Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 

ชาร์ลี 2 ตอน 25 ผู้จากไป (ตอนจบ)


คุยกันก่อนอัพ


ตอนสุดท้ายแล้วค่ะกับนิยายแฟนตาซีผจญภัย ชาร์ลี 2 ภาค : มิตรสหายและศัตรู
ถึงไม่ใช่ผลงานดีเด่นอะไรแต่ก็เป็นงานที่รักมากอีกชิ้นก็ว่าได้
เพราะชาร์ลีเป็นจุดเริ่มต้นการเขียนนิยายที่ดี ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเรื่องนี้
รวมถึงได้มีโอกาสรู้จักและทักทายกับนักอ่านอีกหลายๆท่านที่ยังคงให้กำลังใจเสมอมา

ตอนเขียนบอกตามตรงว่าไม่ได้คาดหวังอะไร
แต่เสียงจากคนอ่านทำให้รู้ว่าได้หลายสิ่งมากมายมหาศาลมาก
อย่างน้อยทุกเสียงก็คือแรงผลักดันให้ยังก้าวต่อไป

ถ้าชาร์ลีและอัสลันมายืนยิ้มอยู่ตรงหน้าตอนนี้
จะกอดแรงๆสักคนละทีแล้วบอกเลยว่า...ขอบคุณจากใจ

Ploy666.



**************

ชาร์ลี 2 [ภาค : มิตรสหายและศัตรู]
ตอนที่ 25 ผู้จากไป

ผู้แต่ง RED (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)



“เขาไปแล้ว...”

นั่นเป็นประโยคแรกในช่วงสิบวันให้หลังที่อัสลันเอ่ยปากบอกขึ้น เป็นบ่ายวันที่ท้องฟ้ามีฝนตกพรำลงมาและเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเพาะปลูกลูลูบิอาร์ดินีย์ที่กำลังจะหมุนเวียนมาอีกรอบ

อัศวินหนุ่มนั่งอยู่ในเก้าอี้ชิดประตูห้อง สาละวนกับการขัดถูอาวุธประจำตัวที่ตนเองจัดเป็นงานอดิเรกอันโปรดปราณ ขณะที่เจ้าหญิงมีนาร์ก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับการเอาผ้าสะอาดผืนเล็กเช็ดผลไม้ส่งให้ชาร์ลีที่นอนแซ่วอยู่บนเตียงเนื้อตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผลมากมาย

ซีนายจากไปแล้ว...

ชาร์ลีรับรู้ด้วยความเสียดายระคนโล่งอกที่บอกไม่ถูก

เขาเสียดายที่เดลไม่อาจจับกุมซีนายส่งให้สภาสูงตัดสินโทษ แต่ก็โล่งอกที่ซีนายเอาตัวรอดไปได้เพราะอย่างน้อยซีนายก็ปล่อยให้เขารอดมาโดยไร้คำอธิบาย

“ทำไมเขาไม่ฆ่าข้า” ปากไวกว่าความคิดอีกครั้งเมื่อเผลอถามลอยๆออกไป

อัสลันเพียงชำเลืองมองครู่เดียวก่อนลดสายตาไปจับเฉพาะคมดาบ บอกง่ายๆว่า

“คงเพราะเจ้าเด็กนั่นไม่เห็นประโยชน์ที่จะได้จากการฆ่าเจ้า ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน...แต่ดูเหมือนว่าซีนายจะคิดเอาเองว่าเจ้าเป็นเพื่อนรักของเขาเลยฆ่าไม่ลงมากกว่า”

คนฟังนิ่งอึ้ง

ไม่อาจตอบได้ว่าสำหรับเขาแล้วซีนายมีความหมายใดกันแน่

หลายเดือนนับจากออกพ้นเซไลย์เขตชายฝั่งซีนายก็สร้างปรากฏการณ์สะท้านฟ้าดินขนาดทำให้ชาร์ลีต้องขอความช่วยเหลือจากกองเรือรบหลวง ใจหนึ่งของเขาอดยอมรับไม่ได้ว่าซีนายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวทีเดียว แต่อีกใจเขามักไพล่คิดไปว่าซีนายเป็นคนโดดเดี่ยวเดียวดายจนน่าสงสาร

เด็กชายชาวนูฟเลื่อนสายตาเลยมองมายังเจ้าหญิงมีนาร์ก่อนจะถามอย่างเกรงใจว่า

“ท่านไม่ไปพักผ่อนก่อน ได้ยินว่าหลังจากซีนายไปแล้วยังตรึงกำแพงเวทไว้อีกตั้งเกือบวัน”

เจ้าหญิงมีนาร์เงยมองพร้อมรอยยิ้มสดใส

“เราไม่ป่วย...ชาร์ลีสิป่วย” คำตอบสั้นๆแสดงว่าความหมางใจเก่าก่อนจางหายไปเกือบหมดสิ้น

“มีแต่เจ้าที่ป่วย” อัสลันได้ทีเย้าแหย่ขบขัน “บอกแล้วว่าให้มาหัดดาบกันก็ไม่เชื่อ เท่าที่เจ้าฟันถูกพวกโจรสลัดตอนต่อสู้กันนั้นมันไม่เรียกว่ามีฝีมือดาบได้หรอกนะ ข้าละกลัวเจ้าจะทำดาบตกใส่เท้าตัวเองตั้งไม่รู้กี่หนแน่ะชาร์ลี”

“ขอบใจ!”

เมื่อเห็นว่าชาร์ลีแข็งแรงพอจะประชดประชันได้ อัสลันก็วางอาวุธเก็บไว้บนโต๊ะ ก่อนขยับกายหันมาถามเอาจริงเอาจังว่า

“ข้ายังไม่รู้เลยว่าลาเฟลออกไปส่งข่าวตอนไหน เห็นมันโม้ใหญ่ว่าออกเดินทางตั้งแต่คืนที่ข้าถูกจับไว้เป็นตัวประกันบนเรือวีซานด์”

“ก็ไปในคืนนั้นแหละ”

“ยังไง”

คำถามคาดคั้นต่อเนื่องนั้นแสดงว่าอัสลันเริ่มเอะใจอะไรบางอย่างขึ้น

และก็จริงตามคาดเมื่อชาร์ลีเผยปริศนาออกมาไม่ต่างจากการกล่าวถึงเรื่องของลมฟ้าอากาศทั่วไป

“ลาเฟลบินไปจากเกาะฝั่งตรงข้าม เพราะถ้าออกจากนี่ตรงไปเซลย์เป็นด้านที่เรือโจรสลัดดักจับตามองอยู่ จำที่เดลเคยบอกไว้ครั้งหนึ่งได้ไหมว่ามีพ่อมดอีกคนที่เป็นผู้รักษาแบบเขาแต่ไม่อยากยุ่งเรื่องการเมืองเลยปลีกตัวไปอยู่สันโดษ ข้าให้ลาเฟลไปตามหาคนๆนั้นและขอร้องให้เขาส่งมันไปที่ปราสาทเซไลย์อีกที”

วุ่นวายซับซ้อนแต่ก็ซ่อนจากสายตาซีนายได้อย่างเหลือเชื่อราวกับปาฏิหาริย์จริงๆ

เพียงสำทับด้วยการให้เจ้าหญิงมีนาร์เสกนกราไวมาบินโฉบเพื่อให้สายของศัตรูคิดว่าไม่มีแผนอะไรซ่อนเอาไว้ดัดหลัง ต่อให้คนบัญชาการศึกครั้งนี้เป็นวีซานด์ตัวจริงก็ยากจะเปลี่ยนแผนกะทันหันตอนเห็นว่าตนเองถูกพบโดยกองทัพเรือแห่งเซไลย์

“แต่คำนวณจากเวลาไปและกลับไม่น่าจะทัน ยิ่งดูว่าลาเฟลไม่ค่อยคุ้นกับน่านน้ำแถบนี้ด้วยไม่ใช่เหรอ” อัสลันสงสัย

“ข้านึกว่าเจ้าซักฟอกเอากับลาเฟลจนหมดเปลือกแล้ว” ชาร์ลีประหลาดใจเพราะคิดว่าในระยะที่เขาเก็บตัวพักผ่อนนานขนาดนี้อัสลันน่าจะสืบเสาะทุกอย่างจนทั่วตามนิสัยอัศวินที่ไม่อาจพลาดสิ่งใดไป

อัสลันกลับหลบสายตามีพิรุธ

เจ้าหญิงมีนาร์อมยิ้มตอนอธิบายแทนว่า “อัสลันมัวแต่วุ่นวายกับรายการสินค้าใหม่ของวู้ดช็อป ยาริสเอามาฝาก...เล่มเบ้อเริ่ม”

“อ่าฮะ...” ชาร์ลีเลียนเสียงอุทานของยาริสกึ่งแซว

“ข้าก็แค่เปิดดูเฉยๆเท่านั้นแหละน่า” เด็กหนุ่มแก้ตัว แก้มแดงก่ำอย่างละอาย

เป็นการเปิดฉากเชื่อมสัมพันธไมตรีครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างสภาสูงในช่วงสมัยของยาริสและไฮแลนด์ก็ว่าได้ แถมเป็นแผนการทูตที่เข้าท่าที่สุดตั้งแต่ยาริสเคยทำมา ต่อไปในอนาคตชาร์ลีเข้าใจว่าการปะทะคารมระหว่างยาริสกับอัสลันจะลดน้อยลงเพราะต่างก็มีความสนใจในบางสิ่งร่วมกัน...

“สิบวันเนี่ยนะแค่ดูเฉยๆ” เพื่อนสนิทชาวนูฟทำเสียงสูงคล้ายไม่เชื่อถือสุดฤทธิ์ “จะต้องให้ข้าไปถามยาริสไหมว่ารับฝากใบสั่งซื้อของเจ้าไปกี่ใบกันแล้วน่ะ”

“ก็แค่นิดๆหน่อยๆ ข้าไม่ได้ซื้ออะไรมาตั้งหลายเดือนแล้วนะ”

คราวนี้อัสลันแสร้งทำเป็นโมโหคว้าดาบแล้วย่ำเท้าออกจากห้องไปแก้เก้อ

ชาร์ลีกับเจ้าหญิงมีนาร์หัวเราะประสานเสียงกันลั่นห้อง รูดี้ที่เดินสวนกับอัสลันเข้ามาทำหน้างงๆ

“ท่านอัสลันอารมณ์ไม่ดีอีกแล้วหรือครับ”

มันถามไม่เฉพาะเจาะจงและท่าทางจะไม่ได้ต้องการคำตอบใดๆมากไปกว่าทักทาย

ลาเฟลบินโฉบร่อนมาเกาะลงที่ขอบหน้าต่างซึ่งเปิดรับลมไว้กว้าง เดล ชีฟ กับยาริสที่เดินตามเข้ามาตางมีสีหน้าผ่อนคลายเมื่อเห็นชาร์ลีนั่งเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงท่าทางทุเลาอาการป่วยลงมากกว่าหลายวันที่ผ่านมา

ห้องพักส่วนตัวดูคับแคบไปถนัดตาเมื่อใครต่อใครมาเยี่ยมกันพร้อมพรั่ง

“อาการเป็นยังไงบ้างชาร์ลี” เดลทักอย่างปลอดโปร่งใจ

“ค่อยยังชั่วแล้วครับ”

“ข้ากับชีฟว่าจะมาปรึกษาเรื่องขนย้ายลูลูบิอาร์ดินีย์ชุดแรกไปที่เซไลย์พร้อมกองเรือรบ เรือขนสินค้าชาวเมิร์ฟเนียพังไปลำหนึ่งเพราะเป็นฐานที่มั่นให้กับเจ้าหญิงมีนาร์สร้างกำแพง”

ชาร์ลีรับฟังจุดประสงค์การมาอย่างพอใจ

“ข้าคิดว่าต่อไปที่นี่คงไม่ปัญหาอีก แต่อยากให้เซไลย์ส่งคนมาคอยดูแลอำนวยความสะดวกเป็นระยะ พวกเขาป้องกันตัวไม่ค่อยได้ คนที่นี่ไม่ถนัดการสู้รบ”

เสียงลาเฟลแว่วๆเจื้อยแจ้วมาว่า “ดีแต่รบกันเอง...สงครามน้ำลาย”

“ข้าละเชื่อเลยว่าเจ้าเป็นนกปากมากอย่างที่เขาด่ากันปาวๆ” รูดี้ชักสีหน้าขู่แต่ไม่มีอะไรน่าดูไปว่าขนฟองฟูที่หานัยน์ตาไม่ค่อยเจอของมันพองขึ้นลง

“ข้าไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

“ชิชะ...เชื่อก็โง่ล่ะ”

“เอ๊ะ! เจ้าโกลบงี่เง่านี่...” ลาเฟลทำท่าจะโจมตีด้วยวาจา

ก่อนที่ศึกนอกเซลย์จะเกิดขึ้นบานปลายไปกว่านั้นเดลก็โบกมือห้ามทันควัน

“รูดี้...ลาเฟล...ถ้าไม่เลิกเถียงกันข้าจะไล่ออกไปข้างนอกทั้งคู่ ไม่เชื่อก็ลองดู”

“ข้าเปล่านะครับท่านเดล อย่างน้อยตอนทำศึกข้าก็เป็นนกสื่อสารที่มีประโยชน์ส่วนเจ้ารูดี้เอาแต่เป็นภาระ” มันกล่าวอ้างปิดท้ายก่อนหุบปากและกลับไปยืนมุมที่สมควร

รูดี้ค้อนขวับวงโต

เดลถอนใจเฮือกใหญ่อย่างจนปัญญากับสัตว์เลี้ยงสองตัวที่ไม่ลดราวาศอกต่อกัน

ชาร์ลีจึงหันเหความสนใจไปยังเรื่องใหม่ที่นึกได้

“วีซานด์ล่ะครับ”

“เข้าใจว่าไม่น่าจะรอดนะ...” ชีฟบอกเรียบๆ “เรือไหม้เป็นจุลแบบนั้นจะว่าลอยคอหนีไปก็คงยากเต็มที เพราะเราส่งเรือค้นหาออกลาดตระเวนกันอย่างหนักเผื่อเจอใครเหลืออยู่ ที่จับเป็นได้มีส่วนน้อย พวกนี้ก่อคดีไว้มากจนไม่กล้ามอบตัวหรอก”

ซีนายใช้เวทเคลื่อนย้ายจึงพ้นวิกฤตมาได้ วีซานด์อาจไม่โชคดีแบบนั้นเพราะพัวพันกับการถูกอัสลันขัดขวางไว้จนเสียจังหวะหลบหนี

“อ่าฮะ...แต่ก็มีโอกาสที่วีซานด์จะรอดไปได้ โดยความคิดอันไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบของข้าคิดว่าเขาอาจอาศัยความมืดพรางตัวหลบหนี” ยาริสไม่วายแทรกขึ้น

กิริยาท่าทางกรีดกรายน่ารำคาญนี้ลดน้อยลงจากตอนอยู่กลางที่ประชุมสภาสูง คงเพราะไม่ค่อยมีใครสนใจเขามากนัก ถึงอย่างนั้นชาร์ลีก็มองว่ายาริสยังสู้อุตส่าห์มีแก่ใจออกมาทำหน้าที่ของตนเองแม้จะขี้โวยวายไปบ้าง ก็สมควรแก่การมองข้ามอุปนิสัยใจคอบางอย่างไปเสีย

ชาร์ลียิ้มบางๆ

“ข้าหวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี”

“ยังหรอกชาร์ลี...เราเพิ่งส่งข่าวไปที่กษัตริย์คาลอสเพื่อรายงานเรื่องซีนาย สภาสูงจะต้องควานหาตัวเขาอย่างหนักเพราะเขาทำเรื่องราวเลวร้ายไว้มาก อีกอย่างพลังเวทมนตร์ของเขาก็ไม่ใช่น้อย” เดลบอกตามตรง

คนฟังเพียงรับรู้และปิดตาลงคล้ายจะปล่อยวางเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้

แต่ปากยังเอ่ยถามเบาๆอย่างอ่อนเพลียว่า

“พอทยอยถอนกำลังกลับไปแล้วจะทำยังไงกับที่นี่ดีครับเดล”

ตอนนี้สมองเขาเหนื่อยล้าจนไม่อยากคิดอะไรซับซ้อนอีก...

เดลและชีฟมองหน้ากัน

ช่วงเวลานี้ยาริสดูจะรู้สถานการณ์และไม่เอ่ยปากสอดคำขึ้นให้เสียเรื่อง สู้ให้การตัดสินใจเป็นของคนอื่นหากเกิดความผิดพลาดน่าจะปัดภาระง่ายกว่า พอคิดได้แบบนี้ประธานสภาสูงคนปัจจุบันก็ลูบเคราเบิ่งตารอคอยท่าทางอยากรู้อยากเห็นมากกว่าจะอยากช่วยเหลือ

ชีฟบุ้ยใบ้ให้เดลเป็นฝ่ายบอกกล่าวแก่เด็กชาย

“ข้าคิดว่าที่เจ้ามอบอำนาจให้เคลันเป็นผู้เฒ่าประจำเกาะคนถัดไปมันเหมาะสมดีแล้ว อีกอย่างมาธาเกียร์เองก็ยอมรับการตัดสินใจของเจ้าด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรติดตามมานะ”

“ธนูของข้าหายไป”

“ข้าร่ายเวทที่ใช้เคลือบและเอามันคืนมาให้แล้ว อีกเดี๋ยวจะสั่งคนมาส่งให้ที่นี่”

ธนูที่ได้รับจากกษัตริย์คาลอสมีมนตราเคลือบแฝง แต่มีเพียงไม่กี่คนที่มันจะขานรับ...เดลเป็นหนึ่งในนั้น

ชีฟเอ่ยไปยังอีกอย่างที่คิดว่าชาร์ลีอาจจะยังพะวงแม้ในเวลาที่ตนเองบาดเจ็บล้มหมอนนอนเสื่อแบบนี้ หากมีอะไรบางอย่างที่จะช่วยให้อาการเด็กชายชาวนูฟบรรเทาได้โดยไวก็สมควรที่จะทำ

“ตำราพหูสูตนั่นข้าจะนำติดตัวกลับไปด้วย ซีนายใช้เวทแทรกเข้ามาตรวจสอบทำให้มันมีสภาพที่ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก ถ้าเราขจัดเวทมนตร์แปลกปลอมพ้นไปได้ข้าจะจัดส่งให้เจ้าตามเดิมทันที”

การพกพาสิ่งที่มีกลิ่นไอชั่วร้ายติดตัวไม่ใช่เรื่องดี

ชีฟหวังไว้ว่าเขาและเดลจะบอกให้กษัตริย์คาลอสช่วยเหลือเรื่องการระดมผู้ใช้เวทจากสภาสูงเพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งร้ายๆออกไปพ้นตำรามีชีวิตเพื่อให้ชาร์ลีนำมันไปใช้ประโยชน์ได้ตามเดิม

“มีอีกเรื่องที่ต้องทำครับ” ชาร์ลียังไม่อาจหลับลงได้สนิทนัก

“ว่ามาสิ”

“ข้าต้องการเหรียญเงินและเหรียญทอง”

แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจเจตนาของชาร์ลีนักแต่ก็เห็นพ้องต้องกันว่าไม่ควรขัดขวาง

ชีพรับปากมั่นเหมาะว่า “นี่เห็นจะไม่ต้องเป็นห่วง...กษัตริย์คาลอสมองการณ์ไกลไม่อยากให้คนว่าเรามายึดเอาลูลูบิอาร์ดินีย์ไปเฉยๆอยู่แล้ว เลยส่งทรัพย์สินมีค่าจำนวนหนึ่งมาเพื่อแลกเปลี่ยน รอแต่ให้เจ้าหายดีเราจะเอามันลงจากเรือรบหลวงมามอบให้ตามเงื่อนไขทางการค้าระหว่างเกาะ”

“เขาจะเอาไปทำอะไร” ยาริสเอี้ยวตัวไปกระซิบถามเดล แววตาจุดประกายละโมบขึ้นเมื่อนึกถึงทองคำหีบโตที่กษัตริย์คาลอสมอบหมายมาก่อนออกเดินทาง

ชาร์ลีเงียบลงคงเพราะใกล้หลับเต็มที

เดลเพียงยิ้มให้ยาริสเหมือนไม่มีสิ่งใดน่าแคลงใจ

“ท่านคงลืมไปว่าถึงชาร์ลีจะมอบตำแหน่งผู้เฒ่าประจำเกาะไปให้เคลันแต่เขาก็ยังมีอำนาจเหนือจิตใจทุกคนบนเกาะนี้ สิ่งมีค่าที่แลกเปลี่ยนมาเพราะหยาดเหงื่อแรงงานคนที่นี่ชาร์ลียังมีสิทธิ์ตัดสินใจร่วมกับเคลัน”

เท่านั้นเองยาริสก็ทำตาโต

“งั้นเขาก็เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกน่ะสิ!”

ใครกันจะไม่รู้ว่าลูลูบิอาร์ดินีย์เป็นสินค้าทำเงินเพียงใด...

ชีฟหลับมองมาทางยาริสเชิงตำหนิติเตียน กล่าวเน้นย้ำให้เข้าใจตรงกันว่า “ชาร์ลีเป็นคนที่รวยความสามารถแล้วก็ไม่ใช่คนโลภ อย่าเอากฎเกณฑ์อื่นมาตัดสินเขา ข้ายังเชื่อว่าเขาจะทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อทุกคนเสมอ...ไปเถอะ เรารบกวนเวลาพักผ่อนของชาร์ลีมามากพอแล้ว เจ้าหญิงมีนาร์จะดูแลเขาต่อเอง”

“ครับ” ยาริสรับคำเสียงกร่อยลง

จะอย่างไรเสียชีฟก็เคยเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่ข่มความทะเยอทะยานของยาริสเสมอมา แม้บัดนี้จะถูกปลดระวางหากก็ยังมีฐานเสียงสนับสนุนในสภาสูงไม่น้อย

ยาริสอาจโผงผางไม่ค่อยเก็บงำความรู้สึกนัก แต่ก็ไม่ใช่คนโง่จนไม่เข้าใจว่าตนเองมาอยู่ที่เกาะนี้แบบหัวเดียวกระเทียมลีบ...

ทุกคนปล่อยให้ชาร์ลีได้พักผ่อนเต็มที่อีกครั้ง

ยังมีเรื่องราวอีกหลายอย่างที่เขาจำเป็นต้องตื่นมาสะสางด้วยตนเอง



เป็นหิมะแรกที่ตกบนเกาะเมิร์ฟเนียนับจากวันแรกที่ชาร์ลีเหยียบย่างสู่พื้นดินแห่งนี้ ละอองสีเงินกระจายพร่างพรายก่อให้เกิดความหนาวเย็นแต่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้คนมากมายนัก แม้จะเป็นอุปสรรคอยู่บ้างสำหรับการทำงานกลางแจ้งของเกาะเหนือ แต่เมื่อเพจแจ้งว่าในไม่ช้าหิมะจะละลายกลายเป็นปริมาณน้ำในบึงที่สูงขึ้นก็ถือเป็นข่าวอันน่ายินดี

ชาร์ลีอยู่ในเครื่องแต่งกายหนาเตอะที่เดลหยิบมาจากในเรือรบซึ่งมีสำรองไว้มากมายเมื่อไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะระเหเร่ร่อนไปอยู่แห่งหนใดของออบิท

“เจ้ายังไม่หายดีนัก ต้องดูแลตัวเองเอาไว้บ้าง”

เมื่อพ่อมดผู้รักษายืนยันแบบนั้นชาร์ลีก็ไม่อาจปฏิเสธความหวังดีนี้ไปได้

เด็กชายชาวนูฟยืนเด่นอยู่บนโต๊ะไม้ตั้งสูงบนสันทราย ขาโต๊ะจมลึกไปจนมันมั่นคงพอสำหรับการรับน้ำหนัก ที่เพิ่มมา รอบกายคือดวงหน้าอันคุ้นเคยแม้ว่าในหลายหนชาร์ลียากจะแยกแยะแต่ละคนออกจากกันได้เพราะความคล้ายคลึงของเผ่าพันธุ์ เลยออกไปคือกลุ่มที่เดลและชีฟตั้งเป็นผู้ประสานงานระหว่างเซไลย์กับเมิร์ฟเนียเพื่อสานสัมพันธภาพอันดีงามต่อกัน

กษัตริย์คาลอสเลือกจะหยิบยื่นไมตรีทางการทูตให้แทนการถือตนเป็นเจ้าใหญ่นายโตเข้าปกครองและสั่งการ ความโอนอ่อนนี้เป็นที่ประจักษ์และซาบซึ้งแก่ทุกฝ่ายอย่างหาที่เปรียบมิได้...

ต่อไปนี้เส้นทางการค้าจะถูกดูแลอย่างเข้มงวดเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยทุกเที่ยว

พ้นออกไปคือกลุ่มอัศวินและทหารนอกประจำการบางส่วนที่ลงจากเรือรบมารอฟังสิ่งที่ชาร์ลีกำลังจะชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกัน

ทว่าที่ชาร์ลีมองเห็นและก่อเกิดความมั่นอกมั่นใจทวีคูณคือสีหน้าอันสงบนิ่งของอัสลันที่ยืนเคียงข้างกับเจ้าหญิงมีนาร์

นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายกระจ่างชัด

ไม่ว่าชาร์ลีจะดำเนินการอย่างไรต่อไปไฮแลนด์ก็จะยังคงสนับสนุนเขาไม่เสื่อมคลาย...

“ตามที่ข้าได้เคยมอบหมายให้เคลันทำหน้าที่ผู้เฒ่าประจำเกาะแทนนั้น ถ้าไม่มีใครขัดข้องขอให้เขาดำรงนี้ต่อไป...นี่คือความเห็นชอบจากข้าและมาธาเกียร์โดยมีผู้ประสานงานจากกษัตริย์คาลอสและสภาสูงเข้าใจตรงกัน ว่าเคลันมีสิทธิ์ในการค้าขายลูลูบิอาร์ดินีย์ในฐานะตัวแทนชาวเมิร์ฟเนีย”

ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่เขาเป็นหนึ่งเดียว

โทสกลับรวบรวมความกล้ายกมือขึ้น จนชาร์ลีพยักหน้าเชิงอนุญาตเขาจึงรวบรวมความกล้าถามไถ่ว่า

“แล้วเรื่องที่ฮิวเป็นคนทรยศล่ะชาร์ลี”

สิ่งที่ฮิวทำนั้นสร้างความสะเทือนใจแก่ทุกคน ชาร์ลีจำเป็นต้องขจัดความไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมออกไปก่อนเพื่อให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น

เขาลังเลเล็กน้อยก่อนบอกว่า “ข้าไม่ได้อยาก...ที่จะไม่ไว้ใจใครบนเกาะนี้ แต่นั่นเพราะว่าข้ามีเหตุผลที่จะระแวงใครสักคนว่ากำลังทรยศและทำร้ายพวกเราอยู่ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตามที ฮิวสมคบคิดกับซีนายที่ต้องการมาธาเกียร์ เมื่อทุกคนปฏิเสธการส่งมอบเธอให้โจรสลัด เขาจึงเริ่มแผนก่อกวนโดยการทำให้ฟันเฟืองหล่นลงมาจนผู้เฒ่าคนก่อนเสียชีวิต มันอาจจะเป็นความผิดพลาดรุนแรงสำหรับฮิว แต่เป็นสิ่งที่ซีนายคิดว่าเป็นโชคดีสำหรับเขา”

หลายคนหันไปซุบซิบกันเหมือนไม่เคยฉุกใจคิดข้อนี้

จนกระทั่งเคลันโบกมือเชิงห้ามปราม การชมนุมจึงสงบลงอีกครั้ง

“ซีนายต้องการตำราพหูสูตมาเพื่อศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับเวทมนตร์ชนิดเดียวกันที่มาธาเกียร์มีอยู่ และเขารู้ข่าวลือที่ว่ากษัตริย์คาลอสต้องการให้ข้าเดินทางมาที่นี่ตั้งนานแล้ว ทันทีที่ผู้เฒ่าคนก่อนตายลงก็ส่งผลกระทบต่อมาธาเกียร์ทำให้เธอไม่สามารถให้กำเนิดทารกได้อีกและข้าจำเป็นต้องรีบเดินทางมา นั่นเปิดโอกาสให้เขาโจมตีรถม้าเพื่อจะขโมยตำราพหูสูตไปไขความลับนั้น”

ซีนายไม่เพียงแต่ได้ความไว้วางใจจากเขาไป ซ้ำยังทำลายมันย่อยยับลงในพริบตาที่ชาร์ลีพบว่าทั้งหมดที่เผชิญหน้าเป็นเพียงแผนการลวงหลอกซ่อนเล่ห์เพทุบาย

กระนั้นสีหน้าของเด็กชายยังคงอ่อนโยนนักยามบอกเล่า เก็บเอาความรู้สึกทั้งมวลซุกซ่อนไว้

“วันที่รูดี้กับลาเฟลมาถึงเกาะ ซีนายก็วางแผนเรื่องจับคนเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองกับข้า เขาใช้ให้ฮิวเลี่ยงหลบจากงานและเข้าไปขโมยของในที่พักข้า...จากเพื่อนๆ เพื่อใช้เวทมนตร์ดึงตัวมาได้อย่างง่ายดายหากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น”

“เห็นไหมรูดี้ ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้เอาสร้อยของโกลบงี่เง่าอย่างเจ้าไป” ลาเฟลได้ทีตีปีกพรึ่บพรั่บอยู่บนกิ่งไม้เหนือศีรษะเจ้าโกลบพ่อบ้านคู่กัด

รูดี้ไม่ได้แก้ตัวหรือขอโทษใดๆ แต่อาจเป็นเพราะสำนึกผิดที่ไปกล่าวหาอยู่บ้างจึงยั้งปากยั้งคำเดินเลี่ยงไปหาเจ้าหญิงมีนาร์ ปล่อยให้เจ้านกปากมามันพล่ามอะไรต่อไปอีกสองสามคำก่อนยุติลงด้วยความพึงพอใจที่ได้อวดโอ่คุณความดีของตนเองในการศึกหนนี้แม้จะไม่มีใครสนใจฟัง

“เจ้าหมายถึงวันที่ฮิวบอกว่าปวดท้องแล้วลากลับในขณะที่คนอื่นๆยังง่วนอยู่ที่โรงเพาะพันธุ์นั่นใช่หรือเปล่า” เคลันสมกับเป็นผู้นำคนใหม่ รีบถามขึ้นด้วยความทรงจำที่แม่นยำ

ชาร์ลีพยักหน้ารับน้อยๆ

“ใช่...แล้วก่อนหน้านั้นวันที่ข้าช่วยวีซานด์ หมายถึงแมนเฟย์ที่พวกเจ้ารู้จักกันน่ะนะ เขาลอยมาติดเกาะทางด้านหลังที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน ละแวกนั้นเป็นเขตของเนียญ่าแต่ข้าเจอฮิวที่นั่นซึ่งมันน่าแปลก ข้าไม่ปฏิเสธว่ามันดูแย่แค่ไหนที่ข้าเป็นผู้เฒ่าประจำเกาะแต่ว่าแยกพวกเจ้าออกจากกันไม่ได้ว่าใครเป็นใคร แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องตอนที่เรียกออกไปเหมือนยึดเอาเขาเป็นเคลัน”

หลายคนที่รู้จักเขามานานพอจะสามารถสรุปได้ทันทีว่านั่นเป็นเพราะสัญชาตญาณของชาร์ลีกำลังเตือนว่าอีกฝ่ายมีเจตนาซับซ้อนกว่าหน้าฉากที่เห็น

“ข้าคิดว่ามีแต่ซีนายเท่านั้นที่จะนัดฮิวออกไปเพื่อตกลงเจรจาอะไรบางอย่าง บางที่นั่นอาจเป็นการสั่งให้ขโมยของเพราะรู้ข่าวการมาถึงรูดี้กับลาเฟล”

นูฟเป็นพวกที่มีแรงกระตุ้นจากสัญชาตญาณมิใช่การรับรู้เปลือกนอก...

ช่วงนั้นอาจเป็นระยะที่ภูมิทัศน์แปลกใหม่และทุกอย่างทำให้ชาร์ลีอยู่ในระหว่างการปรับตัวเขาจึงไม่อาจรับสัญญาณจากความรู้สึกตนเองได้อย่างชัดเจนดังเดิม แต่เมื่อนำมาประกอบกับข้อมูลต่างๆที่ผ่านการตรึกตรองมาระยะหนึ่งมันก็ตกตะกอนกลายเป็นผลึกความรู้ที่ไม่อาจมองเมินผ่านไปได้อีก

ฮิวเป็นคนที่มีปัญหาในสายตาชาร์ลี

นั่นเป็นที่ว่าทำไมเขาถึงบอกให้เคลันรู้เมื่อการโจมตีครั้งแรกจากโจรสลัดเกิดขึ้นและพบว่าคำตอบที่ได้มาจากฮิวไม่สมเหตุสมผล

“เรื่องนอกเหนือไปจากนั้นพวกเจ้าก็คงพอรู้จากเคลันและคนอื่นๆบนเรือลำเดียวกับเจ้าหญิงมีนาร์มาบ้างแล้ว ฮิวหนีการทำงานเพราะรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเวลาการโจมตีของเรือโจรสลัด ถ้าเขากลับมาข้าขอความร่วมมือให้แจ้งทางการ แต่ถ้าไม่มีใครพบเห็นเขาอีกก็แล้วกันไปเถอะ”

ฮิวเป็นผู้ทรยศอย่างไม่ต้องสงสัย

สิ่งที่เขาจะได้ตอบแทนนับจากนี้คือชีวิตเร่ร่อนอันไร้ที่พักพิงและต้องหลบๆซ่อนๆไปตลอดกาล!

การไม่สามารถแยกผู้คนที่นี่ออกจากกันได้เป็นอีกประเด็นที่ชาร์ลีเห็นสมควรให้คนเผ่าพันธุ์เดียวกันปกครองกันเอง หรือบางทีนี่อาจเป็นเหตุและผลของทุกแห่งในข้อที่เคยสงสัยกันว่าทำไมไม่เคยมีคนต่างแดนได้รับอำนาจควบคุมเกาะไปจากเจ้าของอันแท้จริง

“ส่วนเรื่องการใช้ข้าวของที่ได้มาจากการค้าขายนั่นข้าจะคุยกับเคลันเพื่อบอกเกี่ยวกับรายละเอียดอีกที ตอนนี้ข้ากำลังจะขึ้นเขาไปพบมาธาเกียร์ที่ถ้ำดังนั้นคงต้องบอกลาทุกคนตรงนี้”

“ทำไมเจ้าไม่อยู่กับเรา” น้ำเสียงคนถามเป็นหนึ่งในกลุ่มชาวเนียญ่าที่ทำตาแดงๆคล้ายจะร้องไห้อีกหน

ชาร์ลีได้แค่ฝืนยิ้มตอบและปลอบว่า

“ข้ายังมีภาระหน้าที่อีกมากมายที่ต้องทำ ที่เคยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่ไปไหนถ้ายังแก้ปัญหาอะไรให้ชาวเมิร์ฟเนียไม่ได้ ตอนนี้ข้าก็ทำทุกอย่างจบไปแล้วด้วยดี ถึงเวลาที่ข้าต้องออกเดินทางต่อเพื่อกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดของข้าเสียทีแล้วจากนั้นยังไม่รู้ว่าจะต้องไปทำงานที่ไหนภายใต้คำสั่งกษัตริย์คาลอส”

ชีวิตแบบนี้เป็นชีวิตที่เขาต้องการอย่างแท้จริงหรือไม่ชาร์ลีก็ยากจะหาคำตอบแน่ชัด เขาแค่รู้ว่าเพื่อความมั่นคงและสันติสุขของท้องทะเลออบิทมีแต่แลกเปลี่ยนกับความสุขในการคืนสู่มาตุภูมิแบบถาวรเท่านั้นจึงทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สมดุล

หากเขาผละจากไปกะทันหัน คงได้แต่นึกเสียใจทีหลัง

การมาที่เมิร์ฟเนียทำให้เราเรียนรู้ว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้เพราะความขัดแย้งหลายด้าน

ความสามัคคีไม่ได้เกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา หากแต่ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง

เด็กชายเพียงคาดหวังว่าเขาจะเป็นสิ่งหนึ่งในปัจจัยที่ค้ำจุนให้ความสามัคคีแผ่รากกว้างไกลเติบใหญ่แข็งกล้าในวันข้างหน้า

ทำไมต้องรอให้คนอื่นมาย้ำเตือน เพียงเริ่มจากสำนึกของตัวเราก็มากพอที่จะแผ่ขยายประดุจหยดน้ำเล็กที่ก่อเกิดเป็นคลื่นกว้างไกลมหาศาล

ไม่ใช่เพียงเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง...แต่เพื่อทุกคน!



เป็นอีกครั้งที่การกลับมาพบกับมาธาเกียร์สร้างความรู้สึกสงบแผ่หุ้มหัวใจของเขา...

เธอยังคงอยู่บนแท่นหินเรียบลื่น ลืมตากว้างมองมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเป็นมิตร

ชาร์ลีก้าวถอยออกด้านข้างเผยให้เห็นหีบบรรจุทรัพย์สินตามเรียกร้องเป็นค่าตอบแทนสำหรับเชื้อเพลิงที่ส่งมอบไปกำลังถูกเปิดขึ้น

แสงสีชมพูอ่อนถูกแทนที่ด้วยแสงสีทองและเงินสว่างไสวยั่วตา

ทว่าทุกคนในห้องนั้นต่างอยู่ในความสงบหาได้แสดงท่าทีปรารถนาทรัพย์สมบัติดังกล่าว เพียงแต่รอคอยว่าชาร์ลีจะจัดการยังไง

“เคลัน...” เด็กชายเรียกหาและรอจนอีกฝ่ายขานรับเบาๆอย่างตั้งอกตั้งใจฟัง “นี่คือค่าตอบแทนจำนวนสามในสี่ของทั้งหมดที่เราได้มา ผู้เฒ่าคนก่อนจะทยอยแบ่งขนมาที่นี่ทีละนิดเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ชาวเมิร์ฟเนีย”

“เงินพวกนี้น่ะรึ” เคลันงุนงง

“ใช่...พวกเจ้าไม่เคยสงสัยกันเลยหรือไงว่าการที่เงินจำนวนหนึ่งถูกเอาไปใช้จ่ายเพื่อแลกกับวัสดุอื่นๆมาซ่อมแซมเรือหรือให้ซ่อมบำรุงเครื่องมือเครื่องใช้ที่เกาะเมิร์ฟเนียทำเองไม่ได้แล้ว เงินที่เหลือจะไปไหน”

ถ้าเก็บก็คงกองท่วมเป็นภูเขาเลากา

เป็นไปไม่ได้เลยที่ชาวเมิร์ฟเนียจะไม่มีใครระแคะระคายบ้าง

เพจ มิว และโทสก็ไร้คำตอบ ต่างคนต่างหันมองหน้ากันอย่างอับจนปัญญา

สุดท้ายเป็นมิวที่เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “ข้านึกว่าผู้เฒ่าคนอื่นๆมีที่เก็บซ่อนสมบัติในถ้ำมาธาเกียร์เสียอีก”

ชาร์ลีไม่ได้ตำหนิในความไม่รู้ เขากลับอธิบายอย่างเข้าอกเข้าใจว่า

“ไม่แปลกที่พวกเจ้าไม่รู้ เพราะปกติคนที่นี่ไม่มีใครใส่ใจเรื่องข้าวของเงินทอง มาดูนี่...พวกเจ้าเห็นบ่อลาวาข้างหลังนั่นไหม นั่นต่างหากเป็นความลับที่ผู้เฒ่าคนก่อนๆเก็บเอาไว้และบอกต่อเฉพาะคนที่จำเป็นต้องรู้ สมบัติพวกนี้จะถูกเทลงไปหลอมละลายกลายเป็นไอและถูกมาธาเกียร์ดูดซึมปรับเปลี่ยนเป็นพลังงานชีวิตเพื่อกระตุ้นให้เกิดวงจรการสร้างทารกขึ้นมา”

อัสลันก้าวแซงเดลไปยืนชิดขอบบ่อที่ไม่รู้ว่าจุดลึกสุดอยู่ที่ใดเพียงแต่ไอระอุที่ลอยมาจากความมืดนั้นทำให้คนยืนใกล้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่างจนรั้งอยู่นานไม่ได้ต้องถอยคืน

เดลกับชีฟเองก็ใช้ความสนใจไม่น้อยกับสิ่งใหม่ที่เพิ่งมีโอกาสได้ศึกษาแบบใกล้ชิด

ขณะที่ยาริสกลับถอยห่างอย่างหวาดผวาแทบจะชนเอาเจ้าหญิงมีนาร์และรูดี้ที่ยืนอยู่ยังปากประตูทางเข้า ดีที่ลาเฟลแผดเสียงร้องแหลมขึ้นมาหนหนึ่งจนประธานสภาสูงตกใจและเซไปอีกทิศทาง รูดี้ตวัดมองอย่างเคืองๆแต่ไม่เอ่ยตำหนิออกมาตรงๆ

สัตว์เวทเหล่านี้ให้ความเกรงใจต่อยาริสน้อยมาก...

ชาร์ลีร้องเรียกให้อัสลันมาช่วยเขายกเอาหีบใบหนึ่งเทสิ่งของมีค่าลงไปในบ่อนั้น

เสียปะทุเดือดรุนแรงเกิดขึ้น ไม่ว่าลาวาข้างใต้จะมีองค์ประกอบอย่างไรก็ตามแต่เห็นได้ชัดว่ามันมีปฏิกิริยาตอบรับต่อสิ่งที่ชาร์ลีใส่เพิ่มเติมลงไปอย่างรุนแรง ความร้อนกระจายกรุ่นจนทุกคนเหงื่อโซมกาย เสื้อผ้าเปียกชุ่มแนบร่าง อัสลันถึงกับเบ้หน้าและบ่นพึมพำออกมาสองสามคำ

กลิ่นไหม้ที่แปลกจมูกทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัด

ทว่าร่างในเปลือกทรงรีของมาธาเกียร์กลับเปล่งประกายแวววาวสวยงามจับตา ดวงตาสดใสค่อยๆปิดลงทีละน้อย

“ดูนั่น!” เคลันอุทานขึ้น

รอยปริร้าวที่เปลือกนอกของมาธาเกียร์ดูจะขานรับกับแรงสั่นสะเทือนของพื้นถ้ำ ทุกคนขยับถอยห่างออกไปโดยไม่ได้นัดหมาย

แสงสีชมพูเจิดจ้าที่ชำแรกแทรกออกมาตามรอยแตกของผิวเปลือกนั้นราวกับมีอัญมณีขนาดมหึมาซ่อนเร้นภายใน

ชาร์ลีที่คงทราบขั้นตอนนี้จากการพูดคุยกับมาธาเกียร์มาหลายหน กลับดุนหลังเคลันให้ก้าวล้ำออกไป

“หน้าที่ของผู้เฒ่าประจำเกาะแล้วล่ะ”

“ข้าต้องทำยังไง” เขาลังเลและเป็นกังวล

“ไปรับเด็กทารกออกมาจากภายใน มาธาเกียร์ไม่มีเวลามากนัก ข้าคิดว่าเธอจะมอบชีวิตให้กับทารกหลายคนในหนนี้เพื่อทดแทนความสูญเสียครั้งใหญ่และฉลองการมีผู้นำคนใหม่ของเกาะอย่างเจ้าไง” คนพูดอดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

ท่าทางของชาร์ลีทำให้บรรยากาศรอบข้างเริ่มผ่อนคลายลง

เคลันยังตกประหม่าหากก็ยินยอมก้าวออกไปตามคำแนะนำนั้นโดยดี ท่ามกลางการจับจ้องเป็นตาเดียว เขาก็ก้มลงผ่านรอยปริที่เริ่มแยกกว้างออกช้าๆ ดวงตาเบิกกว้างมีแววพิศวงและยินดีเปี่ยมล้น เคลันปลดเอาความกังวลทิ้งไปขณะที่ยื่นเหยียดมือไปสุดแขนเพื่อจะไขว่คว้าโอบอุ้มสิ่งที่อยู่ภายในออกมา

ก้อนกลมผิวหยุ่นมีร่างเล็กที่ถูกห่อหุ้มด้วยฟองอากาศที่ล่องลอยไปมาอยู่ภายใน

“เพจ...ทุกคน มาช่วยกันรับเด็กๆของเราไปที” เคลันเรียกอย่างตื่นเต้นเต็มที่

เขายื่นส่งทารกคนแรกให้แก่เพจที่ค่อยๆใช้นิ้วลูบไปมาเบาๆสองสามหนจนสิ่งที่ห่อหุ้มสลายหายไป ร่างทารกสีชมพูเข้มจัดลอยอย่างนิ่มนวลลงให้อ้อมแขนที่โอบกอดด้วยความทะนุถนอม เป็นฉากการถือกำเนิดแห่งชีวิตใหม่ที่อาคันตุกะจากต่างแดนผู้เฝ้ามองพากันปลาบปลื้มตามไปด้วย...

จากนั้นเคลันยังอุ้มเอาทารกในลักษณะเดียวกันออกมาอีกสามราย

แสงสว่างพร่างตาจากมาธาเกียร์ค่อยๆสูญสลายหายไป ก่อนที่พวกเขาจะลากลับมาเธอยังคงบอกว่า

“คืนเพ็ญที่จะถึงนี้ข้าจะให้กำเนิดทารกอีก จงมารับเอาพวกเขาไปดูแลให้เติบโตมาอย่างกล้าหาญและมีจิตใจที่ดีงาม”

เคลันรับคำอย่างเชื่อมั่น เขาส่งผ่านความชื่นชมมายังชาร์ลีเมื่อทุกคนหยุดยืนที่สะพานแขวนอีกฟากฝั่นอย่างปลอดภัยครบถ้วน

ยาริสไม่พูดพล่ามทำเพลงรีบเดินนำลิ่วลงตามทาง เข้าใจว่าจะนำไปรอในเรือที่กำลังจะออกจากท่าก่อนเพื่อซ่อนสีหน้าอันกังวลไปเสียทุกอย่างรอบตัว

ไม่มีใครรั้งเขาไว้ออกจะโล่งใจด้วยซ้ำที่เขาเดินจากไป

เดลและเข้าใจว่าชาร์ลีต้องการจะหยุดยืนเพื่อสั่งลากับชาวเมิร์ฟเนียที่เหลือ จึงออกเดินทอดฝีเท้าเอื่อยๆนำไปก่อน

“พวกเราจะแยกกันที่เชิงเขาเท่านั้น เรือรบเซไลย์จะวนมารอรับเราที่ชายหาดใกล้ๆนี่” ชาร์ลีตบบ่าโทสเบาๆ

มิวกับเพจมีสีหน้าเศร้าซึมลงอย่างเห็นได้ชัด

“คราวหน้าถ้าผ่านมาอย่าลืมแวะเยี่ยมเราล่ะชาร์ลี ถึงเจ้าจะมอบอำนาจผู้เฒ่าประจำเกาะให้กับข้าแต่ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไรพวกเราก็พร้อมจะทำให้เสมอจำเอาไว้ให้ดี” เคลันบอกหนักแน่น

“ข้าจะระลึกถึงมิตรภาพที่ได้รับจากคนที่นี่ไปตลอดกาล”

ชาร์ลีให้สัญญาจากใจจริง

เด็กชายปล่อยให้ชาวเกาะเมิร์ฟเนียเดินผ่านไปก่อน กลุ่มที่ตามมาคือเจ้าหญิงมีนาร์

เธอเหลือบมองสบตาเขาแวบหนึ่งก่อนละจากไป

“รูดี้...ลาเฟลล่ะ” ชาร์ลีถามเบาๆก่อนเจ้าโกลบตัวป้อมจะวิ่งผ่านหน้าเพื่อติดตามเจ้าหญิงมีนาร์ตามหน้าที่

“มันบินแยกไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วครับนายท่าน ข้าว่าป่านนี้มันคงไปนอนตีปีกรอที่เรือแล้วล่ะ ให้ตายเถอะ! ข้าอยากมีปีกบ้างจะได้ไปจัดการเจ้าจอมอู้นี่ซะให้เข็ด มันไม่รู้จักมาช่วยข้าดูแลเจ้าหญิงมีนาร์บ้างเลย”

รูดี้ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ มันใช้ช่วงเท้าสั้นๆก้าวอย่างทุลักทุเลตามหลังเจ้าหญิงมีนาร์ที่ลับหายไป

เสียงหัวเราะของอัสลันทำให้ชาร์ลีหันขวับ

“เจ้าหัวเราะอะไร” เขาถามด้วยความสงสัย

“ขำเจ้าน่ะสิ ทำให้คนทั้งเกาะสามัคคีกันได้แต่ไม่มีปัญญาทำให้รูดี้กับลาเฟลรักกันได้เลย”

ชาร์ลีตอกกลับยิ้มๆว่า “เหมือนที่เจ้ากับเซดจ์ชอบทะเลาะกันงั้นสิ ข้าเดาว่าต่อให้น้ำท่วมโลกพวกเจ้าก็ไม่เลิกทะเลาะกันหรอก”

อัสลันยกกำปั้นต่อยเฉียงๆเพียงเบาๆไปที่ข้างแก้มชาร์ลีเชิงหยอกเย้า ก่อนถอนมือกลับไปข้างตัว

“แน่นอนสิ...มันเป็นการแสดงความรักระหว่างข้ากับพ่อ เจ้าน่าจะเข้าใจนะ”

ชาร์ลีได้แต่ส่ายหน้ากับข้อแก้ตัวแบบนั้น เขาเอามือไพล่หลังและเดินเคียงคู่มากับอัสลันท่ามกลางเสียงหิมะที่ตกต้องกิ่งไม้ดังเป็นระยะๆ อากาศเย็นยะเยือกไม่ได้ทำร้ายชาร์ลีอีกต่อไปเมื่อบังเกิดความคุ้นเคยกับมันและมีร่างกายที่แข็งแกร่งมากพอจะทานทนต่อความหนาวเย็น

หนึ่งปีที่เขาเปลี่ยนแปลง...อัสลันก็เปลี่ยนไป

ไม่มากก็น้อยที่ชาร์ลีค้นพบอย่างประหลาดใจว่าอัสลันไม่ใช่เด็กหนุ่มที่เอาแต่เล่น หากแต่เคร่งขรึมจริงจังและเป็นที่พึ่งพาได้แม้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน

ตัวเขาเองล่ะ...

เด็กชายวัยสิบสี่หันไปมองลาดไหล่ที่อยู่ระดับเดียวกับอัสลันอย่างพิศวงไม่น้อย

“เจ้าว่าข้าจะสูงขึ้นอีกไหม”

“พอเถอะ” อัสลันทำหน้าเมื่อย “แค่นี้เจ้าก็สูงเท่าข้า นี่ถ้าตอนเจ้าอายุสิบเก้าบ้างเจ้าจะโตแค่ไหน มิกลายเป็นตัวโย่งประจำปราสาทเซไลย์ไปหรือไงกัน”

“เจ้าน่ะสิตัวโย่ง”

เจ้าของคำเรียกพิสดารนั้นทำหน้าชอบกล จะยิ้มก็ไม่ใช่บึ้งก็ไม่เชิง

อัสลันกลับหัวเราะชอบใจ “เอาน่า เดี๋ยวพอเราออกจากนี่แล้วกลับไปที่เกาะนูฟเจ้าก็คงเจอคนตั้งคำถามแน่ๆว่าทำไมถึงตัวโตผิดหูผิดตา เดลบอกว่าไปส่งเราถึงที่ไม่ได้แต่จะส่งเราขึ้นเรือรับจ้างไปต่อจากเกาะที่ใกล้ที่สุด”

“ไม่รู้ว่ากลับบ้านไปคราวนี้ข้าจะเจออะไรบ้าง”

“เรื่องนั้นข้าไม่สนใจหรอก แต่มีบางอย่างที่ข้ายังข้องใจไม่หาย”

ทั้งคู่หยุดเท้าลงหันหน้าเข้าหากัน อัสลันสายตาแพรวพราวตอนลดเสียงลงเป็นกระซิบถามว่า

“บอกมาซะดีๆว่าประโยคที่เจ้าให้ข้าท่องไปเป็นรหัสแสดงตัวต่อมาธาเกียร์ มันแปลเป็นภาษาพูดของเซไลย์ว่ายังไง”

สองแก้มของชาร์ลีดูจะกลายเป็นสีเข้มขึ้นทันตา

“มันก็คำธรรมดาทั่วไปนี่แหละน่า...” เขาแสร้งทำเป็นเบือนหน้าไปทางอื่น

อัสลันกลับยึดไหล่คู่สนทนาทั้งสองข้างไว้มั่นเป็นเชิงไม่ยินยอมให้หนีไปได้ง่ายๆหากยังไม่ได้คำตอบที่ตนเองพอใจ

“ข้าไม่เชื่อหรอก เพราะว่าเดลทำหน้าแปลกๆตอนที่เห็นมันก่อนจะบอกข้าว่าคำอ่านคืออะไร ตอนนั้นข้าว่ายน้ำหนีไปทางเรือรบเซไลย์เจ้าดันถูกซีนายแย่งตัวสำเร็จ แต่เพราะว่าเดลสั่งให้ข้าท่องจำเป็นคำอ่านเผื่อเกิดการผิดพลาดขึ้นจะได้ไปสมทบที่ถ้ำทันเวลา ไม่ว่าข้าจะถามยังไงเขาก็ไม่ยอมแปลให้ฟังอยู่ดีนั่นแหละ ข้าก็เลยคาใจจนมาถามเอากับตำราพหูสูตตอนที่เจ้าพักฟื้นไม่รู้เรื่องรู้ราว น่าเสียดายที่มันก็รู้แบบคลุมเครือ”

คนพูดค่อยๆเผยรอยยิ้มกว้างขวางออกมา

แต่ชาร์ลีกลับปัดมือของอัสลันออกค่อนข้างแรงและวิ่งนำหน้าไป

“ข้าเขียนว่ามิตรกำลังมาเยือน พอใจหรือยัง!”

อัสลันหัวเราะจนตัวงอ

เหลือเชื่อเลยว่านี่คือชาร์ลี...คนที่โกหกเพียงเพราะไม่ต้องการเปิดเผยความรู้สึกตัวเองออกมา

ยังไงเพื่อนสนิทของเขาก็ยังเป็นแค่เด็กชายวับสิบสี่อยู่วันยังค่ำนั่นแหละน่า...

อัสลันไวพอจะป้องปากตะโกนล้อว่า “อย่าให้ข้าแปลออกก็แล้วกันว่าเจ้าพูดถึงความลับในหัวใจที่กำลังมาเยือน ข้าจะบอกให้นะชาร์ลี การที่แอบรักใครแล้วไม่กล้าสารภาพเนี่ย...มันไม่เข้าท่าเลย ต่อให้คนๆนั้นเป็นเจ้าหญิงก็เถอะน่า!”

คำตอบที่ได้รับมาคือกำปั้นที่ชาร์ลีชูหราขึ้นและสายตาเขียวปั้ดขุ่นเคืองแกมอับอาย

เสียงหัวเราะก้องกังวานของอัสลันปลุกเอาความสดชื่นทั่วหุบเขาให้ตื่นลืมตา

อีกไม่ช้าเขาและชาร์ลีจะกลายเป็นสายลมที่พัดพาเอาความชื่นมื่นข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังเกาะนูฟ...อัศวินหนุ่มคิดพลางออกก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยหัวใจที่เชื่อมั่นเต็มเปี่ยม




++ จบ ชาร์ลี 2 ภาค : มิตรสหายและศัตรู ++






 

Create Date : 27 มีนาคม 2554
15 comments
Last Update : 27 มีนาคม 2554 11:09:58 น.
Counter : 2012 Pageviews.

 

ขอ ภาค 3 ต่อด้วยนะคะคุณพลอย
เฮ่อ ในที่สุดหนูลีก็เติบโตขึ้นแล้วนะเนี่ย

 

โดย: nana IP: 192.168.1.134, 58.8.229.115 27 มีนาคม 2554 22:24:56 น.  

 

คุณ nana

อยากให้ชาร์ลีกับอัสลันอยู่เป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปอีกนานนะคะ
น่ารักดี คนเขียนล่ะชอบ 55+
แต้งค์กิ้วสำหรับทุกคอมเม้นท์มากมายค่ะ ^ ^

 

โดย: ploy666 IP: 124.121.253.153 30 มีนาคม 2554 15:39:59 น.  

 

มาทักทายจ้า ^^

 

โดย: ratta IP: 61.90.113.140 31 มีนาคม 2554 21:52:35 น.  

 

คุณพลอยคะ ตกลงงานนี้มีต่อภาค 3 หรือเปล่าคะ อยากอ่านต่อเร็ว ๆ จังเลยค่ะ เฮ้อคิดถึงหนูลีมากมาย

 

โดย: nana IP: unknown, 202.32.8.238 1 เมษายน 2554 19:15:17 น.  

 

คุณยุ้ย

สวัสดีค่ะ ไปงานสัปดาห์หนังสือมาหรือยังคะ ^ ^

*****

คุณ nana

ภาค 3 ชาร์ลียังไม่มีเขียนค่ะ
ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เขียนอีกไหม เพราะห่างนานๆสำนวนภาษามันเปลี่ยนเยอะไปแล้วด้วยนะค่ะ T^T

 

โดย: ploy666 IP: 124.122.125.171 2 เมษายน 2554 12:37:54 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณพลอย

ได้หนังสือมาเกือบ 5 เล่มค่ะ
ส่วนใหญ่ก็เป็นนิยาย หนังสือเกี่ยวกับการขีดๆ เขียนๆ
แล้วก็รอบนี้ซื้อประวัติศาสตร์โลกมาค่ะ

คุณพลอยเดินงานหนังสือหรือเปล่าเอ่ย

 

โดย: เหมือนพระจันทร์ 5 เมษายน 2554 12:41:05 น.  

 

ไปมาแป๊บนึงค่ะคุณตูน
หนังสือตัวเองได้ไม่เยอะหรอกเพราะเข้าไปไม่กี่บูท
แต่หลักๆขนหนังสืออ้วนอ๋องหนักอึ้งเลยนี่สิคะ
T^T

 

โดย: ploy666 (ploy666 ) 5 เมษายน 2554 16:24:09 น.  

 

มาเคาะประตูบ้านจ้า ^^

 

โดย: ratta 6 เมษายน 2554 12:49:51 น.  

 

อย่าเคาะแรงนะยุ้ย เดี๋ยวประตูบ้านล้ม
พลอยวางพิงไว้เฉยๆน่ะ
5555+

 

โดย: ploy666 IP: 124.122.176.103 7 เมษายน 2554 4:13:39 น.  

 

ชาร์ลี เล่ม 2 จะได้จัดพิมพ์เป็นเล่มหรือยังคะ
ช่วยบอกด้วยค่ะ อยากอ่านเป็นเล่มจริงๆ

 

โดย: sapphire IP: 203.209.83.141 25 กรกฎาคม 2555 15:20:03 น.  

 

ชาร์ลี 2 ไม่มีพิมพ์เล่มค่ะคุณ sapphire
ต้องขออภัยด้วยค่ะ ยังไงอ่านในบล็อกก่อนละกันเนาะ
พอได้หายคิดถึงกันไปบ้าง
ขอบคุณค่า...

 

โดย: ploy666 (ploy666 ) 26 กรกฎาคม 2555 2:05:41 น.  

 

ย้อนกลับมาอ่านทีไร ก็ยังเป็นเรื่องโปรดอยู่ดี อ่านเล่ม 1 จนปกเยินไปพอสมควร(ทนุถนอมสุด ๆ ) มาต่อด้วยภาค 2 ก็ยังรู้สึกรักชาร์ลีไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่ายังไงก็ยังอยากอ่านภาคต่อไปของหนุ่มน้อยคนนี้ค่ะ (ออกเป็นเล่มจะรีบซื้อเลยล่ะ)

ป.ล. เ0มื่อไรกษัตริย์คาลอสจะผอมคะ ลุ้นมากชาร์ลีจะได้หาราชินีให้เสียที

 

โดย: nana IP: 58.8.138.48 8 ธันวาคม 2555 0:40:01 น.  

 

คุณ nana

พอลองนึกว่าปีใหม่นี้ในปราสาทคงมีชาร์ลี อัสลัน เจ้าชายคาลอส และคนอื่นๆนั่งล้อมวงจิบเครื่องดื่ม คุยกันหน้าเตาผิง นอกหน้าต่างหิมะสีขาวตกพรำๆ

แอบอยากโผล่กลับเข้าไปในนั้นร่วมวงด้วยเชียวค่ะ

 

โดย: ploy666 (ploy666 ) 13 ธันวาคม 2555 9:39:34 น.  

 

ขอขอบพระคุณมากๆค่ะที่อัพให้อ่าน อ่านเพลินจนลืมเม้นเลย สนุกมากๆค่ะ ภาคแรกก็สนุกมาก จะติดตามไปตลอดค่ะ

 

โดย: naru chan IP: 49.230.132.48 25 กันยายน 2556 19:28:57 น.  

 

คุณ naru chan
ขอบคุณเช่นกันค่ะที่รักนิยายเรื่องนี้

 

โดย: ploy666 IP: 184.22.89.9 7 มีนาคม 2565 11:48:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.