ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น
จากหัวข้อเรื่องนี้ กิ่งขออนุญาตคุณหมอแดง ดิ อโรคยา ( วีรชัย วาลึกดิลก ) ณ ที่นี้ เอาข้อความบางตอนจากหนังสือ "ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น " ของคุณหมอ มาเผยแพร่ให้เพื่อนๆในบล็อกได้ทราบถึงเนื้อเรื่องที่น่าสนใจบางเรื่องนะคะ
ขอออนุญาตมา ณ ที่นี้ค่ะ ไม่มีเจตนาคัดลอกเอามาเป็นงานเขียนของตนเองแต่อย่างใด แต่ด้วยเหตุที่ได้ซื้อหนังสือของท่านมาอ่านแล้ว เห็นเนื้อหาเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน จึงขออนุญาตเอาข้อความบางตอนมาลงในบล็อกแกงค์แห่งนี้โดยความเคารพค่ะ
และหากท่านใดอ่านแล้วสนใจ หาซื้อได้ค่ะ ชื่อ หนังสือ "ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น" หมอดีที่สุด คือ ตัวท่านเอง ของ หมอแดง ติ อโรคยา(วีรชัย วาลึกดิลก)
ราคาไม่แพงค่ะแต่มีประโยขน์มากมายดังตัวอย่างที่กิ่งได้คัดมาลงบางตอนดังนี้ค่ะ
ดื่มน้ำมากๆ ก็ป่วยได้
คุณกัญญา สุภาพสตรีสาวสวย อายุ 36 ปี น้ำหนัก 47 กิโลกรัม มีอาการปวดศีรษะมาตั้งแต่เด็กๆ แรกๆก็ปวดแบบธรรมดากินยาแก้ปวดมาตลอด ต่อมาปวดหนักขึ้น จนต้องเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าเป็นโรคไมเกรน
นอกจากนี้ ก็มีอาการปวดขมับ ต้นคอ และหัวคิ้ว คราวนี้ยาแก้ปวดธรรมดาเริ่มระงับไม่อยู่แล้วเธอจำเป็นต้องกินยาสำหรับโรคไมเกรนแทบทุกวัน และเธอบอกอีกว่า ระบบย่อยอาหารของเธอไม่ค่อยดีเอาเสียเลย เกิดอาการที่เรียกว่าอาหารเป็นพิษบ่อย ท้องเสีย อาเจียน และลำไส้อักเสบบ่อยมากๆ
เธอบอกว่า เดือนหน้านี้ จะไปเรียนต่อต่างประเทศ 2-3 ปี เมื่อได้เห็นประวัติการกินของเธอแล้ว น่าเป็นห่วง เพราะประเทศที่เธอไปจะรับประทานเนื้อ นม เนย เป็นส่วนใหญ่ กว่าเธอจะจบการศึกษาคงได้ซีสต์ เนื้องอก หรือมะเร็งกลับมาอีกแน่ๆ
เพราะเธอชอบอาหารประเภทนี้อยู่แล้วด้วย ที่สำคัญ ช่วงทานข้าว เธอดื่มน้ำ 5-6 แก้ว มีน้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้บ้างสลับกัน เป็นการทำลายไฟย่อยอาหาร น้ำย่อย น้ำดีก็เจือจาง จนทำให้อาหารไม่ย่อย อาเจียน แล้วเธอก็กล่าวโทษว่า อาหารเป็นพิษ
ความจริงอาหารไม่ได้เป็นพิษ แต่อาหารมันไม่ได้ถูกย่อยอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเธอดื่มน้ำระหว่างทานอาหารมากเกินไป จึงเกิดของเสีย สารพิษ ก่อให้เกิดโรคสารพัดที่เธอเป็นอยู่ ถ้าเธอยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการกินเสียก่อน รับรองว่า เมื่อกลับจากต่างประเทศแล้วเธอจะได้โรคกลับมาเป็นของฝากแน่นอนโดยเฉพาะซีสต์ และเนื้องอกที่หน้าอก
เลือดก็จาง เพราะอาหารที่เธอรับประทานเข้าไปนั้นไม่ได้ถูกย่อย และถูกดูดซึมที่ดีพอ เอาไปสร้างเลือดสร้างเนื้อที่ดีไม่ได้ พากันมาเหม็นหมักหมมอยู่ในร่างกายแทน แล้วก็ต้องหายาบำรุงเลือด ธาตุเหล็กบ้างมากินเสริม กินเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ช่วยไม่ได้หรอกครับ สร้างเลือดดีขึ้นมาไม่ได้ มีแต่จะสร้างมะเร็งขึ้นมาแทน เพราะข้างในร่างกายมีแต่ของเสียไงครับ
คนไข้ที่มีอาการโลหิตจางนั้นมีพฤติกรรมการกินดังกล่าวมานี้ บางท่านอาจได้โรคเพิ่มเป็นธาลัสซีเมีย เข้าไปอีกด้วย ยิ่งตกใจใหญ่ นี่เป็นเพราะเธอไม่เข้าใจเรื่องการดื่มน้ำ ไม่เข้าใจวิธี และเวลาในการดิ่ม ไม่ใช่มีแต่เธอไม่เข้าใจ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ละเลย หรือมองไม่เห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับการดื่มน้ำไม่ถูกต้อง มันเหมือนเส้นผมบังภูเขา
เธอไม่เคยรู้เลยว่า การดื่มน้ำมากๆช่วงทานอาหารนั้นจะทำให้อาหารไม่ย่อย ไม่เคยรับทราบเรื่องนี้มาก่อน รู้แต่ว่า ดื่มน้ำมากๆจะทำให้สุขภาพดี แต่ไม่รู้ต้องดื่มตอนไหน ดื่มเท่าไหร่ เธอคงจะไม่อยากเชื่อหรอกว่า "น้ำ" จะทำให้เธอป่วยได้ถึงขนาดนี้ ก็ขอให้เธอกลับไปปฏิบัติตามดู ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงนัก และก็ไม่ต้องเสียเงินทองอะไรเพิ่มขึ้น ดูซิว่า จะได้ผลตามที่บอกไหม แล้วให้นำผลกลับมาเล่าสู่กันฟังบ้าง
ข้อแนะนำในการดื่มน้ำให้ถูกวิธี
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอกับน้ำหนักตัว เช่น
( น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม คูณ 2.2 หาร 2 ) คูณ 30 = .....c.c
โดย 1000 c.c = 1 ลิตร น้ำ 1 ลิตร = 5 แก้ว
ตัวอย่างผู้ที่มีน้ำหนักตัว 50 กก.
(( 50 คูณ 2.2 ) หาร 2 ) คูณ 30 = 1.650 cc. = 1.65 ลิตร
โดยเฉลี่ยแล้ว น้ำ 1 แก้ว = 200 cc. โดยประมาณ
1.65 ลิตร เท่ากับ น้ำ 8 แก้วโดยประมาณ
ดังนั้นผู้ที่มีน้ำหนัก 50 กก. ควรดื่มน้ำให้ได้ วันละ 8 แก้ว
น้ำหนัก . ปริมาณขั้นต่ำ . จำนวนแก้ว (กิโลกรัม) . ที่ควรดื่ม (ลิตร) . (โดยประมาณ) 45 . 1.48 . 7.5 50 . 1.65 . 8 55 . 1.81 . 9 60 . 1.98 . 10 70 . 2.31 . 11.5 80 . 2.64 . 13 90 . 2.97 . 15
2. ตื่นเช้า (ก่อนแปรงฟัน) ดื่มน้ำเปล่า ที่ไม่เย็น 2-5 แก้ว เพื่อเป็นการชำระล้างของเสียในร่างกาย
3. หลังจากนั้น ให้ใช้การจิบบ่อยๆตลอดทั้งวัน
4. หลีกเลี่ยงน้ำเย็นจัด น้ำอัดลม นม และผลิตภัณฑ์ของนม ของทอด ของมัน ช็อคโกแล็ต ขนมขบเคี้ยวที่เป็นถุง กาแฟ (ควรทานหลังอาหารถ้าจำเป็น )
5. หลีกเลี่ยงบุหรี่ สุรา เบียร์
6. -15 นาที ก่อนทานอาหาร -ระหว่างทานอาหาร - หลังทานอาหารอิ่มใหม่ๆ
ทั้ง 3 ช่วงเวลานี้ดื่มน้ำรวมทั้งหมดไม่ควรเกิน 1 แก้ว และหลังจากทานอาหาร 40 นาที จึงดื่มน้ำได้ตามปกติ เพื่อให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเข้มข้นพอที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. หลังจากทำงานควรแบ่งเวลาสำหรับออกกำลังกายและพักผ่อนอย่างเพียงพอ
8. ก่อนเข้านอน 3 ชั่วโมง ไม่ควรทานอาหารหนักๆ
" หมอที่ดีที่สุด คือ ตัวท่านเอง "
ขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก หนังสือ ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น หมอที่ดีที่สุด คือตัวท่านเอง เขียนโดย หมอแดง ติ อโรคยา (วีรชัย วาลึกติลก) และขอบคุณภาพจาก กูเกิล อินเตอร์เน็ตค่ะ
Create Date : 01 สิงหาคม 2554 |
|
135 comments |
Last Update : 11 มีนาคม 2555 11:25:18 น. |
Counter : 3276 Pageviews. |
|
|
|
ข้อมูลดีๆแบบนี้ไม่พลาดค่ะ..
สวัสดีค่ะคุณกิ่ง..วันนี้ฝนตกทั้งวันเลย เหมือนจะเป็นหวัดยังงัยไม่รู้
คุณกิ่งก็หลบๆฝนนะคะ..
ทักทายกันยามนี้ มีแต่ความรู้สึกดีๆมาฝากค่ะ..