เสียงม้าเทียมรถวิ่งมาแต่ไกลได้ยินชัดเจนท่ามกลางความเงียบสงบยามอาทิตย์อัสดง
อากาศโดยรอบเย็นเยือกแม้จะยังมีแสงเรืองรองจางๆอยู่ที่ปลายฟ้า แดนนอร์สช่างเหมือนกับที่เขาเคยได้ยินคนร่ำลือ สภาพภูมิอากาศที่ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งถึงสามในสี่ส่วนของปี ดินแดนทุรกันดารที่ผู้คนต้องฝ่าฟันต่อสู้กับความหนาวเย็น คนนอร์สจึงมีชื่อเสียงในการเป็นนักรบที่ทรหดอดทนมาแต่ครั้งโบราณกาล
ขออภัยที่มารับช้าขอรับนายน้อย พอดีคุณท่านมีงานด่วนต้องให้กระผมไปส่งที่สภาที่ปรึกษาฯ ชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงก้าวลงจากรถม้าก่อนค้อมหัวให้เทียเรลล์
มัธทิส! คิดถึงจังเลย! ไม่ได้เจอกันตั้งสองเดือนแล้ว เทียเรลล์กระโดดเข้ากอดชายสูงวัยกว่าตรงหน้าทันที
มัธทิสหัวเราะเบาๆ นายน้อยของกระผมยังดูแข็งแรงเหมือนเดิมนะขอรับ
แน่นอน...แน่นอน ฮะฮะฮ่ะ เทียเรลล์ซะอย่าง เทียเรลล์หัวเราะเสียงดัง
ช่าย... ก็เล่นกินไม่เคยยั้ง แถมกินเท่าไรไม่เคยอิ่ม เพื่อนฝูงคนไหนกินเหลือพ่อก็ตามไปเก็บกินหมด ไม่แข็งแรงแบบนี้ได้ไง หึๆๆ อาการคุยโวของเทียเรลล์ทำให้เขาอดเบรคไม่ได้
เทียเรลล์หันหน้ากลับมาถลึงตาใส่ทันที ไม่ได้ขัดคอฉันสักสามนาทีคงถ่ายไม่ออกใช่มั้ยฮึ... อันเดรียส แฟร์โร...ไอ้เพื่อนบ้า แต่แล้วคนจุดเดือดต่ำก็ดูเหมือนจะคิดได้ จึงหันหน้ากลับไปหามัธทิสทันที มัธทิส... นี่เพื่อนร่วมหอนอนของฉัน เจ้าตัวโตนั่นวิลเลม ส่วนตัวเล็กที่พึ่งงับฉันไปหยกๆน่ะอันเดรียส วิลเลมค้อมศีรษะให้มัธทิสเล็กน้อย
ยินดีที่ได้พบฮะ ผมอันเดรียส เขาส่งยิ้มบางๆให้มัธทิสชายผู้มีอาวุโสกว่า
มัธทิสยิ้มตอบ กระผมเป็นพ่อบ้านของตระกูลลาเรนส์ ยินดีรับใช้ขอรับ พ่อบ้านดูท่าทางใจดี มิน่า เทียเรลล์เจ้าเพื่อนตัวป่วนถึงทำท่าดีอกดีใจที่ได้พบเสียขนาดนั้น
รีบกลับกันดีกว่ามั้ยขอรับนายน้อย อากาศเย็นมากแล้วเดี๋ยวจะไม่สบายกัน มัธทิสส่งแววตาอาทร พร้อมกับเปิดประตูรถม้า เชิญทุกท่านขอรับ
รถม้าวิ่งไปเรื่อยๆตามทางลาดอิฐสีแดง ผ่านร้านค้าที่เริ่มลดธงและปิดประตูหน้าต่างด้วยดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ท้องถนนเริ่มว่างเปล่าปราศจากผู้คน สองเดือนแล้วที่พวกเราไม่ได้ออกจากตักศิลาซึ่งว่าไปก็น่าเบื่ออยู่เหมือนกัน เพราะถึงแม้ในรั้วโรงเรียนจะมีสาวๆให้พูดคุยด้วยเยอะแยะ แต่มันก็ยังไม่มีอะไรให้รู้สึกตื่นเต้น โชคยังดีที่มีเทียเรลล์คอยทำให้ได้หัวเราะแทบจะตลอดเวลา เบรคกลางเทอมแบบนี้หากไม่ได้เจ้าเพื่อนตัวป่วนคนนี้ชักชวนให้ไปพักที่บ้าน ทั้งวิลเลมและเขาก็คงได้นอนเซ็งเฝ้าหอนอนระหว่างที่นักเรียนคนอื่นกลับบ้านกันหมด
จริงๆแล้วหากพ่อไม่คัดค้าน เขาก็คงอยู่ระหว่างเดินทางกลับอัลวาโรไปแล้ว เขาถามเหตุผลพ่อก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าหากตระกูลลาเรนส์เชื้อเชิญให้ไปพักที่คฤหาสน์ เขาก็ไม่ควรปฏิเสธ ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลก เพราะหากเป็นปกติแล้วพ่อต้องส่งคนมารับเขาเพราะทนการรบเร้าของแม่ไม่ไหว ก่อนที่เขาจะเดินทางมาที่นอร์ส แม่ก็เป็นห่วงเสียใหญ่โต จัดเตรียมเสื้อผ้าข้าวของให้ยังกับจะย้ายบ้าน แถมบอกอีกว่าจะส่งคนไปรับทันทีที่เขาหยุดกลางภาค แต่เมื่อเวลาหยุดกลางภาคมาถึงจริงๆ แม่กลับเงียบไป มันต้องมีอะไรสักอย่าง
เฮ้ย...อันเดรียส ทำไมไม่ตอบ เสียงเทียเรลล์ดังเข้าหู
หืม...อะไรนะ เขามัวคิดอะไรเพลินเลยไม่ทันได้ยินสิ่งที่เพื่อนทั้งสองกำลังสนทนา
ก็ฉันถามว่าที่อัลวาโรบ้านนายน่ะ มีของกินอะไรขึ้นชื่อเด็ดๆบ้างมั้ย เจ้าเพื่อนตัวป่วนอ้าปากไม่เคยพ้นเรื่องกิน หัวสมองคิดเป็นอยู่เรื่องเดียวหรือเปล่านี่
อ้อ... อืม...ก็น่าจะเป็นพวกอาหารทะเลนะ อย่างเช่นล้อบสเตอร์ตัวใหญ่ๆ หอยนางรมสดๆขึ้นชื่อ แล้วก็ยังจะพวกพืชผักในเขตอบอุ่นอย่างมะกอก พีช แล้วก็พลัม เขาตอบเรียบๆ
อัลวาโรเป็นผู้นำด้านอาหารทะเลและพืชผัก อุตสาหกรรมส่งออกสินค้าพวกนี้ทำรายได้หลักให้แคว้นอยู่ไม่ใช่น้อยนี่นะ วิลเลมเสริม ลูกชายนายพลใหญ่จากบาวาเรียรู้อะไรน้อยเสียเมื่อไร หากจะมีใครให้ต้องระแวดระวังแล้วละก็ วิลเลม เดอฟริสคือคนๆนั้น
หูย... ฟังแล้วน้ำลายไหล หิวขึ้นมาเลยมัธทิส เทียเรลล์ลูบท้อง ดวงตาสีอำพันเปล่งประกายเมื่อได้ยินเขาบรรยายถึงอาหาร
มัธทิสอมยิ้ม ก่อนผมจะออกมา เห็นคุณหนูกำลังเตรียมอาหารวุ่นวายอยู่กับพวกสาวๆในครัว พอรู้ว่านายน้อยจะกลับบ้าน คุณหนูเลยเข้าครัวเองขอรับ
จริงเหรอ... มัธทิส เย้... ดีใจจริงๆ ไม่ได้กินฝีมือเด็ดๆของพี่มานานแล้ว วันนี้ล่ะจะกินให้เต็มคราบเลย เทียเรลล์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างถูกใจ ในขณะที่เขาหัวเราะเบาๆ ส่วนวิลเลมลอบถอนใจอย่างระอา
จากทางลาดอิฐสีแดง รถม้าเปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวเข้าสู่ทางดินแคบๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นสนหิมะ ที่เปลี่ยนสภาพจากกิ่งก้านเปล่าที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาในฤดูหนาว เป็นก้านใบสีเขียวเข้มในฤดูใบไม้ผลิ นอกไปจากเหล่าสนหิมะ บริเวณโดยรอบก็ดูเวิ้งว้างและเงียบสงัด ตระกูลลาเรนส์สมเป็นตระกูลเก่าแก่ของแคว้นนอร์สด้วยกรรมสิทธิ์ที่ดินขนาดเท่าภูเขาทั้งลูก ความจริงแล้วน่าจะเรียกว่าเทือกเขาทั้งหมดมากกว่า
เชิญทุกท่านขอรับ เสียงมัธทิสกระตุกความคิด เมื่อรถม้าหยุดนิ่งสงบ นี่มันไม่ใช่คฤหาสน์แล้วกระมัง แบบนี้น่าจะเรียกว่าปราสาทมากกว่า ปราสาทโบราณที่เขาเองก็เดาไม่ออกว่าอายุของมันจะย้อนไปถึงกี่ร้อยปี ปราสาทลาเรนส์ดูขลังและลึกลับน่าค้นหาผิดไปจากที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้มากนัก
พี่ฮะ..... ผมมาแล้ว......... เทียเรลล์ลงจากรถม้าได้ ก็วิ่งนำเข้าไปในตัวปราสาททันที
เสียงหญิงสาวคนหนึ่งแว่วมาตามทางเดิน มากันแล้วเหรอจ๊ะ เป็นยังไงบ้างสนุกมั้ย
พี่เป็นไงบ้างฮะ ผมคิดถึงพี่ใจจะขาด พี่ ผม ฮะ เทียเรลล์เจ้าเพื่อนตัวป่วนพูดจาอ้อนๆแบบนั้นเป็นด้วยหรือนี่
พี่สบายดีจ้ะ คุณตาต่างหากที่ไม่ค่อยสบาย แต่ก็โรคเดิมๆล่ะจ้ะ เสียงหญิงสาวคนเดิมดังเข้ามาใกล้
พี่ฮะ... ผมจะแนะนำเพื่อนให้รู้จัก คนตัวโตผมทองนั่นวิลเลม ส่วนคนตัวเล็กผมดำนั่นอันเดรียส
เทียเรลล์ชี้มือตรงมาที่พวกเขาสองคน เจ้าตัวป่วนแนะนำพวกเขาแบบแปลกๆตามสไตล์เพี้ยนๆของมัน
สวัสดีจ้ะทุกคน พี่ชื่อซีรีดา เป็นพี่ของเทียเรลล์ ยินดีต้อนรับจ้ะ หญิงสาวแนะนำตัวเอง ผู้หญิงตรงหน้าทำให้เขาต้องตะลึง สาวสวยเชื้อสายนอร์สแท้ๆ ร่างแบบบาง ผิวขาวจัดจนเกือบซีด ผมสีทองอ่อนเหยียดตรงยาวสลวยเกือบถึงบั้นเอวงาม ดวงตาคู่สวยสีฟ้าใส ริมฝีบากบางสีกุหลาบที่กำลังแย้มรอยยิ้มหวานละมุน พี่สาวที่ไม่มีส่วนไหนเหมือนน้องชายเลยสักนิด
วิลเลม เดอฟริส จากบาวาเรียครับ วิลเลมค้อมศีรษะให้และประทับจูบบนหลังมือซีรีดาตามธรรมเนียม
ยินดีที่ได้รู้จักพี่สาวคนสวยฮะ ผมอันเดรียส แฟร์โร จากอัลวาโร ซีรีดาส่งมือให้เขาเพื่อรับจุมพิต แต่เทียเรลล์รีบคว้ามือเรียวงามนั่นไว้ทันที
พี่ต้องระวังนะ ไอ้วิลล์ไม่เท่าไร แต่เจ้าอันเดรียสเนี่ยมันเสือผู้หญิง น้องชายตัวป่วนพูดหน้าตาเฉย
เทียเรลล์... ทำไมว่าเพื่อนเสียหายแบบนั้น ไม่อยู่บ้านแค่สองเดือนปากร้ายขึ้นอีกเป็นกองเลยนะเรา ซีรีดาทำตาดุ
แต่เทียเรลล์ทำเหมือนไม่ได้ยิน อันเดรียส...นายอยู่ห่างๆพี่ซีรีดาไว้ล่ะดี ฉันไม่ไว้ใจ น้องชายตัวดีกันท่า
พี่สาวของเพื่อนก็เหมือนพี่สาวของผม รับผมไว้เป็นน้องอีกสักคนนะฮะ เขาส่งยิ้มหวานให้ซีรีดา
ฉันไม่ต้องการพี่น้องเพิ่มเฟ้ย อีกอย่างพี่สาวฉันอายุมากกว่า นายไม่มีสิทธิ์จีบ ขอบอกให้รู้ไว้ เทียเรลล์ทำหน้าตึง
อายุเป็นเพียงตัวเลข อ้อ... ลืมไป คนบวกเลขยังไม่ถูกอย่างนายคงไม่เข้าใจหรอกนะ หึๆๆ เขายั่ว การได้แกล้งเทียเรลล์เจ้าคนเลือดร้อนนี่สนุกจริงๆ
อันเดรียส! คนเลือดร้อนแยกเขี้ยวทันที
เอาล่ะจ้ะ... พอได้แล้วเทียเรลล์ มากันเหนื่อยๆไปพักผ่อนก่อนดีมั้ย ซีรีดารีบตัดบทก่อนหันไปเรียกสาวใช้ซึ่งมายืนรอรับคำสั่งอยู่ก่อนแล้ว ดีน่าห์จ๊ะ... ช่วยพาแขกไปที่ห้องพักด้วยนะ หญิงสาวหันกลับมาส่งยิ้มให้ทั้งวิลเลมและเขา พักผ่อนสักนิดก่อน อีกสักพักค่อยลงมารับทานอาหารเย็นกันนะจ๊ะ
ดีน่าห์สาวใช้ประจำตัวของซีรีดากำลังเดินเสริ์ฟของหวานหลังอาหารคาวสารพัดอย่างหมดลง แน่นอนว่าคนที่กินเยอะที่สุดต้องเป็นเทียเรลล์ เจ้าตัวป่วนเคี้ยวของหวานตุ้ยๆพลางคุยจ้อกับซีรีดาอย่างกับไม่ได้เจอกันมาเป็นปีๆ
ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะที่วันนี้คุณตาติดงานด่วน ไม่อย่างนั้นคงได้มีโอกาสเจอท่าน ซีรีดาหันมาส่งยิ้ม
ไม่เป็นไรครับ ปกติพวกผมก็เจอท่านบ้างเวลาที่ท่านไปประชุมที่ตักศิลาอยู่แล้ว วิลเลมตอบสั้นๆเหมือนเคย
คุณปู่งานยุ่งมากเหรอฮะช่วงนี้ เทียเรลล์ถามทั้งที่ของหวานยังอยู่เต็มปาก
จ้ะ... ช่วงนี้มักมีประชุมด่วนบ่อยๆ ดูเหมือนจะเกี่ยวพันกับเรื่องไม่สงบของสหพันธรัฐตะวันออก ซีรีดาตอบ นั่นทำให้เขาต้องปรายตาไปทางวิลเลม แต่วิลเลมยังคงตักของหวานเข้าปาก หน้าตาเรียบเฉยเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่วงสนทนากำลังพูดถึง สิ่งที่เกี่ยวพันกับบ้านเมืองของมันโดยตรง เขาอยากรู้นักว่าภายใต้สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์นั่นซ่อนอะไรเอาไว้
วันนี้พักผ่อนให้สบายก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะให้คนพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของแคว้นเรา ทั้งวิลเลมและอันเดรียสคงยังไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนใช่มั้ยจ๊ะ อยู่แต่ในตักศิลามาตั้งสองเดือน ซีรีดาเปลี่ยนเรื่องทันทีพร้อมรอยยิ้ม หญิงสาวคงนึกขึ้นได้ว่าวิลเลมก็เป็นคนของแคว้นที่กำลังถูกกล่าวถึง
ค่ำคืนแรกในปราสาทลาเรนส์ดูไม่เลวนัก อย่างน้อยเขาก็มีอาหารอร่อยๆกินและสาวสวยใจดีคอยดูแล แม้ความกังขาในสิ่งที่พ่อพูดจะยังวนเวียนอยู่ในความคิด แต่แบบนี้ก็ยังดีเสียกว่าที่เขาต้องนอนเฝ้าหอนอนคนเดียวตลอดหยุดกลางภาค..............
นายน้อยออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ คิดว่าน่าจะไปที่ทะเลสาบหลังเขา นั่นคือคำตอบของดีน่าห์สาวใช้ของซีรีดา หลังจากที่นีลส์คนขับรถม้าพาพวกเราตระเวนชมแหล่งท่องเที่ยวของแคว้นนอร์สมาเกือบค่อนวัน ทั้งตลาดสดขายสารพัดของกิน ตลาดนัดที่รวมเสื้อผ้า ของใช้และของตกแต่งสไตล์นอร์สที่มักทำจากหนังสัตว์ ขนสัตว์ กำมะหยี่หรือผ้าสักหลาดเนื้อหนา ด้วยลักษณะภูมิอากาศที่หนาวจัดเกือบทั้งปี
นอกจากตลาดขายสารพัดของแปลกที่ทำให้เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย นีลส์สารถียังพาวนไปยัง สี่วิหารศักสิทธิ์ที่ตั้งอยู่ตามจุดสำคัญต่างๆรอบเมืองหลวงเอเซียร์ วิหารทั้งสี่เป็นสถานที่สำคัญที่ชาวนอร์สแต่โบราณใช้เป็นที่นมัสการและทำพิธีขอพรเหล่าเทพ เทพสำคัญที่ดูเหมือนจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวนอร์ส คือโอดีนมหาเทพแห่งสงคราม เทพสูงสุดผู้สร้างและคุ้มครองเหล่าเทพและมวลมนุษย์มาตั้งแต่ครั้งสงคราม ศักสิทธิ์ระหว่างเทพอุบัติขึ้นเหนือดินแดนน้ำแข็ง ผู้คนจึงขนานนามแดนนอร์สว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือเอเซียร์นับจากนั้น
นีลส์คนขับรถม้าที่พ่วงตำแหน่งมัคคุเทศน์จำเป็นยังเล่าตำนานที่ได้รับการจารึกด้วยอักษรนอร์สโบราณลงบนแท่นศิลาเก่าแก่ที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ เรื่องราวของนักรบผู้ถูกเลือกที่ถือกำเนิดขึ้นทุกห้าร้อยปี และมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะได้รับสเปียร์กันเนียร์ หอกแห่งเทพอันศักดิ์สิทธิ์ที่เมื่อถูกพุ่งออกไปครั้งใดจะไม่มีวันพลาดเป้าหมาย อาวุธแห่งโอดีนที่มีเพียงโอดีนเท่านั้นจะประทานให้แก่นักรบผู้กล้าและทรงคุณธรรม นักรบแห่งเทพผู้ครอบครองสเปียร์ศักสิทธิ์ตามตำนาน ผู้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับชะตากรรมแห่งสงครามเพื่อปกป้องมวลมนุษย์
นายเชื่อมั้ย เรื่องนักรบแห่งเทพกับสเปียร์ศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น เขาถามทำลายความเงียบระหว่างทางไปยังทะเลสาบเอเซียร์ ทะลสาบที่ตั้งอยู่หลังเขาตามที่ดีน่าห์สาวใช้ของซีรีดาอธิบาย
แล้วนายคิดยังไงล่ะ วิลเลมถามกลับ เจ้าลูกชายนายพลใหญ่ยังคงสาวเท้าก้าวยาวๆไปตามทางดินแคบๆเบื้องหน้า
ไม่รู้สิ ฉันว่าเหมือนนิทานหลอกเด็ก หึๆๆ เขาหัวเราะขันๆ เรื่องแบบนั้นจะมีอยู่จริงได้อย่างไร มันก็แค่นิทานที่ใช้เป็นเครื่องมือหลอกควบคุมผู้คนมิให้ประพฤติชั่วก็เท่านั้น
ตำนาน... ไม่ใช่นิทาน วิลเลมแย้งสั้นๆ
แปลว่านายเชื่อ? เขาขมวดคิ้ว หากคนจริงจังอย่างวิลเลม เดอฟริสเชื่อนิทานหลอกเด็ก นกเพนกวินที่อาศัยอยู่มากมายในดินแดนน้ำแข็งนี่คงบินได้
ก็ไม่ได้บอกว่างั้น แต่เรื่องบางเรื่องหรืออะไรบางอย่าง บางครั้งเราก็ไม่สามารถใช้เหตุผลหรือตรรกะใดใดมาอธิบายได้... จริงมั้ย วิลเลมตอบยาวกว่าปกตินิดเดียว นิดเดียวจริงๆ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อ เจ้าลูกชายนายพลใหญ่แห่งบาวาเรียก็ชี้มือไปข้างหน้า ถึงละ.... นี่ล่ะมั้งทะเลสาบเอเซียร์
ภาพทะเลสาบสีเงินยวงส่งประกายสะท้อนแสงอาทิตย์ดูงามระยิบระยับ กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาจนเขามองไม่เห็นฝั่ง หากไม่เพราะมันตั้งอยู่กลางหุบเขา เขาก็คงเข้าใจว่าเป็นทะเลอัลวาโรบ้านเกิด
ตรงนั้นดูเหมือนจะมีบ้านอยู่ วิลเลมชี้มือไปยังอีกด้านหนึ่ง เขามองตามไปยังตำแหน่งที่เพื่อนผู้เงียบขรึมจากบาวาเรียระบุ บ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวห่างออกไปไม่ไกลนัก บ้านที่ดูหน้าตาคล้ายล้อกเคบินสร้างจากท่อนซุงท่อนใหญ่ๆดูแน่นหนาและแข็งแรง
เทียเรลล์มันมาทำอะไรของมันที่นี่กันนะ ปกติไม่เคยเห็นมันจะสนใจชื่นชมธรรมชาติ ตื่นเช้ากับใครเค้าก็ไม่เคยเป็น พอดีน่าห์บอกว่ามันออกมาตั้งแต่เช้าเนี่ย ฉันแทบไม่อยากเชื่อ เขาอดแปลกใจไม่ได้จริงๆกับพฤติกรรมที่แปลกไปจากปกติของทายาทตระกูลลาเรนส์เพื่อนตัวป่วนของพวกเขา วิลเลมไม่ได้พูดอะไรอีก เขาจึงได้แต่สาวเท้าก้าวตามหลังเจ้าลูกชายนายพลไปติดๆ แต่มันก็ไปได้ไม่กี่ก้าว หน้าก็ปะทะเข้ากับไหล่ของเพื่อนหนุ่มจากบาวาเรียอย่างเต็มที่
อุ๊บส์... ทำไมจู่ๆก็เบรคเล่า เขารีบเอามือกุมจมูกที่กระแทกเข้ากับไหล่แข็งแรงของวิลเลมอย่างจัง ความเจ็บทำให้ต้องร้องออกมา
ชู่...... เบาๆหน่อย วิลเลมทำท่าจุ๊ปาก นั่นทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมอง ภาพที่เห็นคืออีกหนึ่งหนุ่มตรีพิทักษ์เลือดร้อน เพื่อนร่วมหอนอนตัวป่วน คนที่ทำให้เขารู้สึกสนุกที่ได้กระเซ้าเย้าแหย่และมีเสียงหัวเราะได้เสมอเมื่ออยู่ใกล้ ชายหนุ่มร่างกำยำคนนั้นกำลังนั่งคุกเข่าสงบนิ่งอยู่หน้าหลุมฝังศพ ผมสีน้ำตาลเข้มที่ระลงมาปรกใบหน้าด้านข้างที่กำลังก้มต่ำ และผิวคร้ามที่เขาคุ้นเคยสะท้อนประกายแดดดูวิบวับเหมือนภาพในความฝัน
พ่อครับ แม่ครับ... ผมกลับมาแล้ว พ่อกับแม่คิดถึงผมมั้ย ไม่ต้องห่วงนะครับผมสบายดี ผมดูแลตัวเองได้เหมือนที่พ่อกับแม่เคยสอน เพียงแต่... เพียงแต่ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน พ่อครับ แม่ครับ... หยดน้ำใสไหลลงจากดวงตาสีอำพันที่เคยส่งประกายกล้าอยู่เป็นนิจ ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มสรวลอยู่เสมอของทายาทตระกูลลาเรนส์บัดนี้ฉายแววโศกสลดจนน่าใจหาย
เทียเรลล์... เขาเผลออุทานออกมาอย่างแผ่วเบา
ภาพตรงหน้าสะกดให้ต้องนิ่งงัน กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งอุ้งมือหนาของใครคนหนึ่งก็ตะปบลงที่บ่าอย่างแรง!
ตื่นเต้นจัง อีกไม่นานจะได้อ่านบทใหม่แล้ว
ช่วงนี้ว่าง ๆ จะมาอ่านทวนให้จำตัวละครได้หมดสะที
เยอะจริง ๆ อิอิ
จำได้แต่สามหนุ่มผู้ร่าเริง และสำนักตักศิลา เท่ดี
รออ่านบทต่อไปอย่างใจจรดใจจ่อ
แล้วจะมาคุยอีกนะคะ