....OUR FAMILY'S JOURNEY....

++ หอเอนปิซา....มารำลึกถึงกาลิเลโอ ++







อ่านตอนที่ 1 : โคลอสเซี่ยม..มหึมาบนซากชีวิต
อ่านตอนที่ 2 : จัตุรัสเวเนเซีย น้ำพุจตุมหานที และวิหารแพนธีออน
อ่านตอนที่ 3 : วาติกันมิวเซียมและมหาวิหารเซ็นปีเตอร์...ประติมากรรม & จิตรกรรมขั้นเทพ
อ่านตอนที่ 4 : น้ำพุเทรวี และบันไดสเปน...ท่ามกลางสายฝน
อ่านตอนที่ 5 : ฟลอเรนซ์...เมืองแห่งศิลปะและสถาปัตยกรรม
อ่านตอนที่ 7 : เ ว นี ส... นครแห่งสีสันที่รอวันจากไป







Firenze ที่เราเพิ่งจากมา





เราออกจากฟลอเรนซ์ประมาณบ่าย 3 โมงและเดินทางออกไปทางตะวันตกเพื่อไปชมหอเอนที่เมืองปิซ่า (Pisa) และพักค้างคืนที่โรงแรมแถวๆนั้น การเดินทางช่วงนี้ก็ผ่านท้องทุ่งเหมือนที่เรามาจากโรม แต่จะเห็นมีพวกไม้ประดับ เช่นสนคริสมาส ปาล์ม และอีกหลายพันธุ์ไม้ที่มีในเมืองหนาว ที่ขาดไม่ได้คือไร่ข้าวโพด แถวๆทางผ่านเริ่มเห็นระบบชลประทานเพิ่มมากขึ้น บางช่วงเห็นชาวบ้านขับรถมาจอดตกปลากันเป็นแถวยาวเหยียด อากาศสบายๆแบบนี้คงมีความสุขดีแท้.








ไร่องุ่นข้างทาง





การเดินทางด้วยรถผ่านถนนสายหลักหรือประมาณว่ามอเตอร์เวย์ในอิตาลี (หรือยุโรป) นี้สะดวกดีครับ ไม่ต้องผ่านสี่แยกที่มีไฟจราจร ถนนสี่เลนส์นั้นเรียบแทบจะไม่มีรอยสะดุดเลย ฉะนั้นรถจึงสามารถกำหนดระยะเวลาในการเดินทางได้เลย เราใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงที่จอดรถบัสสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเป็นลานจอดขนาดใหญ่ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องลงที่นี่ แล้วขึ้นรถเมล์แบบบ้านเราไปยังบริเวณหอเอน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย







แผนที่การเดินทางจาก Firenze ถึง Pisa





ตรงบริเวณลานจอดรถบัส และลงรถหน้าทางเข้าหอเอน จะพบว่ามีคนดำและคนจีน (สอบถามแล้วว่าคนจีนเหล่านั้นมาจากแผ่นดินใหญ่ ส่วนคนดำมาจากโซมาเลีย) มาคอยขายของที่ระลึกให้พวกเรา หลายๆคนพูดราคาขายเป็นภาษาไทยได้ (นักท่องเที่ยวไทยคงมาเยอะและสอนภาษาให้) และอีกกลุ่มหนึ่งน่าจะเชื้อสายอินเดีย พวกนี้มาขายร่มพับ..ร่มถือว่าเป็นของจำเป็นอีกอย่างที่นักท่องเที่ยวควรจะมีติดตัวนอกจากเสื้อแจ็คเก็ต เพราะแถวยุโรปนี่ อากาศมันไม่แน่นอน อยู่ดีๆก็มีฝนตกลงมาหลังจากนั้นก็จะหนาว และบางทีไม่นานแดดก็ออกมาอีก เพราะช่วงเดือนตุลาคมนี่ยังไม่ถือว่าเข้าหน้าหนาวเต็มตัว ทางยุโรปเขาจึงเรียกว่าฤดูใบไม่ร่วง (Autumn)







ต้องต่อรถเมล์ไปอีกประมาณ 5 นาที





ลงรถเมล์ก็เดินต่ออีกประมาณ 200 กว่าเมตรก็ถึงหน้ากำแพงเก่าทางเข้าชมสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกในยุคกลางแล้ว นั่นคือ "หอเอนเมืองปิซ่า" (Leaning Tower of Pisa) ตามไปชมภาพสวยๆกันเลยครับ (ชมตัวเองก้เป็นเนาะคนเรา)








เดินเข้าไปในบริเวณวิหาร (Duomo) ผ่านร้านขายของที่ระลึกมากมาย






Pisa (ปิซ่า)

เมืองปิซ่า เป็นเมืองหลวงของจังหวัดปิซ่า อยู่ในแคว้นทัสกานี ประเทศอิตาลี มีประชากรประมาณ 88,332 คน และอาศัยอยู่ในปริมณฑลอีกประมาณ 200,000 คน เมืองปิซ่าตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอาร์โน ติดทะเล Tyrrhenian Sea มีโบถส์เก่าแก่อีก 20 แห่ง เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยปิซ่า (University of Pisa) ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของอิตาลี และเก่าเป็นอันดับที่ 19 ของโลก








ประตูทางเข้า





ในอดีตปิซ่าเป็นเมืองท่าบนปากแม่น้ำอาร์โนที่สำคัญตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เคยมีท่าเรือที่ลำเลียงนักรบชาวคริสต์ทำสงครามครูเสดกับศาสนาอิสลาม และเป็นเส้นทางการค้าทางน้ำที่สำคัญของอิตาลี ต่อมาปากแม่น้ำอาร์โนตื้นเขิน ท่าเรือปิซ่าจึงค่อยๆหมดความสำคัญลง ปล่อยให้เจนัวและเวนิชรับหน้าที่แทน ปิซ่าจึงเป็นเมืองเล็กๆที่สงบตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา










แต่ชื่อเสียงของปิซ่าโด่งดังขึ้นมาเมื่อมีการสร้างหอระฆังตอเรเปนเด็นเต (Torre Pendente) ของมหาวิหารแห่งเมืองปิซ่าขึ้นในปี 1173 ขณะก่อสร้างได้เพียง 3 ชั้น หอคอยก็ค่อยๆเอียงออกจากฐาน แต่ก็มีการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และกลายเป็นหอคอยเอียง (Leaning Tower) ผู้คนและนักท่องเที่ยวรู้จักกันในนาม “หอเอนแห่งเมืองปิซ่า”







หอระฆังตอร์เร เปนเดนเต้ (Torre Pendente)






หอเอนแห่งเมืองปิซ่า



เป็นสัญญลักษณ์ของประเทศอิตาลีที่ปรากฏบนกล่องพิซซ่า และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางที่ใครๆก็ปรารถนาที่จะไปเห็นด้วยตาให้ได้ซักครั้งในชีวิต รวมทั้งการไปตามรอยบ้านเกิดของ “กาลิเลโอ” สุดยอดของนักวิทยาศาสตร์เอกของโลก ซึ่งเกิดที่เมืองปิซ่าเมื่อปี 1564



หอเอนเมืองปิซ่า นี้ลงมือสร้างเมื่อ ค.ศ. 1173 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1350 ใช้เวลานานถึง 177 ปี เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลก


กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) เคยใช้หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa) นี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกมี่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป้นตามที่กาลิเลโอคาดไว้
(อ่านประวัติ กาลิเลโอ)



หลังจากที่บูรณะครั้งใหญ่ในปี 1838 หอคอยก็เริ่มเอียงตัวเร็วขึ้นอย่างน่าวิตก รัฐบาลอิตาลีจึงประกาศปิดหอคอยไม่ให้คนขึ้นไปบนยอด แล้วทำการบูรณะใหม่อีกครั้งด้วยการพยามดึงแกนหอคอยให้ตั้งตรง แต่ก็ทำได้เพียง 44 ซม.เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการบูรณะหอคาดการณ์ว่า หอเอนเมืองปิซ่าจะยืนหยัดฝืนกฏฟิสิกส์ของไอน์สไตน์อยู่ได้อีกประมาณ 300 ป๊เท่านั้น








ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก

หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa) ได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา





Leaning Tower of Pisa




หอเอนเมืองปิซ่าสร้างด้วยหินอ่อนสูง 7 ชั้น หากชั่งเป็นน้ำหนักจะได้ถึง 14,453 ตัน มีฐานรับหอคอยทรงกระบอกเพียง 65 ฟุตและฐานรากฝังลึกเพียง 10 ฟุตเท่านั้น ประกอบกับใต้ดินอันเป็นที่ตั้งของหอคอยเป็นดินอ่อน จึงเป็นสาเหตุให้หอระฆังของวิหารดูโอโมแห่งนี้เอียงตั้งแต่เริ่มก่อสร้างได้เพียง 3 ชั้น




ความสูงจากฐานถึงยอดหอคอยรวม 58.36 เมตร แต่ถ้าวัดจากพื้นดินจะสูง 55 เมตร เส้นผ่าสูนย์กลาง 19.58 เมตร มีบันไดวนขึ้นถึงดาดฟ้าอันเป็นที่ตั้งของระฆังจำนวน 295 ขั้น ผู้ออกแบบไม่อาจจะระบุได้ว่าระหว่าง แบร์นาร์โด มาราโกเน กับ โบนันโน ปิซาโน ใครเป็นสถาปนิกผู้ออกแบบที่แท้จริง





มีความพยายามที่ทำให้หอเอนหยุดการเอียง เพราะว่ามันจะเอียงเพิ่ม 1 นิ้ว หรือ 2.5 ซม. ทุกๆ 20 ปี เคยใช้การเจาะรูแล้วอัดปูน Mortar ใส่แต่ไม่สำเร็จ หลังจากนั้นก็ลองใช้ตะกั่วหลายร้อยตันถ่วงไปก็พอได้บ้าง แต่มาสำเร็จเมื่อปี 2001 โดยขุดดินด้านที่สูงกว่าออกทีละน้อย..สามารถดึงกลับมาได้เพียง 44 ซม.







การเอียงของหอคอยเป็นนที่สนใจของนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกว่า สาเหตุใดกันแน่ที่ทำให้หอคอยเกิดการเอียงตัว จนได้ข้อสรุปแล้วว่าเกิดจากเนื้อดินที่ฐานรากนั้นยุบตัวลงจากการรับน้ำหนักที่มากเกินไป.....







วิวบริเวณกัมโป เดย์ มีราโกลี (Campo Dei Miracoli)




กัมโป เดย์ มีราโกลี หรือ "สนามมหัศจรรย์" เป็นจตุรัสสุดยอดท่องเที่ยวของปิซ่า สนามหญ้าเขียวขจีเป็นดั่งพรหมผืนใหญ่รองรับอาคารแบบโรมาเนสก์ที่สวยงาม เริ่มจากหอพิธีเจิมน้ำมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี มหาวิหารดูโอโมที่สวยงาม สุสานหอเอนแห่งเมืองปิซ่าที่ลือชื่อ







หอพิธีเจิมน้ำมนต์ (Battistero)




หอพิธีเจิมน้ำมนต์ อยู่ทางตะวันตกของจตุรัสกัมโป เดย์ มีราโกลี ลักษณะเป็นหอทรงกลมสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ แต่ยอดโดมหลังคาเป็นแบบโกธิก โดยมีลวดลายแบบอาหรับประปนอยู่เล็กน้อย เนื่องจากปิซ่าเคยทำมาค้าขายกับพวกแขกมัวร์ในสเปนและอัฟริกาเหนือมาก่อนในช่วงที่ปิซ่าเป็นเมืองท่าสำคัญ







มหาวิหารดูโอโม




มหาวิหารดูโอโม สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 11 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์เช่นเดียวกัน ประตูเข้าทางด้านหน้า (facade) ซึ่งหันไปทางด้านตะวันตก สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของชาวปิซ่าที่มีเหนือพวกซาราเซนที่สมรภูมิชิชิลี ตกแต่งเป็นลวดลายหินอ่อนหลากสีสัน บานประตู 3 บานหล่อด้วยสำริดแสดงเรื่องราวทางศาสนา สร้างขึ้นแทนไม้เก่าที่ถูกไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1595










อาคารด้านเหนือ (ซ้ายมือของภาพ) เป็นสุสานหรือ Camposanto มีภาพเขียนฝาผนังเฟรสโกที่ว่ากันว่ามีความอลังการสวยงามใกล้เคียงกับโบสถ์ซีสทีนในกรุงวาติกัน น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ถูกระเบิดทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันจึงเหลือให้ชมเพียงบางส่วน







เมืองปิซ่าด้านที่อยู่ติดกับหอเอน












ถนนและร้านขายของที่ระลึกด้านทิศใต้ที่เราเข้าไป







Cherubs Statue












ท่าถ่ายภาพยอดฮิต คือยืนเอามือค้ำหอเอนไว้





สำหรับการโพสท่าถ่ายภาพยอดฮิตที่นี่ คือ การทำมือค้ำยันไม่ให้หอเอนนั้นล้ม โดยพยามใช้มุมกล้องช่วย .... ท่านี้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและฝรั่งทำกันทั้งนั้น ถือว่ายอดฮิตสำหรับการถ่ายภาพที่นี่ครับ










ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเวลาประมาณ 17 นาฬิกาเศษๆ พระอาทิตย์กำลังจะลับยอดไม้ลงไปทางทะเลไทเรเนียน (Tyrrhenian Sea) แสงกำลังสวยงามเลยครับ






แสงยามเย็นที่ส่องกระทบด้านข้างมหาวิหารดูโอโม





เราออกจากมหาวิหารดูโอโมในตอนเกือบค่ำ เดินออกมาด้านนอกกำแพง แวะหาซื้อของฝากแถวๆนั้น... มีอยู่ร้านหนึ่งเป็นของคนจีนที่มาจากแผ่นดินใหญ่ มาอยู่ที่นี่กว่า 30 ปีแล้ว พูดภาษาอิตาเลี่ยนและอังกฤษคล่องแคล่ว (ขาออกมาในบริเวณที่จอดรถเดิมจะเป็นร้านแรก) จะมีของขายมากมายหลายอย่าง เช่นเสื้อยืด พวงกุญแจ ฯลฯ คุยกันถูกคอเลยหมดตังค์ไปหลายยูโร (ชอบสะสมเสื้อยืดน่ะ)







ภายในโรงแรมที่พัก






ปลั๊กไฟที่อิตาลีเป็นรูกลมแบบนี้ครับ





หลังจากได้ของที่ระลึกพอประมาณ ก็ไปรอขึ้นรถเมล์ฟรีกลับไที่ลานจอดรถบัส ก่อนเดินทางต่อไปทานมื้อเย็นซึ่งเป็นอาหารจีนที่ร้าน Pechino Restaurant เสร็จจากทานอาหารเราแวะซื้อเบียร์ท้องถิ่นไปลองที่โรงแรม ก่อนเดินทงเข้าโรงแรมที่พัก ชื่อ Abitalia Tower Plaza Hotel ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของที่ตั้งหอเอนเมืองปิซ่า ซึ่งมองเห็นหอเอนและหอศีลจุ่ม







โรงแรม Abitalia Tower Plaza




โรงแรม Abitalia Tower Plaza อยู่นอกเมืองบรรยากาศรอบข้างดีมาก มองผ่านเมืองปิซ่าที่อยู่ทางตะวันออกเห็นหอเอนชัดเจนดี จขบ.ชอบมาก เหมือนกับได้พักในรีสอร์ทชั้นดียังไงยังงั้น... ส่วนห้องพักถือว่าอยู่ในระดับที่ดีครับ ห้องกว้างขวางดี วันนี้จึงเป็นอีกวันที่พักผ่อนนอนหลับสบาย หลังจากที่ลุยมาทั้งวัน







อีกมุมของโรงแรม Abitalia Tower Plaza








จากโรงแรมสามารถมองเห็นหอเอนอยู่ไกลๆ








รถน่ารักๆของโรงแรม





เราตื่นเช้าขึ้นมาทานมื้อเช้าที่โรงแรม ซึ่งที่นี่ดูดีกว่า มีอาหารให้เลือกมากหน่อย เรารีบจัดการมื้อเช้าให้เสร็จไวๆแล้วถือโอกาสขึ้นไปเก็บภาพรอบๆโรงแรมและบนดาดฟ้าที่มองเห็นหอเอนเมืองปิซ่าได้ชัดและแสงยามเช้ากำลังสวยพอดี...

ได้เวลา 0800 น. คณะเราก็ออกเดินทางไปเวนีสที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยจะต้องข้ามประเทศอิตาลีไปสู่ทะเลอีกด้านหนึ่ง...ขอจบบล๊อกนี้ดื้อๆแบบนี้ละกัน เจอกันใหม่ที่เวนีสครับ







ลาด้วยภาพแสงยามเย็นผ่านด้านข้างโรงแรม







Paul Anka - I don´t like sleep alone


_______________







 

Create Date : 05 ธันวาคม 2555
23 comments
Last Update : 4 สิงหาคม 2560 16:13:07 น.
Counter : 9049 Pageviews.

 

สวัสดีครับ สุขสันต์วันพ่อ เจิมให้ ทักทาย





 

โดย: ต้นกล้า อาราดิน 5 ธันวาคม 2555 9:39:38 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยความตื่นตาตื่นใจค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 5 ธันวาคม 2555 10:05:37 น.  

 

มาชมภาพสวยๆบ้านนี้ ที่ไม่มีโอกาสได้ไปเห็นเอง

สวัสดีวันพ่อแห่งชาติค่ะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: ดาวริมทะเล 5 ธันวาคม 2555 11:08:16 น.  

 

สวัสดีตอนบ่ายๆ ครับคุณ wicsir .....

หอเอนปิซ่า สวยมากครับ เห็นบอกว่านักวิทยาศาสตร์คาดว่าหอจะอยู่ได้อีกเพียง 300 ปี ผมว่าเมื่อถึงเวลานั้น คงจะมีความก้าวหน้าทางด้านวิศวกรรมโยธา มาช่วยจัดการไม่ให้หอล้มแล้วล่ะครับ .....

ภาพสวยงาม คุณภาพครบเครื่องอีกเช่นเคยเลยนะครับ .....

 

โดย: NET-MANIA 5 ธันวาคม 2555 16:08:17 น.  

 

สวยจังเลยค่ะ หอเอนปิซ่า มุมใกล้ๆ แบบนี้สวยนะคะ

ภาพมุมกว้างหลายภาพก็สวยค่ะ

ทีแรกนึกว่าจบทริปแล้ว ถึงว่าทำไมด้วนๆ ไป ทำรูปไม่ทันใช่มั้ยคะ


 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 5 ธันวาคม 2555 16:19:46 น.  

 

สวัสดีวันพ่อค่ะ

 

โดย: Little My @ Moominland 5 ธันวาคม 2555 21:51:56 น.  

 

สวัสดีวันพ่อค่ะคุณวิค
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆที่ฝากให้ต๋านะคะ
ภาพในบล๊อกสวยงามเช่นเคยค่ะ
โรงแรมที่พักออกแบบทันสมัย แตกต่างจากความเก่าแก่ของตัวเมือง
วิวก็สวยมาก โดยเฉพาะที่เห็นหอเอนฯด้วย

คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ

 

โดย: Sweet_pills 5 ธันวาคม 2555 22:36:27 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


...You are never too old to set another goal
or to dream a new dream.
ไม่มีใครแก่เกินจะตั้งเป้าหมาย
และสร้างฝันใหม่ ๆ ให้ชีวิต...

สวัสดีเช้าวันพฤหัสบดีค่ะคุณ wicsir

 

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว 6 ธันวาคม 2555 6:47:44 น.  

 

หวัดดีค่ะ คุณ wic...
สบายดีค่ะ ..เอื้อไม่ค่อยได้ เที่ยว ..ไม่ค่อยได้อัพ บล็อก หาย ไป
ปิดบล็อกไปพักใหญ่ ด้วยค่ะ.. เลยไม่ได้มาเยี่ยม .. หลังจากลูกชายไม่สบาย ไม่ได้ออกทริปเลย ..คงรอปีหน้าโน่นค่ะ..

คุณwic คงเที่ยว เมืองไทย จนหมดแล้วมั้งเนี่ย . อิจฉาจัง..
นอกจากคิดถึงกาลิเลโอ แล้ว ยังคิดถึง pisa ..สักถาดด้วย ค่า..อิอิ..
ได้ชมมุม มอง หลายมุม มันแปลกดี ตรงเอนๆ นี่นะ กลัวมันจะโครม ลงมาแต่ก็ คงไม่เกิด ขึ้นเพราะเอียงมานานแล้ว..ได้ความรู้ที่มาด้วย แฮะขอบคุณ ที่ มาให้ชมค่ะ..
ปกติ ก็เห็น แต่รูป หอ ..เอนๆ ซ้ำๆ กันนะ .. อ้าว กำลังเพลิน จบซะแร้วว
สวัสดี สุขสันต์ วันพ่อ ที่ผ่านมาด้วยนะคะ..
ไหนก็มา โหวต สองอย่างเลยค่ะ..

 

โดย: tifun 6 ธันวาคม 2555 12:50:01 น.  

 

สวัสดีครับ

หอเอนนี่ ในห้องเรียนสมัยเด็กๆทุกคนคงเคยเรียนมาแน่ๆ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยว เลยมาขออาศัยเที่ยวตามบล็อกซะเลย

สุขสันต์วันพ่อนะครับ

เพลงไพเราะดี นำมาลงยากไม่ครับ

 

โดย: chaangfun2020 6 ธันวาคม 2555 13:03:34 น.  

 

สวยน่าชมมากๆ เลยค่ะคุณอ๊อด
ยิ่งตอนแสงสีทองมาจับด้วยแล้วน่ามองมากๆ ค่ะ
ทีนี่แหล่งท่องเที่ยวที่แน่นไปทุกฤดูจริงๆ ค่ะ
แต่เห็นเมื่อไหร่เสน่ห์ของเขาก็ยังไม่คลายจริงๆ
เห็นมีตอนที่วาพลาดไป เดี๋ยวต้องไปต่มเก็บค่ะ


 

โดย: Sweety-around-the-world 6 ธันวาคม 2555 15:58:09 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


ส่งความสุขต่อกัน
กับวันศุกร์สุดสัปดาห์ค่ะคุณ wicsir

 

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว 7 ธันวาคม 2555 7:02:07 น.  

 

หวัดดีค่าคุณวิค


หอเอนกับท่าถ่ายรูปยอดฮิตเป็นอะไรที่น่ารักมากเลยค่า อิอิ

มุมสวยหลายมุมเลย
รินชอบมองภาพกว้างๆ ด้วย เพราะสบายตาสุดไกลได้อีก

ปลั๊กไฟบ้านเค้าเป็นแบบ 3 รู แปลกมากๆ เลยค่า
เวลาไปต่างถิ่น
ต้องพกปลั๊กอินเตอร์ไป แต่รินเคยซื้อปลั๊กอินเตอร์ฯ
ก็ไม่เคยมีช่อง 3 รูแบบนี้เลยค่า 555+




มาแล้วค่าบล็อกใหม่ของริน
เป็นบล็อกสำนึกรักบ้านเกิด
ช่วยโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดต่อค่า

หนาวนี้กอดหมอก กันที่ภูเทวดา____ภูลังกา พะเยา กันนะคะ ^^

 

โดย: Rinsa Yoyolive 7 ธันวาคม 2555 13:40:14 น.  

 

ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรค่ะ
สวยงาม ประทับใจมาก ภาพเล่าเรื่องได้ดี
มุมกล้องทำให้สถานที่ดูอลังการณ์มาก ชอบมากที่สุดคือภาพที่ 3 จากสุดท้าย
เห็นแล้วรู้สึกเหมือนโดน นะ จังงัง

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
wicsir Travel Blog ดู Blog

 

โดย: ฝากเธอ 7 ธันวาคม 2555 14:18:55 น.  

 

สุขสวัสดีค่ะคุณ wic

แต่ละเพลงหามานี่...ได้คิดถึงกันเลยนะคะ สมัยยังวัยรุ่น

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 7 ธันวาคม 2555 17:37:04 น.  

 

มาโหวตให้นักเดินทางค่ะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
wicsir Travel Blog ดู Blog
..........
ฝากขนมให้ด้วย



นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ

 

โดย: Sweet_pills 7 ธันวาคม 2555 23:37:16 น.  

 

สวยมากเลยค่ะ ไม่รู้จะมีโอกาสได้ไปหรือเปล่า

 

โดย: never the last 8 ธันวาคม 2555 13:22:58 น.  

 

สวัสดีวันหยุดค่ะคุณวิค


 

โดย: Sweet_pills 9 ธันวาคม 2555 12:22:12 น.  

 

แวะมาชมสวยๆเนี๊ยบๆค่ะ และมาทักทายคุณWIC
ในวันหยุดยาวด้วย ขอให้คุณและครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง
และมีความสุขมากๆตลอดไปนะคะ ^_^

 

โดย: andrex09 9 ธันวาคม 2555 15:56:12 น.  

 

ร่วมรำลึกด้วยคนค่ะ :)

 

โดย: vivoly 11 ธันวาคม 2555 22:55:29 น.  

 

ตามมาเที่ยวกันต่อครับ บล็อกนี้ทำให้ได้เที่ยวสิ่งที่อยู่ใกล้ๆหอเอนด้วย ส่วนใหญ่จะเห็นแต่หอเอนแล้วจบเลย แต่คุณวิคนำเสนอจุดอื่นด้วย ภาพยังสวยงามเหมือนเดิม บล็อกดูดีมีสไตล์ขึ้นเยอะมากเลยครับ

ปล. ลิงค์ตอนห้านี้ผมกดมาจากตอนที่หนึ่งมันเสียครับ เลยไปกดจากตอนนที่หกกลับมาก็เสียอีก เลยใช้วิธีกดเอาแจกลิงค์บล็อกย่อยครับ

 

โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา 12 ธันวาคม 2555 12:13:56 น.  

 

อธิบายไปงงเอง เอาใหม่
ลิงค์หอเอน คลิกไม่ได้ครับ แล้วก็ดูเหมือนอีกหลายลิงค์ที่ทำไว้ต้นบล็อกจะคลิกไม่ได้ด้วยอ่ะครับ เลยใช้วิธีคลิกจากเมนูด้านขวาแทน

 

โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา 12 ธันวาคม 2555 12:17:11 น.  

 

อ้าว เลอะไปกันใหญ่ เวียนหัว 555 คุณวิคไม่ต้องสนใจคห. 21 กับ 22 นะครับ ตอนมันเยอะจนงง เขียนผิดเขียนถูกแล้วผม ^^"

 

โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา 12 ธันวาคม 2555 12:27:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.