บัลลังก์เเห่งวาฮัลลา (ภาคศาสตราเเห่งเทพ) ... บทที่ 1





Painting by Oregon Artist Cyrus James Fulton





“จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ตื่นได้แล้ว”


สิ้นเสียงคนพูดเสียงน้ำสาดก็ตามมาดังซ่าใหญ่


“ว้าก......! ไอ้วิลล์ มันหนาวนะเฟ้ย ปลุกกันดีดีไม่ได้เหรอ...หา! น้ำร้อนมีก็ไม่ใช้ดันเล่นน้ำเย็นแต่เช้า กะฆ่ากันให้ตายเลยใช่มั้ย” คนโดนน้ำสาดกระโดดโหยงจากเตียงลงมายืนขาสั่นพั่บ ตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก ผมเผ้าหัวหูดูไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำ


“ก็ใครใช้ให้ไม่รู้จักตื่นนอนให้เป็นเวล่ำเวลา จะปลุกเทียเรลล์ตัวกินนอนน่ะปลุกอย่างคนปกติเค้าได้เสียที่ไหน ช่วยไม่ได้” วิลเลมตีหน้าเรียบเฉย


“นายก็เหมือนกันอันเดรียส รู้ทั้งรู้ว่าไอ้วิลล์จะสาดน้ำใส่ยังปล่อยให้มันทำได้” เทียเรลล์หาเป้าหมายโจมตีต่อ ชายหนุ่มยังหงุดหงิดไม่หายทั้งที่ปากคอเริ่มสั่นสะท้าน


“ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ... ก็ไอ้วิลล์มันเรียกแล้วตั้งหลายครั้ง นายหลับไม่รู้เรื่องเองนี่นา อีกอย่าง... วันไหนไม่เห็นลูกหมาโดนน้ำสาด วันนั้นฉันคงกินอะไรแล้วไม่ย่อย” อันเดรียสหัวเราะร่า


“อันเดรียส! ไอ้เพื่อนบ้า” เจ้าลูกหมาโดนน้ำสาดเริ่มสบถ


“หากยังไม่ยอมไปอาบน้ำแต่งตัว ฉันกะอันเดรียสจะลงไปโรงอาหารก่อน ส่วนนายหากอยากอดมื้อเช้าเข้าชั้นเรียนก็ตามสบาย ก็แค่นมแพะจากคัสปาร์ ไส้กรอกบาวาเรีย ไข่คน แล้วก็ขนมปังโบการ์ด” วิลเลมเอ่ยขึ้นลอยๆ


“เฮ้ย... ทำงั้นได้ไง ขืนปล่อยให้พวกนายกินหมด เสียชื่อเทียเรลล์คนนี้แย่” คนตัวเปียกปอนรีบสงบศึกทันควัน “ขอสิบนาทีเท่านั้น... เดี๋ยวมา ชายหนุ่มว่าพลางวิ่งทั่กๆออกจากห้องไปอย่างไม่รอคำตอบ



“เฮ้อ... ค่อยยังชั่ว หากจับไข้ขึ้นมาล่ะน่าดู เจ้าวิลล์จอมโหด” เทียเรลล์บ่นพึมพำพลางยื่นหน้าเข้าไปรองรับน้ำอุ่นจากฝักบัว ขัดถูใบหน้า หัว และหู


เวลาผ่านไปไม่ถึงสองเดือนกับการเริ่มต้นชีวิตนักเรียนในรั้วตักศิลาแห่งแดนนอร์ส ตักศิลาที่มีชื่อเสียงด้านศาสตร์โบราณแขนงต่างๆมานับร้อยปี ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมหอนอนทั้งสอง เขายังจำวันแรกที่เจอเพื่อนใหม่สองคนนี้ได้เป็นอย่างดี.............


ทุกฤดูใบไม้ผลิแท่นศิลาหน้าหอระฆังจะได้รับการจารึกรายชื่อนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าเรียนในตักศิลาแห่งนอร์ส ปีนี้ก็เหมือนทุกปีที่ผ่านมา เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์จากดินแดนต่างๆต่างส่งลูกหลานเดินทางเข้ามาในดินแดนศักสิทธิ์เพื่อรับการคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนของตักศิลา แน่นอนว่าค่าเล่าเรียนแพงลิบลิ่ว แต่สำหรับคนที่ไม่มีทุนทรัพย์หรือไม่ใช่ผู้ลากมากดีมาจากไหน ตักศิลาก็ยินดีรับเข้าเป็นนักเรียนทุน หากผลการสอบคัดเลือกได้คะแนนยอดเยี่ยม


“ใครกันน่ะ วิลเลม เดอฟริส” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตั้งคำถาม


“เห็นเขาว่าเป็นลูกชายคนเดียวของท่านนายพลใหญ่แห่งบาวาเรีย” อีกคนตอบ


“หา... จริงหรือ พวกบาวาเรียเนี่ยไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนี้สหพันธรัฐตะวันออกกำลังระส่ำระสายกันอยู่ด้วย” คนตั้งคำถามหน้าตื่น


“วิ้ว... แต่เขาทำคะแนนได้สูงสุดทั้งภาควิชาการและภาคศิลปะการต่อสู้เลยนะ ท่าทางจะไม่ธรรมดา” คนตอบคำถามเป่าปาก


“เฮ้ย... แล้วเทียเรลล์ ลาเรนส์เนี่ย เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลลาเรนส์ผู้ก่อตั้งตักศิลาหรือเปล่า” เด็กหนุ่มขี้สงสัยยังถามต่อ “ดูสิทำคะแนนภาคศิลปะการต่อสู้ได้เกือบเท่าเดอฟริสเลย แต่... ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ตลกชะมัด ดูคะแนนภาควิชาการสิ เกือบโหล่เลยนะนั่น”


แล้วเด็กหนุ่มขี้สงสัยก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง “พูดแบบนี้ดูถูกกันหรือไง...”


เมื่อเขาหันหลังกลับไปมอง ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มร่างกำยำ ผิวคล้ำแดด กำลังสะบัดปอยผมสีน้ำตาลเข้มที่ระลงมาปรกหน้าผาก คิ้วเข้มบ่งบอกสายเลือดลูกผสมจากแดนตะวันออกไกล นัยน์ตาสีอำพันส่งประกายกล้าท้าทาย ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ดูแตกต่างไปจากคนนอร์สท้องถิ่นที่มักมีผิวขาวจัด ผมสีทองอ่อนจนเกือบซีด และนัยน์ตาสีฟ้าใส


“ฉันนี่ล่ะเทียเรลล์ ลาเรนส์” เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันประกาศก้อง “ยังไงเสียก็สอบผ่าน พวกที่พูดกันอยู่นี่สอบได้หรือเปล่าหรอก ...ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ” ชายหนุ่มกางแขนเท้าสะเอวอย่างภาคภูมิ


ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจอมตั้งคำถามจะโต้ตอบ เสียงนักเรียนหญิงอีกคนก็ดังแทรกขึ้น “เอ๋... นี่มัน... อันเดรียส แฟร์โร ใช่ตระกูลแฟร์โรจากอัลวาโรมั้ยนี่?”


“กรี๊ด... ต้องใช่แน่ๆ อันเดรียส แฟร์โร ฉันเคยเห็นเขาแล้วนะ ตัวจริงน่ะหล่อมากเลยล่ะ” เด็กสาวอีกคนขานรับอย่างตื่นเต้น


“จะสักเท่าไรกัน ก็แค่พวกหนอนหนังสือ ดูสิ... คะแนนภาคศิลปะการต่อสู้ก็งั้นๆ” เทียเรลล์ยิ้มเหยียด ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองไม่ได้รับความสนใจจากเหล่านักเรียนที่ยืนมุงดูผลการสอบคัดเลือกอย่างที่ควรจะเป็น


“แต่ฉันว่า คนเราควรใช้สมองมากกว่าใช้กำลังในการตัดสินปัญหานะ หึๆๆ” เสียงสดใสที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง


“กรี๊ด............อันเดรียส............. อันเดรียสใช่มั้ยคะ ต้องใช่แน่ๆ นี่ไงพวกเรา คนนี้ละอันเดรียส แฟร์โร” เสียงเด็กสาวคนเดิมแทงทะลุแก้วหูของเทียเรลล์จนชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นปิดหูแทบจะทันที


แล้วความชุลมุนก็บังเกิดเมื่อเหล่านักเรียนสาวยื้อแย่งกันเพื่อเข้าถึงตัวอันเดรียส ชายหนุ่มร่างเล็ก ผิวแทนสวย ผมสีนิลหยักเป็นลอนดังเกลียวคลื่นในทะเลอัลวาโรแดนใต้บ้านเกิดของเขา หน้าตาอ่อนใสและนัยน์ตาสีทรายทรงเสน่ห์ทำให้เทียเรลล์นึกถึงตำนานนักรักบันลือโลกที่เคยได้ยินผู้คนร่ำลือ... ดอนฮวนหรือโรมิโอ? ใครสักคนที่ต้องจบชีวิตลงเพราะผู้หญิง


“เชอะ...วันๆทำเป็นแต่หลีผู้หญิงมากกว่ามั้ง” เทียเรลล์รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาติดหมัด


“หึๆๆ ก็ยังดีกว่าพวกชอบใช้แต่กำลัง” อันเดรียสหนุ่มหน้าสวยจากแดนใต้สวนกลับทันควัน


“พูดแบบนี้ อยากมีเรื่องใช่มั้ย” เทียเรลล์ตาขวาง


“บวกลบเลขให้ถูกเสียก่อน แล้วค่อยคิดหาเรื่องคนจะดีกว่า” อันเดรียสยังอารมณ์ดี เขารู้สึกสนุกที่ได้ยั่วโทสะฝ่ายตรงข้าม


“หนอย...ไอ้หนุ่มนักรัก” เทียเรลล์เลือดขึ้นหน้า “อยากรู้นักว่าหากหน้าหล่อๆมีสีเลือด จะยังปากดีได้อีกมั้ย” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า กำปั้นลุ่นๆถูกส่งออกไปทันที แต่ก่อนที่หมัดนั้นจะกระทบใบหน้าสวยราวกับใบหน้าหญิงสาวของอันเดรียส มันก็ปะทะเข้ากับอุ้งมือกำยำของใครอีกคนอย่างเต็มแรง


“นายเป็นใคร! เข้ามายุ่งทำไมเทียเรลล์ตวาด ทั้งที่เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่คนตัวเล็ก แต่ชายหนุ่มที่รับกำปั้นของเขาไว้ได้ด้วยอุ้งมือเพียงข้างเดียวนั่นรูปร่างสูงใหญ่กว่าเขาเสียอีก ผิวขาวดูหมดจดแบบคนเชื้อสายบาวาเรีย ผมสีทองเจิดจรัสพลิ้วไหวสะท้อนประกายแดด นัยน์ตาสีฟ้าล้ำลึกที่สบตรงมาที่เขากำลังส่งผ่านความรู้สึกเย็นเยือกราวน้ำแข็ง


“วิลเลม เดอฟริส” เจ้าของดวงตาสีฟ้าล้ำลึกตอบน้ำเสียงราบเรียบ “หากอยากสู้ เอาชนะให้ได้ในเกมจะดีกว่า อีกอย่าง... คนหอนอนเดียวกันห้ามชกต่อยกันเอง ฉันไม่อยากถูกลงโทษเพราะเรื่องงี่เง่า”


“นายหมายความว่าไง” เทียเรลล์ยังไม่ยอมลดละ


“ก็หมายความว่าอันเดรียส นาย และฉัน เราสามคนคือตรีพิทักษ์ ผู้ดูแลหอนอนตามกฎของตักศิลา โดยคัดเลือกจากคนที่ทำคะแนนได้สูงสุดจากการสอบภาควิชาการ ภาคศิลปะการต่อสู้ และจากคะแนนรวมทั้งสองภาค ดังนั้นตรีพิทักษ์จะชกต่อยกันเองไม่ได้” วิลเลมส่งสายตาคมกริบ เป็นอีกครั้งที่เทียเรลล์สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่ดูเหมือนจะแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ความรู้สึกที่ส่งผ่านออกมาจากนัยน์ตาสีฟ้านั่นทำให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆ


“เชอะ... ก็ได้ อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้านักรักเนี่ยจะไปได้สักกี่น้ำ ขี้คร้านจะถูกตีหลังเดาะก่อนจะได้เริ่มเรียนภาคศิลปะการต่อสู้ซะอีกละมั้ง” เทียเรลล์ยังไม่วายแดกดัน


อันเดรียสหนุ่มหน้าสวยจากอัลวาโรแดนใต้หัวเราะร่วน “ได้ยินว่าตระกูลลาเรนส์มีทายาทคนเดียว คงเป็นนายสินะ ฉันว่าหากเทียเรลล์ ลาเรนส์ ทายาทคนเดียวของตระกูลลาเรนส์สอบตกภาควิชาการ ตระกูลลาเรนส์คงต้องอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านไปทั่วทุกแคว้นแน่ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”


เป็นอีกครั้งที่ทำให้เทียเรลล์กัดฟันกรอด แต่ก่อนที่จะมีมวยยกสองเกิดขึ้น วิลเลมผู้ทำหน้าที่กรรมการก็จับคู่กรณีแยกออกจากกันเสียก่อน “เข้าประชุมหอนอนได้แล้ว มาสเตอร์ให้มาตามทุกคน”


การประชุมนักเรียนใหม่ใช้เวลาเกือบค่อนวัน เพื่อแนะนำเหล่ามาสเตอร์ผู้สอนศาสตร์แขนงต่างๆและนำชมตักศิลา ทั้งห้องสอนภาควิชาการ สนามฝึกฝนภาคศิลปะการต่อสู้ โรงอาหาร หอนอน หอสมุด และหอระฆังซึ่งเป็นที่รวมส่วนอำนวยการ ท้ายสุดเป็นการปิดประชุมด้วยการกล่าวต้อนรับจากประมุขแห่งตักศิลาโอลาฟ ลาเรนส์


“ไม่น่าเชื่อว่าประมุขโอลาฟที่ดูสุขุมคัมภีรภาพน่านับถือขนาดนั้น จะมีหลานชายงี่เง่าได้ถึงขนาดนี้ หึๆๆ” อันเดรียสส่งเสียงสดใสแต่กวนอารมณ์ในความรู้สึกของเทียเรลล์ ขณะที่นักเรียนใหม่ทะยอยเดินออกจากหอประชุมใหญ่ไปยังหอนอนเพื่อเข้าห้องพัก


“ทำไม...มีหลานชายอย่างฉันน่าภูมิใจจะตาย อ้อ... ได้ยินมาว่าเคานต์อัลฟอนโซพ่อนายออกจะใหญ่โตคับอัลวาโร แต่น่าสงสาร... ดันมีลูกชายที่ว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากมีลูกสาว ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ” เทียเรลล์สวนกลับทันควันลามปามไปถึงบิดาของอันเดรียส


วิลเลมที่เดินนำอยู่ข้างหน้าถึงกับส่ายหัว สองคนนี้ฟัดกันตั้งแต่เช้าจนบ่าย ไม่เห็นมีใครทำท่าเหน็ดเหนื่อย คนกลางที่ต้องคอยทำตัวเป็นกรรมการอย่างเขาเสียอีกที่เหนื่อย


“เอ้า...ถึงละ สามห้องนอนติดกันนี่ถูกจัดไว้สำหรับตรีพิทักษ์โดยเฉพาะ พวกนายอยากอยู่ห้องไหนก็เลือกเอาละกัน” วิลเลมพูดเนิบๆ ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าห้องตรงกลางไปทันที


“เฮ้ย...ห้องริมนี่ของฉันเฟ้ย” เทียเรลล์คนเลือดร้อนโวยวาย เมื่อเห็นอันเดรียสหนุ่มนักรักเดินเข้าห้องที่ตัวเองต้องการไปหน้าตาเฉย


“มาก่อน เลือกก่อน ช่วยไม่ได้” อันเดรียสส่งยิ้มยียวน


“อันเดรียส! ไอ้.......” โครม! “โอ๊ย! ไอ้วิลล์ เล่นอะไรฟะ” ใบหน้าของคนเลือดร้อนฟาดเข้ากับประตูที่วิลเลมเปิดออกมาเต็มแรง


“อ้าว... นึกว่าตกลงกันได้แล้ว โทษที...ไม่ทันเห็น” วิลเลมแลบลิ้นแผลบทั้งที่สีหน้ายังเรียบเฉย


เทียเรลล์จึงได้แต่คำรามลั่น “อันเดรียส! ไอ้โรมิโอ! ไอ้ดอนฮวน! ฝากไว้ก่อนเหอะ และนั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ทุกคนในหอนอนได้ยินก่อนค่ำคืนแรกในตักศิลาจะเริ่มต้นขึ้น...........






ก๊อกๆ... “หืม?” เทียเรลล์พึมพำ


ก๊อกๆ “ฮื่อ... ไม่เอาน่า” ชายหนุ่มชักเริ่มหงุดหงิด


ก๊อกๆๆ “บอกว่าไม่เล่น ทายาทตระกูลลาเรนส์ผุดลุกขึ้นยืนเกือบจะทันที พร้อมๆกับเสียงหัวเราะครื้นเครงของเพื่อนนักเรียนร่วมชั้น


“อ่า.... มาสเตอร์ฟา.....” เทียเรลล์ครางเสียงอ่อยเมื่อเห็นมาสเตอร์ฟายืนตัวสั่นเทิ้มท่าทางโกรธจัด มาสเตอร์โกรธก็ไม่แปลกเพราะชายหนุ่มมักหลับเวลาเข้าเรียนวิชาการปกครองเป็นประจำ แต่ที่แย่กว่าทุกครั้งก็เพราะครั้งนี้ทายาทตระกูลลาเรนส์นอนกรนเสียงดังสนั่น


“เทียเรลล์ ลาเรนส์... ฉันขอสั่งให้เธอไปคัดรายงานเรื่องระบอบการปกครองแบบสหพันธรัฐตะวันออกจากหอสมุดหนึ่งร้อยจบ เข้าชั้นเรียนคราวหน้าต้องมีมาส่ง มาสเตอร์ฟาประกาศิต


นั่นทำให้เทียเรลล์แทบล้มทั้งยืน อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองทำกรรมเวรอะไรไว้ถึงต้องมาทนนั่งเรียนนั่งหลับ แถมโดนสั่งคัดรายงานมหาโหดในวิชาที่ไม่เคยเห็นประโยชน์อะไรสักนิด วิชาการปกครองเป็นวิชาบังคับสำคัญก็จริง แต่ในความคิดของเทียเรลล์มันเหมาะสำหรับพวกเจ้าครองนครที่ต้องปกครองดูแลผู้คนมากกว่า ชายหนุ่มไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้แม้แต่น้อย ก็งานแสนเครียดขนาดนั้นไม่เห็นสนุกสักนิด


“เฮ้อ... น่าสงสาร จะให้พวกที่รู้จักแต่รบพุ่งมาเข้าใจงานปกครองของปราชญ์ คงเหมือนตักน้ำรดหัวตอ... หึๆๆ” อันเดรียสหนุ่มหน้าสวยได้โอกาสกัด


แต่ครั้งนี้เทียเรลล์ไม่มีกะจิตกะใจจะตอบโต้ เพราะเพียงแค่คิดถึงรายงานที่ต้องคัดมาส่งครั้งหน้าที่เข้าเรียน หัวใจของชายหนุ่มก็หล่นวูบ ไม่รู้ว่าเขาต้องอดหลับอดนอนกี่คืนกว่าจะคัดได้ครบถ้วน


“อย่าไปยั่วมันนักเลยอันเดรียส เดี๋ยวมันคลั่งขึ้นมา ฉันขี้เกียจเล่นบทกรรมการ” วิลเลมปรามเสียงเรียบ


“ก็แค่นึกสนุกเท่านั้นละน่า” อันเดรียสยิ้มจนตาหยี “นายก็เหมือนกันนะวิลล์ จริงจังมากไประวังจะไม่มีสาวไหนกล้าเข้าใกล้นะ... หึๆๆ”


อันเดรียสเพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์หน้าสวยเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง ช่างพูดช่างเจรจา จนเทียเรลล์อดคิดไม่ได้ว่าหนุ่มนักรักจากอัลวาโรแดนใต้อาจได้บุคลิคแบบนี้มาจากเคานต์อัลฟอนโซ บิดาผู้เป็นขุนนางใหญ่ฝ่ายการต่างประเทศ เทียเรลล์เคยได้ยินโอลาฟปู่ของเขากล่าวถึงว่า เคานต์อัลฟอนโซเป็นดั่งพระหัตถ์ขวาของกษัตริย์เปโตรทีเดียว


ส่วนวิลเลมลูกชายคนเดียวของนายพลลูเธอร์ เดอฟริส จอมทัพผู้เกรียงไกรแห่งบาวาเรีย หนึ่งในห้ารัฐของสหพันธรัฐตะวันออก กลับเป็นคนพูดน้อย เงียบขรึม และเยือกเย็นจนเทียเรลล์รู้สึกว่า บ่อยครั้งที่ลูกชายคนเดียวของท่านนายพลใหญ่ทำให้สิ่งรอบตัวดูคล้ายจะกลายเป็นน้ำแข็งไปเสียให้ได้


ภาพของอันเดรียสที่อยู่ในวงล้อมของนักเรียนหญิงเป็นภาพที่เทียเรลล์เห็นจนชินตา ขณะเดียวกันก็มีนักเรียนหญิงอีกจำนวนไม่น้อยที่เฝ้าติดตามวิลเลม แต่สิ่งหนึ่งที่เทียเรลล์ต้องยอมรับว่าอันเดรียสพูดไม่ผิดก็คือความเย็นชาที่ส่งผ่านออกมาจากดวงตาสีฟ้าคมกริบของเจ้าลูกชายนายพลใหญ่ วิลเลมเย็นชาเสียจนนักเรียนสาวๆไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้แม้จะชื่นชอบเขามากเพียงใดก็ตาม


“ฉันไม่เหมือนนาย สาวๆไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตของฉัน” วิลเลมพูดเรื่อยๆ


“แล้วเป้าหมายในชีวิตของนายคืออะไรฟะ” เทียเรลล์อดไม่ได้จนต้องพูดแทรกขึ้น ก็นานๆทีวิลเลมผู้แสนเย็นชาจะยอมเปิดปากพูดอะไรยาวๆกับคนอื่นเขาบ้าง


“ไม่ใช่การได้เป็นนักชิม เพื่อที่จะได้เดินทางไปกินฟรีทั่วราชอาณาจักรอย่างนายก็แล้วกัน” วิลเลมตอบหน้าตาเฉยก่อนเดินเข้าห้องพักไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้อันเดรียสหัวเราะจนท้องแข็ง และเทียเรลล์คนเลือดร้อนเต้นเร่าๆ


“อะ... อะ... ไอ้วิลล์... ไอ้เพื่อนบ้า! เรารึอุตส่าห์ตั้งใจฟัง กลับออกมาเดี๋ยวนี้นะ! มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน... ไอ้วิลล์!............”





Free TextEditor





Create Date : 16 ตุลาคม 2551
Last Update : 18 ธันวาคม 2551 5:56:19 น. 8 comments
Counter : 426 Pageviews.

 
เเอบเเนะนำเรื่องราวนิดนึง
เผื่อใครผ่านไปมาจะได้ไม่งง


เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องเเรกของหนูพลอยสีม่วงค่ะ
เลยเอามาลองปะลงบล๊อก บล๊อกก็พึ่งลองทำใหม่
มือใหม่หัดทำเลยนะนั่น เหะๆ


เรื่องราวเกี่ยวกับความโลภที่ไม่มีสิ้นสุดของมนุษย์
การตามหาศาสตราเเห่งมหาเทพ ที่เชื่อกันว่า
ผู้ใดได้ครอบครองมัน ผู้นั้นจะได้ครอบครองโลก
เเต่เเท้ที่จริงเเล้ว อาวุธอันยิ่งใหญ่เหนือกว่าเทพศาสตราใด
ก็คือความรักเเละมิตรภาพนั่นเอง


ฝากทุกท่านช่วยติดตาม รวมทั้งหากมีข้อเเนะนำติชม
ทิ้งเม้ต์ไว้ได้เลยนะคะ ด้วยความขอบคุณจากใจเลยค่ะ


โดย: หนูพลอยสีม่วง .. (อมิธีสท์ ) วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:22:36:09 น.  

 
ดีใจกับบล็อกใหม่ด้วยค่ะ
แต่เรื่องขอมาลงชื่อปะโป้งค่ะ เดี๋ยวอ่านอีกทีนะคะ
บล็อกสีสันสดใสจังค่ะ ชอบภาพใน profile มาก ๆ เลย


โดย: พรายทราย วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:23:20:23 น.  

 
ขอบคุณค่ะพี่พราย

เนื้อเรื่องพี่พรายก็อ่านไปเเล้ว ถึงตัวที่เอาปะนี่จะถูกเเก้ไป
อีกรอบเเล้วก็ตาม เนื้อหาโดยรวมก็ยังไม่เพี้ยนไปจากเดิม
นักหรอกค่ะ ไว้เดี๋ยวปะถึงบทที่ 3 เเล้วค่อยอ่านอีกทีก็ได้
อิๆ


ส่วนบล๊อกที่ทำนี่ก็เเบบง่ายสุดฤทธิ์ค่ะ ภาพพื้นหลังต้องให้
เครดิตคุณดอกหญ้าฯ หนูพลอยเธอไปหยิบยืมมา เหะๆ

ส่วนภาพในโปรไฟล์ เป็นภาพฟาร์มดอกลาเวนเดอร์
ในโพรว้องซ์ ประเทศฝรั่งเศสค่ะ เเถบนั้นเค้ามีชื่อเสียง
ด้านการเพาะปลูกดอกไม้สารพัดที่เอามาสกัดทำน้ำหอม
ต่างๆ เห็นสีม่วงเข้มสวยยวนตา ยัยพลอยเลยอดใจไม่อยู่
ไปจิ๊กเค้ามาปะซะเฉย กร๊ากกกก

ปล.. ตอนนี้เธอกำลังเครซี่ลาเวนเดอร์ เพราะช่วงนี้มีเเต่
เรื่องเครียดๆ ยัยพลอยก็เลยเอาน้ำมันดอกลาเวนเดอร์
มาหยดลงบนหมอนก่อนนอน นัยว่าจะได้ช่วยให้เธอหลับ
ได้สบายขึ้น

เเต่ว่าได้ผลดีหรือไม่ยังไงนี่ เดี๋ยวต้องติดตามค่ะ 55555


โดย: ใยบัว .. เเว่บมาเเทนยัยพลอยฯ (อมิธีสท์ ) วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:0:42:38 น.  

 
ชอบสี ชอบดอกลาเวนเดอร์ อิอิ
แต่ไม่ค่อยชอบกลิ่นลาเวนเดอร์ ตลกดีเนอะ

หวังว่ากลิ่นน้ำมันหอมดอกลาเวนเดอร์คงช่วยให้หลับสบายขึ้นนะคะ
ได้ยินเขาว่ากันว่าแบบนั้นเหมือนกัน


โดย: พรายทราย วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:16:22:54 น.  

 
เมื่อก่อนก็เกลียดกลิ่นลาเวนเดอร์ค่ะ
เเต่เดี๋ยวนี้ชอบเเล้ว เพราะคนเเถวนี้เค้าชอบใช้กันมาก
อยู่นานๆไปก็เลยชินจนกลายเป็นชอบไปจนได้ หุๆๆ

ที่สำคัญทดสอบเเล้วว่าช่วยให้นอนหลับได้สบายขึ้น
จริงๆค่ะ

ส่วนเรื่องสีของดอกลาเวนเดอร์นั้น ไม่ต้องอธิบาย
ก็คงเดาได้อยู่เเล้วเนาะคะ ว่าตรงใจหนูที่ซู้ดเลยค่ะ


โดย: หนูพลอยฯ .. (อมิธีสท์ ) วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:12:40:53 น.  

 
วันนี้เข้ามารีไร้ท์บทเเรกนิดหน่อยค่ะ
ใจความเดิมไม่มีไรเปลี่ยน
เเค่เเก้คำบางคำค่ะ


โดย: อมิธีสท์ วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:21:46 น.  

 
ในที่สุดก็ได้มาอ่านซักทีครับ แอบสนใจตาิวิลเลมนะเนี่ย แข็งๆ เอ๊ย น้ำแข็งๆ นี่แหละครับ ชอบบบบ ฮ่าๆๆ

เอ่อ... นายเทียเป็นนักชิมเหรอ เหมือนผมเลย โฮะๆๆ


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:20:59 น.  

 
ท่านบอกอพีทคุง...


ปลื้มใจมากๆค่ะที่บอกอพีทคุงเเวะมาตามรอยตาเทีย... เเม้จะเเอบสนนายวิลล์มากกว่า.. อิอิ


ตาเทียเป็นพวกกลับชาติมากินค่ะ.. เหะเหะ เห็นของกินเป็นไม่ได้


ส่วนนายวิลล์นั่น... พี่หนูบัวเเอบปันใจไปให้เเล้วเรียบร้อย... บอกอพีทคุงอาจต้องโยนหัวก้อยกะพี่หนูบัวเอาเองละค่ะ


โดย: อมิธีสท์ วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:4:32:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อมิธีสท์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขออนุญาตสงวนสิทธิ์การคัดลอก ดัดเเปลง เเก้ไข เผยเเพร่ หรือนำผลงานทุกชิ้นไปใช้ไม่ว่าด้วยวัตถุประสงค์ใด เว้นเเต่ได้รับอนุญาตก่อนนะคะ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจค่ะ





ลายปากกา










Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
16 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add อมิธีสท์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.