|
หมูตอน on the cruise ญาติบุกเรือสำราญที่แหลมฉบัง # 7.1
ปีนี้ผมโชคดีมากที่ได้มาทำงานบนเรือที่ได้วิ่งไปแถบเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ต้องแวะอินโดนีเซีย (เกาะบาหลี) (เวลานั้นบังเอิญมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดในอินโดนีเซีย เรือเลยทำได้แค่ไปโฉบใกล้ ๆ เท่านั้นเอง) ส่วนมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ก็ได้แวะประเทศละวัน แล้วค่อยมาเมืองไทยที่แหลมฉบัง ซึ่งลูกเรือน้อยคนจะได้ทำงานบนเรือที่จะได้ย้อนกลับมาเมืองไทยครับ เมืองไทยของเราก็ถือว่ามีท่าเรือน้ำลึกที่มีหน้ามีตากับเขาที่นี่แหละครับ ถ้าไม่มีแหลมฉบัง ผมคงไม่มีโอกาสได้แวะทักทายบ้านเกิดแน่ ๆ
 ศรีภรรยาผมเองครับ (ผู้ผลักดันชีวิต) มาเที่ยวบนเรือ
พอผมรู้ตารางเวลาเดินทางล่วงหน้าผมก็ได้แต่นับถอยหลังว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาเมืองไทย เพราะจากไปหลายเดือนดีดัก ทางบริษัทฯ ได้อนุญาตให้ญาติของพนักงานมาเยี่ยมพนักงาน พร้อมทั้งสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเรือสำราญได้อย่างสำราญใจได้ไม่เกิน 5 คน พอญาติพี่น้องผมรู้เท่านั้นแหละครับ แทบจะไม่นับญาติกันเพราะมัวแต่ทะเลาะกัน เพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่จะมาเที่ยวบนเรือให้ได้ ทุกคนคงคิดสะระตะดูแล้วชาตินี้คงไม่มีปัญญามีเงินไปเที่ยวบนเรือสำราญเหมือนนักท่องเที่ยวเศรษฐีคนอื่นแน่ ๆ เลยต้องขอมาเที่ยวบนเรือ แค่นี้ก็เป็นสุดยอดของชีวิตคนต่างจังหวัดอย่างเราแล้วครับ สรุปว่าผมต้องไปยืมโควตาจากเพื่อนมาอีกครับถึงจะพอ เพราะรวมคุณภรรยาผมด้วยก็เป็น 6 คนพอดี
การมาเที่ยวบนเรือครั้งนี้ไม่ได้มาง่าย ๆ นะครับ คนที่จะมาเยี่ยมชมเรือได้จะต้องแจ้งชื่อ วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประชาชน ซึ่งถ้าแจ้งแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นขอสลับคน ขอเพิ่มคน อะไรไม่ได้ทั้งนั้น
 ภายในเรือ
วันนั้นจำได้ว่าพอเรือไปถึงที่แหลมฉบังตอนประมาณ 7 โมงเช้า ผมมีงานต้องทำถึงประมาณ 11.oo น. เป็นเรื่องที่ทรมานใจผมมาก ๆ เพราะผมนัดคุณภรรยา, แม่ ๆ (หมายถึงแม่ของเธอด้วยน่ะครับ) และญาติของผมไว้ประมาณ 8.00 น. ผมเลยไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเลยครับ พอแว่บได้ก็จะออกมาโทรศัพท์เช็คว่าไปถึงที่แหลมฉบังหรือยังจะนัดกันตรงไหน และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมว่าง ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ผมเหมือนมีคนไปเยี่ยมคนในคุกเลย (จะเหมือนกันมั้ยครับเนี่ย) ผมก็ดีใจ คุณภรรยาผมก็ดีใจ แม่ ๆ ก็ดีใจ ไม่เจอกันกว่า 7 เดือน ไม่คิดถึงกันก็เกินไปแล้ว

แล้วก็ถึงเวลาที่ผมนำชมเรือ(ที่ไม่ใช่ของผม) ก่อนเข้าเรือ ทุกคนต้องแลกบัตรเข้าที่แหลมฉบัง แล้วก็ต้องผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเรือ โดยการตรวจอาวุธตามร่างกายและกระเป๋า สัมภาระเหมือนระบบตรวจเช็คเวลาขึ้นเครื่องบินยังไงยังงั้นเลยครับ เพียงแต่เปลี่ยนจากเครื่องบินเป็นเรือเท่านั้นเอง จะมีเพิ่มเติมมากไปหว่าเครื่องบินนิดหน่อยคือ ทุกครั้งที่เข้าออกเรือ ทางเรือจะมีกล้องถ่ายรูปเล็ก ๆ ให้เราเอาหน้าอันหล่อเหลา และแสนสวยไปจ่อแล้วจะมีการบันทึกภาพดังแช๊ะเก็บไว้ทุกครั้งที่มีการเข้าออกเรือ
แค่นี้ญาติผมที่มากจากต่างจังหวัดก็ร้องอู้หู...แล้วครับ แต่ละคนก็จับไม้จับมือกันไม่ให้คลาดกันเพราะกลัวหลง เดินจับกลุ่มกันแบบไม่เกรงใจฝรั่งกันล่ะทีนี้ ไม่ให้กลัวหลงได้ไงล่ะครับเรือมันมีตั้ง 17 ชั้น ขนาดก็ใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอล 3 สนามเท่านั้นเอง คุณนึกเอาเองนะครับว่ามันใหญ่ขนาดไหน แล้วมาตามต่อนะครับว่าในเรือจะมีอะไรบ้าง
Create Date : 11 กรกฎาคม 2552 | | |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2552 19:56:51 น. |
Counter : 914 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หมูตอน on the cruise ตอน ความลับเปิดเผย คืนสต๊าฟพาร์ตี้ # 6
ผมย้ายเข้าห้องใหม่ อย่างกระตือรือร้น ลุ้นว่าบรรยากาศห้องใหม่ และรูมเมทคนใหม่จะเป็นอย่างไรบ้าง
สวัสดีครับ เย้....ผมได้ยินไม่ผิดแน่ๆ รูมเมทคนใหม่ ทักทายผมก่อนด้วยแน่ะ บรรยากาศมันช่างดีผิดกับห้องเดิมจริง ๆ สวัสดีครับ ผมชื่อหมูครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมรีบตอบและใช้นามแฝง(ที่คุณภรรยาตั้งให้) พร้อมกับฉีกยิ้มแบบหุบไม่ลง ผมเก็บอาการดีใจไม่ได้เลย ถ้าเป็นในหนัง อาจมีน้ำตาคลอนิด ๆ เพราะความปิติ หลังจากเก็บกดมาเกือบสองเดือนที่เหมือนเกือบสองปีเลยทีเดียว ผมไม่ได้เวอร์นะครับ ผมดีใจจริง ๆ
 รูปนี้เอามาทำใน photoshop เองครับ
ผมชื่อบุ๊ค ครับ ทำงานเป็น Junior Bar Stward ครับ เชิญตามสบายนะครับ มีอะไรให้ช่วยก็บอกละกัน ก็สบาย ๆ อย่างที่บอกจริง ๆ ไม่มีอะไรมาก แต่ก็เป็นอะไรที่แตกต่าง ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งให้ผมเกิดเป็นคนไทย แล้วก็มาเจอคนไทยด้วยกันแบบนี้ เพื่อนใหม่คนนี้คงคิดว่าตูก็แนะนำตัวแบบธรรมดา แต่ทำไมไอ้บ้านี่ (หมายถึงผมนี่แหละครับ) ถึงแสดงอาการดีใจ ประหนึ่งได้เจอญาติพี่น้องที่ไม่ได้พบกันมาแรมปีขนาดนี้ ผมเก็บของเข้าตู้ไปยิ้มไปอย่างมีความสุข ผมหลุดจากขุมนรกจากไอ้ยักษ์มารยาททรามแล้วนี่ครับ ลั้นลา ลั้นลา
จากวันนั้นผมก็ได้ใช้ชีวิตปกติเหมือนทุกวัน ทำงาน ออกไปเที่ยวบ้าง แล้วก็กลับมานอน บางครั้งก็มีสังสรรค์กับเพื่อนฝูงคนไทยด้วยกันบ้างตามประสา หมดความกังวัล หรืออึดอัดเรื่องรูมเมทไปเลย
 Katakolon : Greeze
จู่ ๆ คืนหนึ่ง
คืนนี้มีสต๊าฟ พาร์ตี้ ( Staff Party ) คุณไปด้วยหรือเปล่า? บุ๊คถามผมตอนผมกลับเข้ามาในห้อง ผมของีบซักแป๊บ แล้วเดี๋ยวคงตามไป คุณไปก่อนก็แล้วกันนะ ผมตอบแล้วก็ขอตัวไปนอน ผมทำงานมาหลายชั่วโมงแล้ว ถ้าไม่ได้งีบ คงไปเที่ยวต่อไม่ไหวแน่ ๆ บนเรือที่นี่จะจัดเรื่องสวัสดิการสำหรับพนักงานอย่างดีทีเดียว อย่างคืนนี้มีสต๊าฟ พาร์ตี้ ก็จะมีงานเลี้ยงสังสรรค์ ในผับส่วนของพนักงาน เพื่อให้พนักงานทุกคนมาพบปะสังสรรค์กัน กินดื่มฟรี ให้เต็มที่ พร้อมกับมีการแสดงของพนักงานด้วยกันเอง บางคนเป็นแดนเซอร์ชาวต่างชาติที่ต้องเต้นโชว์ในโรงละครของเรือ ก็จะมาโชว์ให้พนักงานด้วยกัน บางคนเป็นนักมายากล ใครมีความสามารถอะไรก็มาโชว์กันอย่างเต็มที่บนเวที
ผมตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวออกมาร่วมงานในตอนดึก มาถึงทุกคนเมาได้ที่กันแล้ว แต่เวลาของผมเพิ่งเริ่มต้น ผม นั่งดริ๊งค์ไปก็มองดูโชว์ไป เพลิน ๆ ไม่ยักรู้ว่าพนักงานอย่างพวกเรามาจากหลากหลายมุมโลก ต่างก็งัดความสามารถมาโชว์กันอย่างมืออาชีพ ถ้าไม่บอกแทบไม่เชื่อเลยว่าเป็นผลงานของพนักงานบนเรือ มีการแสดงชุดหนึ่ง เป็นเหมือนคาบาเร่ห์โชว์บ้านเรา ผู้ชายแต่งตัวเป็นผู้หญิง อยู่ในชุดราตรีที่อลังการงานสร้างมาก ออกมาเต้นโชว์ลีลา พร้อมกับทำลิปซิงค์ (Lip Sing) ด้วยจังหวะท่าทาง สวยงาม จนแทบจะมองไม่ออกว่าเป็นผู้ชาย เล่นเอาผมเคลิ้มไปเลยทีเดียว
 Ephesus : Turkey
และแล้วผมก็ต้องเบิ่งตาค้าง อ้าปากหวอ ด้วยความตะลึง ด้วยมนต์สะกดบางอย่าง สิ่งที่ผมได้เห็น ผมแทบไม่เชื่อสายตาจริงๆ ผมยืนยันว่าผมไม่มีอาการง่วงนอน หรือเมาจนตาลายแม้แต่น้อยนิด ผมเห็นหนึ่งในนักแสดงนั้นหน้าตาเหมือนบุ๊ค รูมเมทของผมมาก ๆ ผมต้องขยี้ตาอีกครั้ง
ใช่ มันใช่จริง ๆ ด้วย ไม่ใช่แค่เหมือน มันใช่เลย บุ๊คเพื่อนที่สุดแมนของผมแต่งตัวเป็นผู้หญิง หน้าตาสะสวยไม่หลงเหลือความเป็นชาย เต้นอยู่บนเวทีอย่างยั่วยวน มีจริตจะก้าน เล่นหูเล่นตา ลีลาแพรวพราว ภาพที่เห็นมันไม่ใช่ให้ผู้ชายอย่างผมมาแต่งเป็นผู้หญิงแล้วออกไปเต้นแบบขำ ๆ ตลก ๆ แน่ๆ มันเป็นการเต้นของสาวประเภทสอง หรือเกย์ที่ชอบแสดงออกทางการเต้น หรือโชว์อย่างช่ำชอง ไม่มีอาการเคอะเขินแม้แต่น้อย
 Panama Canal
หลังจากการแสดงจบลง ผมดริ๊งค์ต่อแบบเซ็งโลกมาก ผมไม่ได้โกรธรูมเมทผมหรอกนะที่เขาเป็นแบบนั้น ผมโกรธตัวเองต่างหากที่ไม่ได้ดูเหนือดูใต้ก่อนย้ายเข้ามาห้องใหม่ เพียงเพื่อจะหนีไอ้ยักษ์ห้องเดิมนั่น อุตส่าห์หนีเสือ(ไอ้ยักษ์) ปะจระเข้ (น้องบุ๊ค) อีกหรือนี่ แต่ต้องขอบคุณคืนสต๊าฟ พาร์ตี้คืนนั้นจริงๆ ถ้าไม่มีการแสดงในคืนนั้นผมคงไม่มีโอกาสรู้ว่าคุณบุ๊ค รูมเมทคนที่สองของผม มีอีกมุมหนึ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ผมได้แต่สัญญากับตัวเองว่าต่อไปจะทำความรู้จักกับผู้ชายด้วยกันเอง ผมจะระวังหน้าระวังหลังมากกว่านี้ บรื๋อ !!!!
Create Date : 02 กรกฎาคม 2552 | | |
Last Update : 5 สิงหาคม 2552 8:54:21 น. |
Counter : 683 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|