I'm not a bitch, I just have a low tolerance for bullshit.
|
|||
Italy, Austria & Germany: Roma (23-25 Sept. 2008) Part 1 เช้าวันที่ 23 Sept. 2008 เราก็มาถึง Roma หรือ Rome, Italy ค่ะ พอลงจากรถไฟ พวกเราก็แบ่งหน้าที่กัน เอื้อมไปติดต่อ Tourist Information เพื่อถามทางไปที่พัก ส่วนเราไปเข้าคิวจองที่นั่งรถไฟ จากนั้นถึงไปที่พักกัน ...Tourist Information แนะนำให้พวกเราซื้อ Roma Pass ค่ะ สามารถใช้เป็นค่าโดยสารรถสาธารณะได้ทุกประเภท รวมทั้งเข้า Museum 3 ที่แรกฟรีด้วย คุ้ม ๆ ที่พักหาค่อนข้างยากอะค่ะ เพราะเราเลือกที่พักแบบเป็น apartment ขนาดเราโทรถามทางแล้ว ก็ยังหลงอยู่ดี hahaha จริง ๆ พวกเราเข้าซอยถูกแล้วนะคะ หาบ้านเลขที่เจอแล้วด้วย แต่เพราะคาดว่าจะต้องมีป้ายชื่อโรงแรม ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่มี ก็เลยพากันไม่แน่ใจ (- -') สุดท้ายก็เลยถามคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เค้าก็ดีมาก ๆ พอเห็นว่าบ้านเลขที่ถูกก็เดินไปอ่านป้ายชื่อห้องให้ จนในที่สุดก็เห็นชื่อโรงแรม hahaha พอเราเข้าไปในตัวอาคาร คุณผู้ดูแลก็ลง lift มารับ แต่พอไปถึงชั้นแล้ว คุณผู้ดูแลกลับบอกว่าห้องที่เราจองไว้ตอนนี้ไม่สะดวก เพราะห้องน้ำมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งเค้าจะให้ช่างมาซ่อมวันนี้ และเค้าได้ติดต่อที่พักอีกที่นึงไว้ให้แล้ว เดี๋ยวเค้าจะพาไปดู แล้วค่อยให้พวกเราตัดสินใจว่าจะพักกับเค้า หรือจะพักที่ใหม่ ที่พักใหม่อยู่ไม่ไกลจากที่พักเดิมมากนัก เป็นห้องเหมือนหอพักอะค่ะ ราคาเท่ากันกับที่พักเดิม คือ 114 Euro/night ...เอื้อมกับเราลังเล ๆ เพราะยังไม่เห็นห้องพักเดิม แต่ป้าสุเป็นคนตัดสินใจเลือกที่พักใหม่ เนื่องจากมีครัวและเครื่องซักผ้าให้อะค่ะ อาคารที่พักใหม่ เตียงนอน เตียงเสริม ...เตียงนี้เราจอง hahaha มุมครัวกับเครื่องซักผ้า ห้องมีขนาดเล็กค่ะ แต่ไม่อึดอัดนะ แถมใน cupboard ก็มีขนม นม เนยเตรียมไว้ให้พร้อม อ้อ มีห้องน้ำในตัวนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาอะ hahaha หลังจากพักเหนื่อยกันแล้ว พวกเราก็เริ่มตะลุยเที่ยวกรุงโรมกัน โดยนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานีใกล้บ้าน Cavour ไปสถานี Colosseo เพื่อเที่ยวในเขต The Ancient Centre พอโผล่ขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เราก็เจอ Colosseum เลย แต่ยังไม่เข้าไปชมข้างใน เพราะมีจุดหมายที่ The Roman Forum ก่อน Colosseum ...ยิ่งใหญ่อลังการมากค่ะ ตื่นตาตื่นใจ hahaha หลังจากใช้ Roma Pass เพื่อเข้าชม The Palatine ฟรี พวกเราก็เดินชื่นชมและดื่มด่ำกับสถาปัตยกรรมยุคโบราณ พลางทึ่งในฝีมือของคนสมัยก่อน ซากปรักหักพังที่ยังคงความยิ่งใหญ่ให้เห็น ซาก The Stadium สร้างในสมัยของ Emperor Domitian ...ทางด้านซ้ายเห็นส่วนนึงของ The Domus Augustana ด้วย ส่วนที่ยังเหลืออยู่ของ The Domus Flavia มุมนี้มองเห็นทั้ง Santa Francesca Romana and The Arch of Titus Santa Francesca Romana ...ชัด ๆ จำไม่ได้ว่าซากของอะไรอะ T_T ...คาดว่าน่าจะเป็น The Palace of Septimus Severus Basilica of Constantine and Maxentius ป้าสุ & เอื้อม ...ทริปนี้ สาว สาว สาว ค่ะ hahaha The Temple of Romulus The Temple of Antoninus and Faustina Santa Maria Antiqua ^ ^ มองดูซากพวกนี้แล้วก็นึกถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเค้าอะค่ะ The Roman Forum with The Arch of Septimius Severus ยังคงเห็นถึงความละเอียดอ่อนของช่างฝีมือสมัยก่อน ...นึกดูแล้วพวกเค้าไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยเลย แต่กลับสร้างสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ น่านับถือ ๆ พวกเราไม่สามารถเดินใน the Roman Forum ได้ทั่วอะค่ะ เพราะตอนนั้นก็บ่ายแก่ ๆ แล้ว เดี๋ยว Colosseum ปิด ดังนั้น พวกเราก็เลยเดินออกแล้วมุ่งหน้าไป Colosseum กัน ผ่าน The Arch of Constantine อีกรอบ คราวนี้มาพิจารณาใกล้ ๆ ^ ^ Details of The Arch of Constantine หลังจากใช้บัตร Roma Pass เข้าชม Colosseum ฟรี พวกเราก็ได้ดื่มด่ำกับ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ข้างใน Colosseum ค่ะ ...สมัยก่อนมีลานสำหรับให้ต่อสู้ แต่ตอนนี้เค้าทำไว้เพียงส่วนนึงให้เห็นอะค่ะ ชั้นใต้ดินเป็นสถานที่สำหรับขังทาสหรือสัตว์ที่นำมาต่อสู้กันให้ประชาชนได้ชม ระหว่างเดินชมข้างใน พวกเราก็มองออกไปนอกช่องหน้าต่าง ...มุมนี้เห็นส่วนนึงของ The Roman Forum ((ในภาพป้าสุกำลังยืนให้เอื้อมถ่ายรูปให้อะค่ะ)) มุมนี้มองเห็น The Arch of Constantine หลังจากชื่นชมกับ Colosseum กันแล้ว พวกเราก็ลงรถไฟฟ้าใต้ดินมาโผล่ที่สถานี Bernini เพื่อชม the Trevi Fountain น้ำพุที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงของ Roma ^ ^ The Trevi Fountain ...สวยมาก ๆ เลยอะ >_< พอถ่ายรูปจนหนำใจ และโยนเหรียญอธิษฐานแล้ว พวกเราก็เดินนนนนนนน ไป Piazza di Spagna เพื่อชม Spanish Steps Spanish Steps ...ถึงแม้จะเลยช่วงหัวค่ำมาแล้ว แต่นักท่องเที่ยวก็ยังเยอะอยู่ Trinita dei Monti ...โบสถ์ในศตวรรษที่ 16 เหนือ Spanish Steps ค่ะ วิวตอนกลางคืนของ Piazza di Spagna จากด้านหน้า Trinita dei Monti จากนั้นพวกเราก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี Spagna เพื่อกลับที่พักอะค่ะ วันแรกที่ Roma ก็แทบจะทำให้พวกเราหมดเรี่ยวหมดแรงกันเลยทีเดียว เพราะเดิน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ดังนั้น หลังจากอาบน้ำเสร็จ ทุกคนเลยต้องยืดกล้ามเนื้อกันอุดตะลุด hahaha (โปรดติดตามตอนต่อไป) รูปโดนใจมากๆ ค่ะ เห็นแล้วอยากกินพิซซ่า เอ๊ะ..เกี่ยวกันรึเปล่าเนี่ย
โดย: Oh IP: 125.25.112.4 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:19:56:55 น.
ไม่เจอหนุ่มอิตาลี่หน้าตาหล่อ ๆ พอเป็นขนมหวานมั่งรึคะ อิอิ
โดย: ป้าเก๋สวย IP: 84.102.201.71 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:1:48:09 น.
ลืมไปค่ะป้าเก๋ คุณคนดูแล apartment ที่นุ่นไปพัก หน้าตาหล่อค่ะ ...เพราะหน้าตาดี พวกนุ่นก็เลยให้อภัยที่ไม่สามารถพักที่พักเดิมได้ hahaha
โดย: ชาบุ วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:3:09:00 น.
^
^ ^ เห็นด้วยกะป้าเก๋ด้วยคนค่ะ ไม่มีหนุ่มอิตาเลี่ยนมาเสริฟเป็นของหวาน ด้วยเหรอค่ะ อิอิ ส่วนที่พัก นี่คือที่พักขนาด 1-2 ดาว หรือค่ะนั่น ดูไฮโซดีจังค่ะ แต่เท่าที่มิ้วเจอมาเกี่ยวกับฝรั่งเวลามาพักที่ไทย แบบว่ามีอีตา professor จากเดนมาร์ก มาทำงานเชียงใหม่ทีไร ฮีจะจิกตาม ให้ทางฝ่ายไทยจองโรงแรมให้ เพราะว่าถ้าจองในนามส่วนราชการ หรือมหาลัย ฯ จะได้ในราคาลดพิเศษ เพราะโรงแรมถือว่าเป็นแขกมหาลัย ซึ่งถูกกว่าถ้าเค้าจะมาจองเองหน่ะค่ะ โดยถ้าเค้าจองเอง จะได้ในราคาชาวต่างชาติ ทีนี้อีตาฝาหรั่งพวกนี้เคยชินค่า จะมาเชียงใหม่เมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นงานตัวเอง หรืองานราชการ ฮีจิกให้ฝ่ายไทยจองให้โม๊ดดดค่า แถมจะเอาถูกและเวรี่กู๊ดอีกต่างหาก ขี้จิ๊ขนาด (แปลว่างกเหลือเกิน)ทีอาจารย์เราไปประชุมหรือไปทำงานที่นู้นบ้าง เค้าไม่ใช่มา welcome ยินดีต้อนรับ แถม offer ให้แบบเรา ที่ทำให้กะเค้าอ่ะค่ะ แต่ก็น่ะ คนไทยใจดีที่ซู๊ดดดด แล้วอ่ะ u อยากได้อะไร พวก i จัดทำให้โม๊ดดดดดดดด ปล. ตอนโยนเหรียณอธิษฐานว่าไงค่ะ หวังว่าคงไม่ใช่ขอให้โลกสงบสุขน่ะค่ะ อิอิ โดย: มิ้วเจ้า IP: 202.28.38.253 วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:16:32:30 น.
น้องมิ้วคะ พี่กลัวว่าถ้าพี่บอกว่าพี่ขออะไร เดี๋ยวคำขอของพี่จะไม่เป็นจริงอะค่ะ hahaha ...เอาเป็นว่ามันเกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยวละกันนะ
โดย: ชาบุ วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:19:27:03 น.
อิอิอิ
โดย: neko IP: 58.8.196.77 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:28:20 น.
|
ชาบุ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] เป็นสาวแกร่งแรงเกินร้อย ประเภทพึ่งพาตัวเองได้ ดื้อเงียบ (แต่มีเหตุผลพอสมควรนะ) อ่อนไหว ช่างฝัน แต่ก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง ชอบมองอะไรกว้าง ๆ และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น (ปลงแล้ว! hahaha) ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตนี้ยอมไม่มีแฟนดีกว่าไม่มีหนังสืออ่านอะ >_< สิ่งที่จำขึ้นใจคือ คำคมภาษาอังกฤษที่ว่า "I will take my life into my hands and I will use it" และ คำคมจากหนัง My Best Friend's Wedding "When you love someone,you say it right then, out loud or the moment just passed you by" Group Blog All Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |