ความจริงเรื่องนี้ ปอป้าเขียนไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ยังไม่ได้เอามาอัพบล๊อกเสียที เพราะมัวแต่พาเที่ยว
เพลิดเพลินเจริญใจหลายบล๊อกไปเลย วันนี้ได้ฤกษ์นำมาฝากไว้ให้อ่านกันแล้ว ตามปอป้ามาเลย..ค่ะ
คำว่า " เบญจกัลยาณี " ในยุคไฮเทคโนโลยี่ที่มนุษย์สามารถท่องอวกาศได้แล้วนั้น มักจะไม่ค่อยได้ยินหรือรู้จักคำนี้กันแล้ว อย่าว่าแต่เด็กสมัยนี้ที่บางคนบอกว่าไม่รู้จักว่าเบญจกัลยาณีเป็นอย่างไรเลย พ่อแม่บางคนก็ไม่รู้จักเหมือนกัน แถมบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องคร่ำครึล้าสมัย แต่ในฐานะที่ปอป้าเกิดมาในห้วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงสังคม จากยุคเก่าสู่ยุคใหม่ ก็ไม่อยากให้สิ่งที่ตนเองคิดว่าดีงาม สูญหายไปจากสังคมบ้านเรา วันนี้ก็เลยขอนำเกร็ดเรื่องราวของ " เบญจกัลยาณี " มาบอกเล่า ฝากไว้กันหน่อย..นะคะ
เบญจกัลยาณี แปลว่า ผู้มีความงาม ๕ ประการ มักจะนิยมใช้กล่าวยกย่องสตรีที่มีความงามเพียบพร้อม แต่โดยทั่วไปมักจะทราบแต่ว่า งามพร้อม ๕ อย่าง แต่เป็นอะไรบ้าง ไม่รู้ หรือรู้แต่ไม่ครบทั้ง ๕ อย่าง วันนี้เลยขอนำเรื่องสตรีงามแบบเบญจกัลยาณีมาให้อ่านกัน
ที่ว่าเบญจกัลยาณี ผู้มีความงามทั้ง ๕ ประการนั้น มีดังนี้..ค่ะ
๑. ผมงาม สมัยก่อนเขาเปรียบไว้ว่า ผมงามเหมือนหางนกยูง เมื่อสยายออกแล้ว ต้องทิ้งตัวลงมาถึงชายผ้า แต่ว่าชายผ้าอะไรนั้น ไม่ได้บอกไว้ แต่คงไม่ใช่ชายผ้าซ่าหรีที่ยาวกรอมเท้าเป็นแน่แท้
๒. เนื้องาม คือ มีริมฝีปากงาม มีสีริมฝีปากแดงเหมือนลูกตำลึงสุก ริมฝีปากเรียบสนิทมิดชิดดี ไม่ห้อยย้อยว่างั้นเถอะ
๓. ฟันงาม ต้องมีฟันสีขาวเหมือนสีของหอยสังข์ และเรียบเรียงสวยเสมอเหมือนเพชรวางเรียงกันอยู่ เรื่องเพชรงามนี้น่าจะหมายถึงความแวววามดุจแสงเพชรเสียมากกว่า
๔. ผิวงาม ไม่ว่าผิวจะสีอะไร ต้องมองดูแล้วงาม ผิวละเอียด ถ้าผิวคล้ำ ก็ต้องดำสม่ำเสมอเหมือนดอกอุบล (ดอกอุบล ตามพจนานุกรมแปลว่า บัวสาย ไม่รู้เหมือนกันว่าดอกบัวสายมีสีอะไร แต่ก็ไม่เคยเห็นดอกบัวสีดำสักที) แล้วถ้าผิวสีขาว ก็ต้องขาวเหมือนสีกลีบดอกกรรณิการ์ ว่างั้น
๕. วัยงาม กล่าวคือดูแล้วงามทุกวัย ไม่ว่าจะเหี่ยวแก่ปานใดมองแล้วต้องงาม ข้อนี้คงหมายถึงงามสมวัยนั่นเอง ถึงกับมีการเปรียบไว้ว่า แม้คลอดบุตรมาแล้ว ๑๐ ครั้ง (แต่กี่คน ไม่ได้บอกไว้) ก็ยังดูสวยสาวพริ้ง...ขนาดนั้นเลย
ตามอรรถกถา ขทฺทกนิกาย คาถาธรรมบท มีเรื่องเล่าถึงสาวงามสมัยพุทธกาล คือ นางวิสาขา ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดเบญจกัลยาณี ว่า นางเป็นธิดาเศรษฐีธนญชัย (ไม่ใช่ศรีธนญชัยบ้านเรา..นะคะ) นางได้ฟังพระธรรมของพระศาสดาและได้บรรลุโสดาปัตติผลตั้งแต่อายุ ๗ ปี ครั้นเมื่อนางเจริญวัยขึ้น ได้ชื่อว่าเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในชมพูทวีป ได้รับการยกย่องว่าเป็นเบญจกัลยาณี คือมีลักษณะความงามครบ ๕ ประการ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
วันหนึ่ง นางได้ออกจากบ้านไปกับหญิงบริวารจำนวน ๕๐๐ คน ไม่ได้บอกว่าไปไหน แต่บังเอิญเกิดฝนตกลงมาหนักทีเดียว บรรดาหญิงข้าทาสต่างพากันวิ่งหนีฝนเข้าไปหลบอยู่ในศาลาใกล้ ๆ ทางเดิน แต่นางวิสาขากลับค่อย ๆ เดินช้า ๆ ตามไป ทำให้เนื้อตัวเปียกปอนไปหมด ขณะนั้น มีพราหมณ์อยู่ในศาลาได้เอ่ยถามนางว่า ฝนตกหนักอย่างนั้น ใคร ๆ ต่างพากันวิ่งหนีฝนเข้ามาหลบในศาลา ส่วนนางทำไมจึงเดินทอดน่องราวกับคนเกียจคร้านปานนั้น นางวิสาขามิได้ถือโกรธในคำถามของพราหมณ์
นางกลับตอบไปว่า ฉันไม่ใช่คนเกียจคร้าน แต่ฉันเป็นคนขยันขันแข็งกว่าหญิงเหล่านั้น หากฉันวิ่งก็จะถึงศาลานี้ก่อนใคร
พ่อพราหมณ์ก็แย้งว่า แล้วทำไมยังเดินทอดน่องให้เนื้อตัวเปียกฝนอย่างนั้น
นางตอบว่า พ่อพราหมณ์คงจะไม่เคยได้ยินได้ฟัง ฉันมีเหตุผลของฉันถึงเรื่องบุคคล ๔ จำพวก ถ้าลืมตัววิ่งขณะใด จะหาความงามไม่ได้ และไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง..
บุคคลทั้ง ๔ จำพวกนั้น ได้แก่
๑. พระราชาทรงรับราชาภิเษก มีเครื่องอาภรณ์ประดับกายอยู่ ถ้าวิ่งเวลาใด จะถูกติเตียนได้ว่า ทำตัวเยี่ยงสามัญชน
๒. ช้างทรงของพระราชา ที่ควาญประดับเครื่องคชาภรณ์พร้อมให้สมกับตำแหน่ง ถ้าวิ่งเหมือนสัตว์อื่น ก็เป็นสิ่งที่ไม่งาม ไม่สมควรแก่การเป็นช้างของพระราชา
๓. นักบวชหรือบรรพชิต ผู้ประพฤติดีงาม อยู่ในความสงบ มีจริยวัตรที่สงบเสงี่ยม ถ้าเผลอสติไปวิ่งเข้า จะถูกติเตียนได้ว่าไม่มีความงามตามสมณวิสัย
๔. สตรี ควรรักษากิริยามารยาทให้สมกับเป็นหญิง เพราะความมีมารยาทงามนั้นดุจดั่งอาภรณ์งดงามประการหนึ่งทีเดียว ผู้หญิงที่ได้รับการประคับประคองดูแลอย่างดีจากบิดามารดา เปรียบดั่งอัญมณีอันหาค่ามิได้ ถ้าวิ่งแล้วเกิดพลาดพลั้งล้มลง ร่างกายได้รับบาดเจ็บ บิดามารดาย่อมเสียใจ
นางวิสาขาว่า สตรีเปรียบเหมือนสิ่งของมีค่า ควรแก่การส่งไปสู่สามีที่มีตระกูลในภายภาคหน้า ถ้าวิ่งพลาดพลั้งล้มลง ร่างกายบาดเจ็บ บิดามารดาย่อมเสียใจ ต้องรับภาระในตัวฉัน ด้วยเหตุผลดังกล่าว ฉันจึงไม่ยอมวิ่ง...พ่อพราหมณ์
จะเห็นได้ว่า หญิงโบราณ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ชาติใด ย่อมได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ความเป็นกุลสตรีนั้นมีให้เห็นมากมาย ทั้งในประวัติศาสตร์และวรรณคดี แต่เดี๋ยวนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไปมากแล้ว ปอป้าไม่แน่ใจว่ายังจะมีเบญจกัลยาณีอยู่ในสังคมไทยหรือเปล่า เพราะถ้าหากจะให้งามทั้ง ๕ ประการ ตามธรรมชาติ คงจะหายากยิ่งกว่างมเข็ม เอาแค่งมในโอ่งก็ว่ายากแล้ว ไม่ต้องไปพูดถึงงมในมหาสมุทรหรอก ความงามแบบเบญจกัลยาณีในยุคนี้ถูกมองว่าเป็นสิ่งน่าขบขันบ้าง เชยบ้าง โบราณบ้าง คติความเชื่อของผู้หญิงสมัยนี้ ต้องเก่งและแกร่งเทียบเท่าผู้ชาย อันนี้แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน สำหรับปอป้าแล้ว ความงามของสตรีที่ดี มีบิดามารดาเลี้ยงดูอบรมมาอย่างดี ยังต้องอิงความเป็นเบญจกัลยาณีอยู่ โดยอิงหลักการวางตัวมากกว่าความงามตามสรีระร่างกาย เพราะสรีระเดี๋ยวนี้อาศัยมีดหมอแป๊บเดียวก็งามพริ้งได้แล้ว เมื่องามทางกายภาพครบทั้ง ๕ ประการ แต่กิริยามารยาทหาความงามไม่ได้ อันนี้ต่อให้กายงามเพียงใดก็อย่าหวังว่าจะได้รับคำนิยมชื่นชมจากคนรอบข้าง
หากพิจารณาดูให้ดี คุณสมบัติของเบญจกัลยาณีนั้น ย่อมหมายรวมถึงกิริยามารยาทด้วย มิใช่งามแต่ร่างกายเพียงอย่างเดียว สมัยก่อนกุลสตรีไทยต้องเรียนวิชามารยาทคู่กับวิชาการเรือน แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีในหลักสูตรแล้ว พูดถึงการเรียนวิชามารยาทและการเรือน ทำให้นึกถึงสมัยที่ยังเป็นนักเรียนชั้นมัธยมอยู่ เรียนวิชานี้ทีไร โดนไม้เคาะตาตุ่มทุกที เพราะอาจารย์ท่านค่อนขอดว่า ปอป้าเดินเหมือนม้าดีดกะโหลก ครั้นพอเวลาอยู่บ้าน คุณแม่ก็ตำหนิอีกว่า เดินอย่างนี้ อีกหน่อยออกเรือนไป มีหวังเดินเหยียบคอแม่ผัวหักตายเป็นแน่ แล้วพอแต่งงานออกเรือนมาไม่ทันไร คุณแม่สามีก็เสียชีวิต แต่ไม่ได้คอหัก...นะคะ โปรดอย่าเข้าใจผิด..อิ ๆ
ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร ความเป็นกุลสตรีที่ดีงามของสังคมไทยยังคงมีความสำคัญอยู่ ถึงแม้จะไม่มากเหมือนสมัยก่อนก็ตาม เพราะเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คุณสมบัติข้อหนึ่งของลูกหลานหรือสตรีที่จะเข้ามาร่วมวงศาคณาญาติกับเรานั้น ต้องมีความงามของกิริยามารยาทรวมอยู่ด้วย เพราะหากหญิงนั้น รูปร่างสวยงาม การศึกษาสูง ทำงานเก่ง หรือว่ามีความเก่งกาจเท่าเทียมบุรุษ แต่กิริยามารยาททราม เราก็คงไม่สามารถชื่นชมหรือยอมรับได้ เฉกเช่นเดียวกับในวงสังคมหรือแวดวงการทำงาน หากเป็นหญิงที่เพียบพร้อมด้วยคุณวุฒิ วัยวุฒิ แต่กิริยามารยาทไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมหน่วยงาน ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จหรือเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานได้ หรือคุณว่าอย่างไร..คะ...??
ขอบคุณภาพประกอบเรื่อง จากกูเกิ้ล
เพลง นางฟ้าจำแลง
ความยินดีในธรรมย่อมชนะความยินดีทั้งปวง
มีความสุขอยู่กับธรรม ตลอดไป..นะคะ