Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
21 พฤศจิกายน 2559
 
All Blogs
 
ฝนพรางฟ้า (๑.แหวนทับทิมอาถรรพ์)









คุยกันก่อน

สวัสดีครับ ห่างหายไปนานเลยทีเดียว
กว่าจะได้กลับมาสานต่อนิยายให้จบซะที
นับรวมๆ ก็ประมาณ ๘ ปีได้ (OMG! นานไปไหม ฮ่า ฮ่า)

จะเรียกว่าสานต่อก็พูดได้ไม่เต็มปาก
เพราะถึงแม้เรื่องราวและเค้าโครงจะเป็นของเดิมทั้งหมด
แต่ตัวละครและบทบาทในเรื่องถูกเปลี่ยนใหม่
เพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้มากขึ้น
ทั้งความหลอนสยอง ดราม่า และโรคจิต (อันหลังนี่มีมาทำม้ายยย!)
เพราะงั้น ถ้าใครเคยอ่านของเก่า ก็ (แกล้งทำ) ลืมๆ ไปเถอะครับ (เก๊าเขิน ฮ่า ฮ่า)

เดี๋ยวนะ... ผมควรเกริ่นนำเข้าเรื่องผีสิ ทำไมหัวเราะร่วนงี้ล่ะ
งั้นเข้าโหมดจริงจังเพื่อบิ้วท์...

ถ้าคุณพร้อมแล้ว เชิญพบกับเรื่องราวความรักความสยองข้ามภพ กับ "ฝนพรางฟ้า" ได้เลยครับ


%e0%b8%9d%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%9f%e0%b9%89%e0%b8%b2-01

...................................



ฝนพรางฟ้า

บทที่ ๑ แหวนทับทิมอาถรรพ์

สา...สา บาครูผู้รู้แจ้ง

                ประสิทธิ์ศาสตร์สำแดงแถลงโวหาร

                ทั้งคุณงามความรู้สู่ประทาน

                นับเนิ่นนานกาลเก่าอันยาวไกล

น้อมถวายวันทาครูบาโรง

                ทั้งครูพักลักโยงยกวาไหว้

                สติล้ำปัญญาเลิศสิเทิดไว้

                ต่างคบไฟนำตนบนมรรคา ฯ


ศาลาริมน้ำหลังใหญ่โดดเด่นภายใต้แสงเรืองรองแห่งจันทร์เพ็ญ อากาศโดยรอบเย็นเยียบแลคล้ายมีสายหมอกจางๆ แผ่คลุม กลิ่นดอกลั่นทมอวลอายกระจายกรุ่น ตัวเหี้ยนับสิบชูคอแลบลิ้นไวอยู่รอบศาลา หันหาเสียงหมาหอนก้องกู่วู่เว้ามาแต่ไกล

หลั่นลดลงไปยังท่า หญิงสาวร่างบางบอบในชุดนอนผินหน้าออกไปทางแม่น้ำกว้างที่ทอดตัวคดเคี้ยวดั่งงูเลื้อย ยืนนิ่งเฉกเช่นศิลาสลัก

นี่เป็นความฝัน... เธอกำลังอยู่ในฝัน...

ขวัญข้าวบอกกับตัวเองเช่นนั้น ความสามารถในการทำ Lucid Dream[1] ที่ติดตัวมาตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้เธอสามารถแยกแยะได้ อะไรฝัน อะไรจริง

โลกฝัน ไม่เหมือนกับโลกจริงหรอก

ใครคนหนึ่งเคยบอกไว้อย่างนั้นเมื่อนานมากแล้ว

เมื่อแรกที่เอ่ยปากเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง แม่บอกเธอว่ามีคนมากมายสามารถควบคุมความฝัน จะเหาะเหินเดินฟ้า หรือจะบันดลให้สิ่งที่มีสูญหาย บันดาลให้สิ่งที่ไม่มีเกิดขึ้นในฝันก็ย่อมได้

“แม่ได้ยินว่า คนที่ฝึกสติมาดี จะทำอย่างนี้เป็นกันทุกคน”

เธอจึงเข้าใจว่า ความสามารถของเธอนั้นเป็นเรื่องสามัญ

หากความเข้าใจนั้นจะผิดหรือไม่

เพราะดูเหมือนสิ่งที่เธอสามารถเปลี่ยนแปลง จะไม่ใช่แค่โลกแห่งความฝัน

เสียงเค้นลึกในนิมิตนั้นกำชับนักหนา

“กูจะทำให้เป็นจริง!”

เมื่อโลกจริงกับโลกฝันเริ่มกลืนกลายเป็นหนึ่งเดียว แม่ผู้เห็นความผิดปกติมาโดยตลอดย่อมร้อนใจ พาเธอลงเรือไปหานักพยากรณ์ที่นับถือ

บนสายน้ำไหลเชี่ยวกราก เสมือนมีมือล่องหนหนาใหญ่ ฉุดเธอด้วยกำลังแรง ลากลงสู่เบื้องล่างธารนที

ขวัญข้าวจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น สิ่งเดียวที่ติดอยู่ภายในความทรงจำของเธอคือ ศาลาริมน้ำหลังใหญ่ และชายผิวขาวนุ่งโจงกระเบน ท่อนบนเปลือย ยืนดุดันบนท่า ชี้นิ้วมายังเธอ

ใช่แล้ว! เขายืนอยู่ ณ ตำแหน่งเดียวกับที่เธออยู่ในตอนนี้!


“มันเป็นความพยาบาทที่ติดตามยัยหนูมาแต่ปางก่อน” เสียงนักพยากรณ์ตาบอดเอ่ยเบา เขาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ สวมใส่ชุดเรียบง่าย เหมือนชุดชาวนา “วันนี้มันเอาไปไม่ได้ แต่อีกสิบห้าปีต่อจากนี้ เมื่อครบเบญจเพส มันจะกลับมาทวง”

“ท่านพ่อช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือคะ” แม่ถาม

“ไม่ได้” คนตอบส่ายหน้า “แต่ก็ใช่จะหมดทาง”

“คะ”

“เมื่อถึงตอนนั้น จะมีคนห้าคนยืนเหยียบประตูคนตาย ยัยหนูจะต้องเลือก... ช่วย หรือ ไม่ช่วย”

คำทำนายของนักพยากรณ์ตาบอดมีเพียงเท่านี้ จากนั้นเขาก็สั่งให้เธอสวมเสื้อกลับตะเข็บ แล้วเอาเสื้อนั้นไปถ่วงในแม่น้ำบริเวณเดียวกับที่เธอเคยจม

แม้จะไม่เข้าใจในพิธีกรรมดังกล่าว แต่หลังจากนั้น Lucid Dream ของเธอ ก็มีขอบเขตแค่ในอาณาจักรแห่งความฝัน แยกออกจากความจริงโดยเด็ดขาด

ไม่มีเงาลางของชายคนนั้น

ไม่มีเสียงแค่นแค้น


ความทรงจำที่ไหลกลับมาทำให้ขวัญข้าวหวาดหวั่น ในความฝัน ไม่ควรมีความทรงจำซ้ำซ้อน

มันเป็นเรื่องพื้นฐานเช่นเดียวกับการที่ เธอไม่สามารถมองเห็นลายมือของตัวเอง หรือปรับเปลี่ยนความหน่วงเวลาได้

มิหนำซ้ำ ฝันคราวนี้ แม้เธอจะรู้ตัว แต่เธอกลับไม่สามารถควบคุมสิ่งใด นอกจากเฝ้าดูความเป็นไปของมัน

เอี๊ยด... เอี๊ยด... เสียงแผ่นไม้กระดานลั่นดังมาจากด้านหลัง ขวัญข้าวเสียวสันหลังวาบ จังหวะเสียงนั้นหนักแน่นและเนิบนาบชวนผวา กลิ่นเนื้อไหม้คละคลุ้งจนแม้แต่กลิ่นดอกลั่นทมก็ไม่อาจสู้

นี่เป็นแค่ฝัน... มันเป็นความฝัน...

ร่างเล็กบอบบางสั่นสะท้านเบา เสียงย่างฝีเท้าประชิดติดใกล้แล้วหยุด ลมหายใจรดต้นคอ กลิ่นเหม็นสาบสางชวนคลื่นเหียน แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

“กูจะทำให้เป็นจริง!”

น้ำเสียงอันเคยคุ้นเมื่อยามเด็กแม้กระซิบเบา หากเน้นหนักทุกรอยคำ ดั่งว่ารอคอยยาวนานเพื่อจะกล่าว

ไม่! อย่ากลับมา!!

แม้ในใจจะตะโกนลั่น หากไม่มีเสียงหลุดออกจากริมฝีปากสักแอะ

ท่อนแขนล่ำสันโอบกอดเธอมาจากด้านหลัง กระชับแน่น ผิวเนื้อไหม้เกรียมกระดำกระด่าง ยิ่งรัดรั้ง ยิ่งปริแตก น้ำเหลืองน้ำหนองเยิ้มแหยะ ขวัญข้าวตัวสั่นงันงก น้ำตาแทบไหล

หากเธอต้องรั้งสติตัวเองให้อยู่ เธอไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไรในภาพมายา

“กูจะทำให้เป็นจริง!!”

เจ้าของท่อนแขนย่างไหม้ตวาดลั่น จับร่างเล็กบางหันกลับประจันหน้า ขวัญข้าวตกตะลึง ถ้าอยู่ในโลกจริง เธอคงเป็นลมหรือวิ่งกระเจิงไปแล้ว ทว่าในนี้ เธอทำได้เพียงแค่จ้อง

ใบหน้าซีกหนึ่งของเขาดำเกรียม ส่วนอีกซีกเนื้อหนังบางส่วนหลุดหาย กลายเป็นก้อนเนื้อแดงๆ ด่างๆ เลือดและไขเหลืองๆ ไหลอาบชุ่มโชก ดวงตาสองคู่เบิกกว้างเหมือนลูกชิ้นที่พองเต็มที่จวนระเบิด เส้นเลือดในตานั้นขับเน้นเด่นชัด หากที่น่ากลัวกว่ารูปร่างอันอัปลักษณ์ คงเป็นรอยยิ้มแสยะแลคุ้มคลั่ง

ฉับพลัน! เขาผลักเธอสุดแรง ขวัญข้าวเซถลา หงายหลังตกน้ำ

ตื่น! ตื่น! ตื่นเดี๋ยวนี้!!

โครม!


ขวัญข้าวสะดุ้งเฮือกขึ้นบนเตียงด้วยอาการของคนสำลักน้ำ ไอจนตัวโยนกว่าจะหายใจได้สะดวก กลิ่นเหม็นสางยังคงติดจมูก ผัสสะแห่งน้ำตราตรึงบนผิวลออ

ความรู้สึกงั้นหรือ

แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ เพราะเมื่อลูบหน้าลูบคอ ขวัญข้าวก็ต้องรีบปัดเนื้อตัวรัวเร็ว รุนแรง อย่างคนบ้า ด้วยความขยะแขยง

เศษชิ้นเนื้อและเลือดหนองกรังแน่นบนเสื้อผ้าของเธอ!

ขวัญข้าวร้องฮือ ตะลีตะลานถอดเสื้อโยนทิ้ง ดึงชุดคลุมมาคลุมกายแทน ยืนตัวสั่นภายในห้องมืดสลัว แล้วก็ต้องกรี๊ดลั่นเมื่อประตูเปิดออก

“ป้าเองค่ะ” คนเปิดประตูเองก็เผลอกรี๊ดตามไปด้วย

“ป้าต้อย!” ขวัญข้าวเรียกอย่างโล่งอก พลางทรุดตัวลงนั่ง

“ป้าได้ยินเสียงเอะอะ เลยเข้ามาดู” แม่บ้านเก่าแก่ยืนตรงปากประตู พลางคลำหาสวิตซ์ไฟ ก่อนจะเปิด

ครั้นภายในห้องสว่างจ้า ที่ปรากฏแก่สายตาป้าต้อยน่าจะเรียกว่า เละเทะ

ข้าวของกระจัดกระจาย แถวเตียงมีแต่น้ำอย่างกับมีคนแห่กันมาเล่นสงกรานต์ในห้องนอน

ที่ร้ายสุดคงเป็นกลิ่นเหม็นสาบ... เหม็นร้ายแรงเสียยิ่งกว่าหมาเน่า จนต้องอุดจมูก

“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณขวัญ”

หญิงสาวชะงักไปครู่ มองโดยรอบแล้วให้คำตอบ

“หนูค่ะ ไม่รู้มันลากอะไรเข้ามา เหม็นจะแย่ ขวัญลุกขึ้นมาจะไล่มันก็หนีไปแล้ว”

ผู้เป็นแม่บ้านพยักหน้ารับทราบ แต่มิวายจะส่งสายตาไปยังเตียงนอนเชิงถาม

“เหงื่อน่ะค่ะ ขวัญร้อน” หญิงสาวโกหก คงดีกว่าบอกว่านั่นเป็นน้ำจากแม่น้ำ

ยังดีที่ไม่มีกุ้งหอยปูปลาติดมาด้วย

“ร้อนอะไรคะ เย็นเฉียบ” ป้าต้อยค้าน

“ก็เพิ่งเปิดแอร์”

ป้าต้อยเองใช่ว่าจะไม่สงสัย หากการอยู่บ้านหลังนี้มานาน ทำให้รู้ว่า เวลาใดควรเก็บงำวาจาเอาไว้

ถ้าเจ้านายไม่อยากให้รู้ ก็อย่าสอด

“ให้ป้าจัดการห้อง...”

“อย่าเลยค่ะ” ขวัญข้าวยกมือห้าม “ดึกขนาดนี้แล้ว ป้าไปนอนพักเถอะ”

ป้าต้อยระบายลมหายใจเบา แต่ยอมทำตามคำสั่ง

“ถ้ามีอะไรเรียกป้านะคะ”

ขวัญข้าวรับคำ งับประตู ตรงไปยังหน้าต่างเพื่อเปิดระบายอากาศ

คืนนี้ เธอคงหลับไม่ลงแล้ว



ขวัญข้าวสวมชุดแซคสีโอรสเรียบๆ นั่งยิ้มแย้มบนเวทีเสวนานักเขียน ล่างเวที ผู้เข้าร่วมงานเกือบร้อยแสดงความสนใจอย่างกระตือรือร้น

หญิงสาวเป็นนักเขียนนิยายแนวลึกลับสยองขวัญ แม้อายุจะยังไม่ถึงยี่สิบห้า แต่นิยายที่เขียนกลับประสบความสำเร็จในระดับที่น่าภาคภูมิใจ จนนักวิจารณ์หลายคนมอบฉายา Princess of horror ให้กับเธอ เพื่อนๆ หลายคนจึงชอบถามเคล็ดลับความสำเร็จ

ทว่า ในความจริงนั้นไม่มีเคล็ดลับอะไรเลย สิ่งที่เธอเขียนไม่ใช่สิ่งที่เธอแต่งขึ้นเพื่อสร้างสรรค์ จรรโลง หรือสร้างกระแสแก่ใครทั้งนั้น ทุกสิ่งล้วนเป็นการล้วงลึกในจิตใจ

ค้นหาสิ่งที่สาบสูญยาวนาน...

ด้วยเหตุนี้ เมื่อแรกที่ได้รับการติดต่อให้เป็นแขกรับเชิญในงาน เธอจึงไม่คิดมา การเข้าสังคมทำให้เธออึดอัด ราวกับมันไม่ใช่ที่ทางของเธอ

แล้วที่ของเธอคือที่ใดเล่า

ทว่าเพราะงานนี้จัดขึ้นในมหาวิทยาลัยซึ่งเธอเป็นศิษย์เก่า หนำซ้ำอาจารย์พิมล อดีตอาจารย์ที่ปรึกษายังเป็นคนติดต่อมาก่อน จึงรับปากอย่างช่วยไม่ได้

“ทำไมผีที่อาฆาตแค้น จะต้องเที่ยวฆ่าหรือหลอกคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยล่ะครับ”

วัชระถาม ก่อนหน้านี้ได้ยินทีมงานเอ่ยถึงพิธีกรหนุ่มคนนี้เหมือนกัน เห็นว่าเป็นเน็ตไอดอลหรืออะไรสักอย่าง ซึ่งก็สมควรหรอก รูปร่างหน้าตาหล่อตามสมัยนิยม แล้วก็คงเป็นนักศึกษาของที่นี่ด้วย

“จะได้น่ากลัวไงคะ” คนตอบตอบตามซื่อ

“งี้ก็ไม่มีเหตุผลสิครับ”

“จริงๆ มันไม่มีเหตุผลตั้งแต่มีผีในนิยายแล้วล่ะค่ะ” ขวัญข้าวตอบแกมหัวเราะ ทำให้คนฟังด้านล่างขำขันตาม “แต่ถ้าจะใส่เหตุผลก็ทำได้ อย่างที่เคยเห็นจะเป็นเรื่องคำสาป อาถรรพ์ ตัวตายตัวแทน”

“เรียกว่าใครดวงตกก็เจอผีหลอก”

“ทำนองนั้นค่ะ”

“แต่นิยายของคุณขวัญผีจะไม่หลอกคนอื่น ยกเว้นแต่ตัวละครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปมของเรื่องเท่านั้น” วัชระหยิบหนังสือเล่มล่าสุดของขวัญข้าวขึ้น “อย่างเรื่องฤคเวทมรณา มีแค่พระเอกคนเดียวที่โดนผีไล่ฆ่า”

“พี่เชื่อเรื่องความบังเอิญที่มีเหตุผลล่ะมั้งคะ” ขวัญข้าวตอบยิ้มๆ “ความแค้นจะวนเวียนอยู่ในกลุ่มของผู้สร้างความแค้น”

ทีมงานส่งกระดาษคำถามให้กับวัชรา พิธีกรหนุ่มเปิดอ่านผ่านไมโครโฟน

“มีคำถามจากผู้ร่วมงานนะครับ”

ขวัญข้าวยิ้ม ก่อนจะกวาดตามองคนมากมายเบื้องหน้า

พลันนั้น เธอต้องหยุดสายตาตรงเขา!

ชายร่างสูงในชุดนักศึกษายืนอยู่กับกลุ่มคนด้านหลัง แม้จะกลมกลืน หากในสายตาขวัญข้าว เขากลับโดดเด่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ราวกับว่ามีรัศมีบางอย่างที่ขับเน้น ดวงหน้าสะอาดใส นัยน์ตาคมลึกซึ้ง ริมฝีปากหยักเม้มแน่น แลอบอุ่นอ่อนโยนหากแข็งแกร่งในที

เหมือนเคยพบ... เมื่อนานมา...

“ความฝันไม่ใช่ความจริง พอตื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว”

สังหรณ์ลึกๆ ว่า คำถามในแผ่นกระดาษจะมาจากเขา

วัชระกระแอมเบาดึงความสนใจจากเธอกลับคืน

“คำถามว่า ถ้าหากผีทุกตัวต้องเที่ยวฆ่าคนที่ตนเองแค้นก็เท่ากับวังวนความแค้นจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ คุณขวัญมีวิธีออกจากวงจรนี้หรือไม่?... เป็นคำถามที่น่าคิดเหมือนกันนะครับ” พิธีกรหนุ่มกล่าวสรุป “แต่ผมว่า ทางออกเหมือนที่นิยายหลายเรื่องนำเสนอ เป็นทางออกที่ดีนะครับ การให้อภัย...”

“ไม่ได้! ให้อภัยไม่ได้!”

เสียงหนึ่งในความคิดของขวัญข้าวคัดค้านสุดกำลัง

“เหมือนที่มีคำกล่าวว่า คนที่กำถ่านร้อนเพื่อขว้างคนอื่น ย่อมไหม้มือตัวเอง ถ้าจะแก้ไขก็ควรวางถ่านลง”

“พวกมึงทุกคนต้องชดใช้! พวกมึงทุกคนต้องตาย! ตาย!!”

ขวัญข้าวกดเปลือกตาแน่น เวียนศีรษะ โลกรอบด้านกำลังหมุนติ้วเป็นลูกข่าง อย่านะ ไม่ได้เด็ดขาด เธอจะกลับเข้าสู่ Lucid Dream ในตอนนี้ไม่ได้

“คุณขวัญครับ”

“คะ”

วัชระส่งยิ้ม “คิดว่าไงครับ กับคำถาม”

ขวัญข้าวตั้งสติมั่น เพ่งมองไปยังคนร่างสูงที่อยู่สุดปลายสายตา กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอฝืดๆ

“ในโลกของความฝัน มันไม่มีอะไรเป็นจริงอยู่แล้วล่ะค่ะ”

สบสายตาคมกล้าดั่งฟ้าแลบ จบคำตอบ คนตัวสูงก็หลีกเร้นหายลับไปจากกลุ่มคน

เมื่อวงล้อหมุนไป... เราจะได้กลับมาพบกันอีก



ขวัญข้าวแจกลายเซ็นหลังจบการเสวนา ได้เห็นคนอ่านหนังสือของเธอยิ้มแย้ม เข้ามาให้กำลังใจและสอบถาม เธอก็รู้สึกยินดี หากกระนั้นก็ยังไม่อาจคลายความหนักหน่วงในใจลงได้

จนกระทั่งครบทุกคน อาจารย์พิมลก็เชิญเธอไปยังห้องพัก

แสงสว่างสีส้มของยามเย็นลอดผ่านมู่ลี่เข้ามาเป็นริ้ว จนเห็นเป็นรอยเงาลายตาราง ทาบบนใบหน้าของสาวใหญ่วัยห้าสิบ

“ได้ยินมาว่า เธอทำธุรกิจค้าขายของเก่าด้วยหรือ”

คนถามนั่งหลังโต๊ะทำงานของตัวเอง บนโต๊ะมีกองหนังสือวางเป็นตั้งๆ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ ชั้นด้านหลังมีหนังสือนิยายของขวัญข้าววางเรียงไว้ครบทุกเล่ม

“ไม่ได้ทำเองหรอกค่ะอาจารย์ ร่วมหุ้นกับเพื่อน ขวัญลงเงิน ส่วนเพื่อนจะคอยดูแลเรื่องการซื้อขาย นานๆ ขวัญถึงจะเข้าไปดูสักครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อย ชอบเขียนนิยายอยู่บ้านมากกว่า”

“เหมือนเดิมเลยนะ”

“มีอะไรรึเปล่าคะ”

“มีสิ” คนเป็นครูกุมมือตัวเองวางบนโต๊ะ จ้องด้วยตาแวววาวราวกับเด็กที่มีเรื่องตื่นเต้น “อาจารย์ได้ยินที่เธอพูดในงานเสวนาแล้วนึกขึ้นได้”

“คะ” หญิงสาวเลิกคิ้ว

“ที่คุยกันว่า ทำไมผีจะต้องหลอกคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยนั่นไง”

เรียวคิ้วบางขมวดมุ่น ถึงจะลำดับเหตุการณ์ในความทรงจำได้เพราะเพิ่งผ่านไปสดๆ หมาดๆ แต่ก็ยังไม่อาจรู้ว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร

“อาจารย์ถามจริงๆ ได้ไหม”

“ถามว่าอะไรคะ”

“ตกลงเธอเชื่อเรื่องอาถรรพ์รึเปล่า”

น้ำเสียงที่ลดต่ำลงของอาจารย์พิมลทำให้หญิงสาวตระหนักว่า นี่เป็นเรื่องสำคัญเพียงใด

เธอเองก็บอกไม่ได้แน่เหมือนกันว่า เชื่อเรื่องพวกนั้นหรือเปล่า แต่ก็เคยได้ยินเพื่อนร่วมหุ้นเอ่ยถึงเหตุการณ์แปลกๆ ในร้านขายของเก่าเหล่านั้นบ้าง อย่างกระจกอาถรรพ์ที่ทำให้คนส่องมองเห็นวันตายของตัวเอง หรือระนาดเก่าที่เชื่อกันว่ามัน เลือก คนเล่น

“ตอนดึกๆ คนในบ้านจะได้ยินเสียงเพลงพญาโศกแว่วมาจากห้องเก็บระนาด แต่พอลองไปดูกลับไม่เจอใคร เจ้าของบ้านสงสัย เลยอยากท้าพิสูจน์ แกก็เอาแป้งมาโรยพื้นห้องรอบๆ ระนาด คิดว่าถ้ามีรอยเท้าล่ะก็ แสดงว่าต้องมีคนแอบย่องมาแกล้งแน่ๆ ล่ะ

“ทีนี้ ตกกลางคืน เสียงระนาดก็ดังอีก แกเลยปลุกเมียไปเป็นเพื่อน เปิดประตูปุ๊บ เสียงระนาดก็เงียบ ไม่มีรอยเท้าบนแป้งซักรอย ยิ่งน่าแปลกใจ แล้วจู่ๆ ก็มีอะไรสักอย่างตบหัวแกหน้าแทบคว่ำ แกนึกว่าเมียทำ จะหันกลับไปด่า แต่เมียแกเป็นลมล้มตึงไปแล้ว พอแหงนดูหลังตู้เท่านั้นแหละ รู้เลย ไอ้ที่ตบหัวน่ะไม่ใช่มือ แต่เป็นตีน! ตีนนักระนาดเอกหน้าเขียวบวม คงเป็นครูระนาด ยื่นหน้ามาถาม มึงอยากเห็นกูนักใช่ไหม!”

ด้วยความชอบเรื่องเกี่ยวกับผีๆ สางๆ ขวัญข้าวเลยชอบฟังอะไรลึกลับทำนองนี้ แต่ถ้าจะให้ถามเรื่องความเชื่อ มันก็ยังก้ำกึ่ง

“เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งมั้งคะ แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากลองศึกษาดู”

อาจารย์พิมลยิ้มพึงพอใจ ทีแรกเดาไม่ออกด้วยซ้ำว่าลูกศิษย์คิดอะไรอยู่ ขวัญข้าวดูเป็นคนเรียบๆ อะไรก็ได้ หากเหมือนมีกำแพงล่องหนมหึมาที่กั้นขวางเธอเอาไว้จากคนอื่นๆ

“อาจารย์มีอะไรจะให้ดู”

ว่าแล้วก็เปิดลิ้นชัก หยิบเอากล่องบุกำมะหยี่สีแดงวางบนโต๊ะตรงหน้า ยามเปิดออก แหวนทับทิมวงงามก็เปล่งประกายสะท้อนแสงตะวันที่ลอดไล้เข้ามาจับต้อง ประกายน้ำของเม็ดทับทิมสะกดตาราวกับต้องมนต์

“มีคนเอามาให้อาจารย์ช่วยยืนยันว่าเป็นของจริง เห็นว่าเขาจะเอาไปขาย”

ขวัญข้าวอยากเอื้อมมือไปแตะ หากอีกใจหนึ่งกลับรั้งความรู้สึกนั้นเอาไว้


ธำมรงค์วงนี้น้องขอเก็บ

                แนบเหน็บแอบดวงหทัย

                อีกกี่ภพกี่ชาติอสงไขย

                ขอสมัครรักใคร่นิรันดร์...


“แหวนทับทิมเลือดใช่ไหมคะ” ริมฝีปากบางขยับ น้ำเสียงที่เอ่ยเอื้อนเลื่อนลอยละม้ายฝัน

“ใช่” อาจารย์พิมลยิ้มกว้าง คล้ายกับเด็กที่ได้เห็นขนมโปรด “อาจารย์ลองตรวจทานกับข้อมูลแล้ว ทั้งตำหนิและเอกลักษณ์ทุกอย่างตรงกันหมด”

“งั้นที่เจ้าของเขาจะขาย... เพราะอาถรรพ์”

“คงใช่ เห็นว่าเป็นมรดกตกทอดจากแม่ พอเป็นเจ้าของได้ไม่นานสามีก็เสียชีวิตด้วยโรคประหลาดที่หมอหาสาเหตุไม่พบ ส่วนเจ้าตัวประสบอุบัติเหตุใหญ่ๆ หลายครั้ง จึงเริ่มเอะใจ เอามาให้อาจารย์ช่วยตรวจสอบ ถ้าเป็นของจริง เขาจะขายได้หลายล้านเชียว”

“คนซื้อไม่กลัวเหรอคะ”

“บางคนยิ่งเป็นของมีประวัติเก่าแก่เขายิ่งชอบนะ พวกนี้ชอบสะสม” ผู้อาวุโสกว่าบอก “สนใจไหมล่ะ อาจารย์จะได้ให้เบอร์ติดต่อ”

“สนใจค่ะ แต่อาจารย์ไม่วิจัยเหรอคะ”

“อยากทำ แต่มีคนห้าม”

อาจารย์พิมลยื่นนามบัตรเจ้าของแหวนทับทิมให้ขวัญข้าว

“ใครห้ามคะ”

“ธรรม์ทัพ” คนตอบตอบเรียบๆ เพราะรู้ว่าถึงพูดชื่อ อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่รู้จัก

หาก... แม้วันนี้ไม่ได้พบ ก็ใช่จะไร้วันพรุ่งนี้

“นักศึกษาในคณะ ไม่รู้เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แต่เขามาหาอาจารย์ตั้งแต่วันแรก แนะนำให้อาจารย์อยู่ห่างแหวนวงนี้ บอกว่าเจ้าของตัวจริงกำลังตามหามันอยู่”


นานนับนานผ่านกาละล่วงริน

                เฝ้าถวิลหาเจ้าผู้เฝ้าไสย

                สถิตฟากฝั่งฝันอันลิบไกล

                เพื่อพานพบกันได้ในสักวัน


“ทีแรกอาจารย์ก็ไม่เชื่อหรอก แต่...”

รอยยิ้มที่แต้มแต่งบนใบหน้าของอาจารย์พิมลเจื่อนลง เจ้าตัวมือขึ้นชู ขวัญข้าวเห็นชัดแจ้ง

นิ้วก้อยขวาหายไป!

ไม่รู้ควรพูดอย่างไรดี ผู้สูงวัยกว่าก็คงรู้ว่าเธออึดอัด เลยทำลายห้วงแห่งความเงียบเสีย

“อาจารย์เชื่อนะ ว่าในโลกของเรา มีของที่เป็นอาถรรพ์ และมันจะทำร้ายทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน!”




[1] Lucid Dream คือ ความฝันที่ผู้ฝันจะมีสติรู้ตัวว่าตนเองกำลังฝัน แต่ก็ยังสามารถอยู่ในความฝันนั้นต่อไปได้ ซึ่งบางครั้งการรู้สึกตัวนี้ทำให้สามารถควบคุมและเปลี่ยนแปลงความฝันได้ด้วย


>>>โปรดติดตามตอนต่อไป

______________________________

[หมายเหตุ* นิยายเรื่อง ฝนพรางฟ้า(ฉบับใหม่) อัพเดทสามที่นะครับ มีใน bloggang, dek-d, และ www.go2writer.com หากพบเจอที่อื่น แปลว่าโดนผีหลอกนะครับ เพราะตัวจริงไม่ได้อัพ ฮ่า ฮ่า... จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน]




Create Date : 21 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2559 6:53:02 น. 2 comments
Counter : 1034 Pageviews.

 
เฮลโล รักดี
ล่าสุดนี่ใช้นามปากกาอะไร ลงไว้ด้วยเน้อ

ป.ล.ถึงท่านที่เข้ามาบล็อกนี้แล้วมึนงง
แต่เดิมเราช่วยๆกันลงนิยายแบ่งกันอ่านเล่นค่า
^ ^
ถ้าช่วงไหนว่างเขียน ก็เอามาแปะอีก
ตามนั้นล่ะเนาะ 55+


โดย: ploy666 IP: 171.6.91.245 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2559 เวลา:8:43:06 น.  

 
สนุก น่าติดตาม


โดย: sakeena IP: 180.183.125.115 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2559 เวลา:12:02:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.