|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สังคมป่า-ป่าสังคม
(เมื่อคืนนี้ผมได้ดูรายการ "คนค้นฅน" คนต้นเรื่องคือคุณพฤ โอ่โดเชา ที่เขาเดินทางด้วยเท้าจากเชียงใหม่สู่กรุงเทพฯ เพื่อส่งขาวสารเรื่องป่าชุมชน
หลายประโยคคำพูดของเขาทำให้รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก "คนอยู่ป่ามาตั้งแต่เกิดต้องเดินมาบอกให้คนที่ไม่ได้อยู่ป่ามาออกกฏหมายให้เขา" และ ฯลฯ - ผมจึงเลือกนำเรื่องนี้ที่ผมเขียนไว้นานแล้วมาให้อ่านกัน)
------------------------------
ครั้งแรกที่ผมได้ยินคำว่า สังคมป่าเต็งรัง ผมเกิดคำถามในใจว่าใครหนอเป็นผู้คิดคำ ๆ นี้ขึ้นมาใช้ และเมื่อได้อ่านคำอธิบายความของคำว่า สังคมป่าเต็งรัง แล้วก็จะเห็นภาพประมาณนี้แหละครับ
ป่าเต็งรังมีลักษณะเป็นป่าโปร่งโดยมีต้นยาง, ต้นเหียง เป็นพันธุ์ไม้เด่น ส่วนพันธุ์ไม้สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ต้นเต็ง ต้นรัง ต้นพลวง ต้นรกฟ้า ฯลฯ ป่าประเภทนี้มีอยู่ทั่วไปทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ป่าชนิดนี้เกิดขึ้นบนที่ราบลูกเนินและตามสันเขาที่เป็นดินปนทรายหรือปนกรวด ลักษณะดินตื้นเป็นดินกรวดลูกรัง มีแร่ธาตุอาหารน้อย ทำให้ต้นไม้แคระแกรน ป่าเต็งรังเป็นป่าค่อนข้างโล่ง ต้นไม้จะขึ้นห่าง ๆ กันได้ทำให้เรือนยอดของไม้ป่าเต็งรังอยู่ห่างกันเปิดช่องว่างให้แสงแดดส่องพื้นได้ทั่วถึง พันธุ์ไม้ที่อยู่พื้นล่างจึงเจริญเติบโตได้ดี
พันธุ์ไม้พื้นล่างของสังคมป่าเต็งรังคือทุ่งหญ้าและต้นไผ่ขนาดเล็ก สืบพันธุ์โดยการแตกหน่อเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพที่มีไฟไหม้ป่าทุกปี ในฤดูแล้งหญ้าเหล่านี้จะแห้งตายเป็นอาณาบริเวณกว้างติดต่อกัน ซึ่งจะกลายเป็นเชื้อไฟอย่างดี ทำให้ไฟไหม้ลามไปตามพื้นดินอย่างรวดเร็ว
ไฟป่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อการจัดโครงสร้าง การคงชนิดพันธุ์ไม้และการสืบพันธุ์ของไม้ในสังคมป่าชนิดนี้ การไหม้ของไฟป่าเป็นเสมือนแฝงปรัชญาจากธรรมชาติอันลึกซึ้ง เพราะลูกไม้เล็กๆ จะไม่ตาย เพียงแต่ชะงักการเจริญเติบโตไปชั่วขณะ
เมื่อถูกไฟไหม้ซ้ำซากหลาย ๆ ปี ก็จะสะสมอาหารไว้ที่รากมากขึ้น เมื่อทุกอย่างพร้อมก็จะเจริญเติบโตและรอดพ้นจากอันตรายของไฟป่า นั่นก็ถือว่าต้นไม้ต้นนั้นธรรมชาติได้คัดสรรแล้ว เมื่อถึงฤดูแล้ง จะมีช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ต้นไม้ในป่าเต็งรังนี้พากันผลัดใบพร้อมกันทั้งป่า ป่าจากสีเขียว มาเป็นสีน้ำตาลเหลือง แล้วร่วงโรยไป เมื่อฝนแรกของฤดูมาถึง ป่านี้ก็จะเริ่มเขียวขจีอีกครั้ง หญ้าที่ถูกไฟป่าไหม้ก็จะงอกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว ในระยะแรก ๆ จะมีสีเขียวสดเหมือนกับใครเอาพรมสีเขียวมาปูลาดไว้ แต่เป็นผืนพรมที่มีชีวิตที่เจริญเติบโตได้
นี่คือเรื่องของสังคมป่าที่จัดการสังคมของตัวเองด้วยวิธีตามธรรมชาติ ทำให้ผมนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างป่ากับคนในหัวข้อ ป่าชุมชน ที่ได้อ่านในหนังสือ รวมพล คนของยุคสมัย สนับสนุน พ.ร.บ.ป่าชุมชน ซึ่ง ชุมชนคนรักป่าส่งมาให้ ผมต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย... แต่ไหนแต่ไรมาป่าเป็นของรัฐที่ใครๆก็มาใช้มาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ แต่นับจากปี พ.ศ. 2481 เป็นต้นมา รัฐได้อ้างสิทธิตามกฎหมายในการประกาศพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ ทำให้ชาวบ้านถูกลิดรอนสิทธิ์ในการจัดการป่าที่เคยมีมาแต่เนิ่นนาน ต่อมาภายหลังรัฐบาลได้เปลี่ยนนโยบายจากการทำไม้มาเป็นการอนุรักษ์อย่างสุดโต่งด้วยนโยบายการปิดป่า กรมป่าไม้เร่งดำเนินการประกาศพื้นที่ป่าให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติแห่งใหม่หรือไม่ก็ขยายพื้นที่อุทยานแห่งชาติเดิมออกไปอีก
การประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเกือบทุกแห่งก็คือการเข้าไปครอบครองพื้นที่ป่าที่ชาวบ้านเขาอาศัยอยู่ก่อน เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าชาวบ้านที่เคยรักษาและใช้ประโยชน์จากป่ากลับถูกแย่งชิงทรัพยากรไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และถูกเปลี่ยนบทบาทให้เป็นผู้บุกรุกและผู้ทำลายป่าไป
15 ปีที่ผ่านมาของการต่อสู้เพื่อพระราชบัญญัติป่าชุมชน เด็กหนุ่มหลายคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ขณะที่ผู้ใหญ่หลายคนตายจากไปโดยไม่ทันเห็นสิ่งที่ตัวเองเรียกร้อง ชาวบ้านหลายกลุ่มผู้ถูกให้อพยพออกจากป่าต้องเผชิญกับชะตากรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน
มีคนไทยกว่า10ล้านคนที่อาศัยและทำมาหากินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ บางคนคิดว่าการที่ป่าเมืองไทยเหลือพื้นที่อยู่เพียงแค่นี้เป็นเพราะชาวบ้านที่หากินอยู่กับป่า หรือเพราะคนไม่กี่คนที่ได้ประโยชน์จากการรับสัมปทานป่าไม้ยาวนานเกือบร้อยปี
ความจริงแล้วรัฐเพิ่งประกาศปิดป่าเมื่อปี พ.ศ. 2532 พร้อมกับพื้นที่ป่าที่เหลืออยู่เพียง 28 เปอร์เซ็นต์ จากพื้นที่ป่าของประเทศที่เคยมีมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
การจัดตั้งกรมป่าไม้ในปี พ.ศ. 2493 ก็เพื่อดูแลกิจการทำไม้ ไม่ใช่เพื่อการอนุรักษ์ ส่วนกฎหมายอนุรักษ์ฉบับแรกที่เขียนขึ้นในปี พ.ศ. 2503 หลังจากการทำไม้ผ่านไป 60 กว่าปี ก็เป็นการเอาแนวความคิดมาจากประเทศทางแถบตะวันตก
ในขณะที่ผืนป่าทั่วไปของเมืองไทยมีชุมชนท้องถิ่นอาศัยอยู่ แต่กฎหมายกลับไม่ยอมรับเรื่องคนอยู่ป่าและไม่มีการกันเขตชุมชนออกจากเขตป่า พวกเขาจึงกลายเป็นผู้บุกรุกบ้านของตัวเอง มีหลายชุมชนถูกอพยพออกจากป่า ถูกข่มขู่ จับกุมและดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก
ถึงเวลาแล้ว
ที่พระราชบัญญัติป่าชุมชนควรจะได้รับการขานรับจากรัฐบาลอย่างจริงจังเสียที ถึงเวลาแล้ว
ที่กฎหมายป่าไม้ซึ่งเขียนไว้ก่อนคนยุคสมัยเรา จะได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เพื่อรักษาป่าที่เหลืออยู่ เพื่อเยียวยาความรักของเราต่อคนที่อยู่กับป่ามาเนิ่นนาน เพื่อจุดประกายความเป็นธรรมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในสังคมไทย
ผมนึกถึงความสัมพันธ์ของธรรมชาติในสังคมป่าเต็งรังที่ก่อให้เกิดภาพงดงามตามฤดูกาลต่างๆที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป แม้ไฟไหม้ป่าที่ดูเหมือนการทำลายแต่ก็กลับกลายเป็นการคัดสรรพันธุ์ไม้ให้เหมาะสมกับป่านั้นๆ ช่องว่างระหว่างต้นไม้ใหญ่เอื้อแสงแดดส่องทำให้พันธุ์ไม้พื้นล่างได้เจริญเติบโตแต้มแต่งผืนป่าให้งดงามยิ่งขึ้น
หากแต่ละฝ่ายร่วมมือช่วยกันจัดการให้คนกับป่าสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเกื้อกูลและไม่ทำลายกัน สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคงจะงดงามเกินกว่าที่จะหาถ้อยคำมาบรรยายได้... ป่าคือ... ครอบครัวของต้นไม้ ที่พักอาศัยของสรรพสัตว์ สรรพสิ่งของสรรพสารพัด ชุมชน-เชื่อม-สัมผัส-พึ่ง-สัมพันธ์ฯ* ------------------------------- *บทกวี ไพวรินทร์ ขาวงาม
เห็นด้วย หรือ เห็นต่าง อย่างไร เชิญเข้าไปโหวตหรือร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่... //www.pachumchon.com ติดต่อขอรับเอกสารเกี่ยวกับป่าชุมชนได้ที่ชุมชนคนรักป่า 77/1 หมู่ 5 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200 โทร. 053-810402
Create Date : 15 มีนาคม 2549 |
|
12 comments |
Last Update : 15 มีนาคม 2549 8:35:15 น. |
Counter : 991 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: jaa_aey 15 มีนาคม 2549 9:13:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชายคา 15 มีนาคม 2549 9:45:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: เด็กลาดเหนือ IP: 61.91.193.3 15 มีนาคม 2549 14:44:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: ผู้ชายสีน้ำทะเล IP: 202.183.143.245 15 มีนาคม 2549 16:48:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนุอุ๋ม (tenno_jung ) 15 มีนาคม 2549 21:31:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: filmgus 15 มีนาคม 2549 21:43:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: J IP: 203.154.114.253 16 มีนาคม 2549 8:29:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 17 มีนาคม 2549 9:38:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|
ถ้ากฏหมายเท่าเทียมกันหมดได้ก็ดี
กันคนบางกลุ่มออก
แต่กลับมีคนบางกลุ่มที่สามารถลักลอบไปตัดป่าได้