วันเดียวก็เที่ยวได้ที่...สมุทรสงคราม
หลังจากที่สมาชิกในกลุ่มทุกคนกลับมาจากวันหยุดสงกรานต์ พวกเราก็ชวนกันไปเที่ยวค่ะ ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะไปบ้านยายเรา แต่ไป ๆ มา ๆ คนนั้นก็ไม่สะดวก คนนี้ก็ไปไม่ได้ สุดท้ายเลยเหลือแค่ทริปสั้น ๆ วันเดียว ไม่ค้าง

พอเหลือแค่วันเดียวก็มาเริ่มคิดกันว่าจะไปไหนดี ณัฐกับศิเสนอว่าไปดูหิ่งห้อยที่สมุทรสงครามกันดีกว่า ส่วนพี่ต้นก็อยากไปล่องแก่ง

สุดท้ายลงมติกันได้ที่สมุทรสงครามค่ะ ((แต่พี่ต้นก็ไม่ได้ไปด้วย))

ทริปนี้พอดีตรงกับวันศุกร์ที่ 5 พ.ค. อรหยุดงานเลยขอไปด้วย ไปรับหนึ่งกับเหมียว (แฟนหนึ่ง) ที่บ้านพักพนักงานไปรษณีย์ ตรงแจ้งวัฒนะ จากนั้นไปรับเติ้ลที่หอพัก แล้วก็ไปเจอณัฐกับศิ ที่ปั๊มน้ำมันใกล้ ๆ หอของณัฐกับศิที่ปิ่นเกล้าค่ะ

พอรวมตัวกันได้ ก็ขับรถตาม ๆ กันหาร้านทานอาหารเช้าค่ะ ตกลงแวะทานต้มเลือดหมูกัน


ฝั่งซ้าย คนใกล้สุดคือ ศิ ตามด้วย เหมียว ตามด้วยเติ้ล ส่วนฝั่งขวา คือ หนึ่ง ณัฐ และอรค่ะ

((อรนี่คนละคนกับทริปเกาะเกร็ดนะคะ คนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องเราค่ะ))

ทานข้าวเสร็จ ก็ขับรถดุ่ม ๆ ตามกันไป ตอนแรกว่าจะไปวัดอะไรสักวัด แต่สุดท้ายก็เลือกไปวัดเพชรสมุทรฯแทน










มีลิเกมาเล่นด้วย สงสัยจะแก้บนอะค่ะ


เข้ามาไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมในโบสถ์


อ่างน้ำมนตร์ ...บางคนตักใส่ขวดกลับบ้านค่ะ แต่เราแค่พรม ๆ ใส่หัวอะ


เติ้ลเสี่ยงเซียมซี

ออกจากวัดเพชรสมุทรฯ เราก็นึกว่าจะไปอุทยาน ร.2 กับวัดที่มีต้นไม้ขึ้นล้อมโบสถ์ เพราะจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา แต่ปรากฏว่าเค้าไปดอนหอยหลอดกันเลย เพราะใกล้เที่ยง ได้เวลาทานอาหารกลางวัน


แวะไหว้กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ค่ะ


ทางขึ้นศาลฯ




วิวด้านที่มองเห็นทะเลค่ะ


เติ้ล, ณัฐ, เรา, ศิ

จากนั้นก็ไปร้านอาหารค่ะ ...ร้านเดียวกับที่เรามาทานประจำเลยอะ




น้ำลงค่ะ


สั่งอาหาร


เต็มโต๊ะ

พอทานเสร็จ ก็นั่งย่อยกันพักใหญ่ ๆ เลยค่ะ น้องศิเธอบ่นว่าร้อน ไม่อยากไปไหนต่อแล้ว ส่วนเหมียวก็บอกอรว่าไม่ไหวแล้ว ...- -'

ระหว่างนั่งพักก็คุยกันว่าจะไปที่ไหนต่อ เวลาเหลืออีกตั้งนานกว่าจะค่ำ แล้วดูหิ่งห้อย พอเราเสนอว่าให้ไปอุทยาน ร.2 กับวัดที่เป็น unseen in Thailand แล้วค่อยมาขึ้นเรือชมหิ่งห้อยที่ปลายโพงพาง ณัฐก็บอกว่า ไม่งั้นก็ไม่ต้องดูหิ่งห้อย จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมา ((เอ่อ มันแค่นี้เองนะ ไม่ได้ย้อนมาไกลเลย ให้ตาย อีกอย่าง ที่มาสมุทรสงครามกันเนี่ยก็เพราะจะดูหิ่งห้อยกันไม่ใช่เหรอ ))

ตอนนั้นบรรยากาศเริ่มมาคุแล้วค่ะ เติ้ลพยายามจะกระตุ้นมาก ๆ แต่ไม่สามารถ - -'

สุดท้ายด้วยความเกรงใจทางร้าน เลยตัดสินใจอพยพกันไปที่อุทยาน ร.2 ค่ะ ณ ตอนนั้นเองที่เติ้ลมาบอกว่า "หนึ่งบอกให้ช่วยพูดกับพี่นุ่นหน่อยว่า หนึ่งต้องรีบกลับ คงดูหิ่งห้อยไม่ได้ เพราะบ้านเหมียวห้ามกลับเกิน 9 pm" ...โอ๊ววว ตอนนั้นเราเลือดขึ้นหน้าแล้วค่ะ ไม่ใช่เราไม่บอกนะคะว่าดูหิ่งห้อยน่ะ เรือเริ่มออกตอน 7 pm กว่าจะดูเสร็จก็ 8 pm กว่า ๆ ได้ เพราะฉะนั้นต้องกลับกรุงเทพฯ ดึกอยู่แล้ว ในเมื่อคุณรู้อยู่ว่าต้องกลับดึก แล้วคุณกลับบ้านดึกไม่ได้ จะมาทำไม


พอเช็คบิล ทางร้านก็ให้บัตรรับกำไลหยกฟรี 1 อันมาค่ะ ณัฐกับศิเลยช่วยกันเลือกเอาไปฝากพี่ อ.

ขากลับจากดอนหอยหลอด ไปแวะซื้อของ รถเรามีแค่เรากับอร อรก็บ่นว่าที่มาเนี่ย เพราะอยากดูหิ่งห้อยนะ เราเองก็อยากดู เลยตัดสินใจว่า ใครอยากกลับก็ให้กลับไป พวกเราจะอยู่ดูหิ่งห้อยกัน






^
^
อาหารทะเลที่วางขายสองข้างทางค่ะ

เราซื้อน้ำตาลปึกตามที่มารดาสั่ง แล้วก็ซื้อขนมจากไส้กล้วยมาทานเอง


จากร้านนี้อะค่ะ ((แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทานอะ ใส่ตู้เย็นไว้แล้วลืม - -'))

ออกจากดอนหอยหลอด โดยมีเติ้ลย้ายมานั่งรถเราค่ะ ระหว่างทางไปอุทยาน ร.2 พวกเราก็คุยกันเรื่องที่จะรีบกลับ เราเลยบอกว่าอรกับเราจะอยู่ต่อดูหิ่งห้อย เติ้ลก็อยากดู แต่หลังจากที่หนึ่งบอกว่าจะรีบกลับ เติ้ลโทรไปนัดเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ไม่อยากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตกลงก็เหลือเรากับอรสองคนค่ะ

พวกเราไปถึงก่อนรถณัฐค่ะ เลยเดินเที่ยวกันก่อน


อาคารหลังแรกค่ะ












^
^
บริเวณด้านบนค่ะ เป็นหมู่อาคารที่มีทางเดินเชื่อมกัน

ระหว่างที่อยู่ข้างบน พวกที่เหลือก็มาถึงค่ะ แต่คนที่เดินขึ้นมาชมก็คือณัฐกับศิ ส่วนหนึ่งกับเหมียวนั่งอยู่ใต้ต้นไม้

เรา อร เติ้ลพอดูอาคารหลังแรกเสร็จ ก็ไปเดินเข้าไปดูอาคารที่เพิ่งสร้างใหม่ค่ะ ดูไกล ๆ นึกว่าทำจากไม้ แต่พอไปถึงแล้วถึงรู้ว่าสร้างด้วยปูนนี่แหละ





แวะซื้อน้ำก่อนขึ้นไปชมข้างบนค่ะ แต่ถือขึ้นไปไม่ได้ เลยต้องฝากพี่คนขายแช่ไว้ในตู้ก่อนอะ - -'




^
^
บริเวณข้างบนค่ะ เพราะเป็นพื้นกระเบื้อง แดดส่อง เวลาเดินก็ร้อนเหมือนกันนะคะ แต่บริเวณที่ร่ม ก็เย็นดีอะค่ะ




^
^
ตุ๊กตาดินเผา ตั้งหน้าห้องบรรทมสมเด็จพระเทพฯ ค่ะ (คุณพี่ขายน้ำข้างล่างเค้าบอกมาอะค่ะ)

ลงมานั่งดื่มน้ำ แล้วก็คุยกับพี่คนขายน้ำ รอณัฐกับศิ พี่คนขายแนะนำว่าออกจากอุทยาน ร.2 แล้วให้ไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา อยู่อีกด้านของที่จอดรถนี่เอง ดังนั้น พอณัฐกับศิชมอาคารใหม่เสร็จ พวกเราก็ไปเดินเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา ...ตลาดน้ำแห่งเดียวที่เปิดตอนเย็นค่ะ

พอจะเดินเข้าตลาด ก็เห็นป้ายบริการเรือชมหิ่งห้อย เลยรู้ว่าที่นี่ก็มีเรือพาไปชมหิ่งห้อยเหมือนกัน นอกจากปลายโพงพาง


ได้กางเกงเลสีชมพูบานเย็นจากร้านนี้ 1 ตัว




^
^
ยังมีของขายไม่เยอะค่ะ เพราะยังหัววันอยู่






^
^
3 ภาพนี้ ถ่ายจากสุดทางเดินทางขวามือก่อนขึ้นสะพานค่ะ คือ พวกเราเดินกันตั้งแต่หัวตลาดยันท้ายตลาด ปีกซ้าย ปีกขวาไปหมดทุกทาง hahaha

ที่เดินได้ทั่วขนาดนี้ เพราะเรากับอรต้องรอลงเรือชมหิ่งห้อยตอน 6.30 pm อะค่ะ ส่วนคนอื่น ๆ พอเดินได้แป๊บนึงก็กลับกัน


ตลาดเริ่มคึกคัก


อรซื้อขนมจีบร้านนี้เป็นมื้อเย็น เพราะได้ยินมาจากคนที่เดินสวนไป-มาว่าขนมจีบร้านนี้รสชาติใช้ได้ แต่ส่วนตัวเราว่าจืดไปหน่อยอะค่ะ - -'


เราอยากทานบาร์บีคิวค่ะ เลยซื้อมาคนละ 2 ไม้


เดินข้ามสะพานข้ามคลองมาอีกฝั่งนึง เพื่อจะซื้อของกินอย่างอื่น แล้วเดินไปนั่งริมฝั่งแม่น้ำบริเวณหน้าโรงพักอัมพวา


เพิ่งเห็นป้ายชื่อถนนอะค่ะ


เดินเลาะริมฝั่งแม่น้ำจนหาเก้าอี้ว่างได้ จากนั้นก็นั่งทานอาหารที่ซื้อมาค่ะ


แม่น้ำหน้าเก้าอี้ที่เรานั่งทานมื้อเย็นค่ะ ...แบตฯ กล้องหมดแล้ว แต่ถ้านาน ๆ เปิดที ก็ถ่ายได้ 1 รูปค่ะ - -'

ทานหมดแล้วก็เดินกลับมานั่งรอลงเรือที่ร้านที่ซื้อบัตรชมหิ่งห้อยค่ะ ...จำชื่อไม่ได้ว่าร้านอะไร แต่อยู่เชิงสะพาน ตรงข้ามร้านขายน้ำพอดีอะค่ะ


ถ่ายรูปเรือลำที่จะพาพวกเราชมหิ่งห้อยไว้ ขณะนั่งรออยู่บนบันไดทางลงท่าน้ำเลยร้านไปหน่อย แต่ปรากฏว่าเค้าเปลี่ยนเรือ เอาลำนี้ไปบริการพวกที่เช่าเหมาลำแทน

พอใกล้ 6.30 pm เค้าก็เรียกให้ลงเรือค่ะ เรือออกเร็วมา ๆ พระอาทิตย์ยังไม่ตกเลย เราก็นึกในใจว่า 'อย่างนี้จะเห็นหิ่งห้อยไหมเนี่ย' ถามพี่ที่ส่งลงเรือ เค้าบอกว่า "เห็น ถ้าไม่เห็นมาเอาเงินคืนได้เลย" ...อืมมม...

เรือแล่นไปเรื่อย ๆ ในคลอง ผ่านบ้านที่ให้บริการ Homestay หลายหลัง กระนั้นพระอาทิตย์ก็ยังไม่ตก แต่พี่ผู้หญิงที่นั่งพายอยู่หน้าเรือเป็นไกด์ดีมาก ๆ ค่ะ พอเราถามว่าจะเห็นหิ่งห้อยไหม พี่เค้าก็บอกว่า "วันนี้คนเยอะ เค้าเลยให้ออกมาเร็วไป ฟ้ายังไม่มืด หิ่งห้อยยังไม่กระพือปีกหรอก" ...อ้าว...

จนเรือแล่นเลยครึ่งทางไปแล้วอะค่ะ ฟ้าถึงเริ่มมืด เริ่มเห็นหิ่งห้อย แต่น้อยมาก ๆ ไม่เหมือนคราวก่อนที่เรามาปลายโพงพาง อาจจะเป็นเพราะแสงจันทร์ด้วย

ระหว่างนั้น สาวฟร้องต์ส่ง sms มาถามว่าดูหิ่งห้อยกันสนุกไหม เลยส่ง sms กลับไปฟ้องว่าไม่มีใครอยู่ดูหิ่งห้อยกันซักคน เหลือแค่เรากับอรสองคน hahaha

จบทริป เราอยากนั่งอีกรอบ เผื่อจะเห็นหิ่งห้อยมากขึ้น แต่อรบอกว่า "อย่าเลย แสงจันทร์สว่าง ยังไงก็ไม่ค่อยเห็นหรอก กลับกรุงเทพฯ ดีกว่า อรต้องทำงานพรุ่งนี้ด้วย" เราเลยได้แต่คิดว่า 'จะมาใหม่โอกาสหน้า คราวนี้จะค้างด้วย ฮึ่ม ฮึ่ม ใครไม่มากะเราก็ช่าง มาคนเดียวก็ได้ (วะ)'



Create Date : 28 พฤษภาคม 2549
Last Update : 5 มิถุนายน 2549 22:03:13 น.
Counter : 1744 Pageviews.

6 comments
  
ไม่เคยไปที่นี่เลยแฮะ ได้แต่ผ่านไปกินข้าวที่ดอนหอยหลอด

ร้านประจำผมคือ "คุ้นลิ้น"อ่ะ ..แต่เบื่อพวกลิงเจงๆ

เคยนั่งเรือดูหิ่งห้อยที่คลองในเกาะกูด เยอะมากกกก ...เยอะจนคนขับเค้าบอกว่านี่รู้ว่าพวกเราจะมา เลยเอาไฟมาติดต้นไม้ให้นะนี่ haha
โดย: คุณเก๋ IP: 124.121.1.215 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:22:16:13 น.
  
น่าไปเที่ยวมากๆเลย
โดย: ขวัญ IP: 58.136.205.20 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:22:16:40 น.
  
อยากไปจังเลยค่ะ ไม่เคยไปเลยอะ งึด ๆ รอไปดูหิ่งห้อยพร้อมป้าเก๋ดีกว่า ใครไม่ไป เราไปกันสองคนก็ได้ (วะ) จำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ หนองน้ำข้างบ้าน หิ่งห้อยเยอะมาก แล้วป้าก็จะไปจับมันมา หลายตัวเลย เอามาปล่อยในห้องนอน ฮี่ ๆ รึไม่ก็ขังใส่ขวดไว้ ทำเป็นไฟฉาย แถมบางทีก็ เอามันมาบี้ก้นเล่น เอ่ออออ มันมีแสงได้ไงหว่า ...เห็นม๊า...คนสวย มักช่างสงสัยตั้งแต่ยังเด็ก
โดย: ป้าเก๋สวย จนขวัญหื่น ๆ ยอมแพ้ราบคาบ IP: 84.99.252.60 วันที่: 6 มิถุนายน 2549 เวลา:3:54:19 น.
  
ช่วงนี้เคลียร์ของค้างสต๊อกใช่มั๊ยคะคุณนุ่น
บ้านเพื่อนโบว์ก็อยู่สมุทรสงครามค่ะ
ว่าจะไปค้างก็ไม่ได้ค้างซะที มีแต่ไปกลับ^^







...
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 6 มิถุนายน 2549 เวลา:8:01:32 น.
  
ไปเที่ยวไม่ชวน งอนๆ
แต่ถึงชวนช่วงนี้ก็ไม่ว่างอยู่ดีหละ อิอิ อ่านแล้วนึกถึงที่เคยไป home stay & ชมหิงห้อยกันเนอะ
โดย: Ja~ IP: 202.28.169.165 วันที่: 6 มิถุนายน 2549 เวลา:11:14:29 น.
  
ตามมาเที่ยวคนจ้า..และ...
แวะมาขอบคุณที่ไปอวยพร
ให้น้องแซน้ะค๊า
โดย: zaesun วันที่: 6 มิถุนายน 2549 เวลา:17:41:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชาบุ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เป็นสาวแกร่งแรงเกินร้อย ประเภทพึ่งพาตัวเองได้ ดื้อเงียบ (แต่มีเหตุผลพอสมควรนะ) อ่อนไหว ช่างฝัน แต่ก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง ชอบมองอะไรกว้าง ๆ และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น (ปลงแล้ว! hahaha) ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตนี้ยอมไม่มีแฟนดีกว่าไม่มีหนังสืออ่านอะ >_<

สิ่งที่จำขึ้นใจคือ คำคมภาษาอังกฤษที่ว่า "I will take my life into my hands and I will use it" และ คำคมจากหนัง My Best Friend's Wedding "When you love someone,you say it right then, out loud or the moment just passed you by"
พฤษภาคม 2549

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
30
31
 
 
All Blog