ก่อนเข้าเรื่อง ขอนอกเรื่องนิดนึงนะคะ
อยากเล่าข่าวเศร้าเล็กๆ ว่าภัตตาคารไทยในเมืองเรา
ที่เคยลงข่าวและเราก็เอามาอัพบล็อกไว้ด้วยนั้น
ได้ปิดตัวลงแล้ว เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา
หลังจากเปิดดำเนินกิจการมาได้ 7 เดือนนิดๆ
เพราะภัตตาคารไทยที่ว่านี้แท้ๆ
ทำให้เรา-แม่ค้าขายของชำร้าน Northai
พลอยได้ออกสื่อใน นสพ.กับเค้าไปด้วย
(เมื่อตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา)
จริงๆแล้วนักข่าวตั้งใจมาทำข่าวภัตตาคารไทย
แต่มาถึวแล้ว ภัตตาคารยังไม่เปิด
รอไปรอมา นักข่าวเลยแวะคุยกับเราก่อน
คุยแล้วติดใจ เอาเราไปลงข่าวด้วยเลย อิอิ
บรรยากาศภัตตาคารไทยของคนไทย ที่ตอนนี้เป็นอดีตไปแล้ว
หลังจากดำเนินกิจการมาได้ 7 เดือน
แม้จะจะขายดิบขายดีในระยะเริ่มแรก
แต่ปัญหาสุขภาพของแม่ครัวเจ้าของร้าน
ทำให้ภัตตาคารเปิดบ้างปิดบ้าง ไม่เป็นเวลา
ลูกค้าก็เลยค่อยๆหดหายไป หลังๆขายไม่ค่อยได้
ขณะที่ค่าเช่าร้าน ค่าน้ำค่าไฟ แพงมหาโหด
เธอและสามีก็เลยตัดใจปิดร้านลงอย่างถาวร
ก่อนปิดร้าน (วันเสาร์ที่ 11 พฤษภา)
แม่ครัวเจ้าของร้านได้แวะมาคุยกับเรา
บอกเราว่า..มาขายวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว
จากนั้นก็จะปิดกิจการ เพราะทำต่อไปไม่ไหวแล้ว
แม้จะรู้ล่วงหน้ามาหน่อยๆแล้ว แต่พอได้ยินว่า
มาขายเป็นวันสุดท้าย เราก็อดใจหายไม่ได้
นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมิใช่น้อยเลย
เพราะเห็นเขาทุ่มทุน+ทุ่มเทกายและใจ
กับภัตตาคารร้านนี้อย่างโขเลย
แม่ครัวคนไทยผู้มีฝีมือด้านอาหารกับลูกสาวที่น่ารักทั้งสองของเธอ
ยังไงก็ตามเราก็ได้แต่หวังว่าเธอคงจะโชคดี
และหายจากอาการป่วยด้วยโรคนิ่วในไตเรื้อรังในเร็ววัน
ทีนี้มาเข้าเรื่องร้านเราดีกว่าเนาะ
สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้ทำหิ้งใส่ของเพิ่มมา ๒ หิ้ง
แต่ยังไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ดูหรอกนะ
รอของมาลงก่อน แล้วถึงจัดเรียงของขึ้นชั้น
จากนั้นค่อยถ่ายภาพมาให้ดูเน้อค่ะเน้อ
...พูดยังกะมีคนเค้าอยากจะดูตายแหล่ะ
ไหนว่าเข้าเรื่องก็ยังนอกเรื่องอยู่ดียัยนี่หนิ
ว่าด้วยเรื่องผักผลไม้ไทย
ทุกวันนี้ร้านเรายังคงมีผักผลไม้สดจากเมืองไทย
มาขายที่ร้านแบบสัปดาห์เว้นสัปดาห์อยู่ดังเดิม
ซึ่งถูกส่งตรงจากกรุงเทพฯมายังกรุงออสโล
แล้วรถขนส่งก็ลำเลียงมาส่งยังร้านเราอีกทีหนึ่ง
ด้วยค่าขนส่งที่แพงระเบิดระเบิงนี่เองแหละ
ที่ทำให้เราต้องเอาผักมาลงแบบสัปดาห์เว้นสัปดาห์
ซึ่งมันก็ดีกับเราด้วย เพราะร้านเราขนาดเล็กนิดเดียว
จะเอาของอะไรมากระหน่ำลงนักหนา ชิมิคะ
และอีกอย่างเราต้องแบก/ยกของเข้าร้านคนเดียวด้วย
ถ้าของมาลงทุกอาทิตย์ หลังและกระดูกกระเดี้ยวเราคงเดี้ยงไปแล้ว
ปัญหาของการขายผักที่เราเจอประจำ
ไม่ใช่เรื่องผักไม่มีขาย หรือผักถูกแบนดังปีก่อนๆนู้น
เพราะถึงผักไทยถูกแบน ร้านส่งก็สั่งผักเวียตนาม
มาทดแทนให้เราได้อยู่ดี หรือบางทีก็มีแบบ
แอบๆยัดๆใส่มา ให้เรามีขายได้อยู่แล้ว
แต่เป็นปัญหาที่ว่าผักขายดีบางอย่าง พอมาถึงเรา
มักจะเละ ดำ เสีย และเน่าลามถึงกันเร็วซะด้วย
เช่นใบกะเพรา โหระพา แมงลัก ยอดฟักทอง
ยอดผักหวาน ใบมะขามอ่อน ผักโขม ผักแพร้ว
ฯลฯ
ผักบางชนิดที่ของไทยถูกแบน เช่น คะน้า กวางตุ้ง
ผักบุ้ง มะเขือ มะระ พริกสด พริกขี้หนูสวน ถั่วฝักยาว
ยาวไปจนถึงใบแมงลัก ... ทางบริษัทเครือจัดส่ง
ก็จะเอาผักของเวียตนามมาทดแทน โดยรับมา
แล้วจัดแพ็คหีบห่อ พร้อมติดสติ๊กเกอร์ที่เมืองไทย
ผักของเวียตนามจะขี้เหร่กว่าผักไทยมากมายนัก
อย่างคะน้า กวางตุ้งก็จะมาแบบโคนต้นดำปี๋ แฉะ เปื่อย
เราต้องมาเลาะเอาโคนต้นที่ดำๆเละๆออก เป็นประจำ
ถ้าเป็นผักบุ้งผักชีก็จะต้นใบแก่เกิน
ถัวฝักยาวก็มีแต่ฝักฝ่อและลายมาเชียว
ลูกค้าซื้อไปก็บ่นไป แม่ค้าก็เครียดตามค่ะ
แต่ปัญหาที่เล่าๆมานี้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรนัก
เพราะเราสามารถแจ้งปัญหากับบริษัทขายส่งได้
และเขาก็ยินดีรับผิดชอบ ให้ส่วนลดหรือไม่ก็คืนเงินให้เรา
ตามความเหมาะสม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆสำหรับแม่ค้าอย่างเรา
สำหรับผลไม้ไทย เราจะไม่สั่งมั่วตั้วตามใจทุกคนไป
เพราะผลไม้ราคาจะสูง แถมบางทีมาถึงแล้ว
ก็ไม่ได้คุณภาพ ไม่สมดังราคา
ลูกค้าบางคนสั่งแล้ว พอเห็นของแล้วไม่เอาก็มี
ดังนั้นเราจะเลือกสั่งผลไม้ไทยตามฤดูกาล
และความเหมาะสมเป็นปัจจัยหลัก
โดยดูหน้าลูกค้าที่สั่งซื้อเป็นปัจจัยรอง
เพราะเหตุว่าถ้ามาถึงแล้วขายไม่ได้
นั่นคือเงินเราละลายหายไปกับสายลม
เคยมีรอบนึงที่เราไม่ได้สั่งเงาะไปเลย
แต่มีมาให้เรา ๕ กิโล (10แพ็ค) เห็นแล้วขนลุกเลย
เพราะมันหลายกระตังส์เลยอ่ะซี
อันนั้นเกิดจากการจัดส่งให้ผิดเจ้า
เจ้าที่สั่งไว้ก็โมโหที่ไม่ได้ตามสั่ง
ไอ้เราก็ฉุนที่ไม่ได้สั่ง แต่ดันได้มาซะบานเบอะ
ปัญหาแบบนี้ เราก็รีบแจ้งร้านขายส่งทันที
ทางเขาก็จะตรวจเช็คและแก้ไขให้เรา
ส่วนมากจะอะลุ้มอล่วย คือขายได้แค่ไหน
ก็จะคิดกระตังส์เราแค่นั้น
ที่เหลือจะไปทำอะไรก็สุดแต่ใจเรา
แบบนี้ก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย
เพราะสินค้าที่ส่งมาถึงเราแล้ว
จะไม่มีการส่งคืนไม่ว่ากรณีใดใด
เหตุเพราะค่าขนส่งที่แพงเกินจะรับไหวนั่นเอง
มะม่วงสุกโชคอนันต์ที่ว่ารสชาติหอมหวาน ไปถึงร้านในสภาพแบบนี้ก็มี
เคยมีหนหนึ่งลูกค้าซื้อลองกองไปแล้วเจอแมงป่องแอบอยู่ในนั้น
การที่พ่อค้าขายส่งเขายินดีรับผิดชอบช่วยเหลือ
เมื่อเวลาผักและผลไม้ส่งมาถึงแล้วมีปัญหา/ข้อผิดพลาด
เพราะเขาเข้าใจดีว่าการขายผักพวกนี้
ร้ายย่อยๆอย่างเราไม่ได้กำรี้กำไรอะไรมากมายนัก
เพราะผักและผลไม้เหล่านี้
กว่าจะถึงมือเรา ต้องนอนแอ้งแม้งรอคิวลำเลียง
ที่สนามบินเป็นวันๆหรือหลายวัน
แล้วก็ต้องถูกลำเลียงส่งต่อ
ความสดใหม่ของผักผลไม้ก็ลดน้อยลงไป
จนถึงไม่เหลือเลยก็มี
แม่ค้าปลายทางจึงจำเป็น
ต้องปล่อยขายออกไปให้ไวที่สุด
ถ้าขายแพงเกิน ก็ขายไม่ได้ เน่าเสียไปเปล่าๆปลี้ๆ
ใช่มั้ยเล่า
จบแล้วจ้า
ขอบคุณที่แวะมาเน้อ
แต่ก็สู้ๆค่ะ