Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
17 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
แม่สื่อจอมจุ้น วุ่นรักอลวน บทที่3



บทที่ ๓

เจ้าน้ำหวานเห่าเสียงดัง มันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ที่เห็นพิมพ์ญาดาซึ่งกำลังเปิดประตูรั้วเข้ามา และทันทีที่เธอก้าวพ้นประตู

เจ้าสุนัขแสนรู้ที่ยายปิ่นเก็บมาเลี้ยง ก็กระโดดเกาะเจ้าของพร้อมหางสั้นๆส่ายไปมา

พิมพ์ญาดานั่งยองเอื้อมมือลูบหัวน้ำหวานสองสามครั้ง พลางถอนหายใจ ขณะมันมองจ้องหน้าทำตาปริบๆ

เธอมองไปรอบๆบ้านด้วยใบหน้าและจิตใจที่ห่อเหี่ยว กลิ่นอายความอบอุ่น เสียงหัวเราะคุ้นหู มันขาดหายไปพร้อมกับยายปิ่น บรรยากาศภายในบ้านเวลานี้ จึงมีแต่ความเงียบเหงา

“พักผ่อนบ้างนะลูก เหนื่อยหลายวันแล้ว” ป้าทองสุขซึ่งเดินเข้ามาด้วยพูดพร้อมทาบมือลงบนบ่าหญิงสาว “ถ้าไม่สบายขึ้นมามันจะลำบากน่ะ ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆรู้มั้ยอย่าทำให้ยายเขาต้องเป็นห่วงเรา”

พิมพ์ญาดาหันมายิ้ม รับรู้ในความปรารถนาดีของป้าทองสุขที่มีต่อเธอ

“พิมพ์ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะป้า”

หญิงสาววางโกฐกระดูกยายแล้วเดินไปเปิดม่านเปิดหน้าต่าง ลมและแสงสว่างจึงพาดผ่านเข้ามา ช่วยทำให้ในบ้านปลอดโปร่งขึ้น

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะนะ... จะได้รีบๆทำงานหาเงินมาใช้หนี้ ไอ้คุณดิตถ์มัน ไม่อย่างนั้นมันก็จะมาเทียวตามตอแยพิมพ์อยู่อย่างนี้”

ป้าทองสุขพูดขณะนึกถึงใบหน้าอ้วนกลมของนายดิตถ์ หนักใจแทนพิมพ์ญาดา ที่ต้องมาอดทนกับคนที่มีนิสัยเห็นแก่ได้อย่างนี้

“หาเงินมาใช้หนี้...เป็นเรื่องแรกที่พิมพ์จะทำเลยล่ะป้า”

เสียงตอบด้วยความมั่นใจแฝงมาพร้อมกับดวงตาที่ฉายแววเด็ดเดี่ยว

เธอเบื่อเต็มที ที่ต้องมาคอยหาคำพูดเพื่อบ่ายเบี่ยงเลี่ยงข้อเสนอที่นายดิตถ์หยิบยื่นมาให้ เพราะมันเป็นความปรารถนาดี ที่เธอรับไม่ได้


ระยะหลังมานี้ ตั้งแต่ยายปิ่นเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆเงินทองที่มีเก็บ ก็ร่อยหลอลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายต้องหมดไปกับค่ารักษาพยาบาล

พิมพ์ญาดาต้องนำโฉนดบ้านไปขอกู้เงินนายดิตถ์ เพื่อนำมารักษาอาการป่วยเรื้อรังของยาย และเมื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ตามกำหนดไม่ได้ จำนวนดอกเบี้ยซึ่งทบต้นมาเรื่อยๆ

ทำให้พิมพ์ญาดาต้องไปพบนายดิตถ์เพื่อขอประนอมหนี้เพราะไม่อยากโดนยึดบ้าน ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่มีอยู่

เธอหนักใจทุกครั้งที่มาพบเขา อดทนกับคำพูดที่คอยแทะโลมอยู่ตลอดเวลา ต้องทำใจเย็นและหลีกเลี่ยง เมื่อเขาพยายามที่จะลวนลามเธอทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

ตลอดจนกระทั่งวาระสุดท้ายที่ยายจากไป พิมพ์ญาดาก็ต้องบากหน้าไปขอกู้เงินนายดิตถ์เพิ่มอีกครั้ง ทั้งๆที่ใจไม่อยากจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาอีก

แต่เพราะความจำเป็น ที่มีเงินมาใช้จ่ายในการจัดงานศพให้ยาย จึงจำใจทำในสิ่งที่ขัดกับความต้องการของตัวเอง นั่นมันก็เป็นสาเหตุให้นายดิตถ์เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเธอมากขึ้น

“ไปเถอะพิมพ์...เราจำเป็นต้องใช้เงิน เดี๋ยวป้าจะคอยช่วยกันไม่ให้นายดิตถ์เข้ามาเกาะแกะกับพิมพ์มากกว่าที่ควรจะเป็นแค่เจ้าหนี้กับลูกหนี้”

คำพูดของป้าทองสุข เมื่อครั้งที่พิมพ์ญาดาไปขอคำปรึกษากับนาง แล้วป้าทองสุขก็ทำอย่างที่นางเคยพูดไว้ ทุกครั้งที่นายดิตถ์มาหาเธอ ป้าทองสุขจะคอยดูอยู่ไม่ห่าง

และนางก็จะเดินมาตามหาข้ออ้างต่างๆนาๆเพื่อให้พิมพ์ญาดาได้มีโอกาสปลีกตัวออกมาจากนายดิตถ์ได้ง่ายขึ้น ดั่งเช่นที่วัดเมื่อวานตอนค่ำ

ป้าทองสุขกลับบ้านไปแล้ว ส่วนพิมพ์ญาดาซึ่งยังยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างก็ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ใกล้ตัว

หญิงสาวระบายลมหายใจออกมาช้าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน สองแขนสอดประสานพาดวางที่ขอบหน้าต่าง

ดวงตาคมมองเหม่อไปยังด้านนอก แล้วคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

เมื่อเห็นเจ้าน้ำหวานซึ่งนั่งกระดิกหางกุดไปมาอยู่ข้างประตูรั้ว เหมือนกับตอนที่มันเจอเธอเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

น้ำหวาน... แกจะคิดถึงยายบ้างมั้ยนะ...

ประมาณสามทุ่มเศษ หลังจากชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว พิมพ์ญาดาซึ่งกำลังจะเดินออกมาใส่กุญแจประตูรั้วหน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงกึกกัก

หญิงสาวเปลี่ยนความตั้งใจ แล้วเดินตามหาต้นเสียงที่ได้ยิน ซึ่งมันดังมาจากข้างๆบ้านที่ถูกจัดแต่งไว้เป็นสวนหย่อมกว้างเพียงสามเมตรกว่า

สำหรับเป็นมุมพักผ่อนเล็กๆภายในบริเวณบ้าน โดยปลูกต้นแก้วเรียงยาวตามแนวรั้วเพื่อช่วยอำพรางจากสายตาจากคนภายนอก

พิมพ์ญาดาต้องขมวดคิ้วมุ่นฉงนใจ กับภาพของเจ้าน้ำหวานที่กำลังยืนเก้าอี้สนามชุดเล็ก พร้อมส่ายหางไปมาอารมณ์ที่แสดงออกถึงความดีใจ เหมือนเมื่อสักสามชั่วโมงที่ผ่านมา

“น้ำหวาน!”

เสียงเรียกเชิงดุของเธอดังพอที่จะทำให้น้ำหวานหันมามองและวิ่งเข้ามาหา มันทำตาปริบๆขณะแหงนมองหน้าเธอ และอาการดีอกดีใจนั้นก็ยังคงอยู่
อาจเพราะเสียงดุที่ดังตามมาอีกหนทำให้เจ้าหมาน้อยหงอยไปทันตา

“เข้าบ้านได้แล้ว”

พิมพ์ญาดาแอบยิ้ม กับท่าทางของเจ้าน้ำหวานที่ก้มหน้าหมอบจนแทบเกือบจะคลาน เมื่อต้องเดินผ่านหน้าเธอไป

แล้วพิมพ์ญาดาก็ต้องหันมาชี้นิ้วพร้อมทำหน้าดุใส่น้ำหวานอีกครั้ง หลังจากที่ปิดประตูรั้วบ้านเสร็จแล้วหันหลังกลับมา ยังเจอเจ้าหมาแสนรู้ยืนลังเลอยู่ที่หน้าประตูบ้าน อาจเพราะท่าทางที่จริงจังของเธอ ทำให้เห็นเจ้าน้ำหวานรีบวิ่งหายเข้าไปในบ้านโดยไม่ลังเลอีกเลย

หญิงสาวเดินตามน้ำหวานเข้าบ้านพลางยิ้ม ปิดล๊อกประตูแน่นหนาก่อนเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ร่างสูงโปร่งมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าห้องยายปิ่น เธอแง้มประตูเปิดกว้าง

กวาดสายตามองไปรอบห้อง ระบายหายใจออกมาช้าๆ พร้อมสีหน้าที่เศร้าสลดก่อนปิดประตูห้องเอาไว้อย่างเดิม แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง

“ยัยพิมพ์... หลานรักของยาย ยายคิดถึง...ยายเป็นห่วงหลานเหลือเกิน…พิมพ์ของยายจะต้องเป็นคนที่มีความสุขที่สุด คอยดูนะ...ยายจะทำให้ได้ คอยดู!”

คำพูดและดวงตาที่มาดมั่น ดังแว่วมาพร้อมกับสายลม แต่ไม่อาจทำให้คนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง ได้มีโอกาสรับรู้ในความห่วงใยนี้เลย


กลุ่มเมฆหมอกที่กระจายไปทั่ว ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดยืนเคว้งอยู่กลางห้องซึ่งมีลักษณะคล้ายโบราณสถานขนาดใหญ่

ภายในทาสีขาวสะอาดตา เขาเหลียวมองไปรอบตัว ก็พบแต่กลุ่มเมฆหมอกที่ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรไม่ถนัดตานัก แม้จะพยายามเพ่งสายตามองอย่างตั้งใจก็ตามที

อินทัชตัดสินใจก้าวเท้าไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล เลือกที่จะเดินไปตามเสียงดนตรีที่กำลังบรรเลงท่วงทำนองเพลงช้าๆ ซึ่งได้ฟังแล้วก็ให้ความรื่นรมย์อย่างบอกไม่ถูก

แต่พอเดินเข้าไปได้สักระยะหนึ่ง จมูกโด่งๆ ก็ได้รับสัมผัสกับกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่แล้วคิ้วเข้มก็ต้องขมวดมุ่น กับสิ่งที่แทรกมากับเสียงเพลง

“พ่อหนุ่ม...พ่อหนุ่ม...”

กระแสเสียงที่ดังเป็นระยะๆ ทำให้ชายหนุ่มเหลียวมองหาต้นเสียงทั่วบริเวณ

“ฝากหลานสาวคนดีของยายด้วยนะ...ฝากด้วยนะ”

อินทัชพยายามตั้งสติ และฟังเสียงที่แทรกมากับดนตรีอย่างตั้งใจ

“พ่อหนุ่ม...พ่อหนุ่ม...”

กระแสเสียงเรียกยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่ามันกลับแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆเช่นกัน

“ฝากหลานสาวคนดีของยายด้วย...ฝากด้วย...ฝากด้วย”


ความพยายามของอินทัชที่จะหาต้นตอของเสียงก็ยังไม่หยุดนิ่ง เขาวิ่งวนตามหา แต่ความรู้สึกช่วงนั้น เหมือนเสียงเรียกจะค่อยๆ ไกลออกไปทุกทีๆ จนเขาวิ่งตามมันไม่ทัน


“คุณยาย! คุณยายครับ...” เขาวิ่งวนพร้อมตะโกนเรียกอย่างมั่นใจในเสียงเรียกที่ได้ยิน

ใช่!ยายปิ่น ต้องเป็นยายปิ่นแน่ๆ

แต่ขณะที่กำลังตามหายายปิ่นอยู่นั้น ก็มีกลุ่มเมฆหมอกลอยตัวเข้ามาจับกันเป็นก้อน มันค่อยๆบดบังสายตาของเขาจากทุกๆ สิ่งไปชั่วขณะ

อินทัชแปลกใจเหลียวมองรอบตัว เมื่อทุกสิ่งตรงหน้ารวมทั้งผนังห้องโถงขนาดใหญ่ที่เขายังยืนอยู่ ก็ถูกเมฆหมอกล้อมโอบ... หายไป...หายไป...ดุจดั่งเงื้อมมือของปีศาจได้มาคว้าทุกอย่างหนีไปจากเขา

เสียงที่ตะโกนเรียกยายปิ่นนั้นดังออกมาจนทำให้อินทัชสะดุ้งตื่น เขาพลิกตัวเอื้อมมือแตะโคมไฟที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเพื่อเปิดใช้แสงสว่าง และหรี่ตามองนาฬิกาที่วางอยู่ใกล้ๆ ซึ่งบอกเวลาตีสี่กว่าๆ

อินทัชสลัดผ้าห่มออกจากกายแล้วลุกเดินลงมายังชั้นล่าง ตรงดิ่งไปเปิดตู้เย็น รินน้ำดื่ม แล้วรินใส่แก้วถือติดมือกลับมานั่งยังโต๊ะกินข้าวที่จัดวางอยู่ใกล้ๆด้วย

เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมนึกแปลกใจตัวเองที่เก็บเอาเรื่องราวความห่วงใยของหญิงชราซึ่งมีให้กับหลานสาวมานอนคิดจนฝันไป

เสียงของผ้าม่าน พัดสะบัดแรง จนทำให้อินทัชต้องเหลียวไปมอง พร้อมคิ้วเข้มๆขมวดมุ่น กับสายลมที่พัดมาอย่างรุนแรง

ซึ่งไม่ต่างจากลมพายุที่มักจะพัดนำทางให้กับพายุฝนอยู่ทุกๆปี แต่ทำไมมีลมแรงแบบนี้ในกลางฤดูร้อน

อินทัชเดินไปปิดหน้าต่างที่เขามักจะเปิดทิ้งเอาไว้เป็นประจำเพื่อรับลมเย็นๆ และขณะที่กำลังเดินไล่ปิดหน้าต่างทุกๆบานอยู่นั้น ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างวูบไหวอยู่ทางด้านหลัง

ครั้นหันกลับไปมอง ก็ไม่พบอะไรนอกเหนือจากสิ่งของที่เคยมีอยู่ก่อนแล้ว และเพราะความหวาดระแวงนี้ทำให้ชายหนุ่มนึกขำตัวเองที่เผลอหันกลับไปมองอยู่หลายครั้ง ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า บ้านหลังนี้มีเขาพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว

****************


ท้องฟ้าเริ่มทอแสงสีคราม ในขณะที่อินทัชยังคงนั่งอยู่บนโซฟาชั้นล่าง เพราะก่อนหน้านี้ชายหนุ่มก็พยายามจะนอนหลับต่ออีกสักพัก แต่เขาก็ตาสว่างจนนอนต่ออีกไม่ได้แล้ว

อินทัชจึงฆ่าเวลาด้วยการอ่านเอกสารที่วรชิตยัดเหยียดมาให้เมื่อวานตอนเย็น ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดที่จะสนใจหยิบมันขึ้นมาดูเลยด้วยซ้ำไป

อินทัชขยับตัวเมื่อมีความรู้สึกว่าโซฟาที่เขานั่งนั้นมันยุบฮวบลง แล้วไม่นานเขาก็รู้สึกเย็นวูบวาบไปทั่วตัว ชายหนุ่มหันมองรอบไปบ้าน ก็พบว่าหน้าต่างทุกบานถูกปิดไว้หมดแล้ว

ความรู้สึกที่เย็นวูบขึ้นมาเฉยๆทั้งตัวนี่สิ ที่ทำให้เขาเอะใจ

ความเย็นของมัน ไม่เหมือนกับความเย็นที่ได้รับจากสายลม ไม่ว่าจะด้วยลมธรรมชาติ หรือลมจากเครื่องทำความเย็นต่างๆ

“เฮ้อ!เพี้ยนไปแล้วแน่ๆเรา”

อินทัชบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนวางเอกสารไว้บนโต๊ะกลางแล้วลุกเดินขึ้นบันไดไป

“ไม่เพี้ยนหรอกพ่อหนุ่ม" น้ำเสียงแฝงความดีใจ "แต่เราสามารถสื่อสารกันได้ต่างหากล่ะหึๆ”

"ทำไมไม่ทำให้คุณคนนั้นเขาเห็นยายไปซะเลยล่ะ เขาก็เคยเห็นยายแล้วนี่นา"

หญิงชราซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาเผยอยิ้มจนเห็นฟันขาว แล้วนางก็หันมาสบสายตากับเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างมีเลศนัย...








Create Date : 17 มิถุนายน 2552
Last Update : 10 มีนาคม 2559 20:06:34 น. 8 comments
Counter : 754 Pageviews.

 
เร่งมือปั่นเข้าเน้อ
พลอยจะสปีดหนีแล้วล่ะ คริคริ


โดย: ploy666 (ploy666 ) วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:13:04:09 น.  

 
โอ้ วันนี้ตามกลับมาเยี่ยมโปรเจกต์ เขียนกันไวน่าดู เริ่มต้นจากเรื่องที่จำนวนบทน้อยที่สุดนะครับ

อินทัชรับงานของวรชิต ก็ต้องทำงานกับพัสวี คราวนี้ก็ได้เจอพิมพ์ญาดาแน่ ยายปิ่นจะเป็นแม่สื่อยังไงน้อ อยากรู้จัง

ทันเรื่องนี้แล้วก็ไปเริ่มเรื่องต่อไป


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:17:29:10 น.  

 
สวัสดีค่าพี่พีท


โดย: ploy666 IP: 124.157.201.133 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:14:14:12 น.  

 
สรุปว่ายายปิ่นเป็นแม่สื่อแต่ไม่ได้เป็นกามเทพ ดูงงๆ นะเนี่ยยาย


โดย: นาวาไม่ไหลกลับ วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:18:03:19 น.  

 
ดูท่าทางจะน่ารักไม่หยอกนะคุณยาย อิอิ


โดย: Tukta21 วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:2:22:21 น.  

 
คุณ นาวาไม่ไหลกลับ

สงสัยยายปิ่นคงเพิ่งตายน่ะค่ะ ต้องรออ่านกันต่อไปว่าจะยังไง...คนเขียนไม่ค่อยแอบกระซิบเผยความลับเท่าไหร่แฮะ หุหุ

**********

มอลลี่
อ่านทั้งคืนไหมเนี่ย แปะเม้นท์เกือบครบทุกเรื่องเลยเน้อ
ขยันอ่านจังแฮะ T^T



โดย: ploy666 (ploy666 ) วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:6:01:02 น.  

 
มันเหงาๆก็เลยหานิยายอ่านแก้เซ็งเจ้าค้่ะ อ่านแล้วเพลิน ลืมนอน 555+


โดย: Tukta21 วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:22:03:57 น.  

 
มอลลี่ เข้าบล็อกพลอยนี่ถ้าอ่านครบเข้าใจว่าหมดเวลาเป็นชั่วโมงเหมือนกันนะ เป็นนู๋พลอยคงตาลายไปพอสมควรทีเดียวค่ะ

สุดยอดเลยตัวเอง...ข้าน้อยขอคารวะ...


โดย: ploy666 (ploy666 ) วันที่: 30 มิถุนายน 2552 เวลา:5:02:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.