Italy, Austria & Germany: Firenze (27-29 Sept. 2008) Part 1
พวกเรามาถึง Firenze หรือ Florence ประมาณ 08.30 pm ...แต่กว่าจะหาที่พักเจอก็ปาเข้าไป 09.00 pm ค่ะ hahaha

ที่หาที่พักไม่เจอเนี่ย เพราะ tourist information ปิดแล้วเลยไม่สามารถหาแผนที่ได้ แล้วพอเราโทรไปถามกับทางโรงแรม ตอนแรกก็ติดต่อไม่ได้ ไม่มีคนรับสายอะ T_T ...ตอนอยู่ Siena เราโทรมาแจ้งกับทางโรงแรมไว้แล้วว่าจะมาถึงประมาณ 09.00 pm ที่ต้องแจ้งก่อน เพราะโรงแรมจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ถึงแค่ 08.00 pm อะค่ะ...

หลังจากเดินมั่ว ๆ ไปได้สักพัก ก็สามารถติดต่อทางโรงแรมได้ สรุป คือ พวกเราเดินมาถูกทางแล้ว แต่ยังไม่ถึงเท่านั้นเอง แหะ แหะ เพราะ Mr.Antonio เจ้าของโรงแรมที่มารอรับพวกเราบอกว่าเค้าเห็นพวกเราเดินมาตั้งแต่แรกแล้ว ((แป่วววว))


นี่เป็นตึกที่เราพักค่ะ โรงแรมอยู่ชั้น 2 และห้องของเราก็อยู่ตรงหัวมุมชั้น 2 ที่เป็นหน้าต่างบานใหญ่ ๆ พอดีเลย ...อ้อ เราพักที่ Soggiorno La Cupola ค่ะ 120 Euro/night (ราคานี้รวมทั้ง breakfast และภาษีทั้งหมดแล้ว)


Mr. Antonio กำลังตรวจเอกสารเกี่ยวกับการจองที่พวกเราเอามาเป็นหลักฐาน

หลังจาก check in เรียบร้อย Mr.Antonio ก็มอบ house wine 1 ขวด เป็น welcome drink ...กรี๊ด ๆ นอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังใจดีอีกตะหาก (>_<) งานนี้ได้ใจป้าสุไปเต็ม ๆ เลยค่ะ hahaha

ข้อดีของการไป trip นี้ก็คือ เรากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการหาที่พักราคาถูก (และคุณภาพดี) ไปเลย hahaha เพราะเรา search ข้อมูลเยอะมาก ๆ อะ (- -')


ห้องที่ Mr.Antonio เตรียมไว้ให้พวกเราค่ะ ...เค้าภูมิใจนำเสนอมาก ๆ เพราะสามารถมองออกไปเห็น Duomo ได้ชัด ๆ อะ


อีกมุมนึงของห้อง ...หน้าต่างบานนี้แหละค่ะที่เป็นมุมที่มองเห็น Duomo ได้


ห้องน้ำในห้อง ...ถ้าดูจากรูปห้องนอนรูปแรก จะเห็นว่าผนังห้องน้ำไม่สูงติดเพดานอะ ตอนแรกพวกเราก็นึกว่าห้องน้ำไม่มีเพดานปิด เลยแซวกันว่าเวลาปวดหนักก็กรุณาเกรงใจกันด้วย หรือไม่งั้นก็ออกไปเข้าห้องน้ำข้างนอก แต่พอสำรวจจริง ๆ ห้องน้ำมีเพดานด้วย เจ๋ง ๆ

หลังจากพวกเราเก็บของเรียบร้อยแล้วก็ตัดสินใจหอบ house wine ที่ได้มาขึ้นไปบนดื่มกันบนดาดฟ้าของตึกอะค่ะ ...ดื่มไป ชม Duomo ไป


Duomo ...แม้แต่ตอนกลางคืนก็ยังสวย


Trattoria La Madia ...ที่ทานอาหารเช้าของพวกเราอะค่ะ Mr.Antonio ให้นามบัตรที่ใช้เป็น coupon ทานอาหารเช้าให้มายื่นที่ร้าน


Berkel traditional flywheel slicer ...ตั้งอยู่หน้าร้านอะค่ะ


ดอกไม้หน้าร้านอะ ...ระหว่างรอให้เค้ายกขนมมาให้ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเดินหามุมถ่ายรูป hahaha


มื้อเช้า ...ทางร้านจะให้เลือกขนมแล้วก็กาแฟค่ะ ขนมนี่เราชี้ ๆ เอาอะค่ะ อยากทานอันไหนก็ชี้ แต่กาแฟ เราสั่ง Cappuccino

มีเรื่องฮา ๆ เกิดขึ้นในวันที่ 2 ที่เราไปทานมื้อเช้า คือ วันที่ 29 และวันที่ 30 พวกเราต้องนั่งรถไฟออกจาก Firenze ตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ ก่อนเวลาร้านเปิดอะค่ะ แต่พวกเราได้ coupon ทานอาหารเช้าสำหรับ 4 วัน ก็เลยขอคุณเจ้าของร้านใช้ coupon 2 วันที่เหลือในวันนั้นเลย ซึ่งคุณเจ้าของร้านก็ไม่ขัดข้อง เราให้เอื้อมกับป้าสุไปเลือกขนมก่อน ซึ่งเอื้อมกับป้าสุก็เดินถือจานใส่ขนมกลับมาคนละชิ้น พอถึงตาเรา เราก็เดินไปสั่ง ปรากฏว่าคุณเจ้าของร้านบอกให้เรากลับมานั่ง เดี๋ยวเค้าจะเอาขนมมาเสริฟให้ ทีนี้พอเราเดินกลับไปที่โต๊ะมือเปล่า เอื้อมกับป้าสุก็ถามว่าเราไม่ได้สั่งขนมเหรอ พอเราบอกว่าเดี๋ยวเค้าเอามาให้ที่โต๊ะ เอื้อมกับป้าสุก็โวยวายว่าอะไรกัน ทำไมเค้าถึงบริการแต่เราคนเดียวล่ะ เอ๊ะ หรือคุณเจ้าของร้านปิ๊งเรา แล้วก็ถึงขั้นเลยเถิดวิเคราะห์ว่าคน Italian เห็นว่าเราสวยเหรอเนี่ย ((จริง ๆ มันมีเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นด้วยอะค่ะ แต่ไว้เล่าทีหลังละกันนะ)) ยิ่งตอนที่พวกเรากำลังจะออกจากร้าน คุณเจ้าของร้านเดินมาถามว่าเค้าจะไม่ได้เจอพวกเราอีกแล้วใช่ไหม แล้วก็ทำตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์ เอื้อมยิ่งหาเรื่องแซวเรา (- -') ...แต่จากเกย์ด้าของเราแล้ว คุณเจ้าของร้านน่าจะเป็นเกย์อะค่ะ hahaha

ระหว่างทานอาหารเช้า พวกเราก็สำรวจเส้นทางในแผนที่ไปด้วย ...แผนที่นี่ได้มาจาก Mr.Antonio อีกเช่นกันค่ะ หุ หุ... ทีนี้เอื้อมอยากเดินตลาดสด ก็เลยถามคุณเจ้าของร้านว่าบริเวณนั้นมีตลาดสดหรือเปล่า คุณเจ้าของร้านก็เลยบอกให้เดินลึกเข้าไปก็จะเจอตลาด พวกเราก็เลยเดินไปตามทางที่คุณเจ้าของร้านบอกค่ะ แต่กลับกลายเป็นว่าเจอ flea market อะค่ะ





ช่วงนั้นเอื้อมเริ่มมีอาการไม่สบาย ก็เลยจะซื้อหมวกไว้สวมให้หัวอุ่น แล้วใน flea market ก็มีร้านขายหมวก เอื้อมก็เลยเดินเข้าไปดู เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงหน้าตาใจดี ๆ อะค่ะ ถ้าลองแล้วไม่สวย ถึงจะราคาแพงกว่า เค้าก็ไม่เชียร์ให้ซื้อ ระหว่างเอื้อมลองอันนู้นอันนี้ เราก็เห็นหมวกสีน้ำตาลทรงคล้าย ๆ หมวกของพวกศิลปินอะค่ะ ก็เลยหยิบมาลองบ้าง เอื้อมก็เชียร์ให้ซื้อนะคะ แต่ก็ต้องชั่งใจ เพราะมันเป็นหมวกทรงแฟชั่นที่ถ้ากลับมาเมืองไทยแล้ว เราคงไม่ใส่เดินไปไหนมาไหนอะ hahaha

พอดี๊ เราเหลือบไปเห็นหมวกไหมพรมสีม่วงที่น่าจะใส่กันหนาวได้พอสมควรก็เลยหยิบมาลอง หูยยย คราวนี้คนขายเชียร์เลยค่ะว่าใส่แล้ว ok น่ารัก ดังนั้น ก็เลยไม่ต้องคิดอะไรมาก เราก็ตัดสินใจซื้อใบนี้ (และแน่นอนว่าต้องใส่เลย hahaha) ...ส่วนเอื้อมได้หมวกไหมพรมสีฟ้า ((แต่คนละทรงกับเรานะคะ))

ตอนจ่ายเงิน เอื้อมหยิบเงินออกมาลำบาก ...เพราะเก็บไว้ดีเกิน hahaha... เราก็เลยจ่ายให้ก่อน พอยื่นให้คนขายบอกว่า "(I'll pay) for her." คนขายก็ยิ้ม แล้วก็เอื้อมมือมาจับแก้มเราอะ (>_<)

อ้อ คุณเจ้าของร้านไม่ได้บอกผิดหรอกนะคะ เพราะจริง ๆ แล้วตลาดสดอยู่ลึกไปอีกอะค่ะ แล้วก็เปิดแต่เช้าตรู่มาก ๆ พอสัก 09.00 am ก็จะปิด แล้วก็ได้เวลาของ flea market แทนอะค่ะ ที่รู้เพราะวันต่อมาพวกเราลองเดินเลยเข้าไปดูอะค่ะ แล้วก็เจอจริง ๆ ด้วย

ออกจาก flea market พวกเราก็เดินไป Uffizi เพื่อซื้อตั๋วเข้าชม ...เนื่องจาก Uffizi เป็นหนึ่งใน museums มีคนรอเข้าชมเยอะมาก ดังนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องเข้าคิวซื้อตั๋วไว้ก่อน แล้วถึงจะกลับมาเข้าชมทีหลังอะค่ะ...


ระหว่างทางมีคนวาดรูปบนถนน เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปผ่านมาให้ตังค์อะค่ะ


รูปนี้ยังวาดค้างอยู่อะค่ะ ...คนวาดยังไม่มา


Ponte Vecchio ...เดินผ่านระหว่างทางไป Uffizi อะค่ะ... เป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดใน Firenze


ขอถ่ายด้วยสักรูป เพราะเป็นวิวที่สวยจริง ๆ ...อวดหมวกสีม่วงที่เพิ่งซื้อมาด้วย hahaha


รูปปั้นนี้ตั้งอยู่ทางเข้า Uffizi ด้านติดแม่น้ำค่ะ

แถวคนที่รอซื้อตั๋วเข้าชม Uffizi ยาวมากค่ะ กลยุทธ์ของพวกเรา คือ เรากับป้าสุจะยืนต่อแถว ส่วนเอื้อมจะวิ่งไปดูว่าแถวที่พวกเราเข้าอยู่นั้นถูกหรือเปล่า เพราะอาจจะเป็นแถวรอเข้าไปก็ได้ ...พอเอื้อมเดินกลับมา เอื้อมก็บอกว่าแถวที่พวกเราต่ออยู่นั้นเป็นแถวสำหรับซื้อตั๋วจริง ๆ แต่...มันเข้าไปซื้อมาได้แล้ว ((ซะงั้น)) เอื้อมอธิบายว่าตอนที่กำลังเดินอยู่แถว ๆ เจ้าหน้าที่ เห็นนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปถามเรื่องตั๋ว แล้วเจ้าหน้าที่ก็เปิดให้เข้าไป เอื้อมก็เลยถือโอกาสนั้นตามเข้าไปด้วยอะค่ะ

อย่างไรก็ตาม เรื่องมาเฉลยทีหลังว่าวันนั้นเป็นวันที่เค้าเปิดให้เข้าชม Uffizi ฟรีด้วยค่ะ (เนื่องจากเป็น weekend ที่เค้ามีงานฉลอง European Heritage Days อะค่ะ) คือ คนที่ซื้อตั๋วก็ซื้อไป แล้วก็ไปรอเข้าชมอีกประตูนึง ส่วนที่เรากับป้าสุไปยืนต่ออยู่นั้น เป็นแถวสำหรับเข้าชมฟรีค่ะ ซึ่งเค้าจะปล่อยให้เข้าไปน้อยกว่าคนที่ซื้อตั๋วอะ หาใช่การแซงคิวไม่

พวกเราได้ตั๋วเข้าชม Uffizi รอบ 12.30 pm ค่ะ ดังนั้น พวกเราก็เลยเดินไป Piazza della Signoria ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับ Uffizi กัน


ชอบนักไอ้ซอกเล็กซอกน้อยอย่างนี้ (>_<) แถมยังมีอาคารโค้ง ๆ อีกตะหาก hahaha


Palazzo Vecchio ...ตั้งอยู่ที่ Piazza della Signoria นั่นแหละค่ะ


Perseus โดย Cellini ...ที่กำลังถืออยู่เป็นหัวของ Medusa ค่ะ


รูปปั้นจำลอง Michelangelo's David ...ของจริงเคยตั้งอยู่ที่นี่จนถึงปี ค.ศ. 1873 อะค่ะ


Hercules and Cacus by Baccio Bandinelli

รูปปั้นทั้งหมดตั้งอยู่ที่ Piazza della Sognoria ค่ะ

เนื่องจากพอมีเวลา พวกเราก็เลยเข้าไปชม Palazzo Vecchio ที่เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ปราสาทของตระกูล Medicee หรือที่คนไทยคุ้นหูว่า Medici


ขนาดเพดานทางเดินบริเวณ Courtyard of Michelozzo ยังสวยเลยอะ (>_<)


พูดกันขำ ๆ ว่าท่าทางรูปปั้นนี้เป็นต้นแบบของท่า "69" อะค่ะ แหะ แหะ

ลืมบอกไปว่าเค้าตรวจกระเป๋าค่อนข้างเข้มนะคะ เอื้อมกับเราที่สะพายเป้หลังต้องรื้อของออกมาหมดเลย เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูอะ (- -') แล้วพอซื้อตั๋วเสร็จ ก็ต้องเอาเป้ไปฝากไว้ที่จุดรับฝากของก่อนเข้าชมด้วย


Salone dei Cinquecento ...ห้องโถงใหญ่ของ Palazzo Vecchio เป็นห้องแรกที่พวกเราเดินเข้าไปและมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วรออยู่ค่ะ (ถ่ายจากชั้น 2 อะ)


Battle at San Vincenzo by Vasari ...ภาพซ้ายสุดอะค่ะ

ออกจาก Salone dei Cinquecento พวกเราก็เดินต่อไปห้อง Sala di Leone X


Sala di Leone X ...บนผนังเป็นภาพ Leone X elegge numerosi cardinali


ภาพ Episodio a monocromo della vita di leone X


โต๊ะทำงานในห้อง Sala di Clemente VII ...ข้างบนเป็นภาพ Assedio di Firenze


ภาพ Clemente VII incorona Carlo V ...ในห้อง Sala di Clemente VII


ภาพ Carlo V incorona Aless.o de' Medici, rientro a Firenze, Sposalizion con Margh. d'Austria ...ในห้อง Sala di Clemente VII เช่นกัน


ภาพ Clemenet VII e Francesco I di Francia

(โปรดติดตามตอนต่อไป)




Create Date : 04 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2551 17:11:22 น.
Counter : 1519 Pageviews.

5 comments
  
เอ่อ รูปปั้นนี่เข้าข่ายอนาจารป่าวค่ะ อิอิ
โดย: ZaxZoPhone. วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:45:12 น.
  
ต่อเลยๆ รอดูอยู่น๊า
โดย: เก๋ IP: 124.121.9.169 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:39:28 น.
  
ต้นตำรับท่า 69 อยู่ที่นี่เอง 555

ที่ทึ่งคือ พี่จำชื่อได้หมดเลยเรอะเนี่ย เก่งอะ เป็นผมถ่ายมาอย่างเดียว ชื่อเช่อลืมหมด

ไว้มีโอกาสไปมั่งจะโทรไปปรึกษานะเคอะ
โดย: smatch IP: 61.19.228.46 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:52:18 น.
  
โห หมวกสีม่วงโดนใจมากๆ
โดย: นู๋เติ้ล IP: 203.151.46.130 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:37:08 น.
  
สวยมาก ๆ ๆ เจ้
โดย: neko IP: 58.8.196.77 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:08:00 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชาบุ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เป็นสาวแกร่งแรงเกินร้อย ประเภทพึ่งพาตัวเองได้ ดื้อเงียบ (แต่มีเหตุผลพอสมควรนะ) อ่อนไหว ช่างฝัน แต่ก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง ชอบมองอะไรกว้าง ๆ และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น (ปลงแล้ว! hahaha) ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ชีวิตนี้ยอมไม่มีแฟนดีกว่าไม่มีหนังสืออ่านอะ >_<

สิ่งที่จำขึ้นใจคือ คำคมภาษาอังกฤษที่ว่า "I will take my life into my hands and I will use it" และ คำคมจากหนัง My Best Friend's Wedding "When you love someone,you say it right then, out loud or the moment just passed you by"
พฤศจิกายน 2551

 
 
 
 
 
 
1
2
3
9
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
27
28
29
30
 
 
All Blog