บัลลังก์เเห่งวาฮัลลา (ภาคศาสตราเเห่งเทพ) ... บทที่ 10
Vincent van Gogh's Starry Night over the Rhône housed in the Musée d'Orsay in Paris.
กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ดูแล้วน่าจะเป็นแก๊งอันธพาลกวนเมืองจากที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ยืนจังก้าอยู่หน้าโต๊ะ แสงโคมสลัวๆที่จุดไว้เป็นจุดๆในร้านทำให้เขามองเห็นหน้าคนกลุ่มนี้ได้ไม่ถนัดนัก ที่แน่ๆก็คือพวกมันมีกันไม่ต่ำกว่าแปดคน แต่ละคนรูปร่างสูงใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดที่ดูแล้วน่าจะเป็นตัวหัวหน้า แม้แสงไฟในร้านจะไม่สว่างนัก แต่แสงโคมขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอาหารนี่ก็ทำให้เขาเห็นหน้าตาหัวหน้าแก๊ง ซึ่งยืนอยู่หน้าสุดได้อย่างถนัดถนี่
ว่าอย่างไรจ๊ะ... น้องสาวตาสวย พี่มีเงินเต็มกระเป๋าเลยนะ รับรองเลี้ยงดูไม่อั้น ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ เจ้าหัวหน้าแก๊งถามย้ำอีกครั้ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากเอลวีน่า อย่างนายน่ะ คงมีเงินไม่มากพอจะเลี้ยงดูฉันได้หรอก เอลวีน่าตอบเสียงเย็น เรียกเสียงโห่ฮาจากบรรดาลูกสมุนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
เจ้าหัวหน้าแก๊งชะงักกับคำตอบ พูดแบบนี้ ไม่ให้เกียรติกันเลยนะน้องสาว ในเมื่อผู้หญิงเขาไม่อยากไปด้วย ก็ไม่น่าจะฝีนใจกันนะ... พี่ชาย อันเดรียสเอ่ยขึ้นบ้าง พร้อมรอยยิ้มละไม
คิ้วหนาของเจ้าหัวหน้าแก๊งกระตุกขึ้นทันควัน เอ็งเป็นใคร...! หรือเป็นแฟนยัยหนูนี่ หากไม่ใช่แล้ว อย่ามาสอดจะดีกว่า!... หุบปากเหม็นๆของนาย แล้วไปเสีย...! ฉันไม่อยากเสวนาด้วย เสียเวลากินข้าว เอลวีน่าเชิดหน้า
พูดกันดีดีไม่รู้เรื่อง อย่างนี้คงต้องใช้กำลังเสียแล้วมั้ง เจ้าหัวหน้าแก๊งคำราม โดยไม่รีรอมันคว้าข้อมือของเอลวีน่า หมายจะลากตัวไปด้วยทันที
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัว กำปั้นของอันเดรียสเพื่อนหนุ่มหน้าสวยจากอัลวาโรก็ส่งตรงเข้าใส่ใบหน้าของเจ้าหัวหน้าแก๊งอย่างจัง หน้าของมันสะบัดไปตามแรงหมัด เป็นผลให้ข้อมือของเอลวีน่าหลุดพ้นจากการเกาะกุม เท่านั้นเองเหล่าสมุนทั้งเจ็ดก็กรูกันเข้าใส่อันเดรียสโดยมิต้องนัดหมาย
บ้าจริง...! ขอกินข้าวให้อร่อยสักมื้อไม่ได้หรือไงนะ...! เขาสบถ ก่อนจะใช้อุ้งมือรับหมัดของหนึ่งในลูกสมุนที่ส่งตรงออกไปยังอันเดรียส ที่บัดนี้กำลังปะทะอยู่กับเจ้าหัวหน้าแก๊งและลูกแก๊งอีกสองคน อีกคนปราดเข้ามา เขาจึงบิดข้อมือของเจ้าคนแรก เหวี่ยงมันไปปะทะกับเพื่อนร่วมแก๊ง จนกระเด็นกระดอนออกไปทั้งคู่ เหลือบตามองไปยังเอลวีน่า ซึ่งบัดนี้กำลังพันตูอยู่กับลูกสมุนอีกสาม ฝีมือของยัยม้าดีดกะโหลกนี่ไม่เลวเลย เอลวีน่าต่อสู้ด้วยมือเปล่าได้อย่างแคล่วคล่อง ทั้งที่คู่ต่อสู้เป็นชายและมีมากกว่าหนึ่ง
จะนั่งดูอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม...! เขาหันกลับไปตะโกนถามวิลเลม ที่นั่งกอดอกชมบทบู๊ตรงหน้าอยู่อย่างสบายอารมณ์ แค่พวกนายสามคนก็เหลือจะพอแล้วมั้ง วิลเลมหัวเราะหึๆ ในลำคอ ฉันขอเป็นผู้ชมก็แล้วกันนะ
สิ้นเสียงของวิลเลม เขาปรี่เข้าไปยังอันเดรียสที่กำลังหลบหลีกทั้งหมัดและเท้า จากเจ้าหัวหน้าแก๊งและลูกสมุนเป็นพัลวัน สอดแขนเข้ารับหมัดจากเจ้าหัวหน้าแก๊งไว้ได้ ก่อนที่มันจะทันถึงปลายคางของเพื่อนหนุ่มหน้าสวยจากอัลวาโร
เล่นรุมกันแบบนี้ ไม่เท่เลยนะพี่ชาย... เขาส่งยิ้มเผล่ให้กับเจ้าหัวหน้าแก๊ง ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม...! จะสักแค่ไหนเชียว... เจ้าหัวหน้าแก๊งคำรามลั่น
ลูกสมุนอีกสองคนผละจากเอลวีน่า วิ่งเข้ามาช่วยลูกพี่ทันที หนึ่งในสองคนควักมีดพกออกมาจากกระเป๋ากางเกง ในขณะที่อีกคนสวมสนับเข้าที่มือทั้งสองข้าง ใช้อาวุธเลยหรือนี่... งั้นฉันคงไม่จำเป็นต้องออมมือแล้วมั้ง เขาเหยียดยิ้ม
อย่าร้องขอชีวิตก็แล้วกัน!...ไอ้หนู...! เจ้าหัวหน้าแก๊งส่งเสียงขู่ ก่อนจะชักดาบสั้นออกมาจากชายพก โถมตัวเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว
เขาเอี้ยวตัวหลบคมดาบสั้น ตวัดเท้าออกไปทางด้านหลังยันเจ้าของสนับมือที่พุ่งตัวเข้ามาเกือบพร้อมกันเอาไว้ มันเสียหลักผงะไป อีกคนวิ่งเข้าใส่พร้อมมีดพกในมือ เขาจึงคว้าถาดไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้าง ใช้มันรับมีดพกอันนั้น เสียงมีดปักฉึกลงบนถาด ก่อนจะคว้าท่อนแขนของเจ้าของมีด แล้วออกแรงบิดเต็มกำลัง ได้ยินเสียงดังกร๊อบ...!
อ๊าก............! เสียงมือมีดร้องโหยหวน เมื่อรู้ตัวว่ากระดูกท่อนแขนต้องเเยกออกเป็นสองส่วน
มือสนับคำรามลั่น เมื่อเห็นเพื่อนร่วมแก๊งลงไปนอนดิ้นพราด มันปรี่เข้าใส่เขาอย่างไม่คิดชีวิต พร้อมกับส่งหมัดออกมาเป็นชุด เขาถอยฉากพร้อมทั้งเบี่ยงตัวหลบหลีก จนหลังปะทะเข้ากับผนังห้อง มือสนับแสยะยิ้มอย่างลำพอง มันโถมตัวเข้าใส่อย่างรุนแรง หวังเผด็จศึกด้วยหมัดสุดท้าย แต่มันยังช้ากว่าเขาที่ก้มตัวหลบคมหนามของสนับได้อย่างทันท่วงที สนับมืออันแหลมคมจึงปักฉึกเข้ากับผนังไม้กระดานด้านหลัง เขาหันกลับมา คว้าข้อมืออีกข้างของเจ้าของสนับไว้อย่างว่องไว แล้วออกแรงผลักไปในทิศทางฝืนธรรมชาติอย่างเต็มที่
อ๊าก.....! มือสนับร้องลั่น เมื่อความเจ็บปวดแทรกผ่านไปทุกอณู ข้อมือข้างนั้นห้อยร่องแร่ง
แก...! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน...! อย่าอยู่เลย...! เจ้าหัวหน้าแก๊งตะโกนลั่นด้วยความคั่งแค้น ก่อนปรี่เข้าใส่เขาด้วยดาบสั้นในมือ เสียงดาบแหวกอากาศลงมาอย่างรวดเร็ว ทว่า.....
ฉึก.........! อ๊าก...........! แคร้ง........!
กริชเล่มสั้นๆพุ่งปักเข้าที่หลังมือของเจ้าหัวหน้าแก๊งอย่างแม่นยำ ดาบสั้นในมือหลุดตกลงไปกองอยู่ที่พื้น พร้อมๆกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากเจ้าของดาบ
เขาหันขวับกลับไปยังที่มาของกริชปริศนานั่นทันที เอลวีน่ายืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น หนึ่งในลูกสมุนทั้งเจ็ดนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่แทบเท้า เพียงชั่ววินาทีที่เลดี้สาวน้อยจากโบการ์ตประสานสายตาเข้ากับเขาอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาเจ้าหัวหน้าแก๊ง ที่บัดนี้นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ที่พื้น
อย่าให้ฉันเห็นหน้าพวกนายอีก... ไม่อย่างนั้น คราวต่อไปกริชของฉันคงไม่ปักเข้าที่มือของนายแน่ เอลวีน่ายกเท้าขึ้น เหยียบลงไปบนท่อนแขนที่ได้รับบาดเจ็บของเจ้าหัวหน้าแก๊ง ก่อนจะก้มลงถอนกริชเล่มนั้นออกจากหลังมือของมันอย่างช้าๆ พร้อมๆกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของหัวหน้าแก๊งอันธพาล แต่มันจะปักเข้าที่หัวใจของนายแทน...! ดวงตาสีมรกตของเอลวีน่าวาวโรจน์ ไม่ต่างจากนางสิงห์ผู้มีชัยเหนือเหยื่อเคราะห์ร้าย
กริชนั่น..... เป็นไปไม่ได้..... เขารำพึงได้เพียงแค่นั้น ความรู้สึกหลากหลายประดังประเดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กริชสีเงินสะท้อนประกายวาววับเมื่อต้องแสงโคม ลวดลายกุหลาบที่สลักเสลาอย่างวิจิตรบนด้ามจับ เขาแน่ใจ เขาเคยเห็นมันมาก่อน กริชที่หน้าตาไม่ต่างจากเล่มที่อยู่ในมือของเอลวีน่า ณ ขณะนี้ เคยพุ่งตัดปลายเส้นผมของเขาไปอย่างเฉียดฉิว เมื่อตอนที่เขายังอยู่ในตักศิลา
เป็นอย่างไรบ้าง เทียเรลล์... บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า... เสียงไถ่ถามด้วยความห่วงใยจากอันเดรียส กระตุกความคิดที่กำลังสับสนของเขาให้กลับคืนมา อ้อ... อืม... ฉันไม่เป็นอะไร นายล่ะ... เป็นอย่างไรบ้าง เขาหันไปมองหน้าเพื่อนหนุ่มหน้าสวยจากอัลวาโร ที่บนใบหน้าตอนนี้มีร่องรอยบาดแผลบางๆ
หึๆๆ ฉันไม่เป็นอะไร... ก็แค่บาดแผลเล็กน้อย อันเดรียสยังหัวเราะได้
เสียงคนกลุ่มหนึ่งวิ่งตึงตังเข้ามาในร้าน โดยมีสาวใหญ่เจ้าของร้านวิ่งกระหืดกระหอบนำหน้ามาก่อน ทางนี้จ้ะ... มือปราบทั้งหลาย
สาวใหญ่เจ้าของร้านวิ่งออกไปตามมือปราบของอาเบนร่ามาตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครทันเห็น แต่หลังจากที่เหล่ามือปราบนำตัวอันธพาลทั้งหมดจากไปแล้ว เธอก็รีบปรี่เข้ามาหาอันเดรียสด้วยสีหน้าห่วงใย โถ... โถ... พ่อคุณ เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ ดูสิ... หน้าตาฟกช้ำดำเขียวไปหมด
เอ่อ... ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกฮะ ขอบคุณนะฮะ อันเดรียสยิ้มแห้ง
วุ้ย... ไม่เป็นอะไรได้อย่างไรจ๊ะ บาดแผลริ้วรอยเต็มหน้าไปหมดเลย สาวใหญ่เจ้าของร้านได้โอกาส ยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของอันเดรียสเบาๆ มาจ้ะ... เดี๋ยวเจ๊จะช่วยทำแผลให้
เธอเดินหายไปทางหลังร้านเพื่อไปหยิบกล่องปฐมพยาบาล วิลเลมจึงเดินมาสมทบ ยังไหวกันอยู่นะ... ทุกคน
หึๆๆ แค่พวกอันธพาลกวนเมืองปลายแถว ฉันไม่เป็นอะไรหรอก อันเดรียสตอบ ก่อนหันหน้าไปแซวคนถาม แต่ไม่นึกมาก่อนเลยนะว่า นายจะนั่งดูอยู่เฉยๆ แล้งน้ำใจชะมัด
ก็เพราะเห็นว่าเป็นแค่อันธพาลปลายแถวน่ะสิ แค่พวกนายสามคนก็เกินจะพอแล้ว วิลเลมยังอารมณ์ดี ก่อนหันไปมองเอลวีน่า เอลวีน่า... เธอไม่บาดเจ็บอะไรใช่ไหม
ฉันไม่เป็นอะไร... ขอบใจนะ เอลวีน่าตอบสั้นๆ นายล่ะ... เทียเรลล์ วิลเลมหันมาทางเขาบ้าง
อืม... ฉันก็ไม่เป็นอะไร เขาเสหัวเราะเบาๆ ขืนมาพลาดท่าเพราะอันธพาลปลายแถวพวกนี้ เสียชื่อตรีพิทักษ์ฝ่ายบู๊หมด อืม... งั้นก็ดีแล้ว วิลเลมหัวเราะเบาๆ คงหิวกันแย่แล้วสินะ ออกแรงกันไปเสียขนาดนี้
อันเดรียสและเอลวีน่าจึงหัวเราะออกมาพร้อมกัน สาวใหญ่เจ้าของร้านกลับออกมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาลในมือ เธอจัดแจงใส่ยาให้กับอันเดรียส แล้วสั่งเด็กในร้านให้รีบยกอาหารที่พวกเราทั้งหมดสั่งไว้ ก่อนหน้าจะเกิดเหตุวิวาทกับพวกแก๊งอันธพาลออกมาเสิร์ฟ วิลเลมเสนอจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
แต่สาวใหญ่เจ้าของร้านปฎิเสธ แค่น้องๆไม่เป็นอะไรกัน เจ๊ก็ดีใจแล้ว ไม่อย่างนั้นต่อไปใครจะมาร้านนี้อีก เสียชื่อป่นปี้หมด
อ้าว... อิ่มแล้วหรือ เทียเรลล์ อันเดรียสทำหน้าฉงน เมื่อเห็นเขารวบมีดและส้อม ทั้งที่สเต๊กหมูรมควันจานนั้นยังพร่องไปไม่ถึงครึ่ง อืม... คงหายหิวไปนานแล้วมั้ง เขาตอบ
ไม่น่าเชื่อ รู้จักนายมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นมีมื้อไหนที่นายจะกินเหลือ อันเดรียสทำตาโต
ตอนนี้ฉันรู้สึกง่วงๆน่ะ สงสัยออกแรงมากไปหน่อย ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ เป็นอีกครั้งที่เขาต้องแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน ขอกลับไปนอนก่อนนะ พวกนายอิ่มแล้วค่อยตามไปละกัน
โดยไม่รอฟังคำตอบ เขาลุกออกจากโต๊ะไปทันที แอบเหลือบไปเห็นสายตาจับสังเกตของวิลเลม อันเดรียสอ้าปากค้าง และสำหรับหญิงสาวหนึ่งเดียวที่กำลังนั่งซดซุปอยู่เงียบๆนั่น เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเธอเหมือนอย่างเคย ...ไม่กล้า......
ทำไมกริชเล่มนั้นถึงอยู่ในมือเธอ... ทำไม ... เขาหยุดเดิน เมื่อออกมาพ้นร้านอาหาร ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นเข้าจู่โจมหน้าอกด้านซ้ายจนต้องหลับตาลง มือกำแน่น สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดโบกโบย ทว่ามันไม่สามารถดับความรู้สึกรุ่มร้อนปั่นป่วน ที่ก่อตัวขึ้นราวกับพายุอันรุนแรงในจิตใจของเขาได้..... หรือนี่คือชะตากรรม..... ชะตากรรมที่เขาไม่มีทางหลีกเลี่ยง ...ชะตาชีวิตที่เขาไม่มีสิทธิ์ขีดเลือกทางเดินให้กับตัวเอง
พ่อครับ... แม่ครับ... ทำไมเทพโอดินถึงเล่นตลกกับชีวิตของผมแบบนี้ ...ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บปวด .... เอลวีน่า... หรือฟ้าส่งเธอมาเพียงเพื่อให้เป็นศัตรูกับฉัน..... ทำไม.... ทำไมต้องเป็นเธอ!.....
Free TextEditor
Create Date : 31 มกราคม 2552 |
|
161 comments |
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2552 2:06:43 น. |
Counter : 3890 Pageviews. |
|
|
|
ผมว่าหนูพลอยตัวจริง น่าจะผอมๆ ขาวๆ หน้ากลมๆ ไม่ถือไม้กวาดนะครับ แต่น่าจะถือไม้หน้าสามแทน 5 5 5
มาทักทาย..ครับ