เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ก่อนชายในชุดดำจะเปิดประตูก้าวเข้ามายืนสงบนิ่งอยู่หน้าโต๊ะ
แสงแดดส่องลอดผ่านกระจกเผยให้เห็นเงาของชายอีกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวนั้น
จนป่านนี้แล้ว ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยหรือ เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากชายคนที่นั่งหันหลังรออยู่ก่อนแล้ว
กระหม่อมต้องขอประทานอภัย ขอฝ่าบาททรงอดทนรออีกสักหน่อย ชายชุดดำตอบน้ำเสียงนอบน้อม
เราทนรอมานานแล้ว ต้องให้ทนรอต่อไปอีกนานแค่ไหน หางเสียงจากคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะเริ่มตวัดขึ้นตามแรงอารมณ์
กระหม่อมพึ่งทราบว่าฝ่าบาททรงส่งกุหลาบมรณะเข้าไปในตักศิลา ชายชุดดำเอ่ย
นั่นเพราะเราทนรอต่อไปอีกไม่ได้ กุหลาบมรณะจะช่วยงานของเจ้าให้เป็นไปโดยง่ายและรวดเร็วขึ้น คนบนเก้าอี้หันกลับมา
แต่กุหลาบมรณะเกือบทำให้งานของกระหม่อมพัง ขอฝ่าบาททรงพิจารณาเรียกตัวกลับ ชายชุดดำแย้ง
กุหลาบมรณะทำไปเพื่อต้องการทดสอบเป้าหมายเท่านั้น เจ้าอย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้ คนบนเก้าอี้เอนกายพิงพนัก
เช่นนั้นฝ่าบาทคงทรงทราบแล้ว ถึงการเคลื่อนไหวทั้งหมดในนอร์ส ชายชุดดำพูดต่อ
อืม... คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงรับรู้ แต่เราอยากฟังจากปากของเจ้าด้วย
พะย่ะค่ะ... โอลาฟ ลาเรนส์เรียกประชุมสภาที่ปรึกษาแห่งกษัตริย์ และเข้าถวายรายงานด่วนต่อกษัตริย์มาร์เทนหลายครั้งในช่วงสองเดือนมานี้ กระหม่อมคิดว่าทางนอร์สคงเริ่มเตรียมการ ชายชุดดำกล่าว ทางบาวาเรียเองก็ดูเหมือนจะเริ่มเตรียมพร้อม สายรายงานว่านายพลลูเธอร์ เดอฟริส เริ่มดำเนินการเคลื่อนย้ายกำลังพลแล้ว
เจ้าลูเธอร์... เจ้าหอกข้างแคร่... คนบนเก้าอี้ส่งเสียงคำราม
กระหม่อมคิดว่านายพลลูเธอร์คงวางแผนอะไรสักอย่าง เพราะวิลเลม เดอฟริส ลูกชายคนเดียว ถูกส่งตัวเข้าไปเรียนในตักศิลา ชายชุดดำยังคงพูดต่อ
เราได้ข่าวว่าวิลเลม เดอฟริส ได้รับตำแหน่งตรีพิทักษ์ เช่นเดียวกับอันเดรียส แฟร์โร ลูกชายของเคานต์อัลฟอนโซจากอัลวาโร อย่างนั้นหรือ คนบนเก้าอี้ขยับตัว
พะย่ะค่ะ... รวมทั้งเทียเรลล์ ลาเรนส์ หลานชายของโอลาฟ ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลลาเรนส์ด้วย ชายชุดดำเสริม
จะให้พวกมันรวมตัวกันติดไม่ได้ หากบาวาเรียได้นอร์สและอัลวาโรร่วมสนับสนุน ที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะส่งเสียงกร้าว
กระหม่อมทราบแล้ว ชายชุดดำค้อมศีรษะ
อีกไม่นาน... ความฝันของเราจะเป็นจริง ขอเพียงแค่นักรบผู้ถูกเลือกตามตำนานปรากฎตัวขึ้นเมื่อไหร่ เมื่อนั้นจะเป็นวันของเรา! คนบนเก้าอี้แสยะยิ้มเหยียด แววตาลุกโชนด้วยเพลิงอาฆาต พร้อมๆกับแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่ดับมืดลง.........
เสียงอาวุธฟาดฟันเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามดังไปทั่วบริเวณสนามฝึกฝน นักเรียนใหม่ต่างกำลังขะมักเขม้นฝึกซ้อมภายใต้การควบคุมดูแลของซาเบรียล ลาเกรฟ มาสเตอร์หนุ่มผู้ฝึกสอนภาคศิลปะการต่อสู้จากคัสปาร์
ไม่ได้... ไม่ได้... ใช้ไม่ได้! เทียเรลล์ ลาเรนส์! ป้อแป้แบบนี้... เรี่ยวแรงเอาไปเก็บไว้ที่ไหนหมด! ... เสียงดังลั่นของซาเบรียลทำให้นักเรียนแทบทุกคนต้องหันมามองเป็นตาเดียว
ภาพที่เห็นคือมาสเตอร์หนุ่มจากคัสปาร์ดินแดนแห่งทะเลทรายกำลังโถมตัวฟาดดาบโบราณขนาดใหญ่ลงใส่เทียเรลล์ ทายาทตระกูลลาเรนส์ไม่ยั้ง ในขณะที่เทียเรลล์ได้แต่ถอยร่นไม่เป็นกระบวน
อยากเอาชนะฉันไม่ใช่หรือ... อย่าเอาแต่ถอยสิ! ... มัวทำอะไรอยู่! ... ยืดยาดเป็นเต่าแบบนี้! ซาเบรียลยังคงตะโกนพร้อมๆกับที่กวัดแกว่งดาบเล่มโตในมือเข้าใส่อย่างหนักหน่วง
ฉันไม่มีวันยอมแพ้... จะไม่ยอมแพ้นายอย่างเด็ดขาด.... เทียเรลล์กัดฟันกรอดพร้อมส่งเสียงคำรามจากลำคอ
อย่าเก่งแต่พูด... แน่จริงแสดงให้ฉันเห็น!... แสดงออกมา! ... พิสูจน์ให้ฉันเห็นว่านายเหมาะสมแล้วที่เป็นทายาทของลาเรนส์ ตระกูลแห่งนักรบ!.... ซาเบรียลยังคงส่งเสียงท้าทาย
ย้าก!.............. เทียเรลล์โถมตัวพุ่งเข้าใส่เต็มแรง แต่มันก็ยังไม่รวดเร็วพอ เพราะซาเบรียลมาสเตอร์หนุ่มแค่ขยับตัวเพียงนิด ก็สามารถหลบพ้นคมดาบของเทียเรลล์ไปได้อย่างไม่ยากเย็น
จะไหวหรือ... แบบนี้ อันเดรียสหยุดยืนมองด้วยสายตาเป็นกังวล
เทียเรลล์ไม่เคยยอมแพ้ใคร นายก็รู้ วิลเลมตอบเรียบๆ
แต่ว่า... ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า มาสเตอร์เหมือนดูจงใจจะเล่นงานแต่เฉพาะไอ้ตัวแสบเท่านั้น ไอ้ตัวแสบของอันเดรียสก็คือเทียเรลล์
คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง วิลเลมระบายลมหายใจ อาจเพราะเทียเรลล์ได้รับตำแหน่งตรีพิทักษ์ เพราะทำคะแนนได้สูงสุดภาคศิลปะการต่อสู้ นั่นเลยทำให้มาสเตอร์ดูจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ
แคร๊ง!......... ดาบเล่มโตในมือของเทียเรลล์หล่นลงกระแทกพื้นดินของสนามฝึกฝน
ไม่ได้เรื่อง! ... แบบนี้เมื่อไหร่ถึงจะเอาชนะฉันได้!... ซาเบรียลยืนจังก้า ปลายดาบชี้ตรงไปยังเทียเรลล์ จำไว้ให้ดี... เมื่อไหร่ที่อาวุธหลุดจากมือ ชีวิตก็พร้อมที่จะหลุดลอย.... นับจากนี้ไป อย่าปล่อยให้อาวุธหลุดจากมือได้อีกเป็นอันขาด
อะ...แฮ่ม... หวังว่าฉันคงไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรนะ มาสเตอร์ซาเบรียล เสียงกระเเอมที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ทุกคนหยุดการฝึกซ้อมและหันไปมองเป็นตาเดียว
ประมุขโอลาฟ... มาสเตอร์ซาเบรียลเรียกเสียงนอบน้อมทันทีที่เห็นว่าใครคือผู้มาเยือน หามิได้ครับ... ประมุขอุตส่าห์ลงมาถึงสนามฝึกฝนด้วยตัวเอง ไม่ทราบมีอะไรให้ซาเบรียลคนนี้รับใช้
ไม่ต้องมากพิธีหรอกมาสเตอร์ ฉันแค่จะพาลูกศิษย์คนใหม่มาฝากฝังให้ช่วยดูแล ประมุขโอลาฟหัวเราะเบาๆ เลดี้เอลวีน่า โบชอง... จากโบการ์ด
สาวน้อยแก้มชมพู พร้อมดวงตาคู่โตสีเขียวน้ำทะเลใส กับผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นลอนสลวยที่ถูกรวบไว้เป็นหางม้า ในชุดเสื้อกางเกงหนังแบบชายหนุ่ม เดินออกมาจากด้านหลัง และนั่นทำให้เทียเรลล์ต้องอ้าปากค้าง
เธอ.... ยัยม้าดีดกะโหลก! เทียเรลล์หลุดคำพูดออกมาด้วยความตกตะลึง อันเดรียสและวิลเลมหันขวับไปยังเทียเรลล์ เพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์ทายาทคนเดียวของลาเรนส์ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
เธอมาทำอะไรที่นี่! เทียเรลล์เลือดขึ้นหน้าทันทีที่ตั้งสติได้ แต่เลดี้เอลวีน่า โบชอง สาวน้อยจากโบการ์ดตีสีหน้าใสซื่อ
อย่าเสียมารยาทต่อหน้าประมุขโอลาฟ... เทียเรลล์ ลาเรนส์ มาสเตอร์ซาเบรียลหันมาส่งแววตาดุ
รู้จักกันแล้วหรือ... เทียเรลล์ โอลาฟหันมาระบายยิ้มละไมก่อนจะหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี หนุ่มสาวสมัยนี้... รวดเร็วกันดีจริง... ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ
ไม่ได้เจอกันนาน... เอลวีน่า โบชอง... เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะ หึๆๆ เสียงของอันเดรียสเรียกความสนใจได้จากทั้งเทียเรลล์และวิลเลม
หวังว่าจะหมายความว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะ... อันเดรียส แฟร์โร เลดี้เอลวีน่า สาวน้อยจากโบการ์ดตอบพร้อมรอยยิ้ม
อันเดรียส... อย่าบอกนะว่านายรู้จักยัยม้าดีดกะโหลกนี่ เทียเรลล์หันขวับกลับมายังเพื่อนหนุ่มหน้าสวยจากอัลวาโรอย่างหงุดหงิดเต็มที่
เฮ้... เฮ้... ใจเย็นๆสิ อันเดรียสหันมายกไม้ยกมือ ฉันกับเอลวีน่าเคยรู้จักกันก็จริง แต่มันก็นานมาแล้ว ตั้งแต่ตอนมาควิสปิแอร์ ท่านพ่อของเอลวีน่าถูกส่งตัวจากโบการ์ดไปประจำที่อัลวาโร ตอนนั้นฉันน่าจะสักห้าขวบได้ แต่ไม่ถึงสองปี ทั้งมาควิสปิแอร์และเอลวีน่าก็กลับไปโบการ์ด ตั้งแต่นั้นฉันก็ไม่ได้เจอเอลวีน่าอีกเลย เพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์หน้าสวยจากอัลวาโรร่ายยาว ว่าแต่นายเถอะ... ไปรู้จักกันมาตอนไหน
ตอนไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ว่าฉันไม่ได้อยากจะรู้จักยัยทอมบอยนี่เลยสักนิดเดียว เทียเรลล์หน้าตูมก่อนหันไปเล่นงานเอลวีน่า สาวน้อยจากโบการ์ด ที่นี่คือตักศิลา... อย่างเธอมาทำอะไรที่นี่
ฉันก็ต้องมาเข้าเรียนสิ เรื่องง่ายๆแบบนี้ไม่เห็นต้องถามเลย เอลวีน่า โบชอง สาวน้อยดวงตาสีเขียวมรกตตอบยียวน
จู่ๆจะเข้ามาเรียนที่นี่ได้ยังไง คนอื่นเขาสอบเข้ามาเรียนกันตั้งแต่ต้นปีทั้งนั้น เทียเรลล์แหวด้วยอารมณ์พาล
ฉันสอบผ่านนะจะบอกให้... ไม่เชื่อถามประมุขโอลาฟดูสิ เอลวีน่าสาวน้อยจากโบการ์ดทำตาใสซื่อ เทียเรลล์จึงหันขวับไปยังโอลาฟเหมือนจะขอคำยืนยัน
เอลวีน่าสอบผ่านจริงๆ... เทียเรลล์ ประมุขแห่งตักศิลาระบายรอยยิ้ม และการรับเอลวีน่าเข้าเรียนในครั้งนี้ก็ถือเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากช่วงที่ตักศิลาเปิดทำการสอบคัดเลือก เอลวีน่าป่วยหนักจนไม่สามารถมาเข้ารับการทดสอบได้ แต่การรับนักเรียนเข้าเรียนกลางภาคเป็นกรณีพิเศษ นักเรียนก็จะต้องเข้ารับการทดสอบทั้งภาควิชาการและภาคศิลปะการต่อสู้ และเอลวีน่าก็ผ่านการทดสอบนั้น
หมายความว่าฉันต้องทนเรียน ทนเห็นหน้าเธอไปอีกเป็นปีเลยหรือนี่ เทียเรลล์โวยวาย ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดความอดทนไปในบัดดล
ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ... ฉันมีงานต้องกลับไปทำ ยังไงก็ฝากด้วยละกันนะมาสเตอร์ซาเบรียล ประมุขโอลาฟเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
นี่ฉันทำกรรมเวรอะไรเอาไว้กับเธอนะ ถึงต้องตามมาเจอกันอีกจนได้แบบนี้ เทียเรลล์ทายาทหนุ่มจากตระกูลลาเรนส์กุมขมับ ก่อนจะคว้าดาบเล่มโตที่ทำหลุดตกจากมือขึ้นจากพื้นสนามฝึกฝน แล้วเดินตุปั๊ดตุป่องออกไปอย่างหัวเสีย เลดี้อะไรกัน... ทอมชัดๆ...!
เท่านั้นเองเส้นอารมณ์ของ เลดี้ ที่ถูกเรียกว่า ทอม ก็ขาดผึง เอลวีน่าก้าวฉับๆตามเทียเรลล์ไปทันที หนอยแน่ะ... เทียเรลล์ ลาเรนส์ อย่านึกว่าเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลลาเรนส์แล้วจะมีสิทธิ์ว่าคนอื่นเสียๆหายๆได้นะ อย่างนายจะเก่งสักแค่ไหนเชียว แน่จริงอย่าหนีสิ มาดวลกันให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปเลย ว่ายังไง... เทียเรลล์ ลาเรนส์ หยุดเดี๋ยวนี้นะ.......!
วิลเลมลูกชายนายพลใหญ่แห่งบาวาเรียมองตามหลังเทียเรลล์ เพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์เลือดร้อนและเลดี้เอลวีน่า สาวน้อยจอมแก่นจากโบการ์ด ที่กำลังเดินห่างออกไปอย่างใช้ความคิด ทำไมจู่ๆมาควิสปิแอร์ โบชอง ซึ่งเป็นถึงพระนัดดาที่นับว่าสนิทชิดเชื้อที่สุดคนหนึ่งของจักรพรรดิ์ลีโอเนลแห่งโบการ์ด ถึงตัดสินใจส่งบุตรีเข้าเรียนในตักศิลา อีกทั้งยังเป็นการเข้าเรียนอย่างกะทันหันเสียด้วย
เท่าที่เขาเคยรู้มาบ้าง มาควิสปิแอร์มีบุตรีเพียงคนเดียว ซึ่งชายหนุ่มปักใจเชื่อแน่ว่า มาควิสจะต้องทั้งรักทั้งตามใจลูกสาวคนนี้เป็นที่สุด บุคลิคของเลดี้เอลวีน่าเองก็บ่งบอกนิสัยเอาแต่ใจเช่นนั้นอยู่ไม่น้อย การที่มาควิสจะยอมปล่อยลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจให้ออกจากวัง จากชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขสบายมาเผชิญโลกนอกเขตปราสาทตามลำพังเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อ นอกเสียจากว่า....................
ชักจะสนุกแล้วสิ... ไอ้ตัวป่วนดูท่าจะเจอคู่ปรับ แถมเป็นสาวน้อยน่ารักเสียด้วย หรือนายว่าไงวิลล์... หึๆๆ อันเดรียสพูดกลั้วหัวเราะ
อ้อ.. อืม... วิลเลมพยักหน้ารับน้อยๆ ดวงตาสีฟ้าล้ำลึกส่อแววครุ่นคิดลึกซึ้ง
เดิมพันในครั้งนี้ดูจะสูงค่าเสียจนแม้กระทั่งโบการ์ด ซึ่งถือว่าเป็นแคว้นใหญ่ที่มั่งคั่งแคว้นหนึ่งก็ยังให้ความสนใจ... เอลวีน่า โบชอง... สาวน้อยจอมแก่นคนนี้คงไม่ธรรมดาเป็นแน่...............
เสียงนกกระพือปีกดังพึ่บพั่บด้านนอกทำให้ซาเบรียล ลาเกรฟ มาสเตอร์หนุ่มจากคัสปาร์ ดินแดนแห่งทะเลทรายสีทองรีบลุกไปเปิดหน้าต่างห้องออกอย่างระมัดระวัง กวาดตามองผ่านบรรยากาศอันอึมครึมในยามโพล้เพล้จากด้านบนของตึกไปรอบบริเวณ เมื่อไม่เห็นใครจึงเป่าปากเบาๆเป็นสัญญาณ เหยี่ยวทะเลทรายสีน้ำตาลตัวเขื่องบินร่อนจากท้องฟ้าที่เริ่มมืดสนิทเบื้องบน ลงมาเกาะที่ขอบหน้าต่างอย่างรู้ใจ
ซาเบรียลค่อยๆบรรจงแกะสาส์นที่ผูกติดเอาไว้กับขาของเหยี่ยวคู่ใจออกอย่างเบามือ ข้อความสั้นๆ เตรียมการพร้อมแล้ว .....รอเพียงคำสั่ง ทำให้เขานิ่งไปอึดใจ เหยี่ยวทะเลทรายสะบัดปีกเบาๆเหมือนเป็นคำเตือน
ขอบใจนะโฮรัส... เจ้าคงเหนื่อยมาก มาสเตอร์หนุ่มจากคัสปาร์เดินไปหยิบถ้วยน้ำและอาหารที่เตรียมไว้รออยู่ก่อนแล้ว มาวางลงตรงหน้าเจ้าสัตว์ในอาณัติ โฮรัสก้มหน้าก้มตากินอาหารและน้ำ ในขณะที่ซาเบรียลทรุดตัวลงนั่งลูบหัวมันเบาๆอย่างใช้ความคิด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของมาสเตอร์หนุ่มจากคัสปาร์ส่งประกายวาวโรจน์ สะท้อนรับกับเเสงเเห่งดาวประจำเมืองที่เริ่มมองเห็น ณ เส้นขอบฟ้า ท่ามกลางความมืดที่เริ่มโรยตัวลงมาปกคลุม
อีกไม่นาน... งานของเราจะมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว... วันแห่งการรอคอยอันยาวนานกำลังจะสิ้นสุด... มันผู้ใดก่อกรรมเอาไว้ มันผู้นั้นจะต้องชดใช้ผลแห่งการกระทำนั้นอย่างสาสม!........