืองเพชรบุรี นำความนี้ออกไปกราบบังคมทูลพระกรุณา”
       
       กรมหมื่นอดิศรฯได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้พระองค์หญิงยิ่งเยาวลักษณ์เปิดเผยออกมาว่า ใครคือพ่อของเด็ก เล่าความจริงทั้งหมด หากทำพระทัยแข็งไม่ยอมเปิดเผย ก็จะทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วมากขึ้นจนหมดพระเมตตา แต่พระองค์หญิงก็มิยอมรับสั่งใดๆ
       
       การสอบชำระความแทนที่จะกระทำเป็นความลับภายใน กรมหมื่นอดิศรฯ จึงจำต้องเรียกคนใกล้ชิดพระองค์หญิงมาสอบ และคาดโทษว่าถ้าใครไม่พูดความจริงก็จะได้รับโทษอย่างหนัก

เลยทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่ววัง ในที่สุดก็ได้ตัวคนที่ต้องสงสัยมากกว่าใคร คือ อ้ายทิดโต ที่เคยบวชเป็นพระอยู่วัดราชประดิษฐ์ฯ
       
       อ้ายทิดโตถูกล่าตัวมาทันทีด้วยอาการตัวสั่นงันงก ถูกจับให้คุกเข่าต่อหน้ากรมหมื่นอดิศรฯ เมื่อเสด็จในกรมฯ รับสั่งให้เงยหน้าตอบคำถาม อ้ายทิดโตก็ยิ่งตื่นตระหนก รับสารภาพด้วยปากคอสั่น
       
       อ้ายโตรับว่าเริ่มมีความสัมพันธ์กับพระองค์เจ้าหญิงมาตั้งแต่ยังเป็นพระอยู่วัดราชประดิษฐ์ฯ ซึ่งพระองค์หญิงมาทำบุญทุกวันพระ เมื่อพูดคุยกันถูกอัธยาศัยก็เพิ่มความสนิทสนมกันเรื่อยมา

มีความทุกข์ใจเรื่องอะไรก็ระบายสู่กัน นานวันเข้าความสนิทสนมก็กลายเป็นความรัก จึงคิดสึกจากพระเพื่อไม่ให้มัวหมองพระศาสนา
       
       กรมหมื่นอดิศรฯ ถามว่าที่คิดบังอาจใฝ่สูงเช่นนี้ ไม่รู้หรือว่าเป็นความผิดขั้นร้ายแรงถึงประหาร
       
       อ้ายโตตอบว่าในเวลานั้นไม่ได้คิดถึงการณ์ภายหน้าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัว ขอแต่เพียงให้สมหวังในรักเท่านั้น
       
       เสด็จในกรมฯทรงซักว่าตัวเองก็ไร้ญาติ สึกออกมาแล้วจะอยู่อย่างไร ที่กินที่นอนไม่ได้สะดวกเหมือนอยู่เป็นพระ
       
       อ้ายโตว่าก่อนตัดสินใจสึกก็คิดอยู่ แต่พระองค์หญิงรับว่าจะอุปการะ จึงคิดว่าชีวิตนี้มีบุญเหลือเกินแล้ว และเมื่อสึกออกมาพระองค์หญิงก็ทำตามที่รับสั่ง จัดหาตึกแถวที่ถนนเจริญกรุงให้อยู่อาศัย

จากนั้นเมื่อได้โอกาสก็ลักลอบปืนเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง ทางพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท ตามที่นัดหมายกัน แล้วแอบซ่อนตัวอยู่ในเรือนพระองค์เจ้าหญิงคืนหนึ่งบ้างสองคืน บ้างต่อคราว รวม ๔ คราว
       
       กรมหมื่นอดิศรฯ ทรงเห็นว่าอ้ายโตลักลอบเข้ามาในวังได้เช่นนี้ จะต้องมีคนช่วยอย่างแน่นอน จึงทรงเค้นหาความจริงต่อไป
       
       ขั้นต้นอ้ายโตอิดเอื้อน เพราะกลัวว่าคนที่ช่วยเหลือมาจะพลอยได้รับเคราะห์กรรมไปด้วย เสด็จในกรมฯ จึงทรงขู่ว่าถ้ายังปิดบังเรื่องราวไว้จะเพิ่มโทษให้หนักขึ้นทั้งสองคน อ้ายโตจึงยอมเปิดเผยชื่ออีเผือก ว่าเป็นแม่สื่อแม่ชักจัดการทุกเรื่อง
       
       ครั้นสอบสวนได้ความกระจ่างชัดแล้ว กรมหมื่นอดิศรฯจึงนำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงพิจารณา จะโปรดเกล้าฯให้กระทำประการใดต่อไป
       
       ในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๒๙ มีข้อความตอนหนึ่งว่า
       
       “...๔ ทุ่มเศษ เสด็จออกทรงสั่งเรื่องคลอดลูก ว่าด้วยพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ ประพฤติชั่วอย่างอุกฤษฏ์อย่างนี้เป็นมหันตโทษ ควรริบราชบาทว์เป็นของหลวง ถอดจากยศบรรดาศักดิ์ ลงพระราชอาญา ๙๐ ที ประหารชีวิต

แต่ทรงพระมหากรุณาอยู่ จึงโปรดเกล้าฯให้ริบราชบาทว์ สวิญญาณกทรัพย์ อวิญญาณกทรัพย์เป็นของหลวง สำหรับจ่ายการซ่อม แปลงพระอารามแลสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯทรงสร้างไว้ แลให้ยกโทษเฆี่ยน ๙๐ ทีและประหารชีวิต

ให้ถอดจากยศบรรดาศักดิ์ลงเป็นหม่อม เอาท้ายชื่อคือ เยาวลักษณ์อรรคราชสุดาออกเสีย เรียกแต่หม่อมยิ่งคำเดียว กับให้ไต่สวนชำระต่อไปให้ได้ความ เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น สมเด็จกรมพระภาณุพันธ์ฯ กรมหลวงเทววงศ์ ฯ กราบถวายบังคมลากลับกรุงเทพฯวันนี้”
       
       เมื่อพระเจ้าน้องยาเธอทั้งสองกลับถึงกรุงเทพฯแล้ว ในวันศุกร์ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ จึงได้อ่านพระราชหัตถเลขาถอดหม่อมยิ่ง แล้วเอาตัวไปจำไว้ ณ คุกข้างในพระบรมมหาราชวัง
       
       จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน วันอังคารที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ กล่าวว่า
       
       “...แล้วเสด็จต่อถึงพลับพลาคลองยอ ประทับอยู่ครู่หนึ่งพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณมาเฝ้าถวายหนังสือต่างๆ เรื่องหม่อมยิ่ง มีคำให้การหม่อมยิ่ง อ้ายโต อีเผือก และผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องในเหตุนั้น แลคำลูกขุนปรึกษาโทษวางบทเป็นต้น...”
       
       ต่อมาในวันพุธที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันจึงบันทึกเรื่องนี้ไว้ว่า
       
       “...เสด็จออกทรงสั่งเรื่องหม่อมยิ่ง ซึ่งลูกขุนปรึกษาวางบทลงโทษหม่อมยิ่ง อ้ายโต อีเผือก ผู้ล่วงพระราชอาญามีความผิดเป็นมหันตโทษ ให้ริบราชบาทว์สวิญญาณกทรัพย์ อวิญญาณกทรัพย์เป็นของหลวง

ให้ลงพระอาญา ๓ ยก ๙๐ ทีเอาตัวไปประหาร หม่อมยิ่งและอีเผือกผู้ชักสื่อให้งดโทษประหาร นอกนั้นให้ทำตามคำลูกขุน...”
       
       ต่อมาอีก ๒ วันคือในวันศุกร์ที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ เจ้าพนักงานกรมพระนครบาล ก็ได้นำอ้ายโตไปประหารชีวิต ที่วัดพลับพลาไชย
       
       แม้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทำตามคำขอของพระราชบิดา ที่ฝากฝังเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ไม่ให้ลงโทษพระราชโอรสพระราชธิดาของพระองค์ถึงขั้นประหารชีวิต หากไม่ทำผิดถึงขั้นเป็นหัวหน้าอั้งยี่ส้องสุมผู้คน

แต่พระองค์ก็คงไม่สบายพระราชหฤทัย ที่ต้องดำเนินการในเรื่องนี้ ในพระราชหัตถเลขา ที่ทรงกราบทูลสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ที่เกี่ยวกับเรื่องการบ้านการเมือง ยังทรงกล่าวถึงพระองค์หญิงยิ่งเยาวลักษณ์ไว้ด้วยว่า
       
       “...เห็นท่านพระองค์ใหญ่ยิ่งเยาวลักษณ์ครั้งนี้ ก็โซมมากทีเดียว กลัวหม่อมฉันจะเป็นบ้าง แต่จะเพียงนั้นหรือจะยิ่งกว่านั้นก็ไม่ทราบ...”
       
       พระองค์เจ้าหญิงยิ่งเยาวลักษณ์ ก็คงตรอมตรมพระทัยในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างยากที่จะทำใจได้ พระองค์สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. ๒๔๒๙ นั้น ขณะพระชนมายุได้ ๓๖ พรรษา
       
       เรื่องราวของพระองค์หญิงยิ่งเยาวลักษณ์นี้ นับเป็นความเสื่อมเสียอย่างยิ่ง ฉะนั้นหลังจากที่ทรงพิจารณาโทษในวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กุมภาพันธ์แล้ว

รุ่งขึ้นในวันศุกร์ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ก็ทรงออกพระราชบัญญัติเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์และราชสำนักฝ่ายใน เพื่อป้องกันเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก มีข้อความว่า
       
       “ห้ามมิให้พระภิกษุสงฆ์ที่มีพรรษาต่ำกว่ายี่สิบ (คือบวชมาไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี) มิให้เข้าในพระบรมมหาราชวังชั้นใน

ส่วนฝ่ายหญิงอุบาสิกาผู้ใฝ่พระธรรมเพียงใดก็ตาม ถ้าอายุต่ำกว่า ๔๐ ปีแล้วไซร้ ห้ามมิให้ออกมาฟังเทศน์ ถืออุโบสถศีลที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นอันขาด

ประกาศมา ณ วันศุกร์ เดือน ๓ แรม ๑๑ ค่ำปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ อันเป็นวันที่ ๖๖๔๕ ในรัชกาลปัจจุบัน”


รักข้ามกำแพงวัง-วัด!..พระองค์หญิงผู้ว้าเหว่ ออกนอกวังไปได้แค่วัด พูดกับชายต้องครองเพศบรรพชิต..เลยเป็นโรคท้องมาน!!
พระองค์เจ้าหญิงยิ่งเยาวลักษณ์อรรคราชสุดา
       

รักข้ามกำแพงวัง-วัด!..พระองค์หญิงผู้ว้าเหว่ ออกนอกวังไปได้แค่วัด พูดกับชายต้องครองเพศบรรพชิต..เลยเป็นโรคท้องมาน!!
พระองค์เจ้าหญิงยิ่งเยาวลักษณ์อรรคราชสุดา
       

 

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

คุณโรม บุนนาค 

จันทรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ    




Create Date : 16 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2558 10:34:31 น. 0 comments
Counter : 1170 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.