พักผ่อนที่หลีเป๊ะ: ตอนจบ
เช้าวันที่ 9 พ.ค. ...วันที่สี่บนเกาะหลีเป๊ะ... เราตื่นมาหลังจากนอนไป 3 hrs. พอออกมาชะโงกดูบรรยากาศก็เห็นว่าไม่มีแววพายุแล้ว เลยลุกขึ้นมาตามเก็บผ้าที่ปลิวไปเมื่อคืน แล้วกลับเข้ามานอนต่อ ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันอีกทีตอน 9.00 am ค่ะ


ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อคืนจะมีพายุแรงมาก ๆ


ฟ้าเป็นสีฟ้าสวยจริง ๆ

ผลจากการตากแดดทั้งวันเมื่อวาน ทำให้วันนี้ผิวเราแดงแถมแสบอีกต่างหาก T_T และเมื่อได้ไปดำน้ำสมใจอยากแล้ว วันนี้ก็เลยกะว่าจะพักผ่อน แล้วก็ทำงานที่อุตส่าห์หอบไปด้วยให้เสร็จอะค่ะ

พอตัดสินใจได้ว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง ก็ออกเดินทางไปร้านโรตี เพื่อทานอาหารเช้าทันที


กองเรือหน้าเกาะ ...ไม่เหมือนกับเพิ่งมีพายุเลยจริง ๆ นั่นแหละ


น้ำมะพร้าวปั่นค่ะ


โรตีทูน่า+ไข่ ...ทานเป็นของคาว


โรตีกล้วยหอม+น้ำผึ้ง ...ทานเป็นของหวาน

หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เดินกลับที่พักค่ะ




^
^
ระหว่างทางขากลับ เจอเด็ก ๆ กำลังเล่นดีดลูกแก้วกันค่ะ เห็นแล้วนึกถึงตัวเองตอนเด็ก ๆ มาก ๆ เลย


ไม่รู้เป็นไร เราชอบภาพกองเรือหางยาวหน้าเกาะมาก ๆ ค่ะ


ถ่ายป้ายเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพไว้ก่อน เพราะพรุ่งนี้คงไม่มีเวลาเดินมาถ่ายแน่ ๆ


ทางเดินกลับรีสอร์ทจากหน้าโรงเรียนค่ะ


วิวทะเลด้านหน้าเกาะค่ะ


เข้าเขตอันดามันรีสอร์ท มีต้นสนทำให้ทางครึ้ม ๆ เดินสบายค่ะ


เสาที่อยู่กลางทะเลนั่น เมื่อก่อนเป็นสะพานท่าเทียบเรือค่ะ แต่เกิดพายุทำให้ท่าเทียบเรือพัง เหลือแต่เสาอะ ...ตอนคุณไกด์บอก เราแอบคิดในใจว่า 'แล้วทำไมไม่ถอนออก จะปล่อยให้เป็น Stonehenge เมืองไทยรึไง' อะค่ะ แหะ แหะ


พ้นแนวสนนี้ไป ก็จะถึงบันไดขึ้นรีสอร์ทเราค่ะ


ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ ว่าเมื่อคืนจะมีพายุอะ >_<


หลังจากพยายามอยู่หลายนาที ก็ถ่ายรูปผีเสื้อตัวนี้ได้ชัด ๆ (- -')


นกทะเลมาเกาะที่โขดหินด้านล่างศาลาที่เรานั่งชมวิวค่ะ


ตั้งกล้องถ่ายรูปตัวเอง ...สังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าหน้าคล้ำลงมาก ๆ

หลังจากโอ้เอ้อยู่ตั้งแต่เช้า ในที่สุดเราก็ได้ฤกษ์เอางานขึ้นมาทำค่ะ โดยกลับไปนั่งทำงานอยู่หน้าบ้านพักตัวเอง


นั่งทำงานไปทำงานมา เพิ่งเห็นว่ามีน้องหมามานอนแอบอยู่ข้างหลังเก้าอี้


ทางรีสอร์ทเริ่มทยอยเก็บข้าวของแล้วล่ะค่ะ เพราะรีสอร์ทจะปิดให้บริการวันที่ 13 หรือ 14 พ.ค. แล้ว


พอใกล้ 4.00 pm ฟ้าก็เริ่มครึ้มอีกแล้ว ...เราก็เลยย้ายเข้ามาทำงานต่อในห้องพัก


ภาพจากโปสการ์ดค่ะ ...เราเคยนึกสงสัยว่าทำไมเกาะหลีเป๊ะถึงได้ชื่อว่าเป็น Maldives เมืองไทย แต่พอเห็นภาพนี้แล้วก็หายสงสัยค่ะ

พอใกล้ 5.00 pm ด้วยความกลัวว่าฝนจะตก ก็เลยรีบออกไปทานอาหารเย็นค่ะ


ไข่เจียว ...สั่งทุกมื้อที่ทานเลย hahaha


ข้าวผัดผงกะหรี่กุ้ง


แกงส้มกุ้ง


เห็นฟ้าอย่างนี้แล้วน่ากลัวอะค่ะ


กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางมาถึงเกาะกำลังเดินมารีสอร์ทค่ะ

พอฝนเริ่มตก เราก็รีบกลับเข้าบ้านพัก แล้วก็นั่งทำงานต่อจนเสร็จค่ะ จากนั้นก็เข้านอน ...เป็นคืนแรกเลยนะเนี่ยที่ไม่ได้ดื่ม spy red อะ hahaha

เช้าวันที่ 10 พ.ค. ...วันสุดท้ายบนเกาะหลีเป๊ะ... เราตื่นมาเก็บข้าวของให้เรียบร้อย ตั้งแต่ 8.00 am เพราะเรือจะออกจากเกาะตอน 10.00 am


ตั๊กแตนตัวจิ๋วหลายตัวเกาะอยู่บนราวไม้หน้าบ้านพักเราค่ะ


เมฆต่ำมาก ๆ จนมองไม่เห็นยอดเขาบนเกาะอาดังเลย


มองออกไปกลางทะเล เห็นเรือเฟอร์รี่ที่เราจะโดยสารกลับจอดรออยู่ไม่ไกลจากเกาะเท่าไหร่

แต่ระหว่างที่เราทานอาหารเช้า คุณพนักงานก็บอกว่าเรือจะเลื่อนเวลาออกเดินทางจาก 10.00 am เป็น 11.00 am เราก็เริ่มกังวลว่าจะกลับเข้าฝั่งได้ภายในวันนี้หรือเปล่า ...ลุ้น ๆ...


ที่กังวลเพราะทะเลวันนี้มีคลื่นอะค่ะ ...ปกติทะเลจะสงบมาก ๆ


คลื่นมาซัดโขดหินด้านล่างรีสอร์ทแรงมาก ๆ ...แย่แล้ว ๆ

พอ 10.30 am เรือหางยาวไม่มารับสักที เราก็เริ่มอยู่ไม่ถูกแล้วอะค่ะ เพราะกลัวไปไม่ทันเวลาเรือออก พอถามคุณพนักงาน คุณพนักงานก็บอกว่าเค้าโทรเรียกเรือหางยาวให้แล้ว แล้วก็บอกเรือให้รอแล้วด้วย ...ฮือ ฮือ จะได้กลับไหมเนี่ย T_T


รีสอร์ทเริ่มเก็บโต๊ะ เก้าอี้แล้วอะค่ะ ทำให้บรรยากาศเงียบเหงามาก ๆ


ก่อนหน้านี้ตรงลานจะมีโต๊ะเก้าอี้สำหรับทานอาหารหลายโต๊ะค่ะ แต่เก็บไปหมด ทำให้มีที่ตากหมอน เพื่อเตรียมเก็บด้วย


และแล้วเรือหางยาวก็มารับ ...เย้ เย้

คลื่นแรงจริง ๆ ค่ะ เพราะพอเรือหางยาวไปเทียบเรือเฟอร์รี่ ตอนแรกเรากลัวว่าเราจะก้าวขึ้นเรือไม่ได้ ที่ไหนได้ คลื่นมาที เรือโยนจนเราก้าวขึ้นชั้นบนเรือเฟอร์รี่ได้เลยอะ (- -') ปรากฏว่าคนโดยสารเยอะมาก ๆ เนื่องจากชาวเกาะจะไปงานแต่งงานที่เกาะลันตาอะค่ะ ทำให้เราไม่มีที่นั่ง แต่พอหันไปหันมา เห็นห้องบังคับเรือยังพอมีที่ว่าง เราก็เลยขนกระเป๋าเข้าไปอยู่ข้างใน ...ดีซะด้วยซ้ำ เพราะจะได้ไม่โดนน้ำซัดเปียกอะ

หลังจากเรือออกเดินทางมาได้ประมาณ 2 hrs. ก็ถึงเกาะตะรุเตาค่ะ แต่เนื่องจากคลื่นลมแรงมาก ประกอบกับมีฝนตก ทำให้เรือไม่สามารถเข้าไปเทียบท่าได้ ...สุดยอดจริง ๆ...

นักท่องเที่ยวบางคนเอาเสื้อชูชีพมาสวมเพื่อให้อุ่นใจค่ะ แต่สำหรับเรา คลื่นลมแค่นี้จิ๊บ ๆ เพราะตอนไปดำน้ำที่พัทยา คลื่นสูงกว่านี้ แถมเรือยังเป็นเรือประมงดัดแปลงอีกตะหาก เรายังรอดมาได้เลย แฮ่ ๆ


ถ่ายตอนเรือกำลังจอดอยู่หน้าเกาะตะรุเตา ตัดสินใจว่าจะเข้าเทียบท่าดีหรือเปล่าอะค่ะ


หลังจากกัปตันตัดสินใจไม่เข้าเทียบท่า ก็เดินเรือกลับเข้าฝั่ง ...รูปนี้ถ่ายให้เห็นว่าคลื่นซัดแรงและสูงมาก ๆ


และแล้วเราก็กลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัยตอน 2.30 pm โดยมีฝนพรำเล็กน้อย


เรือกำลังเข้าเทียบท่าค่ะ

พอออกมาจากท่าเทียบเรือก็รอรถตู้จากปากบาราไปหาดใหญ่ที่หน้าบริษัท อาดังซี ฯ ตอนนั้นเริ่มกลัวไปไม่ทันเวลา check in ขึ้นเครื่องค่ะ เพราะเกือบ 3.00 pm แล้วอะ ...ทำไมมันช่างฉุกละหุกไปหมดน้า (- -')

หลังจากรถตู้วนมา 2 ครั้ง แต่ไม่ยอมจอดรับ คุณพนักงานบริษัทก็เลยขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามให้ ตกลงว่าเราได้ขึ้นรถตู้รอบ 3.30 pm กลับหาดใหญ่ โดยเราขอนั่งหน้าคู่คนขับอะค่ะ

ระหว่างทางมีคุณลุงขึ้นมานั่งด้วย จากนั้นทั้งคุณคนขับ และคุณลุงก็ชวนเราคุย พอรู้ว่าเรามาคนเดียว คุณคนขับก็ถามว่าแล้วจะไปสนามบินยังไง ...ตอนนั้นเราเหลือเงินอยู่ 40 บาทค่ะ hahaha (เตรียมเงินไปประมาณ 7,000 บาท)... พอเราบอกว่าจะนั่งรถสองแถวไป คุณคนขับก็ถามว่าทำไมไม่เหมารถไป

เรา: "เอ่อ หนูเหลือเงินอยู่ 40 บาทอะค่ะ"

คุณคนขับ: "โอ๊ยยย ไม่เห็นเป็นไรเลย แวะกดเงินที่ ATM ก็ได้"

เรา: ยิ้ม แต่ในใจคิดว่า 'ไม่เอาอะ คิดตั้ง 300 แพงเกินไป'

สงสัยคุณคนขับจะรู้ความคิดเราแน่ก็เลยถามว่าแล้วตอนออกมาจากสนามบินมายังไง เราก็บอกว่าเรานั่ง taxi airport ที่เป็นรถตู้ออกมา ราคา 75 บาท

เค้าก็ถามราคารถยนต์นั่ง แต่เราไม่รู้อะค่ะ ก็เลยไม่สามารถตอบได้ พอรู้แน่ว่าเราไม่คิดจะจ้างรถไปส่ง เค้าก็ชวนเราคุยเรื่องอื่น คุณลุงบอกว่าคุณคนขับคนนี้คุยเก่งมาก ตอนนั้นคุณลุงเคยขึ้นมา คุณคนขับคุยตั้งแต่ปากบาราถึงหาดใหญ่เลย ...นับถือ ๆ...

พอขับมายังไม่พ้นจังหวัดสตูลเลยค่ะ ยางดันแบน T_T ...คุณลุงถามว่าจะต้องเปลี่ยนรถไหม คุณคนขับก็บอกว่าไม่ต้อง พร้อมกับลงมาเปลี่ยนยางเอง ...โอ๊ววว จะทันไหมเนี่ย ช้านนนนน >_<

เสียเวลาเปลี่ยนยางเกือบชั่วโมง ระหว่างนั้นเราก็คุยกับคุณลุงไป ปรากฏว่าลูกชายคุณลุงจบนิติศาสตร์เหมือนกัน แต่จบจากม.กรุงเทพ แล้วตอนนี้กำลังเรียนเนติฯ และเรียนโทอยู่ที่ธรรมศาสตร์ พอคุณลุงรู้ว่าเราจบนิติเหมือนกัน ก็ชวนเราคุยเรื่องลูกไปเรื่อย ๆ จนคุณคนขับเปลี่ยนยางเสร็จ

จากนั้นฝนก็ตกพรำ ๆ บ้าง หนักบ้าง สลับกันไปจนถึงหาดใหญ่ค่ะ พอใกล้ถึงตัวเมือง คุณคนขับถามเราอีกครั้งว่าตกลงจะนั่งรถสองแถวใช่ไหม

เรา: "ใช่ค่ะ"

คุณคนขับ: "ก็ดีเหมือนกัน ประหยัดดี" จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า "เนี่ย ที่ไม่คะยั้นคะยอให้เหมารถไป เพราะเห็นว่าเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่ใช่มักง่ายนะ แต่ดูเป็นคนไม่เรื่องมากน่ะ"

เรา: "ค่ะ"

คุณคนขับ: "เนี่ย นิสัยอย่างนี้นะ นิสัยนางเอกละครไทยเลย"

เรา: ...ฮา... "เอ่อ หนูว่าหนูเป็นตัวอิจฉามากกว่านะคะ"

คุณคนขับ: "ไม่หรอก เนี่ย ดูสิ นางเอกละครไทยนะมีคุณสมบัติอย่างนี้แหละ เป็นคนดูสบาย ๆ จิตใจดี ฉลาด ฯลฯ" ...และมีคุณลุงคอยพยักหน้าเห็นด้วย

เรา: 'คุณคนขับกะคุณลุงยังไม่รู้นิสัยจริง ๆ หนูล่ะสิ' ((คิดในใจค่ะ hahaha)) แต่ก็เออ ออไปตามเรื่องอะค่ะ hahaha

โชคดีที่ตัวเมืองหาดใหญ่ ฝนตกไม่หนักมาก คุณคนขับเลยจอดรถให้เราลงที่หน้าท่ารถตู้ ...จริง ๆ จะจอดให้เราลงใกล้ ๆ สนามบินค่ะ แต่เราขอไปเข้าห้องน้ำก่อนอะ แหะ แหะ

พอขนกระเป๋าลงจากรถตู้เรียบร้อย คุณคนขับก็บอกให้เราฝากกระเป๋าไว้ที่พี่ทหารยามหน้าท่ารถ จะได้ไม่ต้องลากไปเข้าห้องน้ำด้วย ซึ่งเราก็ทำตามที่แนะนำค่ะ

หลังจากเข้าห้องน้ำเรียบร้อย เราก็ออกมาเอากระเป๋า พร้อมขอบคุณพี่ทหารยามที่ช่วยเฝ้ากระเป๋าให้ แล้วก็เตรียมลากข้ามถนนไปเรียกรถสองแถว พี่ทหารยามก็ถามว่า "แล้วนี่จะไปไหนต่อ"

เรา: "ไปสนามบินค่ะ"

พี่ทหารยาม: "แล้วไปยังไง"

เรา: "เดี๋ยวข้ามถนนไปขึ้นรถสองแถวอะค่ะ"

พี่ทหารยาม: "ว้า น่าเสียดาย ไม่มีรถ ไม่งั้นจะไปส่ง"

เรา: หันไปยิ้มให้ พร้อมขอบคุณ แล้วบอกว่า "ไม่เป็นไรค่ะ" จากนั้นก็รีบข้ามถนนมารอรถสองแถว เพราะตอนนั้นฝนเริ่มลงเม็ดหนักเหมือนกัน

ในที่สุดเราก็ได้ขึ้นรถสองแถวหลังจากยืนรอประมาณ 10 นาที และเป็นโชคดีที่พอเราขึ้นรถสองแถว ฝนก็เริ่มตกหนัก ...เฮ้ออ

แล้วพอรถสองแถวเข้าเขตสนามบิน ฝนก็เริ่มซาพอดีค่ะ


ป้ายสนามบิน ...ก่อนถึงตัวอาคารเยอะเลย


ที่จอดรถสองแถว เพื่อรับผู้โดยสารเข้าเมืองค่ะ

เนื่องจากรถสองแถวไม่เข้าไปส่งถึงอาคารผู้โดยสาร เราก็เลยต้องลากกระเป๋าฝ่าสายฝนไปตัวอาคาร ...ค่ารถสองแถว 15 บาท เท่ากับว่าเราเหลือเงินกลับบ้าน 25 บาทเองนะเนี่ย hahaha... พอ check in ที่ counter AirAsia เสร็จ ก็กดเงินเพื่อซื้ออาหารทานรองท้องค่ะ แหะ แหะ

เครื่อง take off จากสนามบินหาดใหญ่เวลา 7.10 pm มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 8.05 pm เร็วกว่าที่บอกคุณน้องชายให้มารับตั้งหลายชั่วโมง T_T สุดท้ายเราก็เลยต้องนั่งรออยู่ที่สุวรรณภูมิจนถึง 10.30 pm อะค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ ...แล้วจะพยายามหาเวลาไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ มาเล่าให้เพื่อน ๆ อ่านค่ะ



Create Date : 20 พฤษภาคม 2550
Last Update : 29 พฤษภาคม 2550 21:55:03 น.
Counter : 8479 Pageviews.

16 comments
  
สวยเหมือนเดิมฮ่ะ

แย่ตรงมีฝนเนี่ยแหละ เป็นผมก็เบื่อโคด

อ้อ ไม่ถามว่าลูกชายลุงหล่อป่าวฟะ 555
โดย: มัช IP: 203.113.34.11 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:19:58 น.
  
มัช: ก็กำลังจะถามแหละ แต่พอดีคุณลุงพูดออกมาก่อนว่าลูกชายเพิ่งแต่งงานไปเมื่อปลายเดือนที่แล้ว hahaha
โดย: ชาบุ วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:50:21 น.
  
สาวน้อยไปคนเดียวนี่ดีเนอะ มีแต่หนุ่มๆ จะคอยเทคแคร์ตั้งแต่ไปยันกลับ

....แล้วทำไมไม่ได้ติดไม้ติดมามามั่งเลยน๊า hahaha
โดย: คุณเก๋ IP: 124.121.9.178 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:56:40 น.
  
คุณเก๋: ก็เพราะมีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้วไง ถึงได้ไม่คิดจะมีใครติดไม้ติดมือกลับมา
โดย: ชาบุ วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:01:44 น.
  
สวยมากๆๆๆๆอยากไปๆๆๆๆๆๆๆ เจ้นิชอบมาทามให้อิจฉาว่างๆๆก็ออกเงินให้น้องแล้วพาไปหน่อย
โดย: nana IP: 124.121.182.24 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:06:58 น.
  
ง้านนนนน ง้านนนนน ง้านนนน ป้าเก๋ควงใครไปด้วยก็อดมีหนุ่ม ๆ มาเทคแคร์ดิ กะซิก ๆ ไปคนเดียวมั่งดีกว่า ฮี่ ๆ
โดย: ป้าเก๋สวย IP: 86.74.115.78 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:09:44 น.
  
อยากกินโรตีส่ายยยยยยยยยไข่ ส่ายยยยยยยยยยยยนม อิอิ สงสัยพี่นุ่นชอบกินโรตีแน่ แน่ เลย เพราะเกือบทุกทิป พี่นุ่นหม่ำแต่โรตี อิอิ

ชอบรูปตั๊กแตนจังค่ะ สวยดี เหมือนมันจะกระโดดออกมาเลยอ่ะค่ะ
โดย: zaxzophone. IP: 203.154.48.14 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:42:23 น.
  
คิดถึงหลีเป๊ะมากจริงๆนะเนี่ย เห็นแล้วก็อยากไป ตอนที่กุ้งไปก็มีพายุอยู่วันนึงเหมือนกันค่ะ บรรยากาศหยั่งงี้เลย แต่สงสัยอยู่อย่าง ที่นั่นมีแต่หมาสีดำเนอะ น่ารักดี
โดย: กุ้ง IP: 203.146.11.154 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:57:18 น.
  
ฟ้าหลังฝนนี่งามจริง ๆ
โดย: โอ๋ IP: 58.181.145.220 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:09:23 น.
  
อิจฉานุ่นจัง ได้ไปเที่ยวแบบนี้ เราต้องหาโอกาศไปบ้างแหละ แต่คงไปคนเดียวแบบนุ่นไม่ได้หรอก ไม่มั่นเท่านุ่นอะนะ

รูปตั๊กแตน สวยดี ชอบ
โดย: เต๋า IP: 58.10.170.240 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:57:52 น.
  
เย้ๆ ชาบุขยันทำ blog ดีจัง (สิงค์โปร์ของเรายังไม่ถึงไหนเลย)
โดย: ไร้นาม IP: 124.121.140.230 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:35:09 น.
  
มาติดตามเช่นเคยจ้ะ :-)
โดย: Ja~ IP: 203.113.32.8 วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:19:42 น.
  
เก่งจังเลยน้องเรา เดินทางสมบุกสมบันจิงๆๆ ไว้เดี๋ยวปลายปีพี่ไปตกระกำลำบากที่นิวซีแลนด์แล้วจะเอารูปมาฝากแบบนี้บ้างน่ะ 55555
โดย: P' A IP: 125.24.71.129 วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:39:20 น.
  
อยากไปเที่ยวมั่งจัง
อิจฉาคนได้ไปเที่ยว

โดย: นางมารร้าย วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:0:58:18 น.
  
ติดตามอ่านตั้งแต่ภาค 1 จนจบ
เขียนได้สนุกดีครับ รายะลเอียดครบถ้วน ถ้าไปเองเอาข้อมูลของคุณไปใช้ได้เลย สบายๆไม่มีหลง
โดย: หนุ่มเจียงฮาย IP: 202.69.140.130 วันที่: 24 มกราคม 2551 เวลา:15:58:01 น.
  
เรากำลังจะไปพักที่หลีเป๊ะ เห็นคุณเคยไปเกาะหลีเป๊ะ เราอยากถามเรื่องการเดินทางบนเกาะนิดหนึ่งอ่ะคะ อยากทราบว่าบนเกาะเนี่ยเค้าเดินระหว่างหาดกันอย่างไรคะ แบบบางเกาะเค้าจะมีรถสองแถวประจำเกาะ บางเกาะก็มีรถมอไซค์ให้เช่า แต่ว่าไม่แน่ใจว่าเกาะนี้เล็กเกินกว่าจะมีรถให้เช่าหรือเปล่าคะ รบกวนตอบเมลกลับด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ (thiparatt@huawei.com)
โดย: J IP: 195.33.106.4 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:13:25:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชาบุ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เป็นสาวแกร่งแรงเกินร้อย ประเภทพึ่งพาตัวเองได้ ดื้อเงียบ (แต่มีเหตุผลพอสมควรนะ) อ่อนไหว ช่างฝัน แต่ก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง ชอบมองอะไรกว้าง ๆ และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น (ปลงแล้ว! hahaha) ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตนี้ยอมไม่มีแฟนดีกว่าไม่มีหนังสืออ่านอะ >_<

สิ่งที่จำขึ้นใจคือ คำคมภาษาอังกฤษที่ว่า "I will take my life into my hands and I will use it" และ คำคมจากหนัง My Best Friend's Wedding "When you love someone,you say it right then, out loud or the moment just passed you by"
พฤษภาคม 2550

 
 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog