เจ็ดสิบคะแนน! เป็นไปได้ยังไงกัน! มาสเตอร์ฟาสลับคะแนนของนายกับนักเรียนคนอื่นแน่ๆ
เสียงเพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์หน้าสวยอันเดรียส แฟร์โร เรียกความสนใจจากนักเรียนคนอื่นๆ ที่กำลังมุงดูผลการสอบกลางภาควิชาการปกครอง ให้หันหน้ามาดูเขาด้วยความสนใจ
ปกติเวลาที่เขาเดินไปไหนมาไหนกับทั้งอันเดรียสและวิลเลม เขาสามคนก็เป็นเป้าสายตาของเหล่านักเรียนในตักศิลาอยู่แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาคือตรีพิทักษ์ แถมยังเป็นตรีพิทักษ์ที่รูปร่างหน้าตาดีอีกต่างหาก แม้อันเดรียสจะเถียงคอเป็นเอ็นว่า เรื่องหน้าตาดีนั่นไม่ได้หมายรวมถึงตัวเขาก็ตาม
เฮ้ย... วิลล์ นายเชื่อมั้ยว่ามาสเตอร์ฟาต้องลงคะแนนให้ไอ้ตัวป่วนเนี่ยผิดแน่ๆ อันเดรียสเพื่อนหนุ่มหน้าสวยจากอัลวาโรยังไม่หายกังขา และคำว่าไอ้ตัวป่วนนี่มันก็หมายถึงตัวเขา ซึ่งหากจะว่าไปเขาก็นึกไม่ออกแล้วว่าเมื่อไหร่กันที่อันเดรียสเลิกเรียกเขาว่าเทียเรลล์
นายจะแปลกใจอะไรอันเดรียส ก็มันกี่ครั้งแล้วที่เทียเรลล์โดนสั่งคัดรายงานในวิชาของมาสเตอร์ฟา แล้วแต่ละครั้งก็ไม่ต่ำกว่าร้อยจบ หากมันไม่เข้าหัวเลยนี่สิ ฉันว่ามันจะน่าสงสัยว่าอะไรบ้างที่อยู่ในหัวสมองของมัน เจ้าวิลล์ตอบหน้าตาเฉย
อะไรกันพวกนาย พูดแบบนี้ดูถูกกันนี่หว่า ของแบบนี้มันอยู่ที่ฝีมือเฟ้ย ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี จริงๆแล้วก็คงต้องขอบคุณมาสเตอร์ฟาที่ทำโทษเขาเสียบ่อย จนทฤษฎีการปกครองสารพัดรูปแบบมันซึมซับเข้าไปในหัวสมองของเขาเรียบร้อย แม้ว่าเขาไม่เคยสนใจอยากจะจำเลยก็ตาม
เฮ้อ... น่าเบื่อ... ไอ้ตัวป่วนหลุดจากที่โหล่แบบนี้ เรื่องสนุกก็หมดกันพอดี อันเดรียสยังไม่วายบ่น เจ้าเพื่อนตัวเเสบทำหน้ายังกับเซ็งเสียเต็มประดา
เทียเรลล์หลุดจากที่โหล่ได้ ฉันว่านายน่าจะดีใจ อย่างน้อยพวกเราตรีพิทักษ์จะได้ไม่ต้องอับอายขายหน้าคนอื่นเขาอีกต่อไป วิลเลมพูดเนิบๆตามสไตล์ของมัน
เฮ้ยๆ... นี่ชมหรือด่าฟะ ไอ้วิลล์ เขารู้สึกตะหงิดๆกับคำพูดแปร่งๆนั่นจนต้องส่งเสียงประท้วง
ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่าไอคิวจะไม่ได้เพิ่มตามคะแนนไปด้วยนี่นะ งั้นก็ค่อยยังชั่ว จะได้มีอะไรเหลือให้ได้ฮาบ้าง อันเดรียสผิวปากอย่างอารมณ์ดี ขณะที่พวกเราเดินออกมาจากแท่นศิลาหน้าหอระฆังที่มักใช้เป็นที่ประกาศผลสอบวิชาต่างๆ
เชอะ... คอยดูกันต่อไปเหอะ ดูถูกกันนัก เทียเรลล์ ลาเรนส์คนนี้ไม่เคยยอมเป็นสองรองใครหรอกเฟ้ย เขายังไม่วายคุยโว เรื่องอะไรจะยอมให้โดนดูถูก แม้เขาจะรู้ดีว่า หากพูดเรื่องการเรียนแล้ววิลเลม เดอฟริส ลูกชายนายพลลูเธอร์จากบาวาเรีย อีกหนึ่งเพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์นี่ต่างหากที่ดูแล้วน่าจะครองที่หนึ่งไปเสียทุกอย่าง แต่ของแบบนี้มันก็ไม่แน่ การเรียนการสอนภาควิชาการสำหรับภาคเรียนแรกกำลังจะสิ้นสุด และภาคศิลปะการต่อสู้ที่เขามั่นใจนักหนาว่าตัวเองไม่เป็นสองรองใครกำลังจะเริ่มต้น คราวนี้ทุกคนจะได้ประจักษ์เสียทีถึงความสามารถที่แท้จริงของเขา
นับจากหยุดกลางภาคพวกเขาก็กลับเข้าสู่รั้วตักศิลาได้เกือบเดือนแล้ว อากาศต้นฤดูร้อนช่างอบอุ่น ดวงอาทิตย์ฉายแสงเจิดจ้า ดอกไม้สารพัดชนิดผลิดอกบานสะพรั่งส่งให้ตักศิลาดูมีสีสันสวยงาม เขาชอบฤดูร้อน แม้ตัวเองจะไม่เคยสนใจชื่นชมธรรมชาติเท่าไรนัก แต่ฤดูร้อนทำให้เขารู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน พลังงานที่บางครั้งเขาเองก็นึกแปลกใจว่า ทำไมช่างเหมือนกับจะไม่มีวันหมด ตั้งแต่เขากลับบ้านช่วงหยุดกลางเทอม เขาก็เริ่มฝันประหลาด ความฝันแปลกๆที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ความฝันที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนร่างกายถูกอัดแน่นไปด้วยพลังงานจำนวนมหาศาล พลังงานที่บีบเค้นจนเขารู้สึกเจ็บปวดทรมาน พลังงานแห่งความร้อนที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
เที่ยงนี้จะกินอะไรดีนะ
เสียงของอันเดรียสหยุดความคิดที่กำลังโลดแล่นไปไกล นายว่าไง เจ้าเพื่อนหนุ่มหน้าสวยหันมามองหน้าเขาก่อนจะตอบเสียเอง อ้อ... ลืมไป ไม่ต้องถามก็รู้อยู่แล้ว... สเต๊กปลาแซลม่อนย่างสไตล์นอร์ส ข้าวสวยจากตะวันออกไกลชามเบ้อเริ่ม ซุปผักกับมันบด แถมท้ายด้วยพานาค๊อตต้าจากอัลวาโรกับอินทผลัมจากคัสปาร์เป็นของหวาน อันเดรียสทำหน้าเหม็นเบื่อ กินทุกวันมาตั้งหลายเดือนแล้ว ไม่เซ็งบ้างหรือไง
นายนี่จำอะไรได้แม่นจริง แต่พูดแล้วก็ชักหิวแฮะ เขาลูบท้องบ้าง พวกนายจะเอาอะไร ฉันจะตักเผื่อ เขาหันไปถามเมื่อเราทั้งสามคนเดินมาหยุดอยู่หน้าโรงอาหาร
ฉันเอาเหมือนนายละกันวันนี้ ขี้เกียจคิด แต่ขอเว้นข้าวกับอินทผลัม อันเดรียสโบกไม้โบกมือ กินไม่ไหว ขืนโดนข้าวชามเบ้อเริ่มอย่างนาย อ้วนตายกันพอดี อีกอย่างฉันไม่ชอบอินทผลัมด้วย
กลัวคะแนนนิยมในหมู่สาวๆจะตกเหรอไง... ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ เขาแหย่ ก่อนหันไปถามอีกหนึ่งเพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์จากบาวาเรีย แล้วนายล่ะวิลล์
ฉันขอขาหมูย่าง กะหล่ำเปรี้ยว มันบด กับขนมปังโบการ์ดก็พอ วิลเลมตอบเรียบๆ
นั่นไง... ใช่ฉันคนเดียวเสียที่ไหนที่กินอย่างเดิมทุกวัน ไอ้วิลล์ก็เหมือนกันล่ะน่า เขาหาพวก จริงๆแล้วเขาไม่ต้องถามก็พอเดาได้เหมือนที่อันเดรียสเดาใจเขาได้ เพราะวิลเลมก็ไม่ต่างจากเขาที่กินอาหารแบบเดิมติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว หากจะมีต่างออกไปก็แค่เปลี่ยนจากขาหมูย่างเป็นไส้กรอกย่าง ซึ่งทั้งสองอย่างส่งตรงจากบาวาเรียบ้านเกิด
ฉันไปเอาน้ำให้ นายไปช่วยเทียเรลล์ยกก็แล้วกันนะอันเดรียส วิลเลมเดินไปยังอีกฟากของโรงอาหาร ขณะที่เขาสาละวนอยู่กับการเดินตักอาหารหลากชนิด โดยมีอันเดรียสคอยรับไปวางยังโต๊ะที่ว่าง ไม่กี่อึดใจเราสามคนก็ง่วนอยู่กับการจัดการกับอาหารกลางวันสารพัดอย่างตรงหน้า
เดี๋ยวกินเสร็จแล้ว ฉันว่าจะแวะไปที่ห้องรวมสาส์นเสียหน่อย พวกนายกลับหอนอนไปก่อนก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลาเดินย้อนไปมา วิลเลมเอ่ยเนิบๆ ห้องรวมสาส์นเป็นส่วนงานที่ทำหน้าที่รับส่งสาส์น ตั้งอยู่ในหอระฆังที่เป็นที่รวมส่วนอำนวยการ วิลเลมคงลืมเข้าไปดูว่ามีสาส์นส่งมาถึงบ้างหรือไม่ ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาไปยืนมุงดูผลสอบที่หน้าแท่นศิลา
เออ... จริงด้วย บ่ายวันนี้ไม่มีเรียนนี่นา ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จู่ๆก็ยกเลิกการสอนกะทันหันแบบนี้ อันเดรียสเปรยก่อนหันไปมองวิลเลม ฝากดูของฉันด้วยสิ ไม่รู้แม่ส่งอะไรมาหรือเปล่า
อืม... รู้สึกว่าจะมีปัญหาเรื่องมาสเตอร์ที่จะมาสอนภาคศิลปะการต่อสู้ มาสเตอร์ที่ได้รับการวางตัวไว้แต่แรกดูเหมือนว่าจะขอถอนตัวเพราะปัญหาสุขภาพ ตอนนี้ก็เลยต้องรอมาสเตอร์คนใหม่ที่จะมาแทนล่ะมั้ง เจ้าวิลล์ตอบก่อนจะส่งขนมปังคำสุดท้ายเข้าปาก ทำไมวิลเลมดูเหมือนจะรู้อะไรไปเสียทุกเรื่อง เขาเสียอีกเป็นนักเรียนเจ้าถิ่นแท้ๆแต่กลับไม่เคยรู้อะไรเลย
งั้นนายไปเถอะ เดี๋ยวฉันกับไอ้ตัวป่วนเก็บจานชามเอง อันเดรียสอาสาโดยไม่วายดึงเขาเข้าร่วมด้วย
ขอบใจนะ วิลเลมลูกชายนายพลจากบาวาเรียตอบก่อนเดินออกจากโรงอาหารย้อนกลับไปยังหอระฆัง ส่วนอันเดรียสและเขาเดินกลับไปยังหอนอนที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
ขอโทษนะคะ... อันเดรียส เอ่อ... ขอรบกวนเวลานิดได้มั้ยคะ เสียงเรียกของเด็กนักเรียนสาวที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้พวกเขาต้องหยุดเดินก่อนหันกลับไปมอง
ฮะ... เอ่อ... เราเคยรู้จักกันหรือเปล่าฮะ อันเดรียสเลิกคิ้วก่อนกระตุกยิ้มบางๆให้เด็กสาวแปลกหน้า ไอ้ยิ้มแบบนี้ล่ะที่ทำให้เขาอดค่อนขอดบ่อยๆไม่ได้ว่าคือการกระตุกยิ้มกระชากใจสาว
เอ่อ... เปล่าค่ะ แต่หากจะกรุณา ไม่ทราบพอมีเวลาสักครู่มั้ยคะ เด็กสาวคนเดิมก้มหน้าต่ำเสียจนเขาอดมองตามไม่ได้ว่า ใครทำเหรียญทองมาร์เทนหล่นตกไว้แถวนั้นหรือเปล่า
อ้อ... ฮะ พอดีบ่ายนี้ไม่มีเรียน ไม่มีปัญหาฮะ อันเดรียสตอบก่อนหันมาทางเขา นายกลับหอนอนไปก่อนละกัน เดี๋ยวอีกสักพักฉันตามไป
เขาพยักหน้าหงึกหงัก ไม่วายหันไปมองเด็กสาวคนนั้นอีกครั้งด้วยความสงสัย หน้าตาก็ดูพอไปวัดไปวิหารตอนสายๆได้ สองมือหอบห่อกระดาษบางอย่างเอาไว้แนบอกอย่างทะนุถนอม เขาแอบเห็นซองจดหมายสีชมพูหวานวางอยู่บนห่อนั้นด้วย เลยต้องหัวเราะออกมากับตัวเองขณะที่เดินแยกจากมา
คนที่เท่าไรแล้วหนอที่มาสารภาพความรู้สึกของตัวเองกับอันเดรียสเพื่อนหนุ่มหน้าสวยจากอัลวาโรของเขา แต่อันเดรียสก็ไม่เห็นเคยจะสนใจใครจริงจัง ทำตัวเป็นดอนฮวนที่ดูจะรักใครจริงไม่เป็น หรือจริงๆแล้วมันรักทุกคนไปหมดจนไม่เลือกใครสักคนเลยกันแน่ ที่น่าเห็นใจคือสาวน้อยเหล่านั้น ที่ดูจะยังไม่เคยมีใครรู้ความจริงข้อนี้ หลายครั้งที่เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า อะไรบ้างในชีวิตที่อันเดรียสให้ความสนใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกชายเคานต์อัลฟอนโซจากอัลวาโรทำตัวลอยไปลอยมาไปเสียทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเรียนที่เขาไม่เคยเห็นเจ้าตัวจะสนใจอ่านหนังสือดูตำรา แต่เมื่อผลสอบภาควิชาการประกาศออกมาครั้งใด อันเดรียสเพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์หน้าสวยแสนป๊อบปูล่าร์ก็ไม่พ้นได้คะแนนสูงสุดเสียทุกครั้งไป
...............ฟิ้ว..... ฉึก!
เฮ้ย! เขาร้องออกมาอย่างตกใจ กริชเล่มสั้นๆพุ่งผ่านเส้นผมไปอย่างเฉียดฉิว ตรงไปปักฉึกอยู่ที่เสาต้นใหญ่ด้านหลัง โชคดีที่เขาได้รับการฝึกฝนการต่อสู้สารพัดรูปแบบมาตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยเพราะเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลลาเรนส์ ประสาทสัมผัสทั้งห้าจึงไวกว่าคนปกติ เขาจึงทันได้ยินเสียงแหวกอากาศของอาวุธอันตรายและสามารถเบี่ยงตัวหลบคมแหลมของมันได้อย่างหวุดหวิด มิเช่นนั้นกริชเล่มนั้นคงพุ่งปักเข้าที่หัวใจแทนที่จะเป็นเสาไม้แกะสลักโบราณที่ตั้งตระหง่านค้ำหลังคาทางเดินระหว่างโรงอาหารและหอนอนนั่น
ไวเท่าความคิด เขาหันควับกลับไปยังทิศทางที่คาดว่าจะเป็นตำแหน่งที่กริชถูกขว้างออกมา แต่กลับไม่เห็นร่องรอยใดใดของเจ้าของอาวุธ จึงตัดสินใจเดินไปถอนมันออกจากเสา ลวดลายดอกกุหลาบที่สลักเสลาอยู่บนด้ามจับดูงดงาม เจ้าของคงไม่ใช่คนธรรมดา เพราะการจะสลักลวดลายที่อ่อนช้อยขนาดนี้ลงบนเนื้อเหล็กกล้าจะต้องอาศัยช่างตีเหล็กระดับยอดฝีมือ ที่นอกจากจะสามารถสร้างอาวุธที่แกร่งกล้าได้แล้ว ยังสามารถสร้างลวดลายอันวิจิตรลงบนเนื้อเหล็กชั้นดีได้อีกต่างหาก
เทียเรลล์... มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ เสียงเรียกชื่อทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง วิลเลมซึ่งพึ่งเดินกลับมาจากห้องรวมสาส์นนั่นเอง
อ้าว... มาเร็วแฮะ เขาเกาหัวแกรก บังเอิญฉันเก็บของได้น่ะ... แหะๆ
เก็บของได้? กริชเนี่ยน่ะหรือ? เจ้าวิลล์ขมวดคิ้วมองตรงมาที่อาวุธเจ้าปัญหาในมือเขา
อืม... เขาผ่อนลมหายใจ ก่อนจะอธิบายวินาทีเฉียดตายที่พึ่งผ่านไปเมื่อครู่
ขอดูหน่อยสิ วิลเลมรับกริชจากมือเขา ก่อนจะพลิกไปมาพิจารณาอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงส่งคืนให้
นายคิดยังไง เขาถาม
แล้วนายล่ะ คิดยังไง วิลเลมลูกชายนายพลย้อนถามตามสไตล์ของมัน
ไม่รู้สิ อาจเป็นอุบัติเหตุ ใครมาซ้อมขว้างมีดแถวนี้หรือเปล่าหว่า... เขาหัวเราะแกนๆ ที่ผ่านมาเขาค่อนข้างแน่ใจว่าตัวเองไม่เคยสร้างศัตรูเอาไว้ที่ไหน แต่แล้วจู่ๆกลับมีคนหมายจะเอาชีวิต มันจะเป็นไปได้หรือ นอกเสียจากเป็นเรื่องอุบัติเหตุ
เป็นอุบัติเหตุที่ดูเหมือนจงใจอยากให้เกิดขึ้น วิลเลมเอ่ยลอยๆ ดวงตาสีฟ้าล้ำลึกดูจริงจังจนเขาอ่านความคิดไม่ออก
ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ คงไม่มีอะไรหรอกน่า ก็แค่คนซ้อมขว้างมีดมั่วซั่ว คราวนี้เขาหัวเราะเสียงดัง เพราะต่อให้ลงนั่งขบคิดตอนนี้เขาก็คงคิดอะไรไม่ออก จะจับมือใครดมก็ไม่ได้ งั้นก็สู้ทำใจสบายๆแล้วปล่อยให้มันผ่านไปดีกว่า
เฮ้! เกิดอะไรขึ้น ไหงมายืนชมสวนดอกไม้กันทั้งคู่แบบนี้ อันเดรียสโผล่หน้ามาอีกคน ในมือหอบห่อกระดาษที่มีซองจดหมายสีชมพูแนบอยู่ด้วยห่อนั้น
ฮั่นแน่... ฉันรู้นะเฟ้ย ว่าเมื่อกี๊เด็กนั่นเรียกนายไว้ทำไม เขาอดไม่ได้ที่จะแหย่ แม้ตัวเองจะพึ่งผ่านวินาทีแห่งความเป็นความตายมาหยกๆ
หืม? เด็กนั่น? เด็กไหน วิลเลมผู้ไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วยทำหน้างง
ก็เด็กสาวที่เรียกเจ้าอันเดรียสเอาไว้ ตอนฉันกับมันเดินออกมาจากโรงอาหารนั่นล่ะ เขาหันไปเฉลย ก่อนหันกลับไปทางอันเดรียส ขอดูหน่อยสิ สาวเจ้าให้อะไรมา
เฮ้ย... ไม่ได้... อ้าว...เฮ้ย! ส่งคืนมานะไอ้ตัวป่วน! อันเดรียสโวยวาย เมื่อเขาฉกห่อกระดาษต้องสงสัยมาจนได้
โอ้โห... ขนมทั้งนั้น น่ากินชะมัด ขอลองชิมหน่อยคงไม่ว่ากันนะ เขาถือวิสาสะฉีกห่อกระดาษออกหน้าตาเฉย คุ๊กกี้สารพัดสีสารพัดขนาดยั่วสายตาจนทำให้รู้สึกน้ำลายไหล อันเดรียสจึงได้แต่กุมขมับ
พึ่งเฉียดตายมาหยกๆ ยังมีแก่ใจกิน ฉันล่ะเชื่อเลย เจ้าวิลล์ส่ายหน้าน้อยๆ
และนั่นทำให้อันเดรียสหูผึ่ง นายว่ายังไงนะ ใครเฉียดตาย
วิลเลมจึงเล่าเรื่องราวให้อันเดรียสฟัง ระหว่างที่เขาตั้งหน้าตั้งตาเคี้ยวคุ๊กกี้อย่างสบายอารมณ์
งั้นเหรอ... อืม... อันเดรียสทำสีหน้าครุ่นคิดหลังจากฟังเรื่องราวจนจบ ก่อนส่งคำถามไปยังคนเล่าเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นพหูสูตรที่รู้ไปหมดเสียทุกอย่าง แล้วนายคิดไงวิลล์
ฉันไม่แน่ใจ จะว่าเป็นอุบัติเหตุก็เป็นไปได้ แต่อุบัติเหตุแบบนี้มันคงไม่ได้เกิดขึ้นทุกวันแน่ วิลเลมตอบสั้นๆ
อืม... ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ดวงตาสีทรายของอันเดรียสหรี่ลงเล็กน้อย แต่แล้วลูกชายของเคานต์อัลฟอนโซจากอัลวาโรก็ต้องร้องออกมาอีกครั้ง เฮ้ย! ไอ้ตัวป่วน! ส่งจดหมายคืนมา! ไอ้เทียเรลล์! ไอ้เพื่อนตัวแสบ! ส่งคืนมาเดี๋ยวนี้!
เขาหัวเราะเสียงดัง หลังจากที่อาศัยจังหวะตอนอันเดรียสเผลอเพราะกำลังใช้ความคิด ฉกจดหมายรักสีชมพูนั่นมาอย่างรวดเร็ว แถมยังเปิดออกอ่านโดยไม่รั้งรอ ถึงอันเดรียส... คุณอาจแปลกใจว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนด้วยหรือ ไม่ต้องแปลกใจหรอกนะคะ เพราะคุณไม่เคยรู้จักฉันเลย เพราะฉันได้แต่เฝ้ามองคุณอยู่ไกลๆมานานแล้ว...
ไอ้ตัวแสบ! หยุดอ่านเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่ อันเดรียสโวยวายเสียงลั่น ในขณะที่เขาเต้นวนไปรอบๆ มือชูจดหมายรักสีชมพูเอาไว้เหนือศีรษะ ปากก็อ่านข้อความในจดหมายไปด้วยอย่างสนุกสนาน อันเดรียสหนุ่มป๊อบปูล่าร์วิ่งวนไล่คว้าจดหมายเจ้าปัญหาดูไม่ต่างจากเด็กกำลังเล่นไล่จับ ส่วนวิลเลมลูกชายนายพลจากบาวาเรียได้แต่ยืนส่ายหัวก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างระอา
เหตุการณ์เฉียดตายที่พึ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆทำให้เขานึกถึงคำพูดของพ่อ พ่อเคยสอนว่าความเป็นและความตายอยู่ใกล้กันเพียงแค่เส้นกั้น ชีวิตของนักรบคือการยืนอยู่บนเส้นทางแห่งความตาย ตราบที่เรายังมีชีวิตจงใช้เวลาทุกวินาทีให้มีคุณค่า เพื่อว่าในวันที่ความตายเดินทางมาถึง จะไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เรานึกเสียใจ ตอนนั้นเขายังเล็กอยู่มาก สิ่งที่พ่อเคยพูดไว้ช่างยากเกินกว่าที่เด็กน้อยที่พึ่งลืมตามาดูโลกได้เพียงสามปีจะเข้าใจ และแม้ตลอดชีวิตของเขาจะได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มามากมายหลายแขนง แต่เขาก็ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้มันจริงๆเลยสักครั้ง
หากเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้คือจุดเริ่มต้น ชะตาชีวิตของเขาคงถูกกำหนดเอาไว้แล้ว วันนี้เขาเข้าใจสิ่งที่พ่อพูดแล้วอย่างชัดเจน
.....จากนี้ไป เทียเรลล์ ลาเรนส์ คนนี้... ขอเลือกเดินบนเส้นทางแห่งนักรบ และจะไม่มีวันนึกเสียใจ แม้ว่าจุดจบอาจเป็นเพียงความตายที่รออยู่ปลายทาง... พ่อครับ... อวยพรให้ผมด้วยนะครับ......
ขอทำงานที่ค้างอยู่อีกหน่อยก่อน
เดี๋ยวมาอีกทีค่ะ