สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

เมื่อลูกท้องเสีย จะดูแลอย่างไรดี?



สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อลูกท้องเสียก็คือ การดูแลไม่ให้ขาดน้ำและเกลือแร่ ทั้งนี้เพราะการขาดทั้ง 2 สิ่งนี้จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะช็อกได้โดยง่าย ถึงแม้ก่อนหน้าจะท้องเสีย ลูกจะมีสุขภาพสมบูรณ์เพียงใด จึงควรให้ความสำคัญกับน้ำและเกลือแร่มากที่สุด แต่ก็อาจจะเกิดการเข้าใจผิดที่ให้ความสำคัญทางด้านนี้มากเกินไปและนานเกินไป จนเกิดผลแทรกซ้อนขึ้นมาในภายหลัง


โดยปกติ การท้องเสียมักเกิดจากมีเชื้อโรคปะปนในอาหารหรือนมของลูก โดยเชื้อโรคบางชนิดสามารถสร้างสารพิษให้ละลายปนในอาหาร ซึ่งถึงแม้จะนำอาหารที่เจือปนเชื้อโรคและสารพิษนี้มาทำให้สุก อาจจะทำลายตัวเชื้อโรคให้หมดฤทธิ์ได้ แต่ไม่สามารถทำลายสารพิษที่เกิดจากเชื้อโรคได้ เพราะสารพิษจากเชื้อโรคเหล่านี้มักจะทนความร้อนได้ดี จึงควรระมัดระวังมิให้เชื้อโรคได้เติบโตในอาหารที่จะให้แก่ลูกตั้งแต่เตรียมอาหารเสร็จ

การป้องกันมิให้ลูกท้องเสียจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับโรคท้องเสีย นมที่ชงแล้วควรให้ลูกดื่มหรือดูดจากขวดทันทีที่เตรียมเสร็จ ถ้าชงเสร็จแล้วลูกไม่ยอมดูดเลย อาจเก็บเข้าตู้เย็นทันที โดยเก็บนช่องแช่เย็นธรรมดาซึ่งไม่ควรเกิน 4 ชั่วโมง ถ้านานกว่านี้ก็สมควรทิ้งนมนั้นไป ในกรณีที่ลูกดูดนมจากขวดไปบางส่วน แล้วยังเหลืออยู่ ก็อาจเก็บเข้าตู้เย็นได้ แต่ไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านั้น ก็ไม่ควรนำนมขวดนั้นมาให้ลูกดูดอีก ในกรณีที่ให้อาหารเสริมแก่ลูกก็เช่นกัน ถ้าเตรียมอาหารเสริมตั้งแต่เช้า และต้องการจะแบ่งมาให้ลูกได้กินทั้งวัน ควรเก็บส่วนที่เหลือเข้าตู้เย็นทันทีขณะที่ยังร้อนอยู่ เพื่อเก็บไว้ให้กินในมื้อกลางวันและมื้อเย็น ไม่สมควรให้เกินกว่ามื้อเย็น ในกรณีที่จะเก็บไว้ให้ในวันถัดไป ควรนำอาหารนั้นไปเข้าช่องแช่แข็งทันทีที่เตรียมเสร็จ จะป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกท้องเสียได้บ่อยก็คือ การที่ลูกหยิบของตามพื้นมาอมเข้าปาก ซึ่งมักพบในขณะที่ลูกอายุ 6-24 เดือน ควรระวังสิ่งของเหล่านี้ โดยเฉพาะของที่อยู่ตามพื้นหรือของเล่นของลูก จึงควรหมั่นล้างทำความสะอาดของเล่นของลูกทุกวันก็จะป้องกันมิให้ลูกท้องเสียได้

คราวนี้มาพูดถึงการดูแลเมื่อลูกท้องเสีย อาการท้องเสียไม่ว่าจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือสารพิษของแบคทีเรีย หรือเกิดจากเชื้อไวรัสนั้นมักจะมีอาการคลื่นไส้และ อาเจียนร่วมด้วย โดยเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงแรก จึงทำให้ลูกไม่อยากจะกินอาหารหรือแม้กระทั่งน้ำเกลือแร่ ในบางครั้งกระเพาะอาหารของลูกอาจจะมีความไวต่อสารน้ำและอาหารที่ลงสู่กระเพาะ จึงทำให้อาเจียนอาหารออกมาหมดเมื่อกินเข้าไป ในกรณีเช่นนี้ ควรป้อนน้ำเกลือแร่ทีละน้อย อาจจะประมาณ 5 ซีซี หรือประมาณ 1 ช้อนชา ทุก ๆ 2-3 นาที ก็จะช่วยลดการอาเจียนของลูกได้ ในกรณีที่ลูกมีอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป ลูกอาจจะไม่ชอบดื่มน้ำเกลือแร่เพราะรสชาติไม่ชวนดื่ม อาจจะนำน้ำผลไม้กล่องสำเร็จรูปยี่ห้อใดก็ได้ มาเจือจางลง 2 เท่าตัว คือ น้ำผลไม้สำเร็จรูป 1 ส่วน เติมน้ำสะอาด 2 ส่วน ก็จะพอทดแทนน้ำเกลือแร่ได้ โดยจะมีรสชาติที่ดีกว่าน้ำเกลือแร่ทั่วไป

ในกรณีที่ลูกท้องเสียโดยไม่มีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน โดยที่ลูกสามารถกินอาหารหรือดูดนมได้ตามปกติ ถึงแม้จะถ่ายบ่อย ก็ให้อาหารหรือนมแก่ลูกได้ โดยการให้น้ำเกลือแร่สลับกับนมหรืออาหารเสริมแก่ลูก และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจือจางนมที่จะให้แก่ลูกเลย และอาหารก็ให้ตามปกติตามที่ลูกอยากจะกิน เพราะการให้นมและให้อาหารตามปกติจะทำให้ลูกอิ่มท้องและไม่อ่อนเพลีย ผิดจากการแนะนำในอดีตที่มักนิยมให้เจือจางนมหรือให้อาหารอ่อน ๆ ทั้งนี้จากงานวิจัยพบว่าการให้นมเจือจางและให้อาหารอ่อน ๆ แก่ลูก จะทำให้โรคท้องเสียยาวนานกว่าเดิมและน้ำหนักตัวของลูกจะลดลงมากกว่ากลุ่มที่ได้นมปกติ และอาหารปกติ

สำหรับลูกที่มีอายุระหว่าง 6 เดือน ถึง 24 เดือน บางครั้งอาจจะต้องเปลี่ยนสูตรนมที่เคยดื่มอยู่ มาเป็นนมที่ไม่มีน้ำตาลแล็กโทส แต่ก็ไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องเปลี่ยนเป็นนมชนิดนี้ทุกครั้งที่ลูกท้อง เสียให้สังเกตง่าย ๆ ว่า ลูกมีตัวอุ่น ๆ มักมีน้ำมูกไหล ไอ อาเจียน และถ่ายเหลวเป็นน้ำ อุจจาระก็มักจะไม่มีกลิ่นเหม็นคาว จะเป็นน้ำใสจำนวนมาก มักจะถ่ายมี เสียงลมปนออกมากับอุจจาระ เมื่อมีอาการเช่นนี้ จึงสมควรเปลี่ยนสูตรนมเป็นชนิดที่ไม่มีน้ำตาลแล็กโทส แต่โอกาสที่จะเกิดการขาดน้ำย่อยน้ำตาลแล็กโทสนั้น ก็พบได้น้อยกว่า เพราะส่วนใหญ่ของการท้องเสียของลูกในประเทศไทยมักเกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจจะหายได้เองหรือต้องได้รับยาปฏิชีวนะที่ถูกชนิด จึงไม่ควรที่จะเปลี่ยนเป็นนมที่ไม่มีน้ำตาลแล็กโทสทุกครั้งที่ท้องเสีย

ถ้าลูกมีอาการท้องเสียต่อเนื่องเกินกว่า 7 วัน ถึงแม้แต่ละวันจะถ่ายไม่มากแต่ก็เรื้อรังเช่นนี้ สมควรที่จะนำปัญหาของลูกไปปรึกษากับหมอเด็กอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุใหม่และให้การรักษาที่ถูกทางโดยเร็ว เพราะการปล่อยให้ลูกท้องเสียเรื้อรังเช่นนี้ มีแต่จะบั่นทอนสุขภาพของลูก นอกจากจะทำให้น้ำหนักตัวของลูกไม่เพิ่มขึ้นแล้ว การท้องเสียเรื้อรังที่ยาวนานเป็นเดือนอาจจะกระทบต่อความสูงของลูกได้ในระยะยาว.









 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2551
0 comments
Last Update : 11 ธันวาคม 2551 12:02:38 น.
Counter : 3476 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
7 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.