|
ตะเกียงในดวงใจ
สุทธิดา รัตนพันธุ์
เราเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่ฉันก็เรียกเธอว่า เพื่อน ได้อย่างสนิทใจ ฉันต้องเดินทางกว่า 60ไมล์จึงจะมาถึงมหาวิทยาลัยที่ใกล้ที่สุด เราเจอกันที่นั่น วันสอบ TOEFL ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซอยผมสั้น ใส่แจ๊กเก็ตสีดำเข้ารูปกับกางเกงยีนส์ เท่มากๆ กำลังเข้าแถวเช็คชื่ออยู่หน้าห้อง แล้วเธอก็เลือกที่นั่งต่อจากฉัน เธอวางดิกชันนารีภาษาไทยบนโต๊ะ ฉันจึงหันไปพูดว่าไม่นึกว่าเป็นคนไทย
สอบเสร็จเราพูดจากันนิดหน่อย เธอให้เบอร์โทรฉันไว้ บอกว่าเพื่อว่าต้องการข้อมูลหรือจะให้ช่วยอะไรให้ติดต่อมา เราอยู่กันคนละทิศ เธออยู่ใกล้ LA ฉันอยู่ Victorville บนที่ราบสูงกึ่งทะเลทรายทางไปลาสเวกัส
เราเจอกันอีกครั้งตอนฉันเข้าไปสอบ GMAT ใน LA ฉันไปค้างคืนที่บ้านเกียงเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่เป็นสถานที่สอบ ตอนเช้าจะได้ไม่เสียเวลาขับรถนาน ที่แอลเอในชั่วโมงเร่งด่วนรถติดยิ่งกว่าในกรุงเทพเสียอีก
เราโทรคุยกันอีกครั้งตอนที่เกียงบอกว่าเพิ่งไปแต่งงานที่ลาสเวกัสมา แต่ไม่ได้แต่งกับแฟนคนเดิม เธอแต่งงานกับพ่อหม้ายคนไทยที่อยู่ในธุรกิจประกันที่เกียงทำงานอยู่ เราเจอกันครั้งสุดท้ายก่อนฉันกลับเมืองไทยหนึ่งสัปดาห์ เกียงบอกว่าขอเลี้ยงส่งเพื่อน เรานัดหมายกันที่อพาร์ตเมนท์ของเกียงบนถนน Hollywood เธอบอกหมายเลขที่จอดรถให้ฉันเอารถไปจอดใต้ตึกได้เลย แล้วฉันไปรอเธออยู่ที่สระน้ำ สักพักเกียงและสามียกอาหารว่างลงมา หลังจากแนะนำตัวกันแล้วสามีขอตัว เราเลยได้อยู่กันตามลำพัง
เราได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ช่วงนั้นเกียงได้เปิดกิจการประกันเป็นของตัวเองแล้ว ฉันได้เห็นรูปเกียงในโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยทุกสัปดาห์ ฉันทึ่งในความมุมานะของเธอมาก หลังเรียนจบโทได้ไม่นานเธอมีกิจการเป็นของตัวเองในเมืองใหญ่แบบนี้ เกียงบอกว่าธุรกิจกำลังไปได้ดี เพราะมีทนายความรับทำใบเขียวด้วย แต่ก็เปรยว่าการแข่งขันสูงมาก
ฉันปากเสียถามเกียงนอกเรื่องอย่างตรงๆไปว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ทั้ง 6 เดือน จะแต่งงานมั๊ย เกียงตอบว่า คงไม่ ฉันนึกตะหงิดใจอยู่ แต่ไม่ได้คุยเรื่องนั้นกันต่อ คืนสุดท้ายก่อนฉันเดินทางกลับเมืองไทย เพื่อนที่จะซื้อรถต่อจากฉันโทรมายกเลิก ฉันโทรหาเกียงทันที เกียงบอกว่าช่วยได้ เกียงจะซื้อรถไว้เอง เผื่อว่ามีคนไทยที่เพิ่งมาใหม่ต้องการใช้รถ
ที่สนามบิน ฉันโทรหาเกียงอีกครั้งตามสัญญา เราคุยกันนานมาก เกียงบอกว่า ถ้ากลับไปเมืองไทยแล้วอยู่ไม่ได้ ให้กลับมาที่นี่นะ เกียงซื้อบ้านเอาไว้แล้ว กำลังตกแต่งอยู่ มาอยู่ด้วยกัน เราคุยกันจนถึงเวลาขึ้นเครื่อง
ฉันกลับมาเมืองไทยได้ไม่นาน วันหนึ่งระหว่างที่นั่งรอเพื่อนที่ธนาคาร ฉันหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน ฆ่าสองผัวเมียไทยในแอลเอ ฉันไม่อยากอ่านข่าวพรรค์นี้หรอกมันไม่มีอะไรสร้างสรรค์...คนฆ่ากัน
ฉันรอเพื่อนอยู่นานมาก อ่านอะไรจนหมดเล่มแล้ว จึงกลับไปอ่านข่าวนั้น ฉันอ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงข้อความ ผู้ตายชื่อ... ฉันอ่านทวนชื่อและนามสกุลอยู่นับสิบรอบ หูอื้อ ตัวชา นั่งนิ่งไป
ฉันหวนกลับไปนึกภาพที่จอดรถใต้อาคารสูงที่เกียงย้ายรถตัวเองออกไปไว้ข้างนอกแล้วบอกฉันว่า จ๋าเอารถเข้ามาจอดที่เกียงได้เลยนะ มันเป็นที่เดียวกับที่คนร้ายตามเข้ามาประกบในขณะที่เกียงและสามีกำลังจะลุกออกจากรถ คนร้ายบังคับให้ทั้งสองคนไปที่เบาะหลัง มัดมือไพล่หลังและเอาผ้าผูกตา ก่อนจ่อยิงที่ท้ายทอยทีละคน ฉันจินตนาการตามข้อความในหนังสือพิมพ์ ฉันนึกถึงเกียงว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร ฉันภาวนาว่าอย่างให้ช่วงเวลานั้นมันยาวนานเลย ฉันไม่อยากให้เธอกลัวมาก ฉันนึกไม่ออกเลยว่าอะไรทำให้เกิดความรุนแรงขนาดนี้ เกียงเป็นผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียว อายุแค่ 26 ยังไม่ใช่วัยที่มีศัตรูขนาดที่ต้องล่าชีวิตกันเลย
เธอเป็นคนดีสำหรับฉัน ทุกครั้งที่ต้องการความช่วยเหลือ เกียงยื่นมือมาให้เสมอ ชีวิตเธอจบลงเร็วเกินไป เพราะฉันยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนเธอเลย
ทุกวันนี้หากฉันมีโอกาสได้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ฉันก็ไม่รีรอที่จะทำ เพราะอย่างน้อยเป็นการตอบแทนความดีของเกียงที่เธอทำต่อฉัน ----------------------------------------------
Create Date : 28 กันยายน 2548 |
|
0 comments |
Last Update : 28 กันยายน 2548 10:17:24 น. |
Counter : 522 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|