"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
5 กุมภาพันธ์ 2559
 
All Blogs
 
เจ้าเชียงใหม่สั่งประหารคนถือคริสต์! เชื่อคำสอนพระเจ้า มากกว่าคำสั่งเจ้าเมือง!!

 

เจ้าเชียงใหม่สั่งประหารคนถือคริสต์! เชื่อคำสอนพระเจ้า มากกว่าคำสั่งเจ้าเมือง!!
พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์

คงจะยากที่จะหาประเทศใดในโลก ที่เปิดเสรีในการนับถือศาสนาได้เท่าประเทศไทย นอกจากรัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้พระมหากษัตริย์เป็นองค์อุปถัมภ์ทุกศาสนาแล้ว จิตใจของคนที่นับถือศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาประจำชาติ

ยังเปิดกว้างไม่มีความรู้สึกกีดกันศาสนาอื่นใดทั้งสิ้น แม้แต่คนในบ้านไปแต่งงานรับเอาคนต่างศาสนามาอยู่ร่วมหลังคาเดียวกัน ก็ยังอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

       แต่ตอนต้นรัชกาลที่ ๕ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๐ ได้เกิดเรื่องที่ทำให้คนตะวันตกที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามาในเอเชีย เข้าใจผิดคิดว่าเมืองไทยเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับศาสนาคริสต์

เพราะเจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้สั่งประหารคนนับถือศาสนาคริสต์ไป ๒ คน และยังประกาศต่อหน้าข้าหลวงจากกรุงเทพฯ และคณะมิชชันนารีอเมริกันว่า จะประหารทุกคนที่ไม่นับถือศาสนาพุทธ และจะเนรเทศใครก็ตามที่นำศาสนาอื่นมาเผยแพร่ในเชียงใหม่

       เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อมิชชันนารีคนหนึ่ง คือ ดร.แดเนียล แมคกิลวารี หนึ่งในคณะของหมอบรัดเล ซึ่งเป็นที่สนิทสนมกับเจ้านายและขุนนางไทยเกือบทุกคน หมอแดเนียลพักอยู่ที่บ้านหมอบรัดเล ที่ปากคลองบางกอกใหญ่ ต่อมาก็ได้แต่งงานกับโซเฟีย ลูกสาวของหมอบรัดเล

       บ้านของหมอบรัดเลอยู่ใกล้กับคุ้มที่พักของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นประเทศราชของไทย ต้องนำเครื่องราชบรรณาการมาส่งทุก ๓ ปี และทุกครั้งที่มาก็ไปเยี่ยมไปคุยที่บ้านหมอบรัดเลเสมอ แม้ในวันแต่งงานของ ดร.แดเนียล พระเจ้ากาวิโลรส เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ก็เสด็จไปในงานด้วย

       พระเจ้ากาวิโลรสสนใจการแพทย์สมัยใหม่ของมิชชันนารี และเจ้าหลวงยังยอมรับการฉีดยาและปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษกับพระองค์เอง ส่วนหมอแดเนียลก็สนใจที่จะไปขยายอาณาจักรพระผู้เป็นเจ้าขึ้นที่เชียงใหม่

ความต้องการของทั้ง ๒ ฝ่ายจึงตรงกัน เมื่อหมอแดเนียลนำความขึ้นกราบทูลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ แล้ว พระเจ้ากาวิโลรสก็ประทานอนุญาตให้หมอแดเนียลไปปฏิบัติภารกิจที่เชียงใหม่ ๓ ประการ

คือ รักษาโรค ตั้งโรงเรียนแบบตะวันตก และเผยแพร่ศาสนา โดยมีกงสุลอเมริกันและขุนนางหลายท่านเป็นสักขีพยาน

       อย่างไรก็ตาม ในตอนเข้าเฝ้ากราบทูลเรื่องนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯได้ทรงย้ำกับหมอแดเนียลไว้ว่า ปฏิบัติการใดที่เชียงใหม่ ย่อมขึ้นอยู่กับความยินยอมของพระเจ้ากาวิโลรส เพราะมีอิสระในการปกครองอย่างเต็มอำนาจ

       ในวันที่ ๓ มกราคม ๒๔๑๐ ดร. แดเนียลและภรรยาจึงออกเดินทางด้วยเรือ ทวนสายน้ำขึ้นสู่เชียงใหม่ด้วยความยากลำบาก ตอนท้ายก็ต้องอาศัยช้างเป็นพาหนะ ใช้เวลารอนแรมร่วม ๓ เดือนจึงถึง

แต่เผอิญพระเจ้ากาวิโลรสไม่อยู่ไปต่างเมือง อีกแรมเดือนกว่าจะกลับ ดร.แดเนียลจึงเข้ารายงานตัวต่อเจ้าอินทวิไชยยานนท์ ราชบุตรเขย ผู้เป็นอุปราชที่รักษาการแทน

       ไม่มีการต้อนรับเป็นพิเศษใดๆจากนครเชียงใหม่ สองผัวเมียต้องอาศัยศาลาริมทางเป็นที่อาศัย ต่อเติมกั้นฝาขึ้นมา ๓ ด้าน เปิดด้านหน้าโล่งไว้ คนเชียงใหม่ที่รู้ข่าวและไม่เคยเห็นฝรั่งมาก่อน ก็แห่มาดูเห็นเป็นของประหลาด

รูปร่างหน้าตา อาหารการกิน ตลอดจนวิธีกินโดยใช้ช้อนส้อม ก็ไม่เหมือนคนเชียงใหม่ หมอแดเนียลตัวสูงใหญ่ ไว้หนวดเครารุงรังเหมือนคนอินเดียที่ชาวเชียงใหม่เรียกกันว่า “กุลวา” เลยเรียกหมอแดเนียลว่า “กุลวาขาว”

       หมอแดเนียลอาศัยที่คนเชียงใหม่แห่กันมาดู“กุลวาขาว”นี้ สร้างความนิยมโดยยิ้มแย้มแจ่มใสทักทาย เพราะพอพูดไทยได้บ้าง ขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาโรคที่เป็นกันมากอยู่ในเวลานั้น

คือ ไข้มาลาเลีย ไข้ทรพิษ และคอหอยพอก ยาที่ “กุลวาขาว” แจกจ่ายไปให้ ปรากฏว่าได้ผลดีกว่ายาหม้อที่กินกันอยู่ คนเลยแห่มาหากันมาก หมอแดเนียลอาศัยโอกาสนี้เผยแพร่เกียรติคุณพระผู้เป็นเจ้าไปด้วย

       ต่อมาพระเจ้ากาวิโลรสก็ให้เช่าที่ดินริมแม่น้ำปิง และให้ไม้สักมาสร้างบ้าน กิจการของ ดร.แดเนียลก็ขยายกว้างขึ้น มีครอบครัวของหมอวิลสันมาสมทบอีก การสอนศาสนาก็เริ่มเห็นผล

ในปี พ.ศ.๒๔๑๒ สามารถเกลี้ยกล่อมคนเชียงใหม่มาเข้ารีตได้มากพอควร ในจำนวนนี้คนหนึ่ง เป็นหัวหน้ากองดูแลสัตว์เลี้ยงของพระเจ้ากาวิโลรส อีกคนหนึ่งเป็นพระภิกษุระดับเจ้าอาวาสเสียด้วย

       ตอนนี้เหตุการณ์เริ่มตึงเครียด พวกที่เคร่งในพุทธศาสนาเริ่มหวาดระแวงพฤติกรรมของหมอสอนศาสนา ที่เอาเรื่องยาและการรักษาโรคมาล่อ หลายคนเริ่มตีตัวออกห่าง

พระเจ้ากาวิโลรสจึงมีหนังสือไปยังกรุงเทพฯ ขอให้สั่งถอนพวกมิชชันนารีกลับไป เพราะตั้งแต่พวกนี้มาทำให้เทวดาพิโรธ เกิดข้าวยากหมากแพงข้าวแห้งตาย

ไม่แต่แค่นี้ ต่อมาพระเจ้ากาวิโลรสก็สั่งประหารหนานชัย และน้อยสัญญา คนที่เคยนับถือศาสนาพุทธและบวชเรียนมาแล้ว แต่เปลี่ยนไปเข้ารีตถือคริสต์

       เรื่องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีการเกณฑ์แรงงาน ไปขุดเหมืองฝายทดน้ำเข้านาตามบัญชาของพระเจ้ากาวิโลรส หนานชัยและน้อยสัญญาก็ถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงานในครั้งนี้ด้วย

แต่ทั้งสองกลับไม่ยอมทำงานในวันอาทิตย์เหมือนคนอื่นๆ อ้างว่าวันอาทิตย์เป็นวันหยุดของศาสนาคริสต์ (วันซะบาโต)

       “เราไม่อาจล่วงละเมิดบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าได้” สองสาวกของพระเจ้าอ้าง
       พระเจ้ากาวิโลรสจึงให้ไปคุมตัวมาแล้วถามว่า

       “วันอาทิตย์เจ้ากินข้าวหรือเปล่า”

       สองคนนั้นรับว่าต้องกินเหมือนทุกวัน เจ้าหลวงจึงสั่งว่า

       “ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ต้องทำงานเหมือนวันอื่นๆ เหมือนคนอื่นๆ”

       แต่ทั้งหนานชัยและน้อยสัญญาก็ยืนยันว่า ไม่อาจขัดคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าได้ พระเจ้ากาวิโลรสจึงให้นำตัวทั้งสองคนไปประหารเสีย ในฐานะขัดคำสั่งของเจ้าผู้ครองนคร

       แต่บันทึกของ ดร. แดเนียล ซึ่งต่อมาได้ตีพิมพ์เป็นอัตชีวประวัติของตัวเอง ได้กล่าวไว้ว่า ทั้ง ๒ คนก็ไปทำงานตามหมายเกณฑ์ไม่ได้บิดพลิ้ว แต่ที่ถูกนำตัวไปทรมาน และทุบตีจนตาย

ก็เพื่อขู่ไม่ให้คนอื่นเอาเป็นตัวอย่างที่หันไปถือศาสนาคริสต์ ทำให้คนรับใช้ของมิชชันนารี พากันเผ่นหนีหายไปหมดด้วย

       หมอแดเนียลได้แอบฝากจดหมายไปกับพ่อค้าพม่า ถึงหมอบรัดเลพ่อตา มีข้อความตอนหนึ่งว่า

       “พวกเราอาจได้รับอันตรายร้ายแรงเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าท่านไม่ได้ข่าวคราวจากเราอีก ก็หมายความว่าเราได้ไปสวรรค์กันหมดแล้ว” และว่า “ขณะนี้เราได้สูญเสียสมาชิกของคริสตจักรไปสองคนแล้ว และคนอื่นๆก็ถูกหมายหัว อะไรจะเกิดขึ้นอีกเราไม่สามารถคาดคะเนได้”

       ทันทีที่ได้รับจดหมาย หมอบรัดเลก็รีบถือหนังสือไปหาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริวงศ์ ผู้สำเร็จราชการในรัชกาลที่ ๕ สมเด็จเจ้าพระยาฯยอมรับว่า “เจ้านครเชียงใหม่คนนี้เป็นคนอารมณ์ร้าย จิตใจโอนเอนไปมายากจะเข้าถึง”

จึงแต่งตั้งข้าหลวงขึ้นไปตรวจราชการที่เชียงใหม่โดยด่วน พร้อมกับให้มิชชันนารี ๒ คน คือ สาธุคุณ แม็คโดแนลด์ กับ สาธุคุณ ยอร์ช ร่วมเดินทางไปด้วย

       ข้าหลวงจากราชสำนักและมิชชันนารี ไปถึงเชียงใหม่เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๔๑๒ ได้มีพิธีต้อนรับในคุ้มหลวงอย่างเอิกเกริก และเมื่ออารักษ์อ่านพระราชสาสน์ เกี่ยวกับเรื่องมิชชันนารีจบลงแล้ว พระเจ้ากาวิโลรสก็กล่าวอย่างไม่ค่อยสนใจว่า

       “ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร พวกหมอสอนศาสนาได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้อยู่หรือไปได้ตามแต่จะตัดสินใจเอาเอง”

       สาธุคุณแม็คโดแนลด์ได้ถือโอกาส พูดถึงเรื่องมิชชันนารีถูกคุกคามจนบรรดาคนรับใช้หายตัวไปอย่างลึกลับ ทำเอาเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่อารมณ์เสียขึ้นมาทันที ตอบด้วยเสียงกระด้างว่า

       “เราไม่จำเป็นต้องลักพาตัวใครไปซ่อน อย่าว่าแต่คนรับใช้สี่ห้าคนของพวกท่านเลย เรามีอำนาจที่จะประหารใครก็ได้ที่หลบเลี่ยงหน้าที่ราชการ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกท่าน”

       ตรัสแล้วพระเจ้ากาวิโลรสก็ทำท่าจะลุกขึ้น เป็นสัญญาณว่าเสร็จสิ้นพิธี แต่ถ้าปล่อยให้จบแค่นี้ ผู้ตรวจราชการจากกรุงเทพฯก็จะคิดว่าเรื่องทั้งหมดไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแต่พวกบาทหลวงโวยวายตีโพยตีพายกันไปเอง

ดร.แมคกิลวารีจึงต้องเสี่ยงลุกขึ้นยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าความจริงเป็นอย่างไร สองคนที่ถูกประหารไม่ได้บิดพลิ้วราชการ ที่ถูกประหารนั้นเป็นการข่มขู่ไม่ให้คนอื่นหันมานับถือศาสนาคริสต์

       เจ้านครเชียงใหม่ฟังหมอแมคกิลวารีพูด ด้วยอุณหภูมิของอารมณ์พลุ่งขึ้นจนเกินระงับ ประกาศก้องสวนขึ้นทันควันว่า

       “ใช่แล้ว ไอ้สองคนนั่นต้องตายเพราะไปเข้ารีต ใครก็ตามที่ไม่นับถือศาสนาพุทธ เราจะถือว่ามันกบฏต่อแผ่นดิน และจะประหารมันทุกคน เราจะไม่ขัดขวางการรักษาโรคของพวกท่าน แต่ถ้ายังขืนเผยแพร่ศาสนาต่อไป เราจะเนรเทศให้หมด”

       คำประกาศของพระเจ้ากาวิโลรสที่ออกมาจากความในใจ ทำให้ข้าหลวงจากกรุงเทพฯ และบรรดามิชชันนารีลงความเห็นกันว่า สถานการณ์ในเมืองเชียงใหม่ อันตรายเกินกว่าที่หมอสอนศาสนาจะอยู่ต่อไปได้

แต่หมอแมคกิวารีกลับคิดว่า พระเจ้าวิกาโลรสคงไม่กล้าทำอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่กระทบกระเทือนไปถึงราชสำนัก โดยเฉพาะกำหนดที่จะต้องไปถวายเครื่องราชบรรณาการก็ใกล้เข้ามาแล้ว จึงตัดสินใจไปขอเข้าเฝ้าพระเจ้ากาวิโลรสเป็นการส่วนตัวในวันรุ่งขึ้น

       เป็นไปตามที่หมอแมคกิลวารีคาดเดา พระเจ้ากาวิโลรสคงไปนอนคิดทั้งคืนจึงยอมให้พบ หมอแมคกิลวารีพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์และขออยู่ต่อไป จนกว่าพระเจ้ากาวิโลรสกลับจากกรุงเทพฯ จึงค่อยว่ากันใหม่ ซึ่งเป็นเวลาอีก ๕-๖ เดือน

       มร.เจ.เอ็ม.ฮุค กงสุลอเมริกัน ได้ปรึกษาหารือเรื่องนี้กับผู้สำเร็จราชการ เขามีความเห็นว่า

       “เจ้ากาวิโลรสนั้น เสมือนเสือในป่าที่ไม่มีใครควบคุมได้ แต่ถ้ามาอยู่ในเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

       ฉะนั้น เมื่อพระเจ้ากาวิโลรสนำเครื่องราชบรรณาการ มาถวายตามกำหนด สมเด็จเจ้าพระยาฯ จึงตัดสินใจแก้ปัญหานี้ให้เด็ดขาด ประกาศแต่งตั้งเจ้าอินทวิไชยยานนท์ ราชบุตรเขยผู้เป็นอุปราช ขึ้นครองนครเชียงใหม่แทนเจ้ากาวิโลรส

(เจ้าอินทวิไชยยานนท์ คือที่มาของชื่อ “ดอยอินทนนท์” ซึ่งมีสถูปบรรจุอัฐิของท่านอยู่บนยอดดอยนี้)

       ไม่ต้องสงสัยว่าพระเจ้ากาวิโลรสผู้ชรา จะต้องเจ็บช้ำขุ่นเคืองอย่างหนักในการถูก “กุลวาขาว” เผด็จศึกในครั้งนี้ ถึงกับเส้นโลหิตในสมองแตก เป็นอัมพาตไปครึ่งองค์ ต้องรอนแรมกลับเชียงใหม่อย่างทุลักทุเล

       ในช่วงเดินทางตอนท้ายที่ต้องใช้ช้าง เจ้าหลวงก็ทนแรงกระแทกกระเทือนไม่ไหว ต้องเปลี่ยนมาเป็นเสลี่ยงหามขึ้นเขาลงห้วยจนมาถึงริมแม่น้ำปิง เจ้าหลวงซึ่งอ่อนเพลียทั้งร่างกายและจิตใจเต็มทีรับสั่งถามว่าถึงไหนแล้ว

และเมื่อได้รับคำตอบว่าถึงลำพูน พระองค์ก็สั่งให้รีบพาข้ามฝั่งไปยังอาณาเขตแห่งแว่นแคว้นของพระองค์โดยเร็วที่สุด

       เมื่อข้ามไปถึงเขตแดนเชียงใหม่ ขบวนก็หยุดพักเพื่อให้ทรงพักผ่อน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังคุ้มหลวงที่ห่างไปอีกไม่กี่กิโลเมตร ซึ่งพระเจ้ากาวิโลรสก็ทรงพักผ่อนไปตลอดกาล ทรงสิ้นพระชนม์ชีพ ณ ที่นั่น ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๔๑๓


เจ้าเชียงใหม่สั่งประหารคนถือคริสต์! เชื่อคำสอนพระเจ้า มากกว่าคำสั่งเจ้าเมือง!!
ดร.แดเนียล แมคกิลวารี


เจ้าเชียงใหม่สั่งประหารคนถือคริสต์! เชื่อคำสอนพระเจ้า มากกว่าคำสั่งเจ้าเมือง!!
โบสถ์คริสตจักรหลังแรกที่เชียงใหม่ ริมแม่น้ำปิง

 

ขอบคุณ MGR Online  

ศุกรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ




Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2559 14:01:56 น. 0 comments
Counter : 1001 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.