... ^^ Welcome to suvilajamsai's world ^^...
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
Oxford Story บทที่ 16


เช้าวันนี้อากาศสดใส แสงแดดจัดจ้าอย่างยากที่จะหาได้ในอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่มีฝนตกชุกอย่างออกซ์ฟอร์ด แต่สำหรับบุคคลทั้งสามในบ้านหมายเลขที่ 24 ถนนคาวลีย์ นั้น คงจะมีแต่ผู้มาใหม่เพียงผู้เดียวที่มีความสดใสสดชื่นเช่นบรรยากาศ

ขณะที่พิมพ์ชญาพาร่างสะโหลสะเหลด้วยอาการง่วงงุนจากการอดนอนลงมายังห้องอาหาร หูเจ้ากรรมก็แว่วเสียงหัวเราะสดใสดังลอดออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปถึง เมื่อไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องอาหาร สายตาก็เห็นภาพน้องสาวกำลังทำอาหารอยู่ที่เตาไปพลาง คุยกับสังเกตไปพลางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อีตาสังเกตหรือก็อารมณ์ดีเหลือเกิ๊น

“พี่พิ้งค์อย่ามัวยืนอยู่สิคะ เข้ามานั่งเร๊ว ซุปร้อนๆ กำลังจะเสร็จแล้วค่า”

เสียงหวานใสทักทายพี่สาวทำให้ชายหนุ่มหันไปมองร่างบางระหงที่เพิ่งจะเดินเข้ามาทรุดกายลงนั่งที่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะอาหาร… เขาแปลกใจเล็กน้อยที่หญิงสาวไม่นั่งประจำที่ที่เคยนั่ง หากไม่ฉุกคิดเลยว่าที่เธอทำเช่นนั้นเพราะจงใจไม่อยากนั่งใกล้เขา

“อ้าว พิ้งค์ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ยังมึนๆ อยู่เหรอ”

เมื่อได้ยินสังเกตทัก แพรอาภรณ์จึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าสีหน้าของพี่สาวดูอ่อนเพลีย หญิงสาววางซุปลง ยกหลังมือขึ้นอังหน้าผากพี่สาวเพื่อวัดไข้

“เอ ตัวไม่ร้อนนี่นา แต่ยังไงแพมว่าพี่พิ้งค์อย่าเพิ่งออกไปไหนเลยดีกว่าค่ะ วันนี้แพมจะอยู่เป็นเพื่อนเอง”

“ไม่เป็นไรหรอก แพม พี่ไม่เป็นอะไร จริงๆ นะ”

“อย่าดื้อเลยน่า พิ้งค์ น้องหวังดีก็น่าจะเชื่อฟังน้องบ้าง”

สังเกตพูดขึ้นบ้างหลังจากเห็นว่าพิมพ์ชญาทำท่าจะดื้อ …เขาก็คิดเหมือนกันว่าวันนี้พิมพ์ชญาดูไม่ค่อยสบายและสมควรที่จะพักผ่อนมากกว่าที่จะออกไปตากลมแรงๆ ข้างนอก

แต่คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวน้อยใจมากเกินกว่าจะคิดว่าเขาหวังดี ความรู้สึกที่ว่าชายหนุ่มเห็นดีเห็นงามกับทุกสิ่งที่แพรอาภรณ์พูดทำให้พิมพ์ชญารู้สึกแย่ลงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพิ้งค์ขึ้นไปนอนต่อก็แล้วกัน”

“เดี๋ยวสิ พิ้งค์ อาหารเช้าล่ะ”

“ไม่กิน เกตกินกับแพมไปก็แล้วกัน”

เมื่อได้ฟังคำตอบอย่างห้วนๆ จากหญิงสาวที่เดินออกไปจากห้อง ชายหนุ่มก็ได้แต่อ่อนใจ… เขาไม่เข้าใจเลยว่าเธอเป็นอะไรไป ถ้าไม่นับช่วงที่พบกันแรกๆ หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเธอก็ทำตัวเป็นมิตรกับเขามากทีเดียว และยังทำตัวน่ารักมาตลอดตั้งแต่ตอนที่ไปเที่ยวอัลตัน ทาวเวอร์ด้วยกัน …เขายังจำได้ดีที่เธอยอมเสียสละไม่เล่นรถไฟเหาะทั้งหลายทั้งที่อยากเล่นใจจะขาดเพื่อเขาที่แพ้เครื่องเล่นนั่น ไหนจะนางพยาบาลผู้แสนดีที่คอยดูแลเขาตอนไม่สบายอีก สิ่งนั้นทำให้เขาประทับใจกับน้ำใจของเธอยิ่งนัก

แล้วนี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น!

“พี่พิ้งค์เป็นอย่างนี้เองค่ะ เวลาไม่สบายจะหงุดหงิดง่ายหน่อย ใจจริงไม่ได้มีอะไรหรอกนะคะ”

แพรอาภรณ์ยิ้มแหยๆ พยายามแก้ตัวแทนพี่สาวเมื่อเห็นสีหน้าชายหนุ่ม เธอไม่ต้องการให้เขาเข้าใจพี่สาวผิดไป ซึ่ง…ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความจริงอยู่บ้าง แต่ 'พี่พิ้งค์' ก็ดูเหมือนจะมีอะไรในใจมากไปกว่าที่อาการเจ็บป่วยจะเป็นสาเหตุ เรื่องนี้ทำให้ผู้เป็นน้องสาวเป็นห่วงขึ้นมาอย่างจับใจ

“แพมว่าแพมขึ้นไปดูพี่พิ้งค์ดีกว่า”

ชายหนุ่มพยักหน้า แม้ว่าใจจริงเขาจะอยากให้หญิงสาวได้พักผ่อน แต่เขาก็อยากจะรู้ว่าเธอเป็นอะไร หากเรื่องนี้ยังคงค้างคาใจ เขาอาจจะนอนไม่หลับอีกคืนเช่นกัน


โอ๊ย เบื่อ…เบื่อไปหมดทุกอย่าง

พิมพ์ชญากรีดร้องอยู่ในใจอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เธอรู้สึกแบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะน่าเบื่อไปหมด หญิงสาวไม่นึกอยากจะพบหน้าใครทั้งสิ้น รวมทั้งไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น นอกจากนอนหลับตาอยู่เฉยๆ

“พี่พิ้งค์จ๋า แพมเข้าไปนะ”

เสียงหวานๆ ของน้องสาวแผ่วเบาด้วยความเกรงใจ สาวน้อยค่อยๆ แง้มประตูเนื่องจากกลัวทำเสียงดังรบกวนผู้เป็นพี่ แพรอาภรณ์น่ารักเช่นนี้เสมอ โดยปกติแล้วพิมพ์ชญารักและเอ็นดูน้องสาวคนนี้มาก แต่ยามนี้ น้องแพมกลับกลายเป็นคนที่เธอไม่อยากจะเห็นหน้ามากที่สุด

“เข้ามาสิจ๊ะ”

หญิงสาวฝืนใจตอบเสียงนุ่มเพื่อไม่ให้เป็นการทำลายน้ำใจน้อง เธอเกลียดตัวเองนักที่รู้สึกไม่ดีกับน้องสาวเช่นนี้ แต่…ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ไม่ใช่หรือ

“พี่พิ้งค์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“เปล่าจ้ะ”

“แพมอยากรู้พี่พิ้งค์รู้ว่าแพมเป็นห่วงพี่พิ้งค์จริงๆ นะคะ ไม่ว่าพี่พิ้งค์จะเป็นอะไร พี่พิ้งค์ปรึกษาแพมได้ทุกอย่าง”

น้ำเสียงและสีหน้าของผู้พูดหมายความเช่นนั้นจริงๆ เมื่อสัมผัสกับความปรารถนาดีที่อีกฝ่ายมีให้อย่างเต็มเปี่ยม หญิงสาวรู้สึกละอายใจวูบ

“ถ้าพี่พิ้งค์กลัวแพมจะบอกความจริงกับคุณพ่อคุณแม่เรื่องพี่เกตก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แพมไม่พูดหรอก เรื่องนี้แพมยืนยันกับพี่เกตไปแล้วด้วย ดังนั้นพี่พิ้งค์สบายใจได้ แพมไม่ทำให้คุณแม่มาพาตัวพี่พิ้งค์กลับบ้านหรอกค่ะ”

อ้อ ท่าทางจะพูดจาเข้าใจกันได้ดีนี่!!

ที่น้องสาวของเธอต้องการจะปกป้องคงจะเป็นชายหนุ่มมากกว่าล่ะมั้ง ผู้เป็นพี่คิดอย่างพาลๆ โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลและปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำจนไม่คิดอะไรรอบด้านเข้าไปทุกที

“ก็ดีแล้วนี่”

หลังจากพูดเสียงห้วนตามอารมณ์ พิมพ์ชญาก็นึกขึ้นมาได้ จึงพูดเสียงอ่อนลงอีกครั้ง
“พี่ขอบใจนะ แต่แพมไม่ต้องมาเฝ้าพี่หรอก พี่สบายดี ได้นอนพักสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น”
แต่คำตอบของแพรอาภรณ์คือการส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ แพมจะนั่งอยู่ที่นี่ เผื่อว่าพี่พิ้งค์ต้องการอะไรแพมจะได้ไปหามาให้”

ผู้เป็นพี่คว่ำใบหน้าลงกับหมอนด้วยความอึดอัดใจ หญิงสาวพยายามข่มใจข่มตานอนให้หลับ ไม่แน่ว่าการนอนหลับอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอลืมความรู้สึกเลวร้ายทั้งหลายนี้ก็เป็นได้


พิมพ์ชญารู้สึกสดชื่นมากขึ้นหลังจากได้พักผ่อน… ก็เมื่อคืนนี้แทบจะไม่ได้นอนเลยนี่ กว่าจะหลับตาลงได้ก็ใกล้จะรุ่งสาง

เมื่อตื่นนอน สิ่งแรกที่คิดออกก็คือ ‘หิว’ …หญิงสาวค่อยๆ เดินย่องลงมาในครัว

ภาพที่เห็นตรงหน้าแทบจะเรียกได้ว่าวีดีโอฉายซ้ำของเมื่อเช้า ผิดกันแต่ว่าสังเกตไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ อีกแล้ว ชายหนุ่มกำลังเป็นลูกมือช่วยน้องสาวของเธอประกอบอาหาร จากสีหน้าบอกได้ว่าทั้งสองกำลังคุยกันอย่างเพลิดเพลินอยู่ในโลกส่วนตัว หญิงสาวสะบัดหน้าจากสิ่งที่เห็นมุ่งตรงไปยังประตูบ้าน ขอบตาร้อนผะผ่าวขึ้นมาเสียเฉยๆ

“พิ้งค์ จะออกไปไหนน่ะ”

สังเกตได้ยินเสียงเปิดชั้นวางรองเท้าที่หน้าประตูบ้านจึงเดินออกมาดู และพบพิมพ์ชญาที่สวมรองเท้าเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวจะเดินออกจากบ้านพอดี

“ไปไหนก็ได้ เรื่องของฉัน”

แล้วประตูก็ถูกกระแทกดังโครมก่อนที่คนในบ้านจะได้ทันอ้าปากทักท้วงหรือคัดค้านอะไร แพรอาภรณ์ที่กำลังง่วนทำอาหารอยู่หน้าเตาถลาออกมาดู แต่ช้าไปนิด

“พี่เกต พี่พิ้งค์ออกไปข้างนอกหรือคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ หายดีหรือยังก็ไม่รู้ เดินออกไปตากลมแรงๆ แบบนั้น เกิดเป็นอะไรหนักกว่านี้ขึ้นมาจะทำยังไง

เมื่อก้าวพ้นประตูบ้านออกมาแล้ว หญิงสาวจึงได้รู้ว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาดไป กระเป๋าสตางค์ก็ไม่ได้หยิบออกมาเนื่องจากไม่ได้คิดที่จะออกไปข้างนอก ในมือมีเพียงแค่โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องจิ๋วที่หยิบติดมือลงมาจากห้องนอนด้วยเท่านั้น


“มาแล้วจ้า คุณนายพิ้งค์”

กวิราวิ่งกระหืดกระหอบออกมาทันทีเมื่อพิมพ์ชญาโทรศัพท์ไปเรียกมาเป็นเจ้ามือจำเป็นที่ร้านไรซ์ บ็อกซ์ ร้านอาหารจีนใกล้กับซิตี้ เซ็นเตอร์… ฟังจากน้ำเสียงแล้วเธอสังหรณ์ใจว่าเพื่อนของเธอคนนี้กำลังอาการหนักไม่ใช่เล่น

“มาแล้วเหรอ”

แย่ยิ่งกว่าที่คิดอีกแฮะ… กวิรานึกอย่างเป็นห่วง ใบหน้าของพิมพ์ชญาดูซีดเซียว ขอบตาบวมช้ำ ดวงตาที่เคยมีประกายสดใสอยู่เป็นนิจหม่นแสงลง …แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือสีหน้าที่เศร้าหมอง จวนเจียนจะร้องไห้มิร้องไห้แหล่นั้น… หญิงสาวจึงอดไม่ได้ที่จะลูบหลังมือเพื่อนอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบใจ

“พิ้งค์ ใจเย็นๆ ก่อนนะ ไม่ว่าเป็นอะไรขอให้พูดออกมา วี่จะฟังทุกอย่างเลย มีอะไรพิ้งค์ระบายออกมาให้หมดเลยนะ”

“พิ้งค์…พิ้งค์ไม่มีอะไรจะพูดหรอก วี่”

“พิ้งค์ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธอไม่ไว้ใจฉันแล้ว”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” พิมพ์ชญาตกใจกับคำพูดของกวิรา เธอไม่อยากจะให้เพื่อนรักเข้าใจผิด “วี่เป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญที่สุดของพิ้งค์เสมอแหละ …เพียงแต่ พิ้งค์ไม่รู้จะเล่าออกไปได้ยังไง… มัน… มันฟังดูไร้สาระมาก และ… มันก็ยังเป็นสิ่งที่ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ”

“เกี่ยวกับที่น้องแพมมาที่นี่ใช่ไหม”

คำพูดของเพื่อนรักจี้ใจดำเข้าพอดี หญิงสาวจึงยอมรับสารภาพด้วยน้ำเสียงหมองหม่น

“ฉันรู้ตัวว่าฉันคงจะเป็นพี่ที่แย่มากที่คิดแบบนี้ แพมเป็นน้องสาวที่ฉันรักมากมาตลอด แต่…ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฉันถึงรู้สึกแย่ขนาดนี้เมื่อเขามาอยู่ที่นี่”

“พิ้งค์ไม่รู้จริงๆ น่ะหรือว่าเป็นเพราะอะไร”

กวิราถามหยั่งเชิงอีกครั้ง… พิมพ์ชญานิ่งไปกับคำถามนั้น

…นั่นน่ะสิ ทำไมเราจะต้องรู้สึกปั่นป่วนถึงขนาดนี้เมื่อยัยแพมมาอยู่ที่นี่ด้วยนะ ถ้าแค่กลัวความลับแตกไปถึงพ่อแม่ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกถึงขนาดนี้นี่

ไม่หรอก...ความรู้สึกแปลกๆ จนทำให้เรารู้สึกอยากกรีดร้องมันมีมาตั้งแต่ก่อนที่แพมจะมาแล้ว เพียงแต่การปรากฏตัวของแพมทำให้ความรู้สึกยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีกต่างหาก

“คำถามนี้ พิ้งค์ไม่จำเป็นที่จะต้องตอบวี่หรอกนะ แต่วี่อยากจะให้พิ้งค์ลองเก็บไปคิดดู เพราะนั่นคือสิ่งที่พิ้งค์จะต้องตอบตัวเองให้ได้”

พิมพ์ชญาจ่อมจมอยู่กับห้วงความคิดของตนเอง… คำถามของกวิราประหนึ่งเข็มเล่มเล็กที่ตำอยู่ในใจ …’เกี่ยวกับที่น้องแพมมาที่นี่ใช่ไหม’ …คำถามนี้สะกิดความรู้สึกให้เจ็บแปลบขึ้นมา

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ …พิ้งค์ยังมีคำถามที่จะต้องตอบตัวเองอีก …พิ้งค์ยังจำคำถามที่วี่ถามที่ร้านอาหารที่อัลตัน ทาวเวอร์ได้ไหม”

อัลตัน ทาวเวอร์ คำคำนี้ทำให้พิมพ์ชญาหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เธอและสังเกตร่วมมือกันยิงผีในบ้านผีสิงอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อเก็บคะแนนไปแข่งกับกวิราและคาสุ …ในตอนนั้นเธอเป็นคนทำให้ทั้งคู่แพ้ไปอย่างน่าเสียดาย และเขาก็เก็บเอามาล้อเลียนเธอไม่เลิก

‘ไหนบอกว่ามื้อนี้จะกินฟรีไง… ดูซิ ได้แค่ 15000 แบบนี้ ต่อให้ฝ่ายเรามีสามคนยังไม่รู้จะชนะหรือเปล่าเลย’

‘เอ๊ะ เกตนี่ ไม่ต้องมาพูดเลยนะ ถ้าเกตเก่งจริง ต่อให้พิ้งค์ได้คะแนนแค่นี้ เกตก็ต้องทำให้ชนะได้สิ’

‘เถียงข้างๆ คูๆ’

หญิงสาวแกล้งทำแก้มป่องอย่างเด็กที่กำลังงอน

‘ก็ได้ เป็นความผิดของพิ้งค์เอง เกตไม่ผิดเล้ยยยย ไม่ผิดจริงๆ’

แม้จะเถียงกันอย่างนั้น แต่ใบหน้าของทั้งสองกลับแตะแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ทว่า…มันกลับก่อรอยยิ้มเศร้าๆ ให้กับผู้ที่คิดถึงเหตุการณ์นั้นในวันนี้เมื่อรู้ว่า อดีตก็คืออดีต เมื่อวานนี้ก็คือเมื่อวานนี้ …แต่ไม่ใช่วันนี้!

“จำได้หรือเปล่า ตอนที่เรากินข้าวกลางวัน ฉันถามเธอว่าอะไร”

เพื่อนสาวถามซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนฟังไม่มีทีท่าว่าจะจำได้… พิมพ์ชญาสั่นศีรษะช้าๆ อย่างนึกไม่ออกจริงๆ

“ฉันจะไม่บอกเธอตอนนี้… แต่จะให้คิดเอาเองจนกว่าจะคิดออก หรือ…ฉันจะถามให้อีกครั้ง เมื่อเธอสามารถตอบตัวเองได้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้”

หากเป็นเพื่อนคนอื่น พิมพ์ชญาคงจะได้รับคำปลอบใจมากมาย… แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างกวิราทำเพื่อเพื่อน การทิ้งปริศนาที่แท้จริงไว้ภายในใจให้เจ้าตัวได้ขบคิดหาคำตอบเองต่างหาก จึงจะเป็นการแก้ไขที่ถูกต้อง ปัญหาต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ มิใช่ปลายเหตุ การปลอบใจอย่างไม่มีแก่นสารย่อมไม่สามารถทำให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้นอย่างแท้จริงได้


พิมพ์ชญาแยกกับกวิราด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง แม้ว่าผู้เป็นเพื่อนจะพยายามทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้างแม้เพียงเล็กน้อยโดยการพาไปเดินเล่น ชวนดูของกระจุกกระจิกตามร้านค้า แต่…ความรู้สึกไม่อาจเยียวยาได้ด้วยสิ่งของนอกกายเช่นนั้น

ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ หญิงสาวไม่อยากกลับบ้าน…ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับคนสองคนที่อยู่ที่นั่น
มือเรียวกดปุ่มโทรออกไปยังหมายเลขของบุคคลที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะโทรศัพท์ไปหา

“ฮัลโหล”

“สันเหรอ นี่พิ้งค์นะ”

“น้องพิ้งค์!” ปลายสายอุทานออกมาอย่างตกใจระคนดีใจ “โทรมาหาสันมีธุระอะไรหรือครับ”

“ช่วยออกมาหาพิ้งค์หน่อยได้ไหม ตอนนี้พิ้งค์อยู่ที่ซิตี้ เซ็นเตอร์”

คมสันแปลกใจ…ร้อยวันพันปีที่เขาโทรศัพท์ไปหา ไม่เคยเลยที่หญิงสาวจะรับสาย …ปกติพิมพ์ชญาหลบเลี่ยงเขาอย่างกับอะไรดี ถึงขั้นลงทุนเล่นละคร ‘รักหลอกๆ อย่าบอกคมสัน’ จนกระทั่งทำให้คนอย่างสังเกตยอมไปเที่ยวสวนสนุกที่เจ้าตัวแสนจะไม่ชอบด้วยกันจนได้ และล่าสุดถึงกับทำให้สังเกตระเบิดอารมณ์ด้วยความหึงหวงออกมาจริงๆ จนทำให้เขายอมตัดใจถอยห่างออกมาเพราะเห็นแก่เพื่อน ไม่นึกว่าวันนี้พิมพ์ชญาจะเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาเขาเสียเอง

แบบนี้แสดงว่าต้องมี 'เรื่อง' อะไรเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนแหงๆ

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ สันจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้ น้องพิ้งค์หาร้านนั่งรอได้เลยครับ”


ร้านที่คมสันและพิมพ์ชญามานั่งคุยกันคือผับหรูบรรยากาศดีที่ชื่อ Copa แต่แทนที่ชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้จะทำตัวโรแมนติคกลมกลืนไปกับบรรยากาศ คมสันกลับรู้สึกว่าตนเองเหมือนมารับหน้าที่พี่ชายที่แสนดีของเด็กมีปัญหามากกว่า

“ไม่อยากกลับบ้าน…ทำไมล่ะครับ”

ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจเมื่อพิมพ์ชญาบอกสาเหตุของการเรียกเขาออกมาพบ

หรือว่าจะทะเลาะกับไอ้หมอเกต …ก็ไม่น่าจะใช่ ระยะหลังออกจะเข้ากันได้ดี และท่าทางจะมีใจให้กันถึงขนาดนั้น

“ไม่รู้สิ พิ้งค์รู้สึก…เบื่อๆ ยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”

“อ้าว” ชายหนุ่มถึงกับงง “ที่บ้านมีปัญหาอะไรกัน เกตมันทำอะไรให้ไม่สบายใจหรือยังไง”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพียงแต่… เมื่อวานนี้น้องสาวของฉันบินมาหาจากเมืองไทย…”

เมื่อเห็นสีหน้าของคมสัน หญิงสาวจึงพูดเสริมก่อนที่เขาจะเข้าใจผิดมากไปกว่านี้

“อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้ทะเลาะอะไรกับน้องหรอก แล้วแพม...น้องสาวฉันก็ไม่ได้มาทำอะไรไม่ดีกับฉันด้วย ตรงกันข้าม แพมทำตัวดีมากเลยต่างหาก ทำตัวน่ารักกับทุกคน ไม่มีอะไรที่จะตำหนิแพมได้เลย”

ถ้าอย่างนั้น อะไรคือปัญหา ชายหนุ่มงง

“ฟังดู… ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรไม่ใช่หรือ”

“ก็…ไม่มีหรอก…แต่...”

“เพียงแต่พิ้งค์รู้สึกไม่ค่อยดีเฉยๆ ใช่ไหม”

คมสันต่อประโยคให้ …ถึงตอนนี้ เขาเริ่มเดาเหตุการณ์ได้รางๆ แล้ว

“ใช่… นายรู้ได้ยังไง”

น้ำเสียงของเธอแสดงความแปลกใจจริงๆ… คิดแล้วไม่ผิดที่ไว้ใจคมสัน ทั้งๆ ที่ตามรูปการณ์ เขาน่าจะเป็นคนสุดท้ายที่เธอจะขอคำปรึกษา ไม่ว่าจะเป็นเพราะเรื่องระหว่างเขาและเธอ หรือว่าเรื่องที่เขาเป็นเพื่อนสนิทกับสังเกต… แต่ชายหนุ่มที่ฉลาดเป็นกรดและช่างรู้ทันคนนี้มีอะไรบางอย่างที่พิมพ์ชญารู้สึกไว้วางใจ

“เรื่องบางเรื่องก็เหมือนผงเข้าตาตัวเอง อยู่ใกล้แค่นี้แต่เรากลับมองไม่เห็น คนอื่นที่อยู่ไกลออกมากลับจะเป็นฝ่ายมองเห็น” เขาตอบเธอไว้เป็นปริศนาเช่นนั้น


“พี่พิ้งค์กลับมาแล้วหรือคะ”

แพรอาภรณ์แทบจะถลาออกมาจากห้องรับแขกเพื่อเปิดประตูให้หลังจากได้ยินเสียงกดกริ่ง ส่วนสังเกตเดินตามออกมาที่หน้าประตูบ้านเงียบๆ ไม่พูดอะไร ฝ่ายที่เพิ่งกลับมามองเห็นภาพนั้นแล้วก็อดนึกขึ้นมาอีกไม่ได้

ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังจะนั่งคุยกันสองคนอยู่อีก...

เธอไม่ได้เฉลียวใจแม้แต่นิดว่าที่ทั้งสองคนยังนั่งทนง่วงอยู่นี่ก็เพราะว่ารอเธอกลับมาด้วยความเป็นห่วงต่างหาก!

“ก็เห็นอยู่นี่ว่ากลับมาแล้ว”

“พิ้งค์! ทำไมพูดแบบนี้กับน้อง”

ชายหนุ่มส่งเสียงดุ…โทรศัพท์ไปกี่ครั้งก็ไม่รับสาย หายตัวไปเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ ข้าวของเงินทองก็ไม่ได้ถือติดมือไปด้วยสักอย่าง ลองออกไปตามหาก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ทำให้เป็นห่วงแล้วยังจะมารวนคนอื่นเขาแบบนี้อีก

“นี่มันเรื่องส่วนตัวของพิ้งค์นี่ พิ้งค์โตแล้วนะ ตลอดมาพิ้งค์ก็อยู่ของพิ้งค์ได้ พิ้งค์จะไปไหนมาไหนเคยต้องขออนุญาตใครด้วยหรือไง”

ชายหนุ่มปิดปากแน่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น… จริงของเธอ เขามีสิทธิ์อะไรที่จะไปว่ากล่าว ในเมื่อเขากับเธอก็แค่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าอย่างนั้น อยากทำอะไรก็เชิญตามสบายก็แล้วกัน” พูดแล้วเขาก็เดินกลับเข้าห้องนั่งเล่นไปอย่างไม่ใยดี แพรอาภรณ์เสียอีกที่เข้ามาปลอบใจพี่สาว

“พี่พิ้งค์ กลับมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปอาบน้ำให้สบายใจดีกว่านะคะ… อ้าว…”

สาวน้อยเพิ่งจะสังเกตว่าข้างหน้าประตูยังมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย

“เพื่อนพี่พิ้งค์หรือคะ สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งพี่พิ้งค์”

คมสันมองอาการนอบน้อมของสาวน้อยตรงหน้าอย่างชื่นชม สมองอันฉับไวปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน… จริงของพิมพ์ชญา น้องสาวของเธอเป็นเด็กสาวที่อ่อนหวานน่ารัก เป็นเด็กดีที่หาข้อตำหนิมิได้ และข้อสำคัญ …เป็นหญิงสาวที่ตรงตามสเป็คของนายสังเกตทุกประการ!

“สวัสดีครับ” เขาตอบรับคำทักทายของสาวน้อยก่อนที่จะล่ำลาพิมพ์ชญา “สันมาส่งเท่านี้นะ พิ้งค์ …ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ”

“ขอบคุณมากสำหรับวันนี้”

พิมพ์ชญาส่งยิ้มหวานอย่างจริงใจให้กับเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมา …ทุกคำพูดที่พูดออกไปก็หมายความเช่นนั้นจริง หากไม่มีคมสัน วันนี้เธออาจจะต้องจมอยู่กับความสับสนทั้งหมดเพียงลำพังก็ได้

แต่...ภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นหน้าประตูบ้านไม่ได้มีเพียงบุคคลทั้งสามเท่านั้นที่เห็น… ยังมีสายตาวาววับอีกคู่หนึ่งจ้องมองออกมาจากโซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างเงียบเชียบ


((ติดตามต่อที่บทที่ 17 ค่ะ))


Create Date : 09 พฤษภาคม 2554
Last Update : 9 พฤษภาคม 2554 16:41:30 น. 5 comments
Counter : 365 Pageviews.

 
ตอบคอมเมนต์ตอนที่แล้วนะคะ

น้องเน -- สงสัยไม่ทันแล้วค่ะ 55 ดูแต่ละคนสิ เฮ้อออออออ

คุณ ree -- เรื่องนั้น... โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ


โดย: ...ศุวิลา... วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:43:22 น.  

 
ตีตนไปก่อนไข้แท้ๆ เลย พิงค์ มีน้องน่ารักออกอย่างนี้แท้ๆ


โดย: goldensun IP: 203.144.220.243 วันที่: 9 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:59:29 น.  

 
จะมองทำไมอ่ะนายเกต ตัวไม่สนใจหนูพิงค์ของเค้าก่อนนี้ จิ๊
อ๊ะๆ อย่าเถียงว่าสนใจ อมพะนำแต่ไม่แสดงออกมาตรงแบบนั้นไม่มีประโยชน์หรอกย่ะ!

แต่พิงค์ก็ใจร้ายกับน้องสาวเกินไปน๊าา งอนเฉพาะอีตาเกตก็พอแล้ววว

(ใส่อารมร์ซะมากเลยเรา ฮา)


โดย: Narilin Nay IP: 223.206.66.22 วันที่: 11 พฤษภาคม 2554 เวลา:1:52:43 น.  

 
สายตาวาววับอีกคู่หนึ่งจ้องมองออกมาจากโซฟาในห้องนั่งเล่น

เป็นใครหว่าาาา อ่านไปก็นึกไม่ออกแฮะ แต่ลุ้นจริงๆ เลย
ช่วงนี้พิ้งค์อาจจะปจด. มา เลยหงุดหงิด ฮ่าๆๆๆๆๆ

ตามอ่าน 2 ตอนรวดค่ะพี่โน้ต แวบมาอ่าน ฮ่าๆๆ

รออ่านตอนต่อไปค่ะ


โดย: lovekalo วันที่: 12 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:38:19 น.  

 
สงสารคนไม่รู้ใจตัวเอง หรือยังไม่ยอมรับใจตัวเอง


โดย: ree IP: 223.205.41.142 วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:0:34:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

...ศุวิลา...
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




'ศุวิลา' นักเขียนแนว LOVE (ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก) สนพ. แจ่มใส ♥








Friends' blogs
[Add ...ศุวิลา...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.