ผจญภัยในญี่ปุ่นแบบหมาป่าโดดเดี่ยว วันที่14.2 -สัมผัสรถทัวร์ของญี่ปุ่น-
ถึงโอค่าซังจะดูไม่รีบตอนก่อนจะออกมา แต่พอขึ้นรถโอค่าซังก็แอบรีบ 55
จากที่ขับมาบนถนนใหญ่อยู่ดีๆ แต่พอโอค่าซังเห็นว่าสี่แยกข้างหน้าลิบๆเป็นไฟแดงโอค่าซังก็หักขวาเข้าซอยทันที
แล้วหันมาบอกผมว่า "โอค่าซังหลบไฟแดง" แล้วก็ชอบใจใหญ่ 55
อานิสงส์ของการหลบไฟแดงทำให้ผมมาถึงก่อนที่รถบัสจะมา2-3นาที (โอค่าซังเผื่อเวลาซะเป๊ะเลย )
ช่วงก่อนรถมานั้นโอค่าซังก็ออกค่ากาแฟที่ผมซื้อไปกินบนรถให้1ขวดด้วย อิอิ
แล้วรถก็มาพอดี...
โอค่าพาผมไปยืนต่อแถวขึ้นรถเป็นคิวสุดท้าย
เมื่อมาถึงคิวผมคุณคนขับรถ(ที่ทำหน้าที่ตรวจตั๋วด้วย)ก็ถามหาตั๋วของผมจากโอค่าซัง
โอค่าซังก็มาถามหลักฐานการจองตั๋วจากผมอีกที
ชิบหอยเลยสิครับ ต้องจองตั๋วก่อนด้วยเหรอเนี่ย!!!
ผมนึกว่าซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถแบบที่ไทยได้เลย งี้จะได้ขึ้นรถมั้ยเนี่ย
โชคยังดีที่พอคุณคนขับเช็คที่นั่งให้แล้วปรากฏว่ายังมีที่ว่างผมเลยซื้อตั๋วได้แบบฟลุคๆ แหะๆ
...ตอนจ่ายค่าตั๋วเงิน(เศษๆ)ของผมขาดไป100เยนพอดี ตอนจะควักแบงค์5000เยนจ่ายแทนโอค่าซังก็ยื่นเหรียญ100เยนมาให้
ช่างเป็นการลาจากที่ประทับใจเหลือเกิน
สภาพรถทัวร์ของญี่ปุ่นครับ
ได้ที่นั่งติดห้องส้วมเลยครับ ...ให้ทายครับว่าอะไรอยู่บนเป้ อิอิ
ดูวิวข้างทางบ้าง เขียนไดอารี่บ้าง จิบกาแฟบ้างและตากถุงเท้าตลอด ชิลลลล
จากที่ผมได้บันทึกไว้ในไดอารี่ ตูดผมสัมผัสเบาะรถตอน7.39น.และถึงปลายทางขนส่งชินจูกุตอน11.40น.
ระยะเดินทางเพียง4ชั่วโมงแค่นี้ รถทัวร์คันนี้จอดแวะจุดพักรถถึง2ครั้ง!
ตอนผมนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพไปภูเก็ตยังจอดแวะกินข้าวแค่ทีเดียวเอง 55
8.32น. รถก็มาถึงจุดพักรถที่แรกที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจนัก พอผมลงไปเข้าห้องน้ำเสร็จก็ขึ้นมานั่งรอที่รถเลย
จะมีสิ่งที่น่าสนใจหน่อยก็รถที่มาจอดในที่พักริมทางนี่แหละ
กลุ่มรถแรง
และรถลายการ์ตูน
9.47น. เราก็มาถึงจุดพักรถที่สองซึ่งใหญ่และน่าสนใจกว่าจุดแรกเยอะ
มีร้านค้าให้ชอปถึง3อาคารใหญ่ๆ
และหลายเตนท์เล็กๆ
ตู้เครื่องดื่มมากกว่า10ตู้ (มีอีกมุมแต่ไม่ได้ถ่ายมาครับ)
HERB GARDEN ก็ยังมีเลย!
น่าเสียดายที่รถจอดแค่15นาที (ซึ่งผมก็ขึ้นรถไปตั้งแต่นาทีที่13แต่ก็เป็นคนสุดท้ายแล้ว)
ไม่งั้นคงได้ถ่ายรูปเจาะลึกในหลายๆจุดได้มากกว่านี้ เฮ่อ
จากการที่ได้นั่งมองข้างทางจากหน้าต่างรถทัวร์กว่า4ชั่วโมง
มีจุดนึงให้เปรียบเทียบฝีมือนักขับไทยและนักขับญี่ปุ่นอีกอย่างนึงคือป้ายบอกทางลาด
สำหรับคนที่เคยขับรถลงเขาจะรู้ดีว่ามันอันตรายกว่าการขับทางเรียบมากนัก
เพราะถนนบนเขาจะเต็มไปทางโค้งงอศอก/หักศอกสารพัด
แค่คุมความเร็วผิดนิดเดียวคุณก็อาจแหกโค้งลอยละลิ่วลงเหวได้ไม่ยาก
ดังนั้นป้ายเตือนความลาดชันจึงถือว่าสำคัญไม่น้อย
ตัดภาพกลับมาที่ป้ายเตือนความลาดชันแบบไทยๆครับ
"ทางลาดยาว...เมตร โปรดใช้ความระมัดระวัง" หรืออะไรประมาณนี้
ส่วนป้ายของญี่ปุ่นจะบอกความลาดเป็นองศาทุกระยะ100/200/300/400/500เมตรตามองศาที่เปลี่ยนไป
...ของเราขับเก่งกว่าเยอะครับ ป้ายเดียวเตือนได้ตลอดทางลาด
ถนนเส้นที่รถทัวร์คันนี้วิ่งเข้าโตเกียวต้องผ่านยามานาชิถิ่นของอายูมิซังและยารี่ซังด้วย
ช่วงเข้าเขตยามานาชิผมเลยพยามเพ่งพินิจภูเขาข้างทางเป็นพิเศษด้วยหวังใจว่าจะเจอวิวที่คุ้นตาบ้าง
...แต่ก็ไม่เจอ
ยิ่งเข้าใกล้โตเกียวความเร็วของรถก็ยิ่งลดลงๆ แต่หัวใจของผมกลับเต้นแรงขึ้นๆ
อาจจะเป็นเพราะกาแฟนมที่ผมซื้อมาดื่มบนรถก็ได้ที่ทำให้ใจเต้นแรงเช่นนี้
(ตอนซื้อกาแฟผมตั้งใจว่าจะกินเพื่อไม่ให้ง่วง แต่พอนั่งรถนานๆผมดันพยายามที่จะนอน งงตัวเองเหมือนกันแฮะ )
กินแล้วร้อง"อุไม่"เลยครับ ...ไม่อร่อย
33482/562
Create Date : 06 เมษายน 2554 |
|
14 comments |
Last Update : 10 เมษายน 2554 9:42:53 น. |
Counter : 1175 Pageviews. |
|
|
ผมทราบและครับอะไร อยู่บนเป้ ครับ ...
เอ่อ ถุงเท้าอ่ะ คนที่นั่งเบาะหลัง ฝากให้บอกว่า เอาลงด้วยครับ เพราะดมกลิ่นไม่ไหวแย้ววว...
...........
สนุกครับ เดี๋ยวอ่านต่อนะ..