ผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกอึดอัดเสียเหลือเกิน
เค้าหน้าที่มีริ้วรอยบางๆเพราะกาลเวลาดูละม้ายคล้ายซีรีดา เพียงแต่รูปร่างนั้นหนากว่าด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น กระนั้นก็ยังถือได้ว่าผู้หญิงคนนี้สามารถรักษารูปร่างได้เป็นอย่างดี เมื่อเขาคะเนดูจากวัยที่น่าจะไม่น้อยกว่าเลขห้า สิ่งที่ดูจะแตกต่างจากซีรีดาลูกสาวแสนสวยและจิตใจดีนั่น เห็นจะเป็นท่วงท่าดั่งนางพญา ดวงตาคมกริบที่กวาดสำรวจพวกเขาอย่างรวดเร็วตั้งแต่หัวจรดเท้า และน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะเย้ยหยันคนอื่นอยู่ในที
บารอนเนสควินเนีย... คุณแม่ของคุณหนูซีรีดาขอรับ เสียงมัธทิสแนะนำอย่างเป็นงานเป็นการกว่าทุกครั้ง ก่อนจะผายมือไปทางอันเดรียส ท่านนี้คือเพื่อนของนายน้อยเทียเรลล์... อันเดรียส แฟร์โร บุตรชายท่านเคานต์อัลฟอนโซ แห่งอัลวาโรขอรับ
เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบบารอนเนสครับ อันเดรียสค้อมศีรษะและประทับจุมพิตบนหลังมือบารอนเนสควินเนีย แม้แต่คนกะล่อนอย่างอันเดรียสยังทำตัวเป็นงานเป็นการ นี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่านะ ที่เขาได้เห็นอากัปกิริยาแบบที่เรียกได้ว่า สมแล้วที่เป็นลูกชายของขุนนางใหญ่ด้านการต่างประเทศ
ส่วนอีกท่าน... วิลเลม เดอฟริส บุตรชายท่านนายพลลูเธอร์แห่งบาวาเรียขอรับ มัธทิสผายมือมาทางเขา
วิลเลม เดอฟริส... ยินดีที่ได้พบบารอนเนสครับ เขาค้อมศีรษะเล็กน้อยและประทับจุมพิตบนหลังมือที่อันที่จริงแล้วซ่อนอยู่ใต้ถุงมือกำมะหยี่สีงาช้างนั่น
ตามสบาย... ค่อยยังชั่ว เป็นลูกผู้ดีมีเชื้อสายกันทั้งนั้น ฉันก็ตกอกตกใจ นึกว่าเด็กนั่นพาเพื่อนไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไหนเข้าบ้าน สายตาคมกริบของบารอนเนสควินเนียฉายแววพึงใจมากกว่าในตอนแรกที่เห็นพวกเขา
แล้วเด็กนั่นไปไหนเสียล่ะ บารอนเนสหันไปถามมัธทิส เด็กนั่นในความหมายของบารอนเนสควินเนียคงหมายถึงเทียเรลล์สินะ
นายน้อยไปที่ทะเสาบหลังเขาขอรับ มัธทิสตอบเบาๆ
กลับมาถึงบ้านได้ไม่ทันไร ก็อยู่ไม่ติดบ้านเสียละ แต่ก็ดีเหมือนกัน ฉันขี้เกียจเสียอารมณ์โต้คารมด้วย หางเสียงที่ขึ้นสูงของบารอนเนสแฝงความนัย ที่ทำให้เขาต้องนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่พึ่งได้รับรู้มาก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง............
มัธทิส! เขาอุทานอย่างตกใจ เมื่อหันไปเห็นใบหน้าของเจ้าของอุ้งมือหนาที่ตะปบลงที่บ่าของพวกเขาสองคน เขาเกือบหยุดหมัดที่ส่งออกไปตามสัญชาตญาณการป้องกันตัวเอาไว้แทบไม่ทัน ความที่เป็นลูกทหารทำให้เขาถูกฝึกฝนเรื่องการรบมาตั้งแต่ยังเล็ก เสียงสวบสาบของคนที่เดินฝ่าพงหญ้าเข้ามาจากทางด้านหลัง แม้ว่ามันจะเป็นอาการย่อง แต่สำหรับเขาแล้วมันก็ยังได้ยินชัดเจน
โธ่... มัธทิสน่ะเอง นึกว่าใคร ทำไมมาเงียบๆล่ะฮะ เล่นเอาผมใจหายหมดเลย อันเดรียสครางเสียงอ่อย ก่อนพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ขออภัยขอรับ กระผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจ เพียงแต่ไม่อยากให้นายน้อยได้ยินเท่านั้นเอง สีหน้าที่ตกใจไม่แพ้กันของมัธทิสทำให้แม้แต่เขาก็ยังต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกไปด้วย
ดีนะที่เจ้าวิลล์มันยั้งหมัดไว้ได้ทัน ไม่งั้นมัธทิสมีหวังตาปูดเป็นลูกมะกรูดไปแล้วนะฮะเนี่ย อันเดรียส พูดติดตลก มันหัวเราะเบาๆด้วยความขบขัน
แหะๆ... ขอรับ มัธทิสหัวเราะเก้อๆ
มัธทิสมีอะไรหรือเปล่า ถึงตามพวกเรามาถึงนี่ เขาหันไปถามพ่อบ้านตระกูลลาเรนส์อย่างพึ่งนึกขึ้นได้
กระผมจะมาตามนายน้อยให้รีบกลับก่อนอาหารเย็นน่ะขอรับ เพราะว่าบารอนบาร์เทลและบารอนเนสควินเนียจะเดินทางมาถึงค่ำนี้ มัธทิสตอบ บังเอิญว่ามาเห็นคุณทั้งสองเสียก่อน... พ่อบ้านอาวุโสเว้นจังหวะ ก่อนส่งสายตาที่เหมือนจะเป็นคำถามมาทางพวกเขา
อ้อ... คือจริงๆแล้วพวกผมก็ว่าจะมาตามเจ้าตัวป่วนเหมือนกันฮะ เจ้าตัวป่วนในความหมายของ อันเดรียสก็คือเทียเรลล์ บังเอิญมาเห็น เอ่อ...
เห็นนายน้อยที่หน้าหลุมฝังศพมาสเตอร์ทอร์กับท่านหญิงไอร์ มัธทิสต่อให้โดยไม่ต้องรอให้อันเดรียส พูดจนจบประโยค พ่อบ้านอาวุโสถอนใจยาวก่อนจะผายมือ เชิญคุณทั้งสองทางนี้ดีกว่าขอรับ
มัธทิสและอันเดรียสเดินห่างออกมาจากบ้านริมทะเลสาบ เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเทียเรลล์ที่ยังคงคุกเข่าสงบนิ่งอยู่หน้าหลุมฝังศพของพ่อและแม่อย่างเป็นห่วง แต่ก็ตัดสินใจเดินตามพ่อบ้านตระกูลลาเรนส์และเพื่อนหนุ่มจากอัลวาโรไปอย่างช้าๆ
นอกจากบารอนเนสควินเนียซึ่งแต่งงานออกไปกับบารอนบาร์เทลแล้ว มาสเตอร์ทอร์ก็เป็นทายาทเพียงคนเดียวของคุณท่าน มัธทิสเริ่มเล่าเรื่องราวช้าๆ คุณท่านในความหมายของพ่อบ้านอาวุโสก็คือโอลาฟ ลาเรนส์ ประมุขแห่งตระกูลลาเรนส์และตักศิลา
หลังจากงานแต่งงานของบารอนเนส มาสเตอร์ทอร์ออกเดินทางท่องเที่ยวเรื่อยไปจนถึงแดนตะวันออกไกล ณ ที่นั้นเองที่มาสเตอร์ได้พบกับท่านหญิงไอร์ มัธทิสหยุดหายใจ
พวกเราไม่เคยได้ข่าวของมาสเตอร์จวบจนสามปีต่อมา มาสเตอร์เดินทางกลับมายังนอร์สพร้อมกับท่านหญิงไอร์ และนายน้อยซึ่งถือกำเนิดขึ้น ณ แดนตะวันออกไกล แต่บารอนเนสควินเนียรังเกียจท่านหญิงไอร์ บารอนเนสปักใจเชื่อว่าสายเลือดบริสุทธิ์ของลาเรนส์ที่เชื่อกันว่า สืบทอดมาจากนักรบแห่งเทพโอดีนตามตำนานจะแปดเปื้อนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาสเตอร์ทอร์คือทายาทผู้สืบทอดคนเดียวของตระกูลลาเรนส์ บารอนเนสรักมาสเตอร์ทอร์มาก เพราะมาสเตอร์เป็นน้องชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวที่มี แต่ยิ่งรักมากเท่าไร เมื่อผิดหวังก็ยิ่งโกรธมากเท่านั้น และยิ่งเกลียดชังนายน้อย มัธทิสพ่อบ้านอาวุโสหยุดเดิน
เพราะเจ้าเทียเรลล์ นายน้อยของมัธทิสดันเกิดมามีสายเลือดลูกผสม อย่างนั้นสินะ อันเดรียสพูดต่ออย่างไม่ต้องรอให้มัธทิสจบประโยค
ขอรับ
เพื่อตัดปัญหาวุ่นวาย มาสเตอร์จึงย้ายมาอยู่ที่บ้านริมทะเลสาบหลังเขาพร้อมกับท่านหญิงไอร์และนายน้อย ทว่า... ไม่นาน มาสเตอร์ก็สิ้นชีวิตลง มัธทิสเสียงแผ่ว ท่านหญิงจึงเลี้ยงดูนายน้อยโดยลำพัง แต่ท่านหญิงเองก็สุขภาพไม่สู้ดี ร่างกายอ่อนแอ ท่านหญิงไม่เคยต้องทำงานหนัก แต่เพราะตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกับมาสเตอร์ ท่านหญิงจึงต้องทิ้งยศศักดิ์ที่เคยมีออกเดินทางพร้อมกับมาสเตอร์มาจนถึงแดนนอร์ส
ช่วงเวลาที่มีค่าและมีความสุขที่สุดในชีวิตของฉันคือ การได้รักทอร์... ฉันไม่เคยนึกเสียใจเลยแม้สักครั้ง... นั่นคือคำพูดสุดท้ายของท่านหญิงที่เอ่ยกับกระผม ดวงตาของมัธทิสหม่นแสง
หลังจากนั้น มัธทิสก็เลยรับหน้าที่ดูแลเทียเรลล์สินะ เขาถอนใจ อดคิดไม่ได้ว่าภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์เลือดร้อน คนที่ดูเหมือนจะไม่เคยมีเรื่องเศร้าเสียใจอะไรเลยในชีวิต กลับซ่อนเบื้องหลังอันเจ็บปวดเอาไว้มากมายนัก
ขอรับ... แต่คุณท่านเป็นห่วง ไม่อยากให้นายน้อยต้องอยู่ลำพัง กระผมจึงรับนายน้อยกลับไปยังปราสาท โชคยังดีที่ตอนท่านหญิงยังมีชีวิตอยู่ คุณหนูซีรีดามักชอบไปวิ่งเล่นที่บ้านริมทะเลสาบเป็นประจำ เพราะบารอนบาร์เทลและบารอนเนสควินเนีย คุณพ่อและคุณแม่ของคุณหนูต้องเดินทางไปมาระหว่างแดนนอร์สกับเวสต์ฟาเลียบ้านเกิดของบารอน คุณหนูจึงรักและผูกพันกับท่านหญิงและนายน้อยมาก พ่อบ้านอาวุโสเว้นจังหวะ
มิน่า เจ้าตัวป่วนถึงได้ทำท่าทางหวงพี่สาวเสียขนาดนั้น หึๆๆ อันเดรียสหัวเราะน้อยๆ แต่เสียงหัวเราะนั่นกลับฟังดูไม่ปกติเหมือนอย่างเคย อันเดรียสเองก็คงรู้สึกเศร้าใจอยู่ไม่น้อยกับโชคชะตาที่บางครั้งก็เล่นตลกกับชีวิตของมนุษย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเทียเรลล์ เพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์เลือดร้อนที่เขาเองก็รู้ดีว่า อันเดรียสให้ความสำคัญกับเจ้าเพื่อนตัวป่วนมากพียงใด แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาอันเดรียสจะชอบหยอกแรงๆให้ได้ทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ แต่เขาเองก็นึกภาพไม่ออกว่าหากเมื่อไรที่ไม่มีเทียเรลล์เสียแล้ว อันเดรียสจะเป็นอย่างไร หรือแม้แต่เขาเองจะรู้สึกเช่นไร
ขอรับ... นายน้อยเองก็รักและผูกพันกับคุณหนูมาก มัธทิสยิ้มบาง นอกจากคุณหนูแล้ว กระผมก็คิดว่า คงจะมีแต่คุณทั้งสองเท่านั้นที่จะเป็นเพื่อนที่นายน้อยของกระผมจะวางใจได้ สายตาของพ่อบ้านอาวุโสเปลี่ยนเป็นจริงจัง มัธทิสมองตรงมาที่พวกเขาทั้งสองคน กระผมเชื่อว่ามิตรภาพจะไม่ถูกแบ่งแยกหรือแปรเปลี่ยนไป ไม่ว่าด้วยเชื้อชาติ ศาสนา ความขัดแย้ง หรือผลประโยชน์ ...เพื่อนแท้จะไม่มีวันแยกจากกัน..............
วันนี้ไปเที่ยวไหนกันมาบ้างจ๊ะ
เสียงซีรีดาปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ นี่เขานั่งใจลอยคิดถึงแต่เรื่องของเทียเรลล์ไปนานแค่ไหนแล้ว
นีลส์พาวนไปรอบเมืองเลยฮะ ทั้งตลาดสด ตลาดนัด แล้วก็ยังจะสี่วิหารศักดิ์สิทธิ์นั่นอีก อันเดรียสตัดหน้าตอบแทนเขาไปเรียบร้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
ใครถามนายฟะ พี่สาวฉันถามไอ้วิลล์ต่างหาก เสียงคนคุ้นเคยดังสอดขึ้นทันควัน เจ้าเทียเรลล์กลับมาตอนไหน ท่าทางแยกเขี้ยวใส่อันเดรียสแบบนั้นดูไม่ออกเลยว่าพึ่งผ่านการร้องไห้มาไม่นาน
รู้จักรักษามารยาทบนโต๊ะอาหารเสียมั่ง ตระกูลลาเรนส์เป็นตระกูลผู้ดีมีเชื้อสาย อย่าให้ต้องขายหน้าผู้คนว่าลาเรนส์ไม่เคยอบรมสั่งสอน บารอนเนสควินเนียที่เดินเข้ามาทันได้ยินพอดีเหน็บแรงๆ อย่างไม่สนใจว่าจะมีคนนอกอย่างพวกเขาสองคนนั่งอยู่ในวงสนทนาด้วย
เอ่อ... แม่คะ พ่อไม่กลับมาด้วยหรือคะ ซีรีดารีบเปลี่ยนเรื่อง
พ่อเค้าต้องเข้าไปรายงานตัวกับสภาที่ปรึกษาฯก่อน เดี๋ยวก็คงกลับมากับคุณตาล่ะมั้ง บารอนเนสตอบก่อนปรายตาไปทางเทียเรลล์ แล้วพ่อนักเรียนใหม่ของตักศิลาเนี่ย ไปทำอะไรให้ตระกูลลาเรนส์ต้องอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านเค้าไว้บ้างแล้วหรือยังล่ะ
แต่ยังไม่ทันที่เทียเรลล์จะได้ตอบคำถามนั้น เสียงทุ้มกังวานที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน จะกินอาหารให้อร่อย ก็ต้องรู้จักรักษาบรรยากาศให้มันดี จริงมั้ย... ควินเนีย
สายตาทุกคู่หันกลับไปมองยังต้นเสียง ชายชราที่คะเนอายุดูแล้วน่าจะอยู่ราวๆเจ็ดสิบปี ยืนอยู่หน้าโถงทางเข้าห้องรับประทานอาหาร ผม คิ้ว และหนวดเคราสีดอกเลา ส่งให้เค้าหน้านั้นดูภูมิฐาน เขาเคยเห็นชายชราท่าทางดูมีเมตตาตาคนนี้มาก่อน ใช่แล้ว... โอลาฟ ลาเรนส์ ประมุขแห่งตักศิลาและตระกูลลาเรนส์นั่นเอง
เอ่อ... คุณพ่อ บารอนเนสควินเนียเรียกผู้เป็นบิดาเสียงอ่อน
คุณปู่ฮะ... ผมคิดถึงคุณปู่จัง คุณปู่เป็นไงบ้างฮะ เทียเรลล์กระโดดเข้ากอดโอลาฟทันที
ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ... ปู่แก่แล้ว ก็ต้องมีเจ็บมีไข้บ้าง แล้วเจ้าล่ะเป็นยังไงบ้าง หืม? เทียเรลล์ โอลาฟลูบหัวหลานชายคนเดียวอย่างรักใคร่ อย่างน้อยโชคชะตาก็ไม่โหดร้ายจนเกินไปนัก ยังมีคนที่รักและดูแลเทียเรลล์อยู่ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นมัธทิส ซีรีดา หรือโอลาฟ
ผมสบายดีฮะ เทียเรลล์ ลาเรนส์คนนี้แข็งแรงสุดๆ ไม่มีอะไรต้องให้ห่วงเลยฮะ เจ้าเพื่อนตัวป่วนยิ้มกว้าง ท่าทางร่าเริงขนาดนั้นแสดงว่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วกระมัง
ยังหัวเราะได้แบบนี้ คงไม่มีอะไรให้ต้องห่วงนะครับคุณพ่อ เสียงทุ้มนุ่มฟังดูอ่อนโยนดังมาจากคนที่เดินตามโอลาฟเข้ามาทีหลังอย่างเงียบๆ
พ่อ! ซีรีดาวิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทันที ดีใจจังเลย พ่อกลับมาแล้ว คิดถึงจังค่ะ หญิงสาวแย้มรอยยิ้มหวาน แววตาสีฟ้าใสส่งประกายอย่างมีความสุข
ผู้เป็นบิดาสวมกอดบุตรสาวเอาไว้แนบอก เป็นยังไงบ้างซีรีดา ไม่เจอกันสามเดือนแล้ว ผอมไปหรือเปล่าลูก
กระผมขออนุญาตแนะนำขอรับ... ประมุขโอลาฟ ลาเรนส์ และบารอนบาร์เทล เฟอร์เรอส์จากเวสต์ฟาเลีย บิดาของคุณหนูซีรีดาขอรับ มัธทิสที่ก้าวเข้ามาในห้องรับประทานอาหารเป็นคนสุดท้ายผายมือไปทางประมุขอาวุโสแห่งตระกูลลาเรนส์และบิดาของซีรีดา
อันเดรียสและเขาลุกขึ้นยืนให้สองผู้อาวุโสเกือบจะพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันที่มัธทิสจะได้แนะนำพวกเขาต่อ โอลาฟก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน ไม่ต้องหรอกมัธทิส ฉันรู้แล้วว่าเด็กหนุ่มสองคนนี้เป็นใคร ประมุขแห่งตระกูลลาเรนส์หันไปทางอันเดรียส ลูกชายของเคานต์อัลฟอนโซ แฟร์โร... อันเดรียส สินะ
ได้ยินพ่อพูดถึงประมุขโอลาฟไว้มาก เป็นเกียรติจริงๆครับ อันเดรียสส่งยิ้มน้อยๆ
แล้วท่านนายพลลูเธอร์สบายดีอยู่หรือ... วิลเลม เดอฟริส โอลาฟหันมาทางเขา ใบหน้าของผู้สูงวัยฉาบรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา
ครับ... พ่อสบายดีครับ เขาเลือกตอบสั้นๆอีกเช่นเคย โอลาฟ ลาเรนส์ สมแล้วที่เป็นผู้กว้างขวาง ไม่มีใครหรืออะไรจะเล็ดรอดหูตาของประมุขแห่งตระกูลลาเรนส์ ประธานสภาที่ปรึกษากษัตริย์มาร์เทนแห่งนอร์ส ไปได้เลย
ตามสบายนะ... นึกเสียว่าที่นี่เป็นบ้าน ปกติแล้วเจ้าเทียเรลล์ไม่เคยพาเพื่อนที่ไหนมาบ้านสักที ครั้งนี้เห็นเจ้าหลานชายพาเพื่อนมาพักที่บ้าน ฉันก็ดีใจ แววตาสีเหล็กของประมุขอาวุโสฉายแววปราณี
ผมก็แค่ชวนพวกมันมาพักด้วย เพราะเห็นว่าไม่ได้กลับบ้านตอนปิดกลางเทอม แค่สงสารหรอกฮะ...ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เทียเรลล์ทำหน้าตาย
ขณะที่ทุกคนทะยอยลงนั่งประจำที่ ดีน่าห์สาวใช้ของซีรีดาเริ่มเดินเสิร์ฟอาหารรอบโต๊ะ บรรยากาศของการรับประทานอาหารค่ำเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียเรลล์เล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตช่วงสองเดือนที่ผ่านมาในรั้วตักศิลา เสียงหัวเราะดูเหมือนจะดังยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเจ้าทายาทของลาเรนส์ถูกเบรคโดยเพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์อันเดรียส แฟร์โร
ตกลงว่าเข้าไปเรียนในตักศิลาเนี่ย สนุกมั้ยล่ะเทียเรลล์ บารอนบาร์เทลหันไปทางหลานชายบ้าง พร้อมรอยยิ้มละไม นั่นทำให้เขาเริ่มสังเกตอากัปกิริยาของบารอนจากเวสต์ฟาเลีย
เวสต์ฟาเลียเป็นหนึ่งในห้ารัฐที่รวมกันเป็นสหพันธรัฐตะวันออก เช่นเดียวกับบาวาเรียบ้านเกิดของเขา เขาพยายามนึกย้อนไปถึงสิ่งที่พ่อเคยพูดและค่อนข้างแน่ใจว่าไม่เคยได้ยินชื่อของบารอนบาร์เทลมาก่อน ทั้งที่บารอนเป็นลูกเขยคนเดียวของประมุขโอลาฟ รัฐบุรุษที่เป็นดั่งเสาหลักค้ำจุนราชบัลลังก์ของกษัตริย์มาร์เทนแห่งนอร์ส ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะคนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นบารอนนั้นมีอยู่นับไม่ถ้วนในสหพันธรัฐตะวันออก
นอกจากนั้นบารอนบาร์เทลก็ไม่ได้ดูโดดเด่น หรือแตกต่างไปจากคนเวสต์ฟาเลียโดยทั่วไปที่รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาวจนออกเขียว ผมและหนวดเคราสีทองแดงเช่นเดียวกับสีตา อีกทั้งบุคลิคอันอ่อนโยนและโอนอ่อนผ่อนตามนั่นก็ดูไม่มีพิษภัย
ยังไม่ได้เรียนอะไรมันๆเลยฮะคุณลุง ที่ผ่านมาเรียนแต่ภาควิชาการ ไม่เข้าท่าเลย เทียเรลล์หลานชายตัวดีทำหน้าเบ้
ช่าย... จะสนุกได้ไง ก็วันๆเอาแต่นั่งหลับในห้องเรียน จนโดนลงโทษสั่งคัดรายงานร้อยจบมาไม่รู้กี่รอบแล้ว หึๆๆ เป็นอีกครั้งที่อันเดรียสได้โอกาสกัด ทุกคนจึงได้แต่หัวเราะกันครื้นเครง ยกเว้นบารอนเนสควินเนีย
จะทำอะไรให้รู้จักคิดเสียบ้าง ว่าอย่างน้อยก็ยังใช้นามสกุลลาเรนส์อยู่ อย่าให้คุณพ่อและฉันต้องอับอายขายขี้หน้าผู้คนไปมากกว่านี้ บารอนเนสเชิดหน้า
แค่เรื่องเด็กๆเรียนหนังสือน่ะคุณ ไม่มีอะไรหรอก บารอนบาร์เทลออกความเห็นบ้าง
อย่างคุณจะรู้อะไร ตระกูลลาเรนส์สืบเชื้อสายนักรบแห่งเทพโอดีนมาไม่รู้กี่ร้อยปี ผู้คนนับหน้าถือตา จะให้ต้องมาพังพินาศเพราะเด็กเลือดผสมคนเดียวน่ะเหรอ บารอนเนสผู้มีศักดิ์เป็นป้าของเด็กเลือดผสมขึ้นเสียงแหลม
เฮ้อ... อิ่มชะมัด เทียเรลล์เด็กเลือดผสมรวบส้อมและมีดก่อนยกผ้าขึ้นเช็ดปาก แล้วมองตรงไปยังบารอนเนสควินเนีย จริงๆคุณป้าเนี่ย แม้จะห้าสิบแล้วก็ยังสวยนะฮะ เพียงแต่ผมว่า หากบ่นน้อยลงกว่านี้อีกสักนิด ตีนกาตีนยาวๆตรงหางตานั่นมันอาจจะหดสั้นลงไปได้อีกสักหน่อย เจ้าตัวเดินตรงไปยังประตูทางออก ก่อนหันมาทำหน้าทะเล้น ไม่ต้องเปลืองครีมรกแกะแสนแพงที่คุณลุงอุตส่าห์ไปหอบหิ้วมาให้จากโบการ์ดเลยฮะ
เท่านั้นเองเสียงกรี๊ดของบารอนเนสก็ดังลั่นห้อง ประมุขโอลาฟหัวเราะเสียงดังชอบใจ ส่วนซีรีดาหน้าเจื่อนสนิท และบารอนบาร์เทลผู้เป็นพ่อทำหน้าเลิ่กลั่ก ในขณะที่เจ้าทายาทเลือดผสมตัวดีผิวปากเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี
อันเดรียสปรายตามองมาที่เขาขำๆ แม้แต่ตัวเขาเองยังต้องพยายามกลั้นยิ้ม คนเรานี่ก็แปลก ไม่กี่นาทีก่อนยังเศร้า เสียใจ ร้องไห้ ไม่กี่นาทีต่อมากลับพูดคุยจ้อ หัวเราะ ร่าเริง บางทีชีวิตมนุษย์อาจมีเพียงแค่นี้ เกิดมาเพื่อรับรู้ความสุข ความทุกข์ ได้ดีใจ หรือเสียใจ มีเสียงหัวเราะ และเสียงร้องไห้ หรือนี่คือสัจธรรม
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าผ่านกระจกหลังคาใสทรงโค้งของห้องรับประทานอาหาร ดาวเหนือส่งประกายล้อสายตาราวกับจะยืนยันความจริงข้อนั้น ท้องฟ้าของแดนนอร์สในค่ำคืนนี้ดูพร่างพราวสดใสไปด้วยแสงระยิบจากดวงดาว ทว่า ณ เส้นขอบฟ้าไกลทางทิศตะวันออกกลับมีกลุ่มเมฆดำทะมึนกำลังแผ่ขยายตัวออกมาดูน่ากลัว
เสียงหัวเราะ ความสุข และความสดใส จะคงอยู่อีกนานแค่ไหน ในเมื่อในใจของเขารู้ดีว่า ความเศร้า น้ำตา และความสูญเสีย กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ เพียงลำพังเขาจะหยุดมันได้หรือ โชคชะตากำลังจะเริ่มเล่นตลกกับชีวิตมนุษย์อีกครั้ง........
หากเศร้าไปนิด ก็ขออภัยคนอ่านนะคะ
ปล... บทนี้ยาวกว่า 2 บทเเรกหน่อยนึงค่ะ