... ^^ Welcome to suvilajamsai's world ^^...
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 

Oxford Story บทที่ 18


มาแล้วค่า บทที่หลายคนรอคอย ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆ (หัวเราะสะใจมากๆ) มาดูกันนะคะว่าความจริงที่หนูแพมกำลังจะบอกนั้นคืออะไร...

#######################

บทที่ 18

“เป็นความจริงหรือนี่”

คมสันเป็นคนแรกที่หลุดปากออกมาได้หลังจากฟังเรื่องราวที่แพรอาภรณ์และสังเกตเล่าจบลง ส่วนกวิรานั้นยังคงช็อกกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินได้ฟังมาสดๆ ร้อนๆ

“จริงๆ นะคะ พี่คมสัน นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่แพมมาที่นี่”

“ไม่น่าเชื่อ…” กวิราพูดอย่างอ่อนแรง “มันก็จริงที่ฉันไม่ได้นึกเอะใจเลยว่าปกติน้องแพมไม่ใช่คนชอบปรากฏตัวแบบเซอร์ไพรส์อย่างนี้ แต่ถึงจะแปลกใจก็คงไม่คิดว่าเรื่องมันจะซับซ้อน มีลับลมคมในได้ถึงขนาดนี้อยู่ดี”

...ยัยพิ้งค์เองก็คงคิดไม่ถึงเหมือนกัน รายนั้นขืนรู้เข้ามาหวังช็อกตาตั้งยิ่งกว่าทุกคนอีก

“ไอ้เกต รู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร”

“ก็ตั้งแต่พิ้งค์มาที่นี่ได้ระยะนึงล่ะมั้ง…” เขานึกทบทวนเหตุการณ์ “ก่อนวันที่พิ้งค์จะมาถึง น้องกานต์ น้องสาวฉันก็บอกแค่ว่าหาคนมาแชร์บ้านให้ฉันได้แล้ว แต่ก็มารู้ความจริงทั้งหมดหลังจากนั้นหลายวันเหมือนกัน …พอดีน้องกานต์เผลอหลุดปากออกมาก็เลยทั้งขู่ทั้งปลอบเสียจนยอมเล่าให้ฟัง”

เขาไม่ได้พูดต่อด้วยว่าตอนที่เขารู้เรื่องนั้นหงุดหงิดมากแค่ไหน… ลำพังแค่ต้องหาคนมาเช่าบ้านด้วยแบบปัจจุบันทันด่วนก็สร้างความปวดหัวให้มากพอดูอยู่แล้ว ยังไม่นับว่าคนนั้นเป็นผู้หญิงที่คิดว่าถูกเขาหลอกลวงเสียด้วย มาวันไหนหรือก็ไม่มา เจาะจงจะมาเอาวันที่เขามีนัดกับลูกแก้ว อดีตคนรักของเขาที่แวะผ่านมาที่ออกซ์ฟอร์ดเพียงวันเดียวพร้อมกับสามีหนุ่มที่เพิ่งจะแต่งงานกันหมาดๆ เขาอยากจะไปพบหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อยืนยันว่าเธอและเขายังเป็นเพื่อนกันได้ ซึ่งการมาล่าช้าของพิมพ์ชญาทำให้เขาเกือบจะไปไม่ทันเวลาอยู่แล้ว

ที่แย่ที่สุดคือไม่กี่วันหลังจากนั้นเขาเพิ่งจะรู้ความจริงบางอย่างที่จนถึงป่านนี้เขาก็ยังแทบไม่เชื่อว่าคนในครอบครัวจะทำเช่นนี้กับเขาได้ ...พิมพ์ชญา เพื่อนร่วมบ้านสาวคนนี้ล่ะคือคนที่แม่ของเขาหมายตาเอาไว้ให้เขาจนไม่ยอมรับผู้หญิงทุกคนในโลก รวมทั้งลูกแก้ว ความโกรธที่พวยพุ่งขึ้นมาทำให้เขาตั้งใจจะทำทุกทางเพื่อกำจัดเธอออกจากบ้าน แต่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เปลี่ยนไปเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร

ส่วนกวิรา เธอไม่รู้ว่าควรจะกลุ้มใจหรือขบขันกับเรื่องราวทั้งหมดนี้กันแน่ ใครว่ามีแต่โชคชะตาเท่านั้นที่สามารถเล่นตลกกับชีวิตคนได้ คนเจ้าแผนการต่างหากที่ทำให้คนอื่นต้องหัวปั่นแทบบ้า

…ใครว่ามีแต่พรหมลิขิตที่ทำให้คนสองคนมาเป็นคู่กันได้ ก็คนเจ้าแผนการอีกนั่นละที่สามารถจับคู่คนสองคนได้อย่างดีเยี่ยม

จนป่านนี้ เธอยังแทบจะทำใจให้เชื่อไม่ได้เลยว่าที่สังเกตและแพรอาภรณ์พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง!!


‘พี่คมสัน พี่กีวี่คะ’ สาวน้อยเริ่มต้นเล่าเรื่อง ‘ความจริงแล้ว แพมมาที่นี่เพราะคุณพ่อคุณแม่ส่งมาให้ดูว่าพี่พิ้งค์กับพี่เกตเป็นยังไงกันบ้าง’

เมื่อท่าทางของคนฟังดูแทบจะไม่ได้หายใจ เสียงนุ่มๆ จึงเล่าต่อก่อนที่ทั้งสองจะขาดใจเสียก่อน
‘คือ… ที่พี่พิ้งค์มาเช่าบ้านอยู่ที่นี่กับผู้ชายชื่อสังเกต ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของแพม รวมถึงทางบ้านของพี่เกตรับรู้เรื่องนี้หมดเลยนะคะ ไม่ใช่สิ แพมคงจะพูดผิด คงจะต้องบอกว่า ‘มีส่วนรู้เห็น’ กันหมดทุกคนเลยนะคะ’

‘แพมไม่แน่ใจว่าพี่พิ้งค์บอกพี่กีวี่แล้วหรือเปล่า แต่พี่คมสันคงจะยังไม่รู้แน่ๆ ...ที่พี่พิ้งค์รีบมาเรียนที่นี่แบบกะทันหันเป็นเพราะคุณแม่จะจับพี่พิ้งค์หมั้นกับลูกชายของเพื่อนค่ะ พี่พิ้งค์ไม่ยอมเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมแต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีให้คุณแม่ไม่เสียหน้าที่ไปพูดคุยกับอีกฝ่ายเอาไว้แล้ว ก็เลยอ้างว่ายังไม่ได้เรียนต่อแล้วขอมาเรียนให้จบก่อนนี่ล่ะค่ะ แต่ที่พี่พิ้งค์ไม่รู้เลยเพราะไม่ยอมฟัง ไม่ยอมรับรู้ คือคนที่คุณแม่คิดจะจับคู่ให้กับพี่พิ้งค์เรียนอยู่ที่ออกซ์ฟอร์ด’

‘หมายถึง…นายสังเกตนี่หรือ??’

คนถูกถามพยักหน้า

‘ถูกแล้วค่ะ พี่กีวี่ คุณแม่ฉลาดมากนะคะ พอพี่พิ้งค์ดื้อ อ้างอยากจะเรียนต่อนักก็ย้อนรอยเสียเลย ...พี่พิ้งค์คิดว่าตัวเองได้เลือกที่เรียน เลือกบ้านที่จะอยู่เอง แต่ทั้งหมดนั้นเป็นหมากที่คุณแม่วางเอาไว้ให้พี่พิ้งค์เดินเข้าไปอยู่แล้ว ก็คุณแม่นั่นล่ะค่ะที่เป็นคนเชียร์ให้มาเรียนที่ออกซ์ฟอร์ด ส่วนเรื่องบ้าน มันไม่แปลกหรือคะที่พี่พิ้งค์หาบ้านได้ในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้ …ความจริงถ้าพี่พิ้งค์เฉลียวใจสักหน่อยก็น่าจะรู้ว่าทำไมคนที่พี่พิ้งค์ส่งเมล์ไปติดต่อเรื่องบ้านถึงได้ตอบกลับมารวดเร็วนัก แถมยังยื่นข้อเสนอที่ดีเกินกว่าจะเป็นจริง ที่สำคัญ วิธีการพูดยังดูเหมือนเป็นผู้หญิงจริงๆ เสียด้วย …ความจริงคนที่โต้ตอบอีเมล์ทั้งหมดนั้นไม่ใช่พี่เกต แต่เป็นกานต์ น้องสาวของพี่เกตต่างหาก’

‘ไม่น่าเชื่อ เกต นายเก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้กับตัวมาตลอดเลยหรือ ทำได้ยังไง’

คมสันมองสังเกตด้วยสีหน้าราวกับว่าเพื่อนของเขาคนนี้เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน สังเกตเองก็ไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเองก็ตั้งใจที่จะฝังเรื่องนี้เอาไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วจึงจะให้พิมพ์ชญาได้รับรู้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นการผลักดันให้ความจริงถูกเปิดเผยเร็วกว่าที่ควร

‘วี่ว่าเรื่องนี้จะโทษว่าเป็นความผิดของเกตก็คงจะไม่ถูกนะ เพราะถ้าเป็นวี่… เอ่อ วี่ก็คงจะทำเหมือนกัน’

‘แต่นั่นไม่ยุติธรรมกับพิ้งค์เลยไม่ใช่เหรอ’ คมสันยังคงพูดอย่างหัวเสีย ‘เธอเองเป็นเพื่อนเขาก็น่าจะเข้าข้างกันนะ ไม่ใช่มาเข้าข้างนายเกตอย่างนี้’

เมื่อถูกต่อว่าอย่างนี้ก็อดที่จะเถียงไม่ได้

‘นี่ไม่ใช่การเข้าข้างนะ แต่คิดดูสิ เกตจะพูดออกมาได้ยังไง …จะให้เกตเดินเข้าไปบอกพิ้งค์หรือว่าที่พิ้งค์มาอยู่ที่นี่เป็นการวางแผนของพ่อแม่ แล้วบอกว่าตัวเองเป็นใคร… ขืนบอกนะ โน่น ยัยพิ้งค์ได้หนีเตลิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว’

‘แต่…’

แม้เหตุผลของกวิราจะฟังดูถูกต้องจนไม่น่าจะโต้เถียง คมสันก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอยู่ดี
‘มันก็ยังเป็นการหลอกลวง ปิดบังกันอยู่ดี ทำแบบนี้ มันไม่เหมือนว่าพิ้งค์เป็นคนโง่อยู่คนเดียวหรือไง ยิ่งไปกว่านั้น’ สายตาของผู้พูดเหลือบไปทางเพื่อนหนุ่มอย่างไม่เป็นมิตรนัก ‘มันยังทำให้ข้าเหมือนเป็นคนโง่ด้วย …ทำเป็นเล่นละครหลอกเด็ก โธ่เอ๊ย จะเล่นไปทำไม… ทำไมไม่บอกเสียเลยล่ะว่านี่คู่หมั้น อย่ามายุ่ง!!’

แพรอาภรณ์มองภาพการโต้เถียงตรงหน้าด้วยความรู้สึกอยากจะร้องไห้ สาวน้อยรู้สึกว่าการที่เธอเปิดเผยความจริงทั้งหมดกลับกลายเป็นการทำให้เรื่องราวชักจะยุ่งเหยิงเข้าไปทุกที เพื่อนฝูงก็ดูจะขัดแย้งกันมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ซึ่งผิดกับความตั้งใจที่อยากจะให้เป็นยิ่งนัก

นับเป็นโชคดีที่กวิราสังเกตเห็นว่าใบหน้าสวยนั้นสั่นระริกเพียงใดเข้าเสียก่อน หญิงสาวจึงพูดเสียงอ่อนเพื่อยุติศึกย่อมๆ ตรงหน้าก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายมากไปกว่านี้

“วี่ว่าตอนนี้คงจะไม่มีประโยชน์ที่จะมาต่อว่าอะไรกันแล้วล่ะ เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว…เราน่าจะมาช่วยกันคิดว่าจะทำยังไงดีกันดีกว่านะ”

สองหนุ่มจึงได้กลับมานั่งสงบลงที่โซฟาอย่างเดิม… ปัญหาหลักในตอนนี้คือพิมพ์ชญายังไม่กลับบ้าน และถึงแม้ว่าจะกลับมา เธอก็ยังมีเรื่องคุกรุ่นอยู่กับสังเกตจนถึงขั้นไม่พูดไม่จากัน

“ยังไงแพมก็ขอร้องนะคะ ขอให้ทุกคนช่วยกันเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ อย่าเพิ่งบอกพี่พิ้งค์”

น้องสาวของพิมพ์ชญาขอร้องทุกคนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ใจจริงแพรอาภรณ์ไม่อยากจะปิดบังพี่สาว เธอเองรู้สึกผิดไม่น้อยที่ต้องทำเหมือนหลอกลวงผู้เป็นพี่อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกว่านั้น ซึ่งคนฟังทั้งสองก็มีความคิดเห็นตรงกัน

“ก็คงจะต้องเป็นแบบนั้นล่ะ”

“พี่ก็จะไม่บอกพิ้งค์หรอกจ้ะ แพม ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ”

สีหน้าของผู้ขอร้องจึงค่อยสดชื่นขึ้นบ้าง การได้เปิดเผยความลับที่เก็บซ่อนเอาไว้มานานทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยเธอก็มั่นใจได้ว่าบุคคลที่รับรู้จะพยายามช่วยเหลือพี่พิ้งค์ของเธอ

“ถ้าอย่างนั้น …กลับมาเรื่องวุ่นๆ ในตอนนี้ก่อนดีกว่า วี่ว่า ถ้าพิ้งค์กลับมา เกตน่าจะพูดกับพิ้งค์ดีๆ นะ”

พูดดีงั้นหรือ… เขายังจำได้ถึงสิ่งสุดท้ายที่พิมพ์ชญาทำ เมินเฉยใส่หน้าเขาราวกับคนไม่รู้จักกัน …ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า อย่างกับคนเกลียดกันมาร้อยชาติเสียมากกว่า!

“ทำหน้าแบบนั้นแปลว่าจะไม่ยอมทำใช่ไหม… เกต เกตเป็นอะไรไป ปกติเกตเป็นคนมีเหตุผลมากเลยไม่ใช่หรือ วี่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ”

หากเป็นยามปกติ กวิราคงจะไม่สามารถแสดงอารมณ์รุนแรงเช่นนี้ต่อหน้าสังเกตได้ แต่ครั้งนี้เธออดใจไม่ไหวจริงๆ …ด้วยความที่รักและเป็นห่วงเพื่อน เธอก็อยากจะให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดกับเพื่อนสาว

ก็ยัยพิ้งค์น่ะ จนป่านนี้ยังไม่รู้ตัวเลยมั้งว่าที่ตัวเองเป็นอยู่น่ะเขาเรียกว่าอะไร …แถมนิสัยอย่างนั้น ถ้านายเกตไม่เป็นฝ่ายง้อ มีหวังไม่ต้องเข้าใจกันไปจนตายนั่นแหละ

“ถ้าแค่กลับไปพูดกันเฉยๆ ก็ได้” …ก็ใจจริง เขาก็ไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องเธอก่อนอยู่แล้วนี่!!
“ไม่ได้ ต้องพูด ‘ดีๆ’ ด้วย ไม่ใช่พูดกันเฉยๆ …แค่นี้เกตทำได้อยู่แล้วล่ะ ใช่ไหม”

ประโยคสุดท้ายจำเป็นจะต้องเพิ่มเติมเข้าไปด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเพื่อไม่ให้ดูเป็นการสั่งเกินไป…

ไม่รู้ว่าลืมไปได้ยังไงนะ ว่านายสังเกตน่ะดุน้อยอยู่เสียที่ไหน

สังเกตพยักหน้าแกนๆ ให้ผู้บังคับแถมขอร้อง

…ไม่รู้จะวุ่นวายอะไรกันนักหนา แค่เรื่องที่ว่าเรากับพิ้งค์จะคุยกันหรือไม่แค่นั้นเอง พวกนี้ก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันด้วยเสียหน่อย เรื่องแค่นี้เรารู้หรอกน่าว่าควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร

“แค่พูดคุยกันมันธรรมดา ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้น” คมสันเป็นฝ่ายเอ่ยปากบ้าง “ที่สำคัญคือ นายคิดยังไงกับพิ้งค์ต่างหาก ตอบมาให้ชัดๆ”

หากคำถามนี้เป็นเกมปาเป้า ลูกดอกก็คงจะปักเข้าสู่ใจกลางของแผ่นกระดานพอดิบพอดีเป็นแน่แท้ ไม่ใช่แค่ผู้ถาม ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พุ่งความสนใจในคำตอบของคำถามเงินล้านข้อนี้

“ฉันจะคิดยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาตอบนายตรงนี้”

สังเกตตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น คำถามนี้ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถามตัวเอง… ยิ่งหลายวันที่ผ่านมานี้ คำถามนี้รบกวนจิตใจเขาอยู่บ่อยครั้ง

และคำตอบของคำถามนั้น ก็ค่อนข้างจะชัดเจนมากขึ้นทุกทีเสียด้วย

“ถูกของเกต” กวิรายอมรับ “แต่พวกเราก็ยังอยากจะรู้อยู่ดีว่าเกตคิดยังไง เผื่อว่าเราจะช่วยอะไรได้”

“ถึงแม้นายจะตอบว่าชอบน้องแพม เราก็คงจะว่าอะไรไม่ได้ นอกจากพยายามทำให้ทุกอย่างมันออกมาดีที่สุดสำหรับทุกคน”

คมสันแกล้งหยอด หากเพราะคำถามของเขาเป็นการเบี่ยงไปสู่ประเด็นที่แพรอาภรณ์กลัวว่าจะถูกพูดถึง สาวน้อยที่นิ่งเงียบอยู่นานจึงคิดจะเอ่ยปากค้าน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เปล่งเสียงออกมา เสียงดัง ตุบ! หน้าประตูห้องนั่งเล่นราวกับวัตถุที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าตกลงกระแทกพื้นไม้ดึงดูดความสนใจของคนทั้งสี่ในห้องให้หันไปมอง

คนแรกที่ถลาไปที่ประตูคือกวิรา …ไม่อยากให้เป็นเสียงของสิ่งที่คิดเอาไว้เลย แต่โชคร้ายที่มันใช่ เสียงนั้นคือเสียงกระเป๋าของพิมพ์ชญาที่ตกลงจากมือสั่นระริก เจ้าตัวพยายามฝืนไม่ให้เผลอทำหลุดมือมานานแล้ว แต่ก็เผลอพลาดพลั้งจนได้

“พิ้งค์!!”

“พี่พิ้งค์!!”

“น้องพิ้งค์!!”

สี่เสียงของชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่ในห้องนั่งเล่นประสานกันอย่างตกใจโดยไม่ต้องนัดหมาย เสียงทั้งหมดนั้นเปี่ยมไปด้วยความตกใจอย่างยิ่งยวด

“เอ่อ พิ้งค์กลับมาแล้วเหรอ พวกเรากำลังเป็นห่วงอยู่เลย โทรไปก็ไม่มีสัญญาณ”

กวิราพยายามทำใจดีสู้เสือ เผื่อว่าพิมพ์ชญาจะเพิ่งกลับมาและไม่ได้ยินสิ่งที่พูดกันก่อนหน้านี้เลยสักคำ แต่ดูท่าทางความหวังนี้จะไม่เป็นจริง เมื่ออีกฝ่ายส่งเสียงแหวกลับมา

“เป็นห่วงเหรอ!" ตาคมสบตาเพื่อนสาว ก่อนที่จะกวาดไปรอบห้องนั่งเล่นผ่านแพรอาภรณ์ คมสัน และหยุดอยู่ที่สังเกตนิ่ง นาน ก่อนที่จะกลับมาสู่กวิราอีกครั้ง “เป็นห่วงกันมากเลยใช่ไหม ถึงได้ต้องเปิดชุมนุมลับ มีเรื่องปิดๆ บังๆ กันแบบนี้”

“พี่พิ้งค์คะ ฟังแพมอธิบายก่อน...”

“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว!!” น้ำตาแห่งความโกรธค่อยๆ เอ่อขึ้นกบตา “พี่คิดว่าที่พี่ได้ยินทั้งหมดก็ชัดเจนพออยู่แล้ว เพราะอย่างนี้นี่เอง เธอถึงได้ย่องมาหาพี่แบบเงียบๆ มาถึงก็มาทำท่าสนิทสนมกับนายสังเกต เพราะมีลับลมคมในแบบนี้นี่เอง แล้วทำเป็นอ้างว่าอยากมาเที่ยว”

ดวงตาที่มีน้ำตาคลออยู่วาววับตวัดวูบไปที่ชายหนุ่มผู้เป็น ‘ว่าที่คู่หมั้น’ ในความประสงค์ของมารดา ริมฝีปากมีคำพูดมากมายที่จะต่อว่า แต่ความรู้สึกบางอย่างภายในใจทำให้คำพูดเหล่านั้นกลายเป็นเพียงความคิดที่ต่อว่าผ่านสายตาอย่างกราดเกรี้ยว …ม่านหมอกแห่งน้ำตาและโทสะทำให้มองไม่เห็นว่าในแววตาของอีกฝ่ายมีคำขอลุแก่โทษส่งผ่านมาให้

“พิ้งค์ เดี๋ยวก่อน”

“พิ้งค์”

“พี่พิ้งค์คะ”

คราวนี้เสียงที่ประสานกันมีเพียงสามเสียงเท่านั้นเมื่อพิมพ์ชญาสะบัดหน้าวิ่งขึ้นบันได มีเพียงผู้ที่ถูกต่อว่าต่อขานมากมายโดยไม่ใช้คำพูดเท่านั้นที่ยังนั่งนิ่ง ไม่สามารถเปล่งเสียงอะไรออกมาได้ ใบหน้าดูเหมือนจะชาไปทั้งแถบจากเหตุการณ์เมื่อครู่

เพิ่งจะเคยรู้สึกกับคำว่าจุกจนพูดไม่ออกว่าเป็นอย่างไรก็วันนี้เอง ใครบอกว่ามีแต่ดวงตาเท่านั้นที่หลั่งน้ำตาได้ หากเป็นอย่างนั้นน้ำตาของเขาคงจะไหลย้อนกลับเข้ามาในใจเสียแล้วล่ะมั้ง
เพิ่งจะเคยเห็นเพื่อนมีสีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดเช่นนี้ ในขณะที่กวิราและแพรอาภรณ์วิ่งขึ้นไป ‘ดูอาการ’ พิมพ์ชญา คมสันก็รับหน้าที่ ‘ดูใจ’ สังเกตเช่นกัน

ไม่ต้องฟังจากปากก็ยืนยันได้ชัดเจนแล้วว่าคำตอบของคำถามเมื่อครู่คืออะไร


“พิ้งค์ เดี๋ยวก่อนสิ… จะไปไหนน่ะ พิ้งค์….”

“พี่พิ้งค์คะ ว้าย…”

สองสาวส่งเสียงขรมและช่วยกันฉุดรั้งพิมพ์ชญาที่เก็บข้าวของ ที่จริงต้องเรียกว่า โยนๆ ของลงกระเป๋าไปเท่าที่หยิบได้ แล้วผลุนผลันจะออกจากบ้าน เมื่อแพรอาภรณ์คว้ามือเอาไว้ได้ พิมพ์ชญาก็ปัดมือน้องสาวออก

“ไม่ต้องตามมานะ เข้าใจไหม!”

“เดี๋ยวสิ น้องพิ้งค์ นี่มันอะไรกัน…แล้วนั่น จะไปไหน”

คมสันวิ่งออกมาดูเหตุการณ์เมื่อได้ยินเสียงเอะอะ เขาตกใจเมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมในมือของหญิงสาว และนั่นคงจะแปลความหมายได้อย่างเดียว

“จะไปไหน ก็ไปจากที่นี่น่ะสิ"

“ไม่ได้นะ พิ้งค์จะไปจากที่นี่ไม่ได้”

คำพูดหนักแน่นจากคนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น ทำให้ทุกคนหันกลับไปมอง …สังเกตสาวเท้ามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านเพื่อประจันหน้ากับคนที่กำลังจะจากไป ร่างกายของเขาชาไปหมดทั้งตัว

...เขากำลังจะเสียเธอไปเหมือนกับที่ฝันอย่างนั้นหรือ

ไม่! เขาไม่ยอม!

“เกตไม่ให้พิ้งค์ไปนะ”

แม้ว่าสีหน้าและคำพูดนั้นจะดูจะจริงหนักแน่นชวนให้ใจอ่อนเพียงไร… แต่เรื่องราวที่เพิ่งจะเกิดขึ้นผลักดันให้พิมพ์ชญาตัดสินใจทำในสิ่งที่เธอคิดว่าสมควรที่สุด แม้จะเคยบอกเขาว่าเธอจะอยู่กับเขา ไม่ทิ้งเขาไปก็ตาม... แต่สถานการณ์มันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นเธอต้องการปลอบใจคนป่วย แต่ตอนนี้ไม่ใช่และไม่ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย ...หญิงสาวจึงลอยหน้าลอยตาพูดกับเขาอย่างท้าทาย

“เกตมีสิทธิ์ห้ามพิ้งค์ด้วยเหรอ… พิ้งค์บอกได้เลยว่าไม่มี…ไม่มีใครมีสิทธิ์ห้ามพิ้งค์ทั้งนั้น”

คำพูดตรงๆ ของหญิงสาวทำเอาสังเกตรู้สึกจุกเป็นครั้งที่สอง... ใช่...เขาไม่มีสิทธิ์ห้ามเธอ เธอไม่ใช่คนรักของเขาจริงๆ ทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น

แม้จะรู้สึกเจ็บปวดเพียงไร เขาจึงได้แต่ห้ามพิมพ์ชญาด้วยความรู้สึกทั้งหมด โดยหวังว่าเธอจะเข้าใจ หากหญิงสาวกลับประกาศชัดเจน

“และไม่ใช่แค่เกตหรอกที่ไม่มีสิทธิ์ แต่เป็นทุกคนเลยต่างหาก! การที่พิ้งค์จะอยู่ที่นี่หรือไปไหนมันก็เป็นเรื่องของพิ้งค์”

จบคำพูด พิมพ์ชญาผลักประตูก้าวออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ใครในบ้านจะรั้งไว้ได้ทัน เป็นเวลาเดียวกับที่รถแท็กซี่ที่โทรศัพท์เรียกเอาไว้มาถึงพอดี หญิงสาวก้าวขึ้นไปในรถ… คนขับแล่นรถออกไปทันที

“ฉันขออะไรอย่างนึงได้ไหมคะ”

หญิงสาวเอ่ยปากบอกคนขับแท็กซี่ที่เป็นชายชรา เมื่อเห็นใบหน้าที่จวนจะร้องไห้ของผู้โดยสาร เขาก็อดไม่ได้ที่จะตอบตกลง

“ฉันรู้ว่ามันย้อนทาง แต่ช่วยขับพาฉันไปที่ออกซ์ฟอร์ด สตอรี่สักครู่จะได้ไหม”

“แต่เวลานี้มันปิดแล้วนะครับ” คนขับทักท้วง หากผู้โดยสารสั่นศีรษะ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะจ่ายเงินเพิ่มจากที่ตกลงกันไว้ ขอฉันแวะไปที่นั่นเถอะนะคะ”

ร่างบางระหงหยุดยืนอยู่ตรงหน้าออกซ์ฟอร์ด สตอรี่ด้วยแววตาเศร้า… ดวงตาหม่นหมองแลไปที่พิพิธภัณฑ์แห่งนั้น ก่อนที่จะกวาดไปโดยรอบอย่างช้าๆ ราวกับพยายามจะประทับภาพของสถานที่ทั้งหมดเอาไว้ในความทรงจำ

ภาพของถนนหนทางในออกซ์ฟอร์ด ซิตี้ เซ็นเตอร์…ร้านรวงต่างๆ …ร้านหนังสือ Black Well …ร้านของคุณลุงใจดีที่ชอบขายของยี่ห้อ DIESEL ให้ในราคาพิเศษที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ถนนที่เดินไปร้านอาหารญี่ปุ่น Idamame

และ…ออกซ์ฟอร์ด สตอรี่

รู้หรือเปล่า สำหรับฉันออกซ์ฟอร์ด สตอรี่ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ที่เราเคยสัญญาว่าจะไปด้วยกันเท่านั้น แต่มันหมายถึงวันเวลาดีๆ ในออกซ์ฟอร์ด ที่เราเคยอยู่ด้วยกัน

ที่ฉันจะไม่มีวันลืม

…ลาก่อน

หญิงสาวหลับตาลงราวกับต้องการจะซึมซับภาพทั้งหมดเอาไว้ในความทรงจำ ก่อนที่จะตัดใจก้าวขึ้นไปบนรถแท็กซี่อีกครั้ง ทิ้งให้ภาพของเมืองออกซ์ฟอร์ดเล็กลงทุกขณะ


((ติดตามต่อที่บทที่ 19 ค่ะ))




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2554
5 comments
Last Update : 23 พฤษภาคม 2554 18:39:24 น.
Counter : 371 Pageviews.

 

ไม่รู้ว่าคำตอบจะเป็นไปอย่างที่คิดกันหรือเปล่านะคะ อยากทราบความคิดเห็นจากทุกๆ คนเหมือนกันค่ะ

ตอบคอมเมนต์ค่ะ

น้องเน -- หึๆๆๆๆๆๆ เฉลยแล้วนะคะ ไม่มีลับลมคมในแล้วววววว

คุณ goldensun -- ไม่รู้ว่าสิ่งที่พิ้งค์ไม่รู้จะตรงใจหรือเปล่านะคะ แต่ที่แน่ๆ เราคงรู้กันแล้วค่ะว่าใครต้องเป็นฝ่ายง้อ โฮะๆๆๆ (หัวเราะสะใจมากกกกกกค่ะ)

น้องลี่ -- อ๊ะ ใจขาดไปแล้วยังนี่ ^^"

คุณ ree -- เฉลยแล้วค่าาาาาาาาา ^^

 

โดย: ...ศุวิลา... 23 พฤษภาคม 2554 18:43:25 น.  

 

ก่อนจะง้อได้ คงต้องตามหากันก่อนละ
คุณหมอปากหนักอย่างนี้ จะมีลูกง้อยังไงนะ

 

โดย: goldensun IP: 203.144.220.243 23 พฤษภาคม 2554 21:15:22 น.  

 

แอบกรีดร้องด้วยความดีใจหลังจากที่เฉลย แต่วินาทีถัดมาน้ำตาร่วงเผาะ ทำแบบนี้กับพิงค์ได้ยังไงกัน!! ใจร้ายที่สุดเลย!

 

โดย: Narilin Nay IP: 223.207.50.232 24 พฤษภาคม 2554 0:51:50 น.  

 

แล้วพิ้งค์จะไปไหนหว่าาาา

ตอนแรกก็นึกอยู่ว่าถ้าพ่อแม่พิ้งค์รู้ว่าอยู่กับผู้ชายจะเป็นยังไง แต่เรื่องนั้นหมดห่วงแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: lily IP: 10.3.2.35, 210.213.57.235 24 พฤษภาคม 2554 9:16:02 น.  

 

แล้วจะไปไหนล่ะ การออกไปแบบไม่มีแผนนี่มันอันตรายไปหรือเปล่า หวังว่าจะหายโกรธได้ไวๆ นะ

 

โดย: ree IP: 202.28.24.91 25 พฤษภาคม 2554 11:23:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


...ศุวิลา...
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




'ศุวิลา' นักเขียนแนว LOVE (ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก) สนพ. แจ่มใส ♥








Friends' blogs
[Add ...ศุวิลา...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.