Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
13 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Japan [Kamakura]


หลังจากพักที่ Tsurunoyu Onsen 2 คืน วันรุ่งขึ้นก็มีอาหารเช้าอีกมือ รู้สึกว่ามื้อนี้จะอร่อยเป็นพิเศษ เพราะเค้าให้ไข่ดาวเรามาฟองนึง แต่ว่าเพราะอากาศตอนเช้าแสนสบายเหลือเกิน เลยไม่อยากตื่น ทำให้ช่วงเช้านี้เร่งรีบหน่อย เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ... หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จเกือบๆ 8 โมง ก็กลับไปแต่งตัว เก็บข้าวของ แล้วก็เช็คเอาท์ ... ไม่อยากจะกลับเลย ... อยากอยู่แบบนี้ไปซักพัก ... อยากมีบ้านอยู่ในหุบเขาแบบนี้ไกลผู้ไกลคน มีสายน้ำเป็นเพื่อน มีน้ำแร่ให้อาบแบบนี้

ระหว่างที่รอรถเที่ยว 9 โมงครึ่ง เรายังมีเวลาเดินรอบๆ ภูเขานิดหน่อย จริงๆ รอบๆ เรียวกังมี trail ให้เดินด้วย แล้วก็มีแม่น้ำลำธาร ใสแจ๋ว เย็นเจี๊ยบมากมาย ... เราเลือกที่จะเดินขึ้นเขาที่หน้าเรียวกัง สูดอากาศยามสายที่ยังเย็นชื่นใจอยู่ ... ขึ้นไปถึงก็เจอเป็นคล้ายๆ ศาลเจ้า (อันใหญ่) หรือจะเรียกว่ากระต๊อบหรือวัด เราก็ไม่รู้จะเรียกว่ายังไงดี





จากนั้นก็นั่งรถตู้สีน้ำเงินไปรอรถบัสประมาณ 20-30 นาที ... จริงๆ ก็เหมือนจะนาน แต่เห็นวิวแล้ว เวลาครึ่งชั่วโมงไวเหมือนโกหก มีนกน้อยนั่งกินลมเป็นเพื่อน นั่งบอกลา Tazawako



อาหารบนรถไฟมีให้เลือกน้อยมาก เลยก็เลยจำเป็นต้องซื้อถั่วถุงกิน เพราะอาหารไม่อร่อยสุดๆ เลย



สามชั่วโมงผ่านไปก็ถึงสถานีโตเกียว เวลาขึ้นรถไฟนี่ ไม่รู้ใครเป็นแบบเราบ้าง คือ อาการ "freak" ที่เห็นคนเยอะแยะมากมายยืนกดโทรศัพท์ เล่นเกมบ้าง text บ้าง ... แล้วก็ชุด uniform ที่ทุกคนต้องใส่ ... ผู้ชายก็ใส่สูท กระเป๋าใบนึง และโทรศัพท์เครื่องนึง ส่วนผู้หญิง ก็ต้องใส่เสื้อตัวยาวปลายบานคล้ายกระโปรง ไม่ก็ใส่กระโปรงสั้นๆ แล้วก็ถุงน่องสีดำ รองเท้าซึ่งต้องมีถุงเท้า (ที่ไม่ค่อยจะพอดีกับรองเท้าเท่าไหร่นัก) ... ส่วนผู้หญิงแก่หน่อย ก็ต้องใส่หมวกปีกกว้าง เสื้อแขนยาวขาวขาวคลุมมิดชิด ... ใครว่าญี่ปุ่นเป็นเมืองนำแฟชั่น เราว่าเค้าเป็นเมืองที่มีแฟชั่นแบบเดียวมากกว่า one thing at a time ... เราว่ามันดูน่าเบื่อยังไงก็ไม่รู้

เรามีแผนว่า เพื่อให้ได้ใช้ JR ให้คุ้มที่สุด เราเลยจะต่อไปเที่ยว Kamakura ก่อน (จุด check point) แล้วก็กลับมาเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่สถานีโตเกียวแล้วไปโรงแรม ... จากสถานีโตเกียวเราใช้ JR นั่ง Yokosuka Line ไปลง Kamakura Station จากนั้นต้องนั่ง Enoshima ไปสถานี Hase ซึ่งใช้ JR pass ไม่ได้ ซึ่งต้องออกจากสถานีไปก่อน แล้วค่อยหาซื้อตั๋วเข้ามาอีกที (งงอยู่ตั้งนาน) ... พอไปถึงก็เดินตามฝูงชนไป เวลาเดินกว่าจะถึงก็ราวๆ 30 นาทีเห็นจะได้ ... เข้าไปถึงก็ไม่มีอะไรให้ดูนอกจากพระองค์โตตั้งอยู่ แค่นี้เอง เราว่าทางเดินไปวัดยังสนุกกว่าเลย ... หากใครไม่มีเวลานะ ข้ามๆ จุดนี้ไปดีกว่า เรารู้สึกว่ามันไม่มีอะไร











เดินๆ ไม่นานก็ทั่วหมด ใช้เวลาเดินแถวนี้เร็วกว่าเวลาเดินทางอีก T_T ... กลับไปโตเกียว ไปเอากระเป๋าที่ใส่ locker ไว้ แล้วก็ต่อรถไฟไป Shimbashi เพื่อไปต่อรถไฟสาย Yurikamome (ใช้ JR pass ไม่ได้) ราคาจาก Shimbashi (หรือ Shiodome) 310 เยน ซึ่งก็แพงพอสมควรเลย แต่ก็นั่งสนุกๆ ... จะให้สนุกต้องรอนั่งหน้าสุด เพราะรถไฟคันนี้ไม่มีคนขับ ... เวลาผ่าน rainbow bridge ก็ได้มองวิวสวยๆ ดีเหมือนกัน ... ประมาณ 15 นาทีก็ถึงสถานี Daiba ซึ่งเป็นสถานีที่จอดระหว่าง Grand Pacific Le Daiba กับ Nikko Hotel พอดีเลย สะดวกสบายมาก





พอไปถึงโรงแรม ก็เก็บข้าวเก็บของ แล้วก็ตรงดิ่งไป Aqua City ซึ่งเป็นห้างที่อยู่ติดกับโรงแรม มีของกินมากมายให้เลือก เราเลือกกินข้าวหมูทอด ร้านอะไรจำไม่ได้แล้วหล่ะ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะว่าวันนั้นเหนื่อยมาก เลยไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปติดไปด้วย เป็นข้าวหมูทอดที่อร่อยมาก หมูเยอะ ชิ้นใหญ่ แป้งไม่หนา แต่กรอบมาก แล้วก็มากับ ข้าว สลัด ซุป และชาเขียว (ทั้ง 4 อย่างเติมได้ไม่อั้น) ... กินเสร็จก็รีบกลับโรงแรมนอน พรุ่งนี้เช้าจะไปลองกินซูชิที่ Tsukijishijo ที่เค้าพูดถึงกันนักกันหนา

ส่วนโรงแรม ก็จัดแต่งได้หรูใช้ได้เลย ห้องนอนกว้างขวาง เดินผ่านไปผ่านมาพนักงานก็ก้มหัวตลอด พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ ... เตียงใหญ่ นอนสบาย แต่หมอนนิ่มมากๆ ห้องน้ำมีอุปกรณ์ต่างๆ ครบครัน ... ที่เราชอบที่สุดเห็นจะเป็นแชมพูและครีมนวดผม (ขวดฟ้า และเขียว) ใช้ดีมาาาาาาาาาาาก ไม่รู้ยี่ห้ออะไร (มีใครรู้บ้างมั๊ยเนี่ย ???)





เราได้ห้อง Haneda Airport (ไม่ได้ Rainbow Bridge) มองออกไปก็สวยไม่แพ้กันค่ะ ... จริงๆ ใครอยากจะพักโรงแรมแถวนี้ หากด้าน Rainbow Bridge แพงนะคะ เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายเพิ่มเลย เพราะว่าตรงทางเชื่อมระหว่าง Aqua City, Nikko Hotel, Grand Pacific Le Daiba และ Daiba Station เนี่ย จะเป็นลานลอยฟ้ากว้างๆ มองเห็นวิวสวยๆ ไปไกลสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ มีคนมาเดิน มานั่ง มานอนดูวิวกันเรื่อยๆ ตลอดทั้งวันเลยค่ะ ... อันนี้ถ่ายจากหน้าต่างในห้องค่ะ





ตอนต่อไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ




Create Date : 13 มิถุนายน 2553
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 5:36:04 น. 1 comments
Counter : 1575 Pageviews.

 
ตามมาเที่ยวต่อ


โดย: Cottony IP: 210.213.7.234 วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:13:52:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Phoebe Buffay
Location :
ทุ่งหญ้า Canada

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 173 คน [?]




"It's Phoebe! That's, P as in Phoebe; H as in hoebe, O as in oebe; E as in ebe; B as in bebe; and E as in ... Ello there mate." Friends

There is no copyright here, unless otherwise specifically mentioned. If you find it useful, just take it. Thanks!

CHAT BOX



LAST UPDATES
LOSEING WEIGHT (BBC)
SKINCARE MINI SERIES
FAVORITES

Friends' blogs
[Add Phoebe Buffay's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.