... ^^ Welcome to suvilajamsai's world ^^...
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
11 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Oxford Story บทที่ 12


เย้!! ในที่สุดเราก็มาถึง Alton Tower นะคะ ตื่นเต้นๆ อยากไปเที่ยวอีกจริงๆ เลย >< บทนี้น้ำตาลเริ่มหกแล้วค่ะ หุๆ

####################################


บทที่ 12

“อันนี้เลย แอร์ พิ้งค์ว่าเราขึ้นอันนี้ก่อนเลย”

พิมพ์ชญาชักชวนทุกคนด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊าสุดๆ เมื่อเข้าสู่บริเวณของสวนสนุกอัลตัน ทาวเวอร์ และเห็น แอร์ รถไฟเหาะตีลังกาที่อยู่ตรงทางเข้า …จะเรียกว่ารถไฟเหาะตีลังกาเฉยๆ คงจะไม่ถูกเท่าไรนัก เพราะดูจากรางที่บิดเป็นเกลียวหลายตลบ น่าจะเรียกว่า ‘รถไฟหมุนสะบัดฉวัดเฉวียนชวนเวียนหัว’ น่าจะถูกต้องกว่า

สังเกตมองรางของรถไฟเหาะอย่างหวาดเสียว… รถไฟเหาะตีลังกาที่สวนสนุกเมืองไทยเทียบชั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ถึงกระนั้นท่าทางของผู้หญิงสองคนที่มากับเขายังดูไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย กลับจะกระตือรือร้นอยากจะให้ถึงคิวของตนเองเร็วๆ เสียด้วยซ้ำ

ไม่เข้าใจว่าเขาใจอ่อน ยอมหลวมตัวตกปากรับคำมาเที่ยวอัลตัน ทาวเวอร์ ด้วยทำไม… อาจจะเป็นความผิดพลาดของเขาเองที่ไม่ระบุสวนสนุกไว้เป็นหนึ่งในรายการของสิ่งที่เขาไม่ชอบนอกเหนือไปจากช็อกโกแลต เมื่อพิมพ์ชญามาชักชวนพร้อมด้วยเหตุผลที่ยอมรับได้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเธอออกไปได้อย่างไร… แม้แต่คมสันยังช็อกไปเช่นกันเมื่อได้ยินว่าทั้งสี่จะไปเที่ยวอัลตัน ทาวเวอร์


‘อัลตัน ทาวเวอร์!!! เฮ้ย… เกต นายเรียนหนักจนลืมไปแล้วหรือยังไงว่านายไม่ชอบไปสวนสนุก’

‘เออ เอาน่า… ถือว่าไปเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างไง’

เขาตอบคมสันไปอย่างนั้น แม้อีกฝ่ายจะไม่เถียงกลับ แต่เขาเชื่อว่าเจ้าหมอนั่นมีคำพูดที่จะโต้แย้งอีกมากมาย เพียงแต่เลือกที่จะไม่พูดออกมาเท่านั้น มองจากสีหน้าก็รู้

จะคิดยังไงก็ปล่อยให้คิดไปก็แล้วกัน ช่างมัน!

‘ความรักนี่มันอานุภาพแรงจริงเว้ย สามารถทำให้คนที่ยืนยันว่าไม่ชอบ ไม่ชอบ ยอมเอาดอกไม้มาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว แถมยังทำให้คนเกลียดสวนสนุกยอมไปเที่ยวสวนสนุกได้ด้วย’

‘ไม่ต้องพูดมาก ยังไงฉันก็ไม่สละสิทธิ์แล้วให้นายไปแทนหรอก’

“อะไรวะ ยังไม่ได้พูดเลยสักคำว่าจะไปแทน… แต่ที่พูดมาก็น่าสนใจ ถ้านายไม่ชอบสวนสนุก ฉันยินดีไปแทนให้”

“พอเลย ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก เรื่องอะไรจะให้นายไปกับ…แฟนฉัน”

คำสุดท้าย เขารู้สึกกระดากปากเหลือเกินกว่าจะพูดออกไปจนจบ …ก็รู้อยู่หรอกว่าคงจะเพิ่มพิรุธอีกอย่างหนึ่งให้เจ้าเพื่อนหัวไวจับได้ แต่มันลำบากจริงๆ กับการพูดเรื่องนี้ออกไป โดยคิดถึงภาพของผู้หญิงคนนี้…

ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจยาวเหยียดเมื่อความคิดและความรู้สึกต่างๆ รุมเร้าเข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับเธอ ..พิมพ์ชญา


“เกต เหม่ออะไรอยู่ ใกล้จะถึงคิวเราแล้วนะ”

เสียงใสๆ ของพิมพ์ชญาเรียกให้สติของชายหนุ่มกลับมาสู่ที่เดิม ทำเอาสังเกตรู้สึกพิลึกๆ ชอบกลขึ้นมาทันที ได้เวลาแล้วสินะกับความสยองปั่นป่วน

แม้แต่คาสุก็ยังอดยิ้มขำไม่ได้ เมื่อคิดถึงสภาพของเพื่อนหลังจากลงมาจากรถไฟเหาะ เขายังจำได้ว่าสังเกตมีอาการเช่นไรกับรถไฟเหาะที่ระดับความน่ากลัวน้อยกว่าอันนี้

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า… เอ้า นี่ ไดเอ็ท โค้ก เลม่อนเย็นๆ”

พิมพ์ชญาส่งเครื่องดื่มชายหนุ่มโดยหวังว่ามันจะทำให้อาการวิงเวียนของเขาดีขึ้น นอกจากนั้น มือเรียวบางยังโบกยาดมไปมาที่ปลายจมูกของเขา หลังได้สูดดมกลิ่นเมนทอลและดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ สังเกตก็รู้สึกดีขึ้นมาก

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบคุณนะพิ้งค์”

เขาบอกเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ เนื่องจากยังไม่หายจากอาการคลื่นเหียน แต่หญิงสาวกลับทำหน้าตูมใส่

“ไม่ถูกกับรถไฟเหาะก็น่าจะบอกกันก่อนนี่นา… ฝืนใจขึ้นไปเล่น แล้วดูซิ เป็นยังไง”

“ก็เห็นเธอตื่นเต้นดีใจมากเลยนี่นา ก็เลยไม่อยากขัดใจ”

ไม่รู้ว่าเขาพูดด้วยความรู้สึกอย่างไร แต่ฟังแล้วรอยยิ้มค่อยๆ ฉาบขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว ความดีใจที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนค่อยๆ จนพองคับอก

“ไม่อยากขัดใจคนอื่น แต่ตัวเองต้องมาลำบากแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนล่ะ”

นั่นสินะ… สังเกตก็ชักจะสงสัย เขาฝืนทำในสิ่งที่รู้ว่าตัวเองไม่ชอบทำไม… ตั้งแต่รู้จักกับพิมพ์ชญา เขารู้สึกว่าตัวเขายอมอ่อนข้อ ยอมทำตามใจเธอเพราะกลัวเธอจะเสียน้ำใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง… ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถ้าเธอยังอยากจะเล่นรถไฟเหาะทั้งหลายนั่น หรือไวกิ้งและสารพัดเครื่องเล่นหวาดเสียวนั่นจริงๆ เขาจะปฏิเสธลงหรือเปล่า

“แล้วกี่วี่กับคาสุล่ะ”

“อ๋อ…สองคนนั้นไปเล่นเนเมซิสแล้วล่ะ”

เนเมซิสคือรถไฟเหาะสุดยอดตีลังกาอีกอันหนึ่งของอัลตัน ทาวเวอร์ ซึ่งความน่ากลัวของมันรุนแรงไม่น้อยไปกว่าแอร์ …สังเกตรู้ดีว่าหญิงสาวน่าจะอยากเล่นมาก

“แล้วทำไมพิ้งค์ไม่ไปเล่นกับสองคนนั้นล่ะ เกตนั่งรออยู่คนเดียวได้ ไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่ล่ะ” แม้จะเสียดายแต่อีกเหตุผลหนึ่งนั้นสำคัญกว่า “พิ้งค์ไม่อยากจะเป็นคนที่ชวนเกตมาทนทุกข์ทรมาน แต่ตัวเองเล่นสนุกอยู่คนเดียวนี่นา”

พูดออกไปแล้วเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าอาจจะทำให้เขาลำบากใจ หญิงสาวจึงเพิ่มคำพูดต่อจากนั้น
“ถ้าเกตค่อยยังชั่วแล้ว เราไปเล่นบ้านผีสิงกันนะ”

แทนคำตอบ ชายหนุ่มรีบยันกายลุกขึ้นทันที เขารู้สึกผิดที่ทำให้หญิงสาวหมดสนุกไปด้วย อย่างน้อย เขาก็ควรจะทดแทนด้วยการไปเป็นเพื่อนเธอเล่นเครื่องเล่นอย่างอื่นที่ไม่โลดโผนหวาดเสียวได้
แต่ว่า เมื่อกี้เธอพูดว่าจะเข้า 'บ้านผีสิง' งั้นหรือ ก็ไหนจำได้ว่า…

“พิ้งค์จะเข้า ‘บ้านผีสิง’ เหรอ” เขาถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ

“อือฮึ”

“แต่เธอกลัวผีไม่ใช่เหรอ”

เขาทักท้วง ก็จำได้ว่าตอนไฟดับเธอยังทำท่ากลัวแทบตายเลยนี่ แล้ววันนี้ทำไมนึกอยากจะเข้าบ้านผีสิงขึ้นมาได้

“อ๋อ” หญิงสาวลากเสียงตอบ “ก็ลองไปดูสิ แล้วจะรู้ว่าทำไมฉันถึงไม่นึกกลัวบ้านผีสิงที่นี่”


บ้านผีสิงที่อัลตัน ทาวเวอร์ ไม่ธรรมดาจริงๆ มันแตกต่างจากบ้านผีสิงที่ทั้งสองเคยพบเห็นมาทั้งหมด ผู้เข้าชมจะต้องนั่งรถเข้าไปเหมือนกับหลายๆ ที่ ซึ่งนั่นไม่แปลกอะไร แต่ที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ที่นั่งแต่ละที่จะมีปืนเลเซอร์เพื่อเอาไว้ให้ผู้เข้าชมสามารถยิงผีเพื่อเก็บแต้ม และตัวเลขคะแนนที่เก็บได้ก็โชว์อยู่บนหน้าจอของแต่ละที่นั่ง

“มาแข่งกันม้าว่าใครจะได้แต้มสูงกว่า”

พิมพ์ชญาท้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบ… นึกรู้ว่าเขากำลังไม่สบายใจที่ตัวเองอาจจะทำให้เธอพลาดการเล่นเครื่องเล่นสนุกๆ หลายชิ้น และน้ำเสียงสดใสของเธอสามารถทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ ใบหน้าของชายหนุ่มผุดรอยยิ้มบางๆ ขึ้นก่อนที่จะตอบรับ

“ได้เลย”

แม้จะเป็นฝ่ายท้าเขา แต่พิมพ์ชญากลับทำคะแนนได้ไม่ดีนักเนื่องจากสายตาไม่ได้จดจ่ออยู่แค่ผีที่ควรจะยิง แต่เธอยังคอยแอบมองแต้มบนหน้าจอของอีกฝ่ายไปด้วย… คะแนนของอีกฝ่ายขึ้นเอาๆ ในขณะที่ของเธอแม้จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ก็ช้ากว่ามาก

“82000 อะไรกัน เกตยิงได้ยังไงน่ะ”

หญิงสาวโวยเมื่อทั้งสองมาดูรูปถ่ายที่กล้องที่แอบซ่อนอยู่ถ่ายเอาไว้ รูปนั้นขึ้นคะแนนของแต่ละฝ่ายอย่างชัดเจน ซึ่งคะแนนของพิมพ์ชญายังไม่ได้ถึงครึ่งของสังเกตเสียด้วยซ้ำ

“ความสามารถพิเศษ”

ไม่โอ้อวดสรรพคุณเปล่า สีหน้าของเขายังยิ้มอย่างเหนือกว่าเสียด้วย เรื่องนี้พิมพ์ชญายอมไม่ได้

“ไม่เอา เล่นกันใหม่ คราวนี้พิ้งค์จะชนะให้ได้เลย”

“โธ่ จะเล่นอีกกี่ครั้งก็เหมือนกันนั่นล่ะ” เรื่องรถไฟเหาะอาจจะยอมแพ้ แต่เรื่องความแม่นปืนนี่เขาไม่แพ้เธอแน่

“อ้าว พิ้งค์ เกต”

เสียงใสๆ ของสาวไทยตัวแสบอีกคนหนึ่งทำให้ทั้งสองหันไปมอง กวิรากับคาสุเพิ่งจะเล่นรถไฟเหาะจบและกำลังจะเข้าบ้านผีสิงเช่นกัน

“ฝีมือดีแฮะ”

แฟนหนุ่มของกวิราเอ่ยชมเมื่อเห็นคะแนนของสังเกตที่แสดงอยู่บนจอภาพ ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงกว่าคนอื่นๆ เจ้าของคะแนนยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนเป็นเชิงว่า ‘แน่นอนอยู่แล้ว’

กวิราปิ๊งไอเดียอย่างหนึ่งขึ้นทันทีเห็นอย่างนั้น

“งั้นเรามาแข่งกันสองทีมไหม”

เมื่อสายตาสามคู่หันมามองเธอเป็นตาเดียว เธอจึงพูดต่อ

“ฉันกับคาสุรวมกันเป็นหนึ่งทีม แล้วให้พิ้งค์กับเกตเป็นอีกหนึ่งทีม แข่งกันว่าทีมไหนจะทำคะแนนได้มากกว่ากัน”

“แล้วอะไรคือเดิมพันล่ะ” แฟนหนุ่มของเธอถามหลังจากที่คิดว่ามันน่าสนุกไม่น้อย “แข่งกันแบบนี้ไม่มีเดิมพันไม่สนุกเลยนะ”

“ข้าวกลางวันมื้อนี้เป็นไง ทีมที่แพ้จะต้องเลี้ยงข้าวกลางวันทีมที่ชนะ ตกลงไหม”

ไม่มีใครสักคนที่คัดค้าน เพื่อนสาวของกวิราถึงกับประกาศเสียงสดใส

“ดีจังนะ วันนี้อยู่ดีๆ ก็มีลาภปาก มีคนเสนอจะเลี้ยงข้าวถึงที่เลย”


แต่ผู้ประกาศตัวว่าจะได้กินข้าวฟรีกลับเป็นฝ่ายแพ้ไปเสียได้ และสาเหตุของการแพ้ก็มาจากตัวหญิงสาวนั่นเอง แม้ว่าสังเกตจะทำคะแนนได้มากแต่พิมพ์ชญากลับทำแต้มแทบไม่ขึ้น เมื่อเทียบกับกวิราและคาสุที่ทำคะแนนได้ปานกลางถึงค่อนข้างมาก ฝ่ายหลังจึงเป็นฝ่ายชนะไป

“เอ้า นี่ ยัยพิ้งค์ ฉันให้ ถือว่าเป็นที่ระลึกที่เธอต้องเลี้ยงข้าวฉันก็แล้วกัน”

สิ่งที่กวิรามอบให้คือแม่เหล็กติดตู้เย็นที่ทำมาจากภาพถ่ายของทั้งสี่ในการเล่นเกมนั่นเอง แรกทีเดียวพิมพ์ชญาคิดว่ากวิราทำสองอันเพราะต้องการมอบให้กับแฟนหนุ่มเป็นที่ระลึกเสียอีก หากกวิรากลับหัวเราะเสียงใส

“ตู้เย็นอันเดียวจะติดรูปเหมือนกันสองรูปไปทำไมล่ะจ๊ะ ฉันทำให้เธออันนึงต่างหาก เป็นที่ระลึกในการมาเที่ยวของเธอกับนายสังเกตไง”

“จะบ้าเหรอ พูดอะไรยะ”

หลังจากเอ็ดเพื่อนก็ต้องเหลียวซ้ายแลขวา สังเกตกับคาสุยังคงเดินไปซื้อน้ำมาบริการสองสาวและอยู่ไกลออกไป พิมพ์ชญาค่อยโล่งอกเมื่อค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคงจะไม่ได้ยิน ...เสียงยัยกีวี่ก็ใช่จะค่อยเสียที่ไหนล่ะ

“ฉันมากับเขาสองคนที่ไหน มีเธอ แล้วก็คาสุมาด้วย เห็นไหม มากันตั้งหลายคน"

“ฮั่นแน่… แซวแค่นี้ต้องมีเขินด้วย… เอ๊ หรือว่าโปรแกรมรักหลอกๆ นี่จะเป็นจริงขึ้นมาแล้วน้า”

“พอเลย ยัยกีวี่ ไม่ต้องล้อเล่นอะไรบ้าๆ แบบนี้เลย ไม่ขำนะยะ”

ท่าทางหลบตาของคนตอบทำให้กวิรายกมือขึ้นเท้าคางและจ้องตาผู้เป็นเพื่อนตรงๆ ...ท่าทางและน้ำเสียงที่ถามฟังดูจริงจังผิดกับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง

“ถามจริงๆ เหอะ พิ้งค์ เธอไม่รู้สึกอะไรกับนายสังเกตบ้างเลยจริงๆ เหรอ”

ถามอยู่ได้ ช่างถามจริงๆ เพื่อนฉัน… พิมพ์ชญานึกอยากจะหาอะไรไปให้แม่คนนี้คาบเอาไว้ เผื่อว่าเจ้าหล่อนจะหยุดถามอะไรรบกวนจิตใจสักที… แต่โชคดีที่หญิงสาวไม่ต้องทำถึงขั้นนั้น เพราะคาสุกลับมาถึงพร้อมเครื่องดื่มพอดี

“พิ้งค์ เธอไม่สบายหรือเปล่า หน้าแดงเชียว”

ชายหนุ่มถามพลางส่งน้ำอัดลมเย็นเจี๊ยบให้เผื่อว่าเพื่อนสาวของกวิราจะรู้สึกดีขึ้น …เขาถึงกับงง เมื่อคำตอบที่ได้คืออาการหัวเราะคิกคักของแฟนสาว และสีหน้าที่ปั้นยากของหญิงสาวอีกคน

“เกต ฉันสงสัยว่าพิ้งค์จะไม่สบาย” คาสุรายงานให้สังเกตรู้ถึงความผิดปกติของหญิงสาว

“จริงเหรอ ไหน… จริงด้วย หน้าแดงมากเลย ไหวหรือเปล่า”

สีหน้าของชายหนุ่มแสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด เขาก้มหน้าลงมาใกล้เพื่อดูอาการ …หากใบหน้าของเธอมีสีจัดอยู่แล้ว มันก็คงจะแดงจัดยิ่งขึ้นไปอีก ผิวหน้าร้อนวาบจนกระทั่งรู้สึกได้… นี่โชคดีนะที่เขาไม่เล่นบทวัดไข้ด้วยมือ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะเป็นไข้ไปจริงๆ

“ฉันไม่เป็นอะไร สบายดีทุกอย่าง” เธอตอบทุกคนเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้คาสุเข้าใจได้เช่นกัน แต่ตอบเป็นภาษาไทยกับชายหนุ่มตรงหน้าคนเดียวเมื่อเขามีสีหน้าไม่เชื่อ “จริงๆ นะ ฉันสบายดีจริงๆ”

กวิรามองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าที่พยายามปรับเอาไว้ให้นิ่งเฉย แต่ภายในใจนั้นแทบจะกระโดดโลดเต้นโปรยดอกไม้ไปทั่ว

ยะฮู้ แผนการเที่ยวสวนสนุกสื่อรักทำท่าจะสำเร็จลงด้วยดี… ที่เหลือก็แค่รอให้ความรู้สึกดีๆ ในใจของทั้งคู่งอกงามขึ้นก็พอแล้ว โฮะๆๆๆๆๆ


“ในที่สุดก็กลับมาถึงออกซ์ฟอร์ดเสียที”

พิมพ์ชญาร้องออกมาอย่างโล่งอกทันทีเมื่อถึงบ้าน …ไม่ใช่ว่าเที่ยวอัลตัน ทาวเวอร์ไม่สนุก แต่เป็นเพราะเพื่อนสาวที่คอยกวนใจเธอด้วยคำถามหรือคำพูดต่างๆ นานาต่างหากที่สร้างความลำบากใจให้ เปรียบเทียบกับวิธีการพูดของคมสันแล้ว กวิราทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าถูกรู้ทันมากกว่านั้นเสียอีก… แถมยังเป็นการกวนตะกอนที่อยู่ภายในใจของเธอขึ้นมา …ตะกอนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน และขลาดกลัวเกินกว่าจะรับรู้ในตอนนี้เสียด้วย

“ใช่ ในที่สุดก็มาถึงเสียที”

กวิราตอบรับสิ่งที่เพื่อนสาวพูด ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมพิมพ์ชญาถึงโล่งใจนัก… แต่เธอก็ยังอยากจะพยายามในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ ...ก็ความรักน่ะดีจะตาย แล้วทำไมเธอถึงจะไม่อยากให้เพื่อนรักได้ทำความรู้จักกับมันล่ะ

“คาสุเหนื่อยไหมจ๊ะ ขับรถมาตั้งไกล หิวหรือเปล่า” เพื่อนของพิมพ์ชญาถามคนรักเสียงหวาน ก่อนที่จะหันไปถามหนุ่มเจ้าของบ้านแทนที่จะเป็นเพื่อนสาว “เกต วี่ว่าเย็นนี้เราสั่งพิซซ่ามากินกันที่นี่ดีไหม ป่านนี้แล้วออกไปหาซื้ออะไรคงลำบาก วันนี้วันอาทิตย์ด้วย ร้านไหนๆ ก็คงปิดหมดแล้ว”
“ก็ดีเหมือนกัน” เจ้าของบ้านเห็นด้วยก่อนที่จะเชื้อเชิญ “ถ้าอย่างนั้นเข้ามาก่อนสิ เดี๋ยวโทรไปสั่งพิซซ่าให้”

ลับหลังชายหนุ่มทั้งสอง กวิราหันไปแลบลิ้นให้พิมพ์ชญาที่ร้องห้ามไม่ทันเพื่อเป็นการบอกว่า ‘เธอยังไม่หมดเวรหมดกรรมกับฉันง่ายๆ หรอกนะจ๊ะ’ พิมพ์ชญาเองก็สุดปัญญาจะหาเหตุผลมาโต้แย้งเพื่อนด้วยกลัวว่าชายหนุ่มทั้งสองจะสงสัย จึงได้แต่แยกเขี้ยวขู่เป็นการฝากเอาไว้ก่อน

อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน ชิ!!

เสียงกริ่งประตูดังขึ้นในขณะที่กวิราพยายามจะขุดคุ้ยความในใจของพิมพ์ชญาอยู่พอดี …สำหรับผู้ถูกถาม เสียงนี้เป็นดั่งระฆังสวรรค์ที่ช่วยให้เธอรอดพ้นนาทีวิกฤตไปอีกครั้ง หญิงสาวรีบ ‘ชิ่ง’ หนีทันที

“สงสัยพิซซ่ามาแล้ว เดี๋ยวฉันออกไปรับเอง”

หญิงสาวรีบเปิดประตูออกทันที หาก...บุคคลที่ยืนยิ้มเผล่อยู่หน้าประตูหาใช่คนส่งพิซซ่าอย่างที่คิดไม่ แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่เธอไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดในโลก พิมพ์ชญาอาจเผลอกระแทกประตูใส่หน้าเขาไปแล้วถ้าหากว่าคมสันไม่ถือวิสาสะเชื้อเชิญตัวเองเข้ามาในบ้านก่อนที่เธอจะทันได้ขยับตัวห้ามปรามหรือพูดอะไรออกไป

กวิรามองภาพที่เห็นตรงหน้าด้วยแววตานึกสนุก

เอาล่ะสิ ท่าทางละครรักกำมะลอของ 'ว่าที่หมอหนุ่มขี้เก๊กกับสาวใสสุดเซี้ยว' จะไม่ยอมปิดฉากลงง่ายๆ อย่างที่คิดซะแล้ว… แล้วทีนี้ยัยพิ้งค์จะทำยังไงต่อไปน้อ



((ติดตามต่อที่บทที่ 13 ค่ะ))


Create Date : 11 เมษายน 2554
Last Update : 25 เมษายน 2554 16:15:11 น. 7 comments
Counter : 466 Pageviews.

 
เอาล่ะค่า จบบทที่ 12 แล้ววววววววว ขอบอกว่าบทที่ 13 นี่พลาดไม่ได้จริงๆ เพราะว่าในรวมเล่มครั้งที่แล้วไม่มีนะคะ เป็นบทที่โน้ตเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเลยค่ะ

ตอบคอมเมนต์ของบทที่แล้วค่ะ

น้องลี่ -- ขอบคุณค่าที่ช่วยจับไก่ แหะๆ มีประปรายเลยแฮะ ต้องระวัง ^^

น้องเน -- ใจเย็นฮับ

คุณ conio.h -- สวัสดีค่า ตอนใหม่มาแล้วนะคะ ^^


โดย: ...ศุวิลา... วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:10:54:15 น.  

 
แอร๊ยยยย ทำไงๆ เนอยากรู้แล้ววว ><


โดย: Narilin Nay (narilin ) วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:11:15:11 น.  

 
โอ้วววว อยากรู้ต่อซะแล้ว ว่าจะเป็นยังไงนะ คมสันมาป่วนด้วยอีกคน ฮ่าๆๆๆ


โดย: lovekalo วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:11:45:29 น.  

 
อยากให้ถึงจันทร์หน้า เร็วๆจัง


โดย: bug IP: 203.121.182.195 วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:14:28:06 น.  

 
ขอบคุณที่มาติดตามกันนะคะ โฮ่ๆๆๆๆๆ ขอบอกว่าไม่ใช่แค่บทที่ 13 ค่ะ บทที่ 14 ก็เป็นตอนที่เขียนใหม่ขึ้นมาและวิ้วๆ กว่า 13 อีกน้าาาาาา

โฮะๆๆๆๆ ยั่วน้ำลายแล้วจากไป.........


โดย: ...ศุวิลา... วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:16:34:47 น.  

 
ทิ้งท้ายอย่างนี้ ยิ่งต้องตาม กำลังสนุกเลย
พิงค์โดนรุมแล้ว งานนี้


โดย: goldensun IP: 203.144.220.241 วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:20:11:03 น.  

 


โดย: แมวเหมียวก้อย วันที่: 13 เมษายน 2554 เวลา:9:32:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

...ศุวิลา...
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




'ศุวิลา' นักเขียนแนว LOVE (ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก) สนพ. แจ่มใส ♥








Friends' blogs
[Add ...ศุวิลา...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.