....OUR FAMILY'S JOURNEY....

++ เ ว นี ส... นครแห่งสีสันที่รอวันจากไป ++







อ่านตอนที่ 1 : โคลอสเซี่ยม..มหึมาบนซากชีวิต
อ่านตอนที่ 2 : จัตุรัสเวเนเซีย น้ำพุจตุมหานที และวิหารแพนธีออน
อ่านตอนที่ 3 : วาติกันมิวเซียมและมหาวิหารเซ็นปีเตอร์...ประติมากรรม & จิตรกรรมขั้นเทพ
อ่านตอนที่ 4 : น้ำพุเทรวี และบันไดสเปน...ท่ามกลางสายฝน
อ่านตอนที่ 5 : ฟลอเรนซ์...เมืองแห่งศิลปะและสถาปัตยกรรม
อ่านตอนที่ 6 : หอเอนปิซา....มารำลึกถึงกาลิเลโอ
อ่านตอนที่ 8 : มิ ล า น... กลางสายฝน






หอเอนเมืองปิซ่าที่เราเพิ่งจากมา




บล๊อกที่แล้วผมพาไปชมหอเอนเมืองปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) มา วันนี้จะพาคุณๆนั่งรถข้ามประเทศอิตาลีจากทางด้านตะวันตกไปสู่ตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีจากทะเลไทเรเนียน (Tyrrhenian Sea) ไปสู่ทะเลอาเดรียติก (Adriatic Sea) หรือจากเมืองปิซ่าผ่านตรงกลางของแผ่นดินไปสู่เมืองเวนีสที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี ซึ่งต้องผ่านเมืองดังๆหลายเมือง เช่น เมืองฟรอเรนซ์ เมืองโบโลญญ่า และอีกหลายเมือง (จำไม่ได้) ครับ

ผมจั่วหัวเรื่องไว้น่าตกใจใช่ไหมครับ ว่าเวนีสเป็นนครแห่งสีสันที่รอวันจากไป...ลองตามไปดูซิครับว่าเพราะอะไร







เส้นทางจาก Pisa ถึง Venice




ตื่นเช้าวันที่ 14 ตุลาคม 2555 เป็นประจำที่ผมต้องรีบลงไปทานมื้อเช้าให้เร็ว และใช้เวลาที่เหลือในการไปเก็บภาพรอบๆโรงแรมที่พัก เพราะการเดินทางกับกรุ๊ปทัวร์ เวลาเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะถ้าทุกคนในกรุ๊ปทำเวลาได้ตามที่หัวหน้าทัวร์เขากำหนด เราก็จะได้เที่ยวครบตามจำนวนที่มีในโปรแกรม เผลอๆได้แถมอีก....กรุ๊ปทัวร์ที่ไปด้วยกันคราวนี้ทำเวลาได้ค่อนข้างดี เพราะแต่ละท่านเคยผ่านการเดินทางกันมามากมายหลายที่ด้วยกันทั้งนั้น







ทิวทัศน์ตามเส้นทางที่ผ่าน



เราใช้เวลาในช่วงเช้านั่งในรถ ผ่านพื้นที่ที่ทำไร่องุ่น โรงงานอุตสาหกรรม ฟาร์มต้นไม้ประดับ หลังจากที่มีประสพการณ์ในการเดินทางในอิตาลีมาหนึ่งวัน ทำให้เรารู้ว่าการจะหาที่จอดเพื่อเข้าห้องน้ำนั้นยากมากๆ ไม่มีปั๊มมากมายเหมือน ปตท.บ้านเรา หรือถ้ามีก้ไม่เหมาะที่จะเข้าห้องน้ำ (หรือไม่มีเอาเสียเลย) .... ถ้าเห็นปั๊มน้ำมันที่มีร้านแบบด้านล่าง (Autogrill) ต้องรีบจอดและจัดการเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อย

ร้านนี้เป็นร้านประเภทสะดวกซื้อเหมือนโลตัสเอ๊กซ์เพลส (จะว่า 7-11 ก็ไม่เชิงเพราะร้านนี้ใหญ่กว่ามาก) ที่นี่มีห้องน้ำสำหรับลูกค้ามากพอสมควร ร้านแบบนี้มีทั้งในเมืองและตามถนน เราสามารถเข้าห้องน้ำได้






จุดพักรถ..มีร้าน Autogrill




ถนนสายนี้ผ่านเมืองที่เราคุ้นๆชื่อคือโบโลญญ่า ซึ่งมีทีมฟุตบอลที่เรารู้จักกันดี.... เมืองโบโลญญา (Bologna) คือเมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทางด้านท่องเที่ยวและเป็นเมืองหลวงของแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) 1 ใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาโป ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี โดยตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโปกับเทือกเขาแอเพนไนน์







ผ่านเมืองโบโลญญ่า




ที่เมืองโบโลญญ่ามี มหาวิหารซาน เปโตรนิโอ (Basilica of San Petronio) เป็น 1 ใน5 มหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมหาวิหารนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่เซนต์ เปโตรนิอุส (Saint Petronius) นักบุญอุปถัมภ์ที่มีชื่อเสียงของเมือง ภายในมหาวิหารยังเป้นที่ตั้งของนาฬิกาแดดที่ยังคงสามารถใช้งนได้จวบจนถึงปัจจุบัน...เสียดายที่ไม่ได้แวะ







แผนที่เขตเมสเตรและสะพานข้ามไปเกาะเวนีส





ภาพมุมสูงของเกาะเวนีส...เส้นเข้มๆที่ผ่านเกาะคือ Grand Canal(ภาพจากเวบ)





เราถึงเขตเมสเตร้ (Mestre) ซึ่งเป็นเวนีสบนฝั่งแผ่นดินใหญ่ก็ว่าได้... เราพักทานมื้อกลางวันที่นี่ซึ่งงเป็นอาหารจีนชื่อร้าน La Pagoda restaurant อาหารเยอะมากแต่ จขบ.ทานพออิ่มเพราะเวลาเดินทางไม่อยากทานอะไรมากกลัวท้องใส้จะทำให้เราเที่ยวไม่สนุก ถ้าใครชอบทานร้านนี้เสริฟเราหลายอย่าง เป็นพวกอาหารทะเล รสชาดออกจีนแนวอิตาลี (มันเยอะไปนิด) ทานเสร็จก็สูตรเดิม ออกไปถ่ายภาพถนนในบริเวณนั้น ซึ่งวันนี้อากาศค่อนข้างเย็น






เข้าเขตเมสเตร้ (Venezia Mestre) ก่อนข้ามไปเวนิส




หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จ เราไปแวะช้อปกันที่ร้าน MAX ซึ่งเป็นร้านไม่หรูหรือไม่ใหญ่โตมากนัก เจ้าของร้านเขาไปประมูลสินค้าแบรนด์เนมที่จะเอาไปขายในเอ้าท์เลต แต่ไม่มีตำหนิมากนักมาจำหน่าย ราคาก็ถือว่าไปทำลายทรัพย์ในกระเป๋าเรามากนัก รถคันของเราน่าจะหมดไปในร้านนี้หลายแสนเหมือนกัน...นอกจากพวกแบรนด์ดังๆอื่นๆแล้ว เครื่องหนัง Bally มีขายที่นี่









จะดูว่าใครเข้าร้านนี้มากที่สุด ดูธงเอาเอง ของพี่ไทยเราอยู่เริ่มแรกเลยเห็นไหม เวลาไปทัวร์นี่ไม่แปลกใจเลยครับ เราไปถึงแหล่งท่องเที่ยวดังๆที่ไหน ก็มีคนพูดภาษาไทยได้กันทั้งนั้น (อย่างน้อยก็บอกราคาสินค้าเป็นภาษาไทยได้ละกัน)

เรื่องแบบนี้ จขบ.มีประสพการณ์ในสิบสองปันนา ตอนลงรถจะขึ้นไปดูโชว์เรียกนกยูง ร้านค้าเอาผลไมหรือของกินที่จะขายให้เราชิม แถมยังเล่าให้เราฟังว่า ให้ชิมเฉพาะนักท่องเที่ยวไทย ชาติอื่นจะไม่ให้ชิม เราถามว่าทำไมล่ะ? ก็ได้คำตอยว่าคนไทยเรา ชิมแล้วซื้อของๆเขา ส่วนชาติอื่น ชิมเสร็จเดินหนี...ดูท่าจะจริงนะผมว่า







ช้อปร้านนี้ก่อนไปเวนีส...ส่วนภาพบนบริเวณหน้าร้าน




เราออกจากแผ่นดินใหญ่จากเขตเมสตร้า ข้ามสะพานซึ่งน่าจะมีแห่งนี้แห่งเดียว เข้าไปที่หมู่เกาะเวนีส ซึ่งหลังจากนั้นเรื่องรถก็จะต้องลืมไปได้เลย เพราะที่เวนีสนี้เขาใช้เรือเป็นพาหนะ หรือไม่ก็เดินเอาเท่านั้น ส่วนรถบัสก็จะไปจอดรอเราที่ทางไปท่าเรือ

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเวนิสได้ทั้งทาง อากาศ (มีสนามบินที่เมืองนี้) ทางเรือ โดยเรือสำราญ และทางบกคือรถยนต์และรถไฟ โดยรถไฟมีทั้งขบวนธรรมดาและความเร็วสูงที่เชื่อมต่อทั้งเมืองมิลาน Eurostar City (ESI) และเมืองฟลอเรนซ์ ESI (Frecciargento) โดยรถไฟจะข้ามสะพานที่เห็นไปจอดที่สถานี Venezia Santa Lucia จากนั้นก็เดินทางด้วยเรือหรือเดินเที่ยวกันล่ะครับ สำหรับเรื่องรถไฟสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ //www.trenitalia.com







ข้ามสะพานเดียวกับรถไฟหัวกระสุน ไปสู่เกาะเวนีส




ข้ามสะพานนี้แล้วรถจะไปส่งเราตรงทางที่จะไปลงเรือ จริงๆแล้วก็เดินได้ แต่ว่าไกลมากเลยต้องนั่งเรือเพื่ออ้อมเพื่อประหยัดเวลา ไปขึ้นอีกฝั่งที่เป็นจตุรัสกลางเมืองเวนิส และเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเวนิสนี่เลยก็ว่าได้.






เดินไปลงงเรือ




เมืองเวนิส (Venice)

เมืองเวนิส หรือที่ชาวอิตาลีเรียกว่า เวเน็ตเซีย ( Venezia) เป็นเมืองหลวงของแคว้น เวเนโต (Veneto) มีประชากร 271,663 คน (ข้อมูลวันที่ 1 มกราคม 2004 ) เมืองเวนิสสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กเกาะน้อย จำนวน 118 เกาะเข้าด้วยกันในบริเวณ ทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ทะเลอาเดรียติกทางภาคเหนือของ ประเทศอิตาลี ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปาก แม่น้ำโปกับ แม่น้ำพลาวิ มีผู้อยู่อาศัยนับรวมทั้งหมดประมาณ 272,000 คน แยกเป็นบริเวณเมืองเก่าที่เป็นเกาะ 62,000 คน, บนแผ่นดินใหญ่ที่เรียกว่า แตร์ราแฟร์มา (Terraferma) 176,000 คน และอีก 31,000 คนตามเกาะต่างๆ ในทะเลสาบ







ภายในเรือ





ในบรรดาเมืองท่องเที่ยวของอิตาลี เมืองเวนิส ดูจะเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากทุกเมืองในโลก เป็นเมืองที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบที่สวยงามจนได้ฉายาว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลอาเดรียติก” ( The Queen of the Adriatic) หรือ “เมืองแห่งสายน้ำ” (The City of Water)






วันที่ไปมีเรือสำราญเข้า 3 ลำ





ที่มีคลองสำหรับใช้สัญจรแทนถนนมากกว่า 150 สาย หรือ “เมืองแห่งสะพาน” ( The City of Bridges)ที่ มีสะพานเชื่อมคลองมากกว่า 400 แห่งที่โดดเด่นเป็นที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวอีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งศิลปวัฒนธรรมและดนตรียามค่ำคืน (The City of Light)ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักและใฝ่ฝันอยากมาเทียวชมสักครั้งในชีวิต






ริมฝั่งคลองมีตึกหลากสีสัน




เมืองเวนิสเป็นที่รู้จักกันมาช้านานในประวัติศาสตร์ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการเดินเรือและการค้าของทวีปยุโรปนับพันปี นอกนั้นในแวดวงวรรณกรรม เมืองเวนิสเป็นที่รู้จักจากบทประพันธ์ของวิลเลียม เชคสเปียร์( William Shakespeare)เรื่อง “พ่อค้าแห่งเวนิส” ( The Merchant of Venice)ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงนำมาประพันธ์เป็นบทละครชื่อ“เวนิสวานิช”








แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือบทประพันธ์เรื่อง “โรเมโอและจูเลียต” ( Romeo and Juliet) ที่เชื่อกันว่าเวนิส คือบ้านเกิดของของทั้งคู่ผู้สร้างตำนานรักอมตะที่ต้องจบชีวิตลงเพราะความแค้นของบรรพบุรุษสองตระกูล








เมืองเวนิสยังเป็นเมืองที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกซึ่งได้แก่ ตัวเมืองและคลองต่างๆ ความงดงามของเวนิสทำให้ถูกใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง








ส่วนคนไทยดูเหมือนจะรู้จักและเกี่ยวข้องกับเวนิสจากการที่กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรของเราได้รับการเรียกขานว่าเป็น “เวนิสตะวันออก” ดังนั้น การได้มีโอกาสมาเที่ยวชมเมืองเวนิสของจริง จึงอดตื่นตาตื่นใจในความงดงามและเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ ของเมืองมรดกโลกแห่งนี้ไม่ได้
(อ่านเพิ่มเติม)








เรานั่งเรือผ่านวิหารต่างๆ (เสียดายที่ไม่รู้จักชื่อทั้งหมด) พร้อมบ้านที่ทาสีสันสะดุดตา ถ้านึกภาพไม่ออกลองนึงถึงปาลิโอที่เขาใหญ่ละกันนะครับ สีสันส่วนมากเป็นแบบนั้น จะว่าเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเวนีสเลยก็ว่าได้











ขึ้นเรือแล้วเดินต่อไปที่จตุรัสปิอัซเซ็ตต้า (Piazzetta)




ตรงปิอัซเซ็ตต้า ทางเข้าไปสู่ปิอัซซ่าซานมาร์โค จะมีเสาหิน (Column) อยู่สองเสา เชื่อว่านำมาจากเมืองคอนสแตนติโนเปิลในช่วงสงครามครูเสด บนยอดเสา (ทางซ้าย) ประดับด้วยสิงโตมีปีก สัญลักษณ์ของเมืองเวนีส ยอดเสาอีกต้นเป็นรูปเซ็นต์ธีโอดอร์ (ทัวร์ไทยเรียกว่าไกรทอง..ขำๆ) นักบุญผู้พิทักษ์เมืองเวนีส ซึ่งจักรพรรดิไบเซ็นไทน์แต่งตั้งให้เป็นนักบุญผู้อุปถัมภ์แห่งเมืองเวนีส






เจอคลองระหว่างตึก...ถ่ายไว้





5...







จตุรัสซานมาร์โค (Piazza san Marco)




ปิอัซซาซานมาร์โค หรือ จตุรัสเซ็นต์มาร์ก ตั้งชื่อตามเซ็นต์มาร์ก (Saint Mark) นักบุญประจำเมืองในนิกายอิวานเจลิสต์ เป็นจตุรัสสวยงงามรายล้อมด้วยอาคารสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเวนิส ตั้งแต่หอระฆังกัมปานีเล่ หอนาฬิกาตอร์เร เดลโลโรโลโจ โบสถ์เซ็นต์มาร์ก วังผู้ครองนคร พิพิธภัณฑ์กอร์แรร์ และสะพานแห่งเสียงทอดถอนหายใจ อันลือชื่อ

ลานกว้างกลางจตุรัสเต็มไปด้วยนกพิราบ (ขนาดวันนั้นคนเยอะก็ยังเต็มไปหมด) ที่มากๆพอๆกับนักท่องเที่ยว มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม และร้านขายของที่ระลึก (เดินลอดหอนาฬิกาเข้าไป)







สะพานด้านบนนั้นทอดเชื่อวังและคุก หรือ สะพานทอดถอนใจ (Bridge of Sighs)




สะพานทอดถอนใจ หรือ บางคนเรียกว่าสะพานท้อใจ ที่ได้ชื่อเช่นนี้ก็เพราะ เป็นสะพานที่จะนำนักโทษจากห้องพิพากษาเข้าไปขังในคุก (ขวามือ) เสียงถอนใจหรือเสียงสะอื้นไห้ของนักโทษจึงมักดังขึ้น เมื่อพวกเขาจะได้มองเห็นท้องฟ้าและทะเลเป็นครั้งสุดท้าย นักโทษดังที่เคยผ่านคุกนี้มาแล้วคือเทพบุตรนักรัก หรือเสือผู้หญิงคาสโนวานั่นเอง

แต่ปัจจุบันหนุ่มสาวเชื่อว่าถ้าได้นั่งเรือกอนโดล่าไปจุมพิตกันอยู่ใต้สะพาน ความรักของพวกเขาจะยั่งยืนชั่วนิรันดร์









วันอาทิตย์นักบวชกำลังเดินจากโบสถืไปทำพิธี







ไปลงเรือกอนโดล่า









ลุงพาพายออกจากคลองเล็กๆสู่คลองใหญ่ (Grand Canal)





11.










ไปเรื่อยๆตามซอกตามซอย







ไปดูหนุ่มสองคนนี้เป่าแก้วและขายเครื่องแก้ว




พูดถึงเครื่องแก้ว ที่เวนีสนี้นับว่าเด่นและขึ้นชื่อ... หลายๆคนมาที่นี่จะซื้อนาฬิกาที่ประดับด้วยแก้วหลากสีสายงามกลับไปเสมอ เข้าใจว่าราคาที่เวนิสนี่จะถูกกว่าเมืองอื่น เช่นมิลาน






สะพานรีอัลโต (Ponte Realto)







ร้านค้าพวกแบรนด์เนม อยู่ตามซอกตึกแบบนี้







เดินไปเดินมา..เจอจัตุรัสนี้เข้า





หอนาฬิกาตอร์เร เดลโลโรโลโจ (Torre dell' orogio)



หอนาฬิกาตอร์เร เดลโลโรโลโจ (Torre dell' orogio) ตั้งอยู่บนตึกโปรคูราตีเอ เวคคีเอ ทางด้านเหนือของจตุรัสซานมาร์โค ออกแบบโดยโคดุชชีในปี 1496 ตามสไตล์เรอเนสซองซ์ ยอดบนสุดมีรูปหล่อสำริดรูปแขกมัวร์ 2 คน ใช้ฆ้อนทุบระฆังบอกเวลาทุกๆชั่วโมง







ภาพเขียนใต้ซุ้มประตูโบสถ์ซานมาร์โค







ยอดหลังคาโบสถ์ซานมาร์โคอันสวยงาม







วังผู้ครองนคร (Doge's Palace)



วังผู้ครองนคร (Doge's Palace) ตั้งอยู่ติดกับโบสถ์เซ็นต์มาร์กทางด้านทิศใต้ เป้นวังที่สวยงามผสมผสานสถาปัตยกรรมไบเซ็นไทน์ โกธิกและเรอเนสซองซ์ เป็นสถานที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครอยู่ถึง 120 ปี ในช่วง 697 - 1797 รวมทั้งเคยเป็นที่ตั้งของสภาขุนนาง ห้องประชุมสภา จุผู้เข้าประชุมได้ถึง 480 คน และภายหลังเพิ่มเติมได้เป็น 1700 คน ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้







หอระฆังกัมปานีเล (campanile)


ตั้งเด่นอยู่กลางจตุรัส เป็นหอระฆังของโบสถ์ซานมาร์โค สูง 98.5 เมตร หอที่เห็นในภาพเป็นของใหม่ที่สร้างขึ้นมาแทนหอเดิมที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 แต่ได้พังทลายลง เมื่อ 14 กรกฎาคม 1902 แต่อิฐที่นำมาก่อสร้างยังเป็นของเดิม หอที่สร้างใหม่มีลิฟท์และบันไดให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ โดยเปิดให้ชมตั้งแต่เวลา 09.00 -19.00 น.







ร้านอาหารและดนตรี ที่จตุรัส Piazzetta




ณ บริเวณจตุรัสเซ็นมาร์โคและปิอัซเซ็ตต้านี้ ถ้าคุณๆได้ตามข่าวจะเห็นว่าเกิดน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 60 ปีสูงถึงเข่านักท่องเที่ยวเลยทีเดียว ...... ด้วยเหตุที่เวนีสมีความสูงใกล้ๆกับระดับน้ำทะเลปานกลาง เลยเชื่อว่าถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงบนโลกเนื่องจากโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งทั่วโลกละลายแล้ว เมืองเวนีสก็คงหนีไม่พ้นชะตากรรมแบบเมืองอื่นๆที่คาดว่าจะโดนน้ำท่วมจนหายไปจากแผนที่โลก นอกเสียจากว่ามนุษย์จะช่วยกันปกป้องเมืองมรดกโลกแห่งนี้เอาไว้..







เสา (columns) 2 ต้นที่ปิอัซเซ็ตตา (Piazzetta) ด้านนอกที่ติดริมน้ำ




ช่วงประมาณ 18.00 น เราเดินทางไปทานมื้อเย็นที่ภัตราคาร Tavema Dei Dogi Restaurant ซึ่งมีสะปาเก็ตตี้สีดำ เป็นอาหารขึ้้นชื่อของที่นี่ พร้อมอาหารทะเล และจบด้วยไอศครีมที่แสนอร่อยของร้าน... คุณๆทานสปาเก็ตตี้ดำแล้วอย่าลืมถ่ายภาพปากที่ติดสีดำกลับมาด้วยนะครับ






ทานมื้อเย็น สะปาเก็ตตี้ดำ







กลับออกมา..ก่อนขึ้นรถแวะซื้อของฝากอีก




ตรงทางที่เราขึ้นจากเรือมา จะมีร้านขายของที่ระลึกอยู่มากมาย ตรงนี้ถ้าท่านยังไม่ซื้อก็เลือกซื้อเอาได้ครับ จขบ. เลือกซื้อมาจากในเมืองบ้างแล้ว (เดินจากจตุรัสเซ็นต์มาร์โคเข้าด้านในจะมีร้านขายสินค้าทั้งแบรนด์ดังๆ และของที่ระลึก ราคาถูกกว่า)... ส่วนที่ตรงนี้ก็พอซื้อได้ มีร้านคนจีนดูจะขายราคาเป็นกันเองกว่าร้านแขกอินเดียครับ






วันนี้พักที่ Courtyard Marriott, ใกล้สนามบินเวนิส







ห้องพักที่ Courtyard Marriott



การพักโรงแรมที่อิตาลีบางครั้งเขาไม่เปิดแอร์ไว้ ถ้าอยากได้ต้องโทรไปขอที่ Reception (ในกรณีไม่ได้เปิดให้) เพราะเขาจะถือว่าบ้านเขาเป็นเมืองหนาว แต่วันนั้นหายใจไม่ค่อยออกเลยขอให้เขาเปิดให้.

โรงแรมก็โอเคเป็นโรงแรมใกล้ๆสนามบินเวนีส ที่อยู่บนฝั่งเมสเตร้ ส่วนอาหารก็เป็นสไตล์อิตาลี ขนมปังยังเค็มเลยครับ... วันนี้ขอจบล๊อกไว้แค่นี้ครับ บล๊อกหน้าเราจะมาอำลาอิตาลีกันด้วยการไปชมบางส่วนของเมืองมิลาน ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องแฟชั่น ที่ว่ากันว่าเป็นนิวยอร์แห่งอิตาลีกันเลยล่ะครับ.






ลาด้วยภาพถนนหน้า Courtyard Marriott ตอนประมาณ 7.00 น.






Th end of The World - Lobo



____________






 

Create Date : 12 ธันวาคม 2555
19 comments
Last Update : 19 ธันวาคม 2557 10:57:36 น.
Counter : 5852 Pageviews.

 

น่าไปเนาะ สวยจริง ๆ ร้านกาแฟที่ลานหน้าโบสถ์ไปนั่งมาแล้วค่ะ คุยเลย

 

โดย: tuk-tuk@korat 12 ธันวาคม 2555 10:56:53 น.  

 

สวยงามมากๆ เลยค่าคุณ วิค

เมืองเวนิส สมกับเป็นเมืองแห่งสายน้ำจริงๆ
มุมที่ถ่ายรุปออกมาเหมือนฉากในเทพนิยายเลย ชอบมากค่า

สายน้ำเค้าเป็นเอกลักษณ์จริงๆ ด้วย

แต่ปีนี้หรือป่าวคะที่มีน้ำท่วมเวนิส จนเป็นข่าวใหญ่โต
ภาพน้ำท่วมออกมา ไม่ได้ทำให้เดือดร้อนเลย ยังใช้ชีวิตอยู่ตามปกติทั่วไป

ผุ้คนน่ารักมากด้วยค่า
^^


 

โดย: Rinsa Yoyolive 12 ธันวาคม 2555 11:05:24 น.  

 

ดอกทานตะวันบานแล้ว ณ เขาจีนแล - ลพบุรี
พร้อมไปเที่ยวหาเพื่อนร่วมโลกแสนน่ารักกัน
ที่นี่ ^^

 

โดย: Rinsa Yoyolive 12 ธันวาคม 2555 11:05:40 น.  

 

ที่แท้เวนิสคือเกาะนี่เองนะครับเพิ่งรู้ ดูจากภาพมุมสูงแล้วทึ่งสุดขีด เมืองแห่งคลองจริงๆ มันเยอะจนบอกไม่ถูกเลย ราวกับถนน แล้วก็ทึ่งอีกเรื่องคือประเทศอิตาลีดูเหมือนรูปรองเท้าไม่วายเกาะเวนิซนี่มองดีดียังมีส่วนเหมือนรองเท้ากะเค้าอีกนะครับ

 

โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา 12 ธันวาคม 2555 12:42:50 น.  

 

ขอบคุณที่นำมาแชร์ครับ

 

โดย: $$ IP: 49.49.34.241 12 ธันวาคม 2555 14:17:58 น.  

 

สวัสดีตอนบ่ายๆ ครับคุณ wicsir .....

ใครได้ไปเที่ยวเวนิซตอนนี้ก็ถือว่าโชคดีนะครับ ไม่แน่ว่าอีกซักสี่ห้าสิบปีข้างหน้า เมื่อเวนิซอาจจะหายไปจากแผนที่แล้ว ตอนนั้นคงจะไปคุยได้ก่อนที่เวนิซจะจมน้ำ ได้เคยไปเหยียบแผ่นดินเวนิซมาแล้ว .....

อีกหน่อยที่เมืองไทยเราก็จะมีเมืองเวนิซจำลองเหมือนกันนะครับ เห็นว่ากำลังสร้างอยู่ที่หัวหิน ก็ตามสมัยนิยมล่ะนะครับ เดี๋ยวนี้บ้านเราชอบที่เที่ยวที่จำลองแบบมาจากเมืองนอก มันดูเก๋ดี ไม่ว่าจะเป็น Palio, Santoroni park

 

โดย: NET-MANIA 12 ธันวาคม 2555 14:39:24 น.  

 

เยี่ยม ! ภาพสวยมาก ป้าพีชอบอิตาลีคงจะได้ไปเที่ยวบ้างเร็วๆนี้

 

โดย: ป้าพี 12 ธันวาคม 2555 14:57:54 น.  

 

ขอบคุณที่นำมาแชร์ค่ะ

 

โดย: cim_noi 12 ธันวาคม 2555 17:49:50 น.  

 

มาชมภาพค่ะ สวยสุดๆเลยค่ะกับประเทศนี้
ต้องขอบคุณคุณWICที่นำมาให้ชมกัน วันนี้วันดี วันที่ 12/12/2012
ขอให้คุณWICและครอบครัวประสบแต่สิ่งดีดีตลอดไปนะคะ ^_^

 

โดย: andrex09 12 ธันวาคม 2555 18:41:25 น.  

 

ได้ไปที่นี่ด้วยค่ะ



ตอนที่ไปมีฝรั่งมาขอถ่ายรูปเรา ก็กลัว ๆ นะ ต้องดึงพี่ที่ไปด้วยให้อยู่ในรูปด้วย

 

โดย: tuk-tuk@korat 12 ธันวาคม 2555 21:58:51 น.  

 

ร้านที่ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ แต่งเรื่องเฒ่าทะเล the old man and the sea ค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 12 ธันวาคม 2555 22:01:26 น.  

 

ขณะนั่งเรือกอนโดล่า ฝีพายร้องเพลงอิตาเลี่ยนให้ฟังด้วยรึเปล่าคะคุณวิค
ที่นี่เครื่องแก้วและหน้ากากสารพัดรูปแบบ ดูจะเป็นจุดเด่นของสินค้าที่ระลึกนะคะ
ชอบสะพานรีอัลโตด้วยค่ะ มีชื่อเสียงและเคยเห็นเป็นฉากหนึ่งในภาพยนต์เก่าค่ะ



โรงแรมที่ทัวร์จัดให้แต่ละแห่งก็สวยงาม น่าพักมาก
จะตามมาส่งกำลังใจให้นะคะ

 

โดย: Sweet_pills 13 ธันวาคม 2555 11:22:59 น.  

 

สวยจังเลยอยากไปค่ะ

 

โดย: มิลเม 13 ธันวาคม 2555 11:29:51 น.  

 

สวัสดีค่า
ขอโทษนะคะที่ล่าช้า
ไม่อยู่บ้านนาน เพิ่งกลับมาค่ะ
ยังทะนได้เที่ยวเวนิสใช่ไหมค้า

 

โดย: AdrenalineRush 14 ธันวาคม 2555 8:23:43 น.  

 

ก่อนอื่นต้องขอชมว่าภาพบล็อกนี้สวยมากค่ะ ทั้งคมชัด ทั้งมีสีสัน
บล็อกอื่นก็ชัดนะคะแต่บล็อกแรกสีดูแปลกๆนิดนึง คงเป็นเพราะสภาพอากาส
บล็อกนี้สังเกตเห็นว่าท้องฟ้าแจ่มใสมากๆ ทำให้ภาพสวย
เคยเห็นเมืองเวนิสจากหนังเรื่อง The Tourist ที่แองเจเลน่า โจลี่ แสดงคู่กับ จอห์นนี่ เด๊ปป์
แต่ตอนดูในหนังทำไมไม่รู้สึกว่าได้ไปเห็นใกล้ๆ เหมือนดูจากบล็อกก็ไม่รู้ค่ะ
อาจจะเป็นเพราะในหนังมันเป็นแค่ฉาก แต่ในบล็อกมีเรื่องราวประกอบ
ทำให้รู้จักและเข้าใกล้เวนิสมากขึ้น ชอบมากค่ะ ทั้งภาพและเรื่องราว
แอบสังเกตมาหลายบล็อกว่าร้านอาหารที่อิตาลีเขานั่งทานกันกลางแจ้งเลย
ถ้าฝนตกลงมาคงวิ่งกันจ้าละหวั่นมั้งคะ ^_^

บล็อกหน้าจะจบทัวร์แล้วเหรอ เสียดายจังค่ะ ^_^

จากบล็อก....
จากหนองคายเข้าเลย
ผมพลาดตอนไหนไหมนะ...
..................................................................................................
ไม่พลาดหรอกค่ะ วันนั้นออกจากหนองคายเกือบๆจะเที่ยง
แล้วนั่งรถยาวโดยไม่แวะที่ไหนเลย กว่าจะถึงสวนหินผางามก็เกือบค่ำค่ะ
..................................................................................................................
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
wicsir Travel Blog ดู Blog

 

โดย: ฝากเธอ 14 ธันวาคม 2555 13:31:58 น.  

 

wicsir Travel Blog ดู Blog

ดูภาพจุใจจริง ๆ สวยงาม รู้สึกว่า ถนนคนเดินจะเยอะดี ผมเลยโหวตให้ กับกด ถูกใจ
ให้ด้วยครับ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 14 ธันวาคม 2555 16:09:05 น.  

 

ฟ้าสวยหลายภาพเลยนะคะ

ก็ได้เที่ยวกับบล็อกคุณ wic นี่แหละ

สปาเก็ตตี้สีดำ กินแล้วปากติดสีเลยเหรอคะ

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 14 ธันวาคม 2555 20:58:26 น.  

 

สวัสดีครับ

พาเที่ยวจุใจเลย สไตล์เพลงผมก็ชอบครับ สั่งแบบให้วนตลอดซิครับ เบื่อฟังแล้วจึงค่อยปิดเอง
เมืองเขามีอาคารหนาแน่นมาก แทบไม่เห็นต้นไม้เลย แต่ชอบที่ใช้การเดินและเรือเท่านั้น ไม่มีควันเสียจากรถมารบกวน

 

โดย: chaangfun2020 15 ธันวาคม 2555 11:24:32 น.  

 

ภาพสวยมากๆเลยค่ะ ดิฉันอยู่ยุโรป ยังไม่เคยไปเวนีสเลย
เห็นภาพแล้ว ทำให้อยากไปมากค่ะ

 

โดย: เจ IP: 94.210.141.9 18 ธันวาคม 2555 7:15:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.