ผจญภัยในญี่ปุ่นแบบหมาป่าโดดเดี่ยว วันที่12.2 -งงงงงงง-
ออกจากร้านไอติม เอ๊ะไหงโอค่าซังขับรถย้อนกลับมาทางเดิม ไม่ไปมะสึโมโต้แล้วเหรอคร้าบ
ระหว่างทางโอค่าซังก็ชี้ให้ดูลานสกีบนภูเขาที่ใช้แข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว
ตรงยอดเขายังพอมีหิมะปกคลุมอยู่ แต่ส่วนที่เป็นลานสกีนั้นหิมะละลายหมดแล้ว
...แต่กระนั้นมันก็ยังสวยอยู่ดี
มือผมหยิบกล้อง(ที่พลังกายใกล้หมดเต็มที ) ขึ้นมาถือเตรียมลั่นชัตเตอร์
...แต่ก็ได้แค่เตรียมเท่านั้นเพราะโอค่าซังควบอิมเพรสซ่า(รถเครื่องแรงนะครับ)คู่ใจไปด้วยความเร็วที่ถ่ายไปภาพก็สั่น
ชะรอยสวรรค์คงรับรู้ได้ว่าคนดีกำลังต้องการความช่วยเหลือจึงประทานสามแยกพร้อมสัญญาณไฟแดงมาให้คนดีเช่นผม
แต่สวรรค์คงรู้ตัวช้าไปหรือไม่ก็โอค่าซังจะซิ่งเร็วไปตำแหน่งที่รถจอดติดไฟแดงอยู่นั้นถึงได้โดนบ้านและเสาไฟบัง แถมภูเขาก็เล็กจิ๋วซะอีก
มองส่งทิวเขาเบื้องหลังจนเกือบลับสายตาแล้วก็หันหน้ามาเผชิญความจริงต่อไป
...ความจริงที่ว่าโอค่าซังกำลังขับรถในเส้นทางกลับบ้าน
โอ๊ะ แต่ข้างหน้านั่น คนสายตาสั้น150เพ่งแล้วขยี้ตา ขยี้ตาแล้วก็เพ่งใหม่ ภาพนั้นก็ยังไม่หายไป
สิ่งนั้นคือป้ายเขียวๆตัวหนังสือสีขาว แขวนอยู่เหนือถนนเบื้องหน้า
บนป้ายนั้นมีลูกศรสีขาวชี้ไปทางซ้าย ข้างบนลูกศรมีภาษาอังกฤษกำกับว่า Matsumoto
เอ่ออออ... จริงๆผมก็ไม่ได้ชอบการหักมุมอะไรกันบ่อยๆนะครับ
ที่เล่ามานี่ก็เรื่องจริงทั้งนั้น และไอ้ที่โอค่าซังจะทำต่อไปก็เรื่องจริงอีกเช่นกัน...
โอค่าซังไม่เลี้ยวซ้าย!!!
...มานึกๆดูโอค่าซังก็พูดแค่ให้หยุดวันนี้นี่เนอะ คนที่บอกว่าไปมะสึโมโต้คือแคธีซะหน่อย
พอพ้นสามแยก"มะสึโมโต้เลี้ยวซ้าย"แล้วผ่านทางรถไฟมาอีกหน่อยโอค่าซังก็จอดรถริมทะเลสาบ
...ทะเลสาบที่ผมเคยมากับแคธีนั่นเอง
ผู้คนริมทะเลสาบแบ่งออกเป็น2จำพวกคือ 1วาดรูป และ2ตกปลา
แต่เมื่อผมและแคธีลงไปริมทะเลสาบบ้างจำพวกที่3ก็เกิดขึ้น ...ถ่ายรูป
(จริงๆที่มาญี่ปุ่นผมก็หวังว่าจะได้ทั้งวาดรูปและตกปลาเลยนะ
กะเรื่องวาดรูปเนี่ยผมเตรียมสีไม้มาด้วย1กล่องเลยล่ะ <แต่ไม่ได้วาดเลยซักนิดจนกลับประเทศไทย >
ส่วนเรื่องตกปลาผมก็แอบหวังว่าในเวลา12วันที่อยู่กับโฮสอาจจะมีโฮสซักคนชวนไปตกปลามั่ง แหะๆ)
น้าคนนี้นั่งวาดอยู่แถวริมถนนคนเดียวเลย คนอื่นๆไปวาดกันแถวริมน้ำทั้งนั้น
จากนั้นผมก็ค่อยๆย่องไปดูเค้าตกปลากัน
การตกปลาต้องการสมาธิและความสงบ เราต้องไม่ไปรบกวนเค้า
ดังนั้นเราจึงแค่แอบถ่ายพวกลุงๆอยู่ห่างๆอย่างเงียบๆ
"เราไม่ได้รบกวนพวกลุงเค้าใช่มั้ยแคธี"
ไม่เมื่อยมั่งเหรอครับ?
นั่งวาดน่าจะสบายกว่านา...
แคธีเด็ดต้นไม้มากินอีกและ ...กินจริงๆนะครับไม่ได้มุก ลำต้นมันจะรสออกเปรี้ยวๆ
เมื่อขึ้นรถอีกครั้งไม่มีการย้อนไปสามแยก"มะสึโมโต้เลี้ยวซ้าย"อีกแต่อย่างใด
เพราะจุดหมายต่อไปคือกลับบ้าน
เมื่อลงจากรถแคธีก็แบกต้นฟุกิกำใหญ่ไปเก็บเพื่อรอแปรรูปเป็นฟุกิดองต่อไป(เสียดายมากที่ไม่ได้อยู่กิน )
หันไปทางแปลงผักก็เห็นโอบ้าจังเล่นอยู่กับไลกุ
เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้วผมก็งงๆเอ๋อๆเดินไปทางสวนแอปเปิ้ลเตรียมจะทำงานต่อไป
แต่แคธีก็เรียกให้ขึ้นรถ บอกว่ายังไปต่ออีกนะ
ไอ้ไปต่อที่ว่าก็คือบ้านลูกชายคนที่3ของโอค่าซังที่แต่งงานไปน่ะเอง
(ภรรเมียเค้าสวยมากเลยล่ะครับ )
และที่บ้านนี้เองผมก็ได้เห็นธงปลาโค่ย(ปลาคาร์ฟนั่นเอง)เหมือนที่เคยเห็นบ่อยๆในหนังสือการ์ตูน
เสียแต่ว่า...
เมื่อไม่มีลมมันก็เป็นแค่ปลาตากแห้ง
แวะคุยกับลูกชายแป๊บเดียวโอค่าซังก็ขับรถพาไปที่อื่นต่ออีก
จะไปไหนอีกเนี่ย งงไปหมดแล่ว
แต่เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ ข้อมูลทุกอย่างก็ปะติดปะต่อกันจนได้
...จะนั่งรถไฟไปมะสึโมโต้นี่เอง
อ้าวๆๆๆๆ แล้วทำไมโอค่าซังเดินกลับไปที่รถอีกล่ะคร้าบ
แค่ต้องรอรถไฟเที่ยวต่อไปอีกครึ่งชั่วโมงก็เปลี่ยนใจไม่ไปแล้วเหรอคร้าบ
เปล่า! โอค่าซังกลับบ้านแล้วให้ผมไปมะสึโมโต้กับแคธีสองคน
...ครึ่งวันนี้งงหลายครั้งเหลือเกิน
29511/553
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
12 comments |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2554 16:42:02 น. |
Counter : 1901 Pageviews. |
|
|
น่าเก็บปลาตากแห้งมากินกับข้าวต้มนะ555+