รถม้าขนาดใหญ่วิ่งกุบกับมาตามทางดิน ผ่านดอกไม้ใบหญ้าสองข้างทางที่กำลังเบ่งบาน ชูช่อหลากสีสันสวยงาม ส่งกลิ่นหอมจางๆลอยมาตามสายลมอันอบอุ่นของฤดูร้อน ดวงอาทิตย์ทอแสงสะท้อนลงบนพื้นน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม ฟองคลื่นสีขาวที่ซัดสาดเข้าหาชายฝั่งดูงดงามดั่งภาพเขียนจากจิตรกรมีชื่อ แม้จะเป็นฤดูร้อนเหมือนกัน แต่อากาศทางตอนใต้อบอุ่นกว่าแดนนอร์สทางตอนเหนืออย่างเห็นได้ชัด
เสียงตะโกนโหวกเหวกจากผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในรถม้าทำให้วิลเลมที่ทำหน้าที่ผู้กุมบังเหียนบังคับรถ ต้องละสายตาจากธรรมชาติอันงดงามรอบตัวโดยฉับพลัน ชายหนุ่มลอบถอนใจยาว อดคิดไม่ได้ว่า ตัวเองคิดถูกหรือไม่ที่ตัดสินใจเดินทางออกมาจากตักศิลาพร้อมกับเพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์อีกสองคน ที่สำคัญก็คือ มันไม่ใช่แค่เทียเรลล์ตัวป่วนและอันเดรียสเด็กรักสนุกเท่านั้น แต่ยังมีผู้โดยสารส่วนเกินอีกหนึ่งคนนั่นด้วย.....
แล้วใครใช้ให้เธอมาล่ะ...! เทียเรลล์ส่งเสียงดังลั่นรถ
แหม... ยังไงก็ต้องผ่านโบการ์ตอยู่แล้ว ขอติดรถมาแค่นี้ไม่ได้หรือไง เสียงตอบยียวนจากเด็กสาวผมหางม้าสีน้ำตาลดูเหมือนจะยิ่งทำให้อารมณ์ของเทียเรลล์ปะทุ
ทำไมเราต้องเอายัยม้าดีดกะโหลกนี่มาด้วย... ฮึ เทียเรลล์หันไปเล่นงานอันเดรียสที่นั่งกลั้นหัวเราะอยู่นานแล้ว อย่างไม่รู้จะต่อปากต่อคำกับเด็กสาวผมหางม้าเจ้าของดวงตาสีมรกตอย่างไรได้ต่อ
อ้าว... ไหงมาถามฉันแบบนี้ล่ะ ก็เอลวีน่าเขาขอมาด้วยเอง แล้วพวกเราก็ต้องผ่านโบการ์ตจริงๆนี่นา อันเดรียสหนุ่มหน้าสวยจากอัลวาโรหุบยิ้มทันควัน
บ้าจริง... ทำไมชีวิตฉันถึงได้หนีเธอไม่พ้นเสียทีนะ... ยัยทอมบอย! ยัยม้าดีดกะโหลก! เทียเรลล์ทายาทคนเดียวของลาเรนส์สบถออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูรถม้าจากด้านใน มุดตัวออกไปหาวิลเลมที่ทำหน้าที่พลขับอยู่หน้ารถ พร้อมๆกับเสียงแหลมเล็กของเอลวีน่าที่ดังไล่หลังตามมาอย่างขัดใจ
วิลเลมชำเลืองมองเทียเรลล์ที่บัดนี้ออกมานั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างตัวเขา อดนึกขำในใจไม่ได้ว่า มันเพราะเหตุใดกันที่ทำให้เพื่อนหนุ่มจากตระกูลลาเรนส์คนนี้ของเขาไม่กินเส้นกับเลดี้เอลวีน่า โบชอง ทายาทสาวเพียงคนเดียวของมาควิสปิแอร์ พระนัดดาของจักรพรรดิ์ลีโอเนลแห่งโบการ์ต แต่ที่แน่ๆ มันคงไม่ใช่เหตุผลเดียวกันกับที่ทำให้เขารู้สึกไม่ไว้วางใจสาวน้อยผมหางม้านัยน์ตาสีมรกตคนนี้เป็นแน่.....
อย่าหงุดหงิดไปเลยน่า ยังไงก็ยังต้องร่วมทางกันไปอีกนาน วิลเลมเปรย เมื่อเห็นว่าเทียเรลล์เพื่อนตัวป่วนยังคงนั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ ทำไมนายถึงไม่ชอบเอลวีน่านักล่ะ
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม รู้แต่ว่าทุกครั้งที่เจอหน้ายัยม้าดีดกะโหลก ฉันก็..... เทียเรลล์ชะงักไป ก่อนพ่นลมหายใจออกมาบ้าง
วิลเลมลอบมองเทียเรลล์อีกครั้งอย่างพินิจพิจารณา ดวงหน้าคร้ามของทายาทตระกูลลาเรนส์เหมือนจะมีสีเรื่อขึ้นมาเป็นริ้วบางๆ ดวงตาสีอำพันที่ส่งประกายกล้าอยู่เสมอบัดนี้ไหวระริก วิลเลมจึงเผยรอยยิ้มมุมปากออกมาอย่างเริ่มเข้าใจ ที่แท้ก็.....
ฉันสงสัย.... เทียเรลล์ตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
สงสัยอะไรล่ะ วิลเลมตวัดสายตากลับไปยังถนนที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า
สงสัยว่าทำไมเหล่าครุสูงสุดกับพวกขุนนางในสภาที่ปรึกษาฯนั่น ถึงตัดสินใจเลือกพวกเราให้ทำหน้าที่ส่งสาส์น สาส์นสำคัญขนาดนี้ ทำไมไม่ให้คนในวังจัดการ ทำไมถึงมอบหมายภารกิจสำคัญแบบนี้ให้เด็กอย่างพวกเราสามคนทำ เทียเรลล์พูดออกมายาวเหยียด
นั่นทำให้วิลเลม ลูกชายนายพลใหญ่แห่งบาวาเรียถึงกับต้องหันหน้ามามองคนตั้งคำถามตรงๆด้วยความฉงน เขารู้จักเทียเรลล์มาหลายเดือนแล้ว แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เพื่อนหนุ่มทายาทคนเดียวของลาเรนส์คนนี้จะทำให้เขารู้สึกทึ่งได้อย่างครั้งนี้ เทียเรลล์ที่ปกติแล้วจะอารมณ์ดี ชอบเล่นสนุกไปวันๆ ไม่ต่างจากอันเดรียสอีกหนึ่งเพื่อนหนุ่มตรีพิทักษ์ ไม่เคยคิดสนใจเรื่องเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ว่าไปแล้วไม่ใช่แค่เรื่องการบ้านการเมืองเท่านั้นที่เทียเรลล์ไม่เคยให้ความสนใจ เรื่องอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องซีเรียสไม่เคยอยู่ในความคิดของเทียเรลล์ ลาเรนส์ แม้เพียงกระผีก
ทำไมจู่ๆถึงนึกสงสัยขึ้นมาล่ะ วิลเลมหัวเราะขึ้นเบาๆ
ไม่ใช่พึ่งจะมานึกสงสัยหรอก ฉันสงสัยมาตั้งแต่ตอนที่คุณปู่เรียกพวกเราเข้าห้องศิลาแล้ว เพียงแต่ไม่รู้จะไปถามเอาตอนไหน เพราะหลังจากออกจากห้องศิลา พวกเราก็ต้องรีบเก็บข้าวของ ออกเดินทางกันเลย เทียเรลล์ยังคงมีสีหน้าครุ่นคิด หรือนายไม่สงสัย...
อืม... มันคงเป็นเหตุผลทางการเมือง วิลเลมหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าอีกครั้ง หากว่านอร์สส่งทูตเป็นตัวแทนไปยังเวสต์ฟาเลียเพื่อยื่นสาส์นฉบับนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเป็นปกติวิธีทางการทูตอยู่แล้ว เพียงแต่...
เพียงแต่.... เทียเรลล์ทวนคำ
เพียงแต่... การทำแบบนั้นอาจทำให้เวสต์ฟาเลียรู้สึกได้ว่า กำลังโดนนอร์สข่มขู่ ซึ่งนั่นอาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์กลับเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก วิลเลมตอบ
แล้วการส่งเด็กอย่างพวกเราไปทำหน้าที่นี้แทนทูต มันจะได้ประโยชน์อะไรล่ะ เทียเรลล์ขมวดคิ้ว
นายอย่าลืมว่า พวกเราไม่ใช่แค่เด็ก ไม่ใช่แค่นักเรียน แต่พวกเราสามคนคือตรีพิทักษ์ วิลเลมอธิบาย
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของตักศิลา ตรีพิทักษ์หลายต่อหลายรุ่นล้วนเคยมีบทบาทสำคัญในทางการเมืองการปกครองมาแล้วทั้งนั้น การที่ตักศิลาซึ่งเป็นสถาบันที่นับได้ว่า เป็นหนึ่งในเสาหลักค้ำจุนบัลลังก์ของกษัตริย์มาร์เทนแห่งนอร์ส ตัดสินใจมอบหมายให้พวกเราตรีพิทักษ์ทำหน้าที่สำคัญในครั้งนี้ แทนการส่งทูตไปเป็นตัวแทน ก็เหมือนเป็นการบอกเวสต์ฟาเลียอยู่ในทีว่า หากคิดที่จะก่อสงครามแล้ว ก็ควรต้องตัดสินใจใหม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้น นอร์สคงไม่ยอมอยู่เฉยแน่ ลูกชายนายพลใหญ่แห่งบาวาเรียยังคงพูดเรื่อยๆ
เพียงแต่เมื่อเทียบดีกรีกันแล้ว การส่งตรีพิทักษ์เข้าพบเจ้าชายเคนดริค ออสวาลด์ ผู้ปกครองสูงสุดของเวสต์ฟาเลีย เพื่อถวายสาส์นนี้แทนการส่งทูตไปโดยตรง เป็นวิธีการทางการทูตที่ละมุนละม่อม แยบยลกว่า และไม่ทำให้เจ้าชายทรงรู้สึกว่ากำลังโดนลบหลู่พระเกียรติ วิลเลมสรุป
อืม... พวกนักปกครองนี่ ทำไมถึงได้คิดอะไรให้มันยุ่งยากซับซ้อน วุ่นวายกันนักนะ เทียเรลล์ทำหน้ายุ่ง เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงเกลียดวิชาการปกครอง
วิลเลมหัวเราะออกมาเบาๆอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเพื่อนหนุ่มตรงหน้ากำลังกลับมาเป็นตัวของตัวเอง มันก็น่าจะดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกว่าเทียเรลล์ฉบับซีเรียสเป็นไหนๆ ใกล้ถึงอาเบนร่าแล้ว... เดี๋ยวคงได้หยุดพักกันที่นั่นล่ะ
อาเบนร่าเป็นเมืองหน้าด่านสุดท้ายทางตอนใต้ของแคว้นนอร์ส กั้นเขตแดนระหว่างนอร์สและคีลส์ หนึ่งในรัฐทั้งห้าของสหพันธรัฐตะวันออกทางตอนเหนือ วิลเลมบังคับรถม้าให้เคลื่อนตัวผ่านประตูเมืองเข้าไปอย่างช้าๆ บ้านเมืองร้านรวงแบบก่ออิฐถือปูนทางตอนใต้ดูแตกต่างจากทางตอนเหนือที่มักใช้ท่อนซุงขนาดใหญ่ทั้งต้นในการก่อสร้าง ถนนที่สร้างด้วยหินผาขนาดใหญ่ก็ดูแตกต่างจากทางลาดอิฐสีแดงในเมืองหลวงเอเซียร์ ชายหนุ่มหยุดรถม้า ลงไปพูดคุยกับแม่ค้าที่ตั้งแผงขายของอยู่ข้างทาง เพื่อถามทางที่จะไปยังโรงนอน ก่อนจะกลับขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับอีกครั้ง รถม้าแล่นต่อไปอีกไม่กี่อึดใจ ก็มาจอดสนิทอยู่หน้าโรงนอนแห่งหนึ่ง
ถึงแล้วหรือ... วิลล์ อันเดรียสส่งเสียงออกมาจากข้างในรถ
อืม... น่าจะเป็นโรงนอนนี่ล่ะ ที่แม่ค้าคนเมื่อกี๊บอก วิลเลมตอบ พวกนายรออยู่ตรงนี้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปถามดูก่อน ว่ามีห้องว่างไหม ชายหนุ่มเดินหายเข้าไปในตัวโรงนอนที่ดูแล้วก็ไม่แตกต่างจากบ้านพักอาศัยทั่วไปในละแวกนั้น
อันเดรียส เทียเรลล์ และเอลวีน่า ทะยอยเดินลงมาจากรถม้า ชายหนุ่มทั้งสองต่างบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบจากการรอนแรมมากว่าค่อนวัน ในขณะที่เอลวีน่าออกเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ ไม่กี่อึดใจวิลเลมเดินกลับออกมาอีกครั้ง เพื่อบอกให้เพื่อนทั้งสองช่วยกันขนสัมภาระเข้าห้องพัก ที่เขาพึ่งจัดการจ่ายเงินไปแล้วเรียบร้อย อันเดรียสตะโกนเรียกเอลวีน่าให้เดินตามมาสมทบ ก่อนที่หนุ่มสาวทั้งสี่คนจะหอบหิ้วข้าวของส่วนตัวเดินเข้าไปด้านใน
ฉันเลือกห้องใหญ่สำหรับพวกเราสามคน จะได้นอนรวมกันได้ .....ส่วนเอลวีน่า ของเธอเป็นห้องเล็กสำหรับนอนคนเดียว แต่ก็อยู่ตรงข้ามกับห้องของพวกเราสามคน หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็ตะโกนเรียกพวกเราได้เลยนะ วิลเลมหันไปทางเลดี้เอลวีน่า สาวน้อยเพียงหนึ่งเดียวในคณะเดินทาง
จริงๆนอนห้องเดียวกันทั้งหมดนี่ก็ได้ ยัยม้าดีดกะโหลกนี่ ใช่ผู้หญิงเสียที่ไหน เทียเรลล์อดคันปากไม่ได้ ต่อให้ใช่ ผู้หญิงอย่างเธอนี่ ก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนหน้ามืดพอจะทำอะไรได้ลงหรอก ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ
เท่านั้นเอง เส้นความอดทนของเลดี้ก็ขาดผึง ดวงตาสีมรกตวาวโรจน์ หนอยแน่ะ... เทียเรลล์ ลาเรนส์ ดูถูกกันนักนะ แน่จริงตัวต่อตัวกันเลยดีกว่า อยากรู้นักว่าทายาทตระกูลลาเรนส์จะมีฝีมือสักแค่ไหน
อ๊ะ... อย่าท้านะ ฉันไม่กลัวเธอหรอกนะจะบอกให้ อีกอย่างฉันก็ไม่เคยคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าคิดว่าฉันจะไม่กล้ารับคำท้า เทียเรลล์ลอยหน้าลอยตา
เฮ่ย... เฮ่ย... ใจเย็นน่า เทียเรลล์ เอลวีน่า มาด้วยกันแท้ๆ ไหงจะมาสู้กันเองเล่า อันเดรียสรีบเอาตัวเข้าขวาง
นั่นสิ เก็บแรงเอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะฉันว่าไม่แน่อีกไม่นานนี้ พวกเราอาจได้ออกแรงกันบ้างล่ะ วิลเลมเข้ามาแตะบ่าเทียเรลล์ด้วยอีกคน
เชอะ... ก็ได้ เห็นแก่พวกนายสองคนหรอกนะ ฝากไว้ก่อนละกัน... ยัยทอมบอย เทียเรลล์ยังไม่วายระรานส่งท้าย ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าห้องนอนใหญ่ไปอย่างหงุดหงิด
วิลเลมจึงหันไปยังเอลวีน่า เลดี้สาวน้อยจากโบการ์ต เธอก็เข้าไปอาบน้ำอาบท่า พักผ่อนเสียหน่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวค่ำๆฉันจะมาเรียกให้ลงไปหาอะไรกินกัน
บรรยากาศโดยรอบที่พักในยามค่ำดูคึกคัก สว่างไสวไปด้วยแสงโคมข้างทาง และจากบรรดาร้านเหล้า ร้านอาหารที่เปิดให้บริการนักเดินทางตลอดถนนเส้นนี้ อันเดรียส เทียเรลล์ วิลเลม และเอลวีน่า เดินผ่านร้านต่างๆอย่างกำลังชั่งใจว่า ร้านใดที่น่าจะเลือกเข้าไปรับประทานอาหารที่สุด
โอ้โห... ไม่เคยนึกมาก่อนเลยนะนี่ ว่าอาเบนร่ายามค่ำคืน จะดูคึกคักน่าสนุกขนาดนี้ อันเดรียสหนุ่มหน้าสวย ลูกชายขุนนางใหญ่แห่งอัลวาโร แย้มรอยยิ้มอย่างตื่นเต้น เมื่อตอนเดินทางขึ้นมาจากอัลวาโร ก็ผ่านอาเบนร่าไปเพราะเป็นช่วงกลางวัน เลยไม่รู้ว่าพอตกกลางคืนแล้วกลับยิ่งน่าเที่ยว
นั่นสิ ไม่เลวเลยนะนี่ ดูคึกคักกว่าถนนบางเส้นในเอเซียร์อีกนะ เทียเรลล์พลอยตื่นตาตื่นใจไปกับแสงสีของอาเบนร่ายามค่ำคืนด้วยอีกคน มันน่าตื่นเต้นน้อยเสียเมื่อไหร่ ก็ในเมื่อเขาไม่เคยได้ออกจากบ้านเดินทางท่องเที่ยวไปไหนไกลๆเลยสักครั้ง เคยไปไกลจากบ้านที่สุดก็ตักศิลานั่นล่ะ
หิวกันหรือยัง วิลเลมหันไปถามเพื่อนในคณะ
หิวแล้วล่ะ เอลวีน่าตอบเป็นคนแรก ฉันว่าร้านนั้นก็ดูไม่เลวนะ เลดี้สาวน้อยจากโบการ์ตชี้มือไปยังร้านอาหารที่อยู่ถัดไปหนึ่งคูหา
อืม... ดูเข้าท่าดีเหมือนกันแฮะ อันเดรียสเห็นพ้องด้วยอีกคน นายว่าอย่างไร เทียเรลล์
จะถามเทียเรลล์ไปทำไม วิลเลมตอบแทนเสียเอง เคยรู้ที่ไหน ถึงความแตกต่างของอาหาร ร้านไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น ขอให้มีของกินล่ะเป็นใช้ได้
ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ...เออ ถูกๆ คนอย่างฉันกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะ ไม่มากเรื่องหรอก เทียเรลล์เกาหัวแกรกแก้เก้อ
สามหนุ่มกับหนึ่งสาวตัดสินใจเดินเข้าไปยังร้านอาหารร้านนั้น มองหาโต๊ะว่าง แล้วเลือกลงนั่งที่โต๊ะหัวมุมด้านหน้า โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตว่า ไกลออกไปอีกมุมหนึ่งด้านใน ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งซึ่งตั้งวงร่ำสุรา สรวลเสเฮฮากันอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ต่างกำลังพยักเพยิดสะกิดกันและกัน ให้หันหน้ามาดูผู้มาใหม่อย่างสนใจ
รับอะไรกันดีจ๊ะ... หนุ่มๆสาวๆ สาวใหญ่รูปร่างเจ้าเนื้อ วัยน่าจะอยู่ราวเลขสี่ แต่งเนื้อแต่งตัววับๆแวมๆ ด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาด แต่งหน้าทาปากเสียจนเข้ม ดูแล้วน่าจะเป็นทั้งเจ้าของร้านและคนคอยเชียร์แขกในเวลาเดียวกัน ปราดเข้ามายืนจนชิดขอบโต๊ะ
เอ่อ... ร้านนี้มีอะไรอร่อยฮะ อันเดรียสหันไปถาม
วุ้ย... อร่อยแทบทุกอย่างล่ะจ้ะ สเต๊กหมูรมควันสไตล์คีลส์ ปลาแฮริ่งรมควันสูตรเฉพาะของเขตนี้ ไส้กรอกซาลามี่ หรือจะของง่ายๆอย่างซุปใสไก่ ที่น่าจะเหมาะกับคุณหนูตาใสนี่ สาวใหญ่หันไปส่งยิ้มหวานให้กับเอลวีน่า
แต่หากจะให้เหมาะกับหนุ่มหล่อ หน้าตาดีๆ อย่างน้องๆ ต้องบีฟทาทาร์แซนด์วิชจ้ะ แม่สาวเจ้าเนื้อยังคงจีบปากจีบคอ
เอ่อ... แล้วแซนด์วิชที่ว่านี่ มันเป็นอย่างไรหรือฮะ อันเดรียสหนุ่มน้อยหน้าสวยยังคงถามต่อ
เป็นเนื้อวัวดิบบด เสิร์ฟกับผักสด ผักดอง แล้วก็ขนมปังข้าวไรย์จ้ะ แต่ที่สำคัญเราใส่ไข่แดงดิบลงไปด้วย รับประกันว่าสำหรับหนุ่มๆนี่ เพิ่มพลังได้เป็นอย่างดีเลยล่ะจ้ะ ...โฮะ โฮะ โฮะ สาวใหญ่ส่งสายตาหวานเยิ้มกลับไปยังอันเดรียสอย่างจงใจ
อ่า... ผมไม่ค่อยถูกกับเนื้อวัวดิบฮะ งั้น... ผมเอาปลาแฮริ่งรมควันละกันฮะ อันเดรียสยิ้มแหย เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายจากสาวใหญ่เจ้าเนื้อ ที่ดูแล้วน่าจะแก่กว่าเขาเป็นรอบ
แล้วพ่อหนุ่มผมทองนี่ล่ะจ้ะ จะรับอะไร สาวใหญ่ขยิบตาให้กับวิลเลมบ้างอย่างตั้งใจ
ผมขอสเต๊กหมูรมควันละกันครับ วิลเลมตอบอย่างสุภาพ
ผมเอาเหมือนเจ้านี่ล่ะฮะ เทียเรลล์บุ้ยใบ้ไปทางวิลเลม โดยไม่รอให้สาวใหญ่เจ้าของร้านถาม
ฉันขอแค่ซุป กับขนมปังไรย์ก็พอค่ะ เอลวีน่าพูดขึ้นบ้าง
สาวใหญ่เจ้าของร้านเดินจากไปแล้ว อันเดรียสจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เฮ้อ.....
ถอนใจอะไรล่ะ วิลเลมถามขำๆ
ไม่ขำนะเฟ้ย นายไม่เห็นหรือไง ว่าแม่คุณแทบจะย้ายก้นลงมานั่งบนตักฉันอยู่แล้ว อันเดรียสบ่นอุบ
อืม... ก็ทำอย่างไรได้ คนมันหน้าตาดีนี่นะ วิลเลมแกล้งทำลอยหน้าลอยตา ตอนอยู่ในตักศิลา ก็เห็นมีสาวๆมาล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตลอด ไม่เคยเห็นนายบ่น
นั่นมันเด็กสาว รุ่นราวคราวเดียวกับพวกเราทั้งนั้น แต่นี่... อายุน่าจะเป็นแม่ฉันได้แล้วมั้ง อันเดรียสทำหน้าเบ้ ว่าแต่นายเถอะ โดนด้วยเหมือนกันนี่ ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง
วิลเลมหัวเราะเบาๆ ไม่ตอบว่ากระไร แต่คนที่ตั้งคำถามต่อมาด้วยความสงสัยกลับเป็นเทียเรลล์ ทำไมมีแต่นายสองคนฟะ ที่โดนยัยป้าช้างน้ำนั่นจีบ
นายอยากโดนจีบด้วยหรือไง เทียเรลล์ วิลเลมถามอย่างอารมณ์ดี
ก็เปล่าหรอก แต่ฉันแค่สงสัยว่า ทำไมยัยป้านั่นถึงไม่ส่งสายตาหวานเยิ้มแบบที่ทำกับนายสองคน มาทางฉันด้วย เทียเรลล์ขมวดคิ้ว
ไม่เห็นต้องคิดให้ยากเลย คำตอบออกจะเห็นอยู่ชัดๆ เลดี้เอลวีน่า สาวน้อยจอมแก่นจากโบการ์ตเปรยขึ้นบ้าง
นั่นทำให้เทียเรลล์ต้องหันขวับ พูดแบบนี้หมายความว่าไง... ฮึ ...ยัยม้าดีดกะโหลก
ก็หมายความว่า หน้าตาอย่างนายนี่ มันไม่เข้าตากรรมการเอาเสียเลยน่ะสิ คิดว่าตัวเองหล่อนักหรืออย่างไร ใครๆถึงจะอยากมารุมตอมน่ะ เอลวีน่า สาวน้อยจอมแก่นได้ทีเล่นงานเทียเรลล์ ทายาทตระกูลลาเรนส์คู่ปรับ นัยน์ตาสีมรกตของสาวน้อยส่งประกายระริกอย่างพึงใจ
นี่! เธอ! ให้มันน้อยๆหน่อยนะ ทำเป็นว่าคนอื่น นึกว่าตัวเองสวยตายล่ะสิ... หา! แม่ทอมบอย.. แม่ม้าดีดกะโหลก! เทียเรลล์โพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออด
เฮ้ย... เฮ้ย... ใจเย็นๆน่า ...เทียเรลล์ เอลวีน่าก็พูดไปอย่างนั้นเอง อย่ามาทะเลาะกันแถวนี้เลย นี่มันร้านอาหาร อายผู้คน... นะ อันเดรียสรีบโบกไม้โบกมือห้าม
แต่ก่อนที่มวยคู่ปรับจะได้ประลองฝีมือกันกลางร้าน เสียงห้าวของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง
น้องสาวผมหางม้า... หน้าตาน่ารักขนาดนี้ สนใจไปนั่งกินข้าวกับพี่ไหมจ๊ะ!
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
คือว่าบทนี้มันยาวมากเลย... เอิ๊กๆๆ ...หนูพลอยฯเลยตัดสินใจหั่นครึ่ง... กร๊ากกก ...เพราะไม่งั้นจะลำบากคนอ่านที่คอยติดตามคjะ... หากพี่น้องอ่านมาถึงตอนจบของบทนี้เเล้ว... เกิดอาการ เอ๊ะ... ทำไมมันลงท้ายบทได้ห้วนจัง(ฟะ)... หนูพลอยฯก็ต้องขออภัยพี่น้องเเฟนๆสามหนุ่มไว้ ณ หน้าบ้านนี้ด้วยนะคะ... 555 ...เเบบว่าหาจุดที่จะลงปังตอได้ยากเหลือเกินนนน...
บทหน้าจะเป็นตอนต่อเนื่องจากบทนี้ล่ะค่ะ... ยังไงก็รบกวนช่วยติดตามกันต่อไปด้วยนะเจ้าคะ...