|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
รักหลังราชบัลลังก์
ดุลยทัศน์ พืชมงคล
ใครที่เคยอ่านพงศาวดารไทยสมัยอยุธยาหรือชมภาพยนตร์เรื่องสุริโยไทมาแล้ว วันนี้ผมขออนุญาตแนะนำหนังสือเก่าสักเล่มหนึ่ง เพราะเป็นหนังสือที่กล่าวถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ในอีกแง่มุมไว้ได้อย่างน่าสนใจ
หนังสือเล่มนี้ มีชื่อที่ตั้งไว้ได้อย่างนุ่มนวลชวนอ่านครับว่า รักหลังราชบัลลังก์
เป็นผลงานที่ประพันธ์ขึ้นในราวปี พ.ศ. 2480 โดย ยาขอบ หรือ นายโชติ แพร่พันธ์ นักประพันธ์เอกของวงวรรณกรรมไทย และเป็นเจ้าของผลงานอมตะนิยายชื่อก้อง ผู้ชนะสิบทิศ
เนื้อหาของหนังสือกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสมัยอยุธยา อันเป็นช่วงเวลาและช่วงเหตุการณ์เดียวกันกับที่นำเสนออยู่ในภาพยนตร์เรื่องสุริโยไท
ความแตกต่างอยู่ที่บทภาพยนตร์นั้นอิงประวัติศาสตร์ ส่วนบทประพันธ์นี้ถือเอาน้ำใจของคนเขียนเป็นที่ตั้ง
และที่แตกต่างกันอย่างสุดกู่ก็คือทัศนคติและมุมมองที่มีต่อพระนางศรีสุดาจันทร์และขุนวรวงศ์ษาหรืออีกนัยหนึ่งคือ พันบุตรศรีเทพ ในขณะที่หนังและพงศาวดารมองพระนางศรีสุดาจันทร์กับขุนวรวงษาศ์ ในมุมของผู้ผิดทั้งในแง่ของการการครองคู่กันจนถึงการครองเมือง
แต่ในรักหลังราชบัลลังก์ ผู้ประพันธ์เจาะจงลงลึกในประเด็นเรื่องราวความรักของทั้งคู่
โดยร้อยเรียงแต่งแต้มที่มาและความสัมพันธ์ระหว่างกันเสียใหม่ เพื่อให้ผู้อ่านได้เคลิบเคลิ้มคล้อยตามไปกับสิ่งที่ตั้งใจจะนำเสนอ
ซึ่งยาขอบเองก็ได้ออกตัวไว้แต่เบื้องต้นในบทนำเรื่องที่ใช้ชื่อว่า มาเข้าใจกันเสียก่อน ตอนหนึ่งไว้แล้วว่า
ไม่ได้มุ่งค้านใดๆ ในหลักฐานดั้งเดิม แต่ประสงค์เพียงเสนอความเชื่อโดยสุจริตใจของตนเพื่อประโยชน์แก่งานของเขาเท่านั้น
ขณะที่ประวัติศาสตร์ให้เหตุจูงใจของการชิงราชสมบัติในช่วงเวลานั้นว่า
เป็นพระประสงค์ของแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ที่ต้องการยกเชื้อสายราชวงศ์อู่ทอง อันเป็นราชวงศ์เดิมตามสายเลือดของพระนางและนายพันบุตรศรีเทพซึ่งเป็นคู่พิศมัย ขึ้นเหนือพระแท่นภายใต้พระมหาเศวตฉัตรราชอาณาจักรอยุธยาที่ราชวงศ์สุพรรณภูมิครองความเป็นใหญ่ขึ้นอีกครั้งนั้น
แต่ใน รักหลังราชบัลลังก์ ของนักประพันธ์เอกอย่าง ยาขอบ กลับเรียกร้องให้ผู้อ่านตีความไปอีกด้านหนึ่ง และทำความเข้าใจกับเหตุผลนี้ในลักษณะที่ เข้าไปนั่งในหัวใจของชายหญิงคู่นี้อย่างปุถุชนคนธรรมดา ซึ่งประกอบได้ทั้งกรรมดีและชั่ว และบางครั้งก็ให้น้ำหนักและค่าของ ความรัก ไว้เหนือกว่า อำนาจหรือราชบัลลังก์
ความเป็นไปของการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ของขุนวรวงษานั้น ยาขอบได้ให้เหตุผลไว้หนังสือเล่มนี้ว่า
ขุนวรวงษา อาจพอใจในการบำเพ็ญชีวิตอย่างเงียบๆ แต่แสนสุขที่ซ่อนตัวเป็นยอดรักของนางพระยาซึ่งเป็นเมียรักเช่นนั้นก็ได้ ถ้าการแพทย์สมัยโน้นรุ่งเรื่องจำเริญเหมือนในปัจจุบันนี้ แล้วการคุมกำเนิดก็เป็นผลแน่นอน แต่พงศาวดารไม่ได้บอกเราหรือว่า ความจำเป็นบังคับขุนวรวงษาต้องก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ เพื่อรักษาความปลอดภัยของตนและเมียรักในเมื่อนางพระยามีครรภ์
ทั้งยังท้าทายผู้อ่านของเขาด้วยว่า
ข้าพเจ้าจะไม่พูดเรื่องนี้ยาวนักจะเพียงขอให้ท่านคิดโดยพาท่านไปนั่งเคียงแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ ในฐานะขุนวรวงษาธิราชท่านจะทำอย่างไรกับศัตรูที่ส้องสุมกันคอยคิดล้างผลาญท่าน? ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าท่านจะงอมืองอเท้า
ยาขอบ ได้ให้เหตุผลรองรับไว้สำหรับผู้อ่านที่อาจล่วงคิดไปว่า เพราะเหตุของการเป็น
คนหนักในกามคุณ ของทั้งคู่จึงทำให้เหตุการณ์ทั้งหลายถลำลึกไปได้ถึงเพียงนี้ต่อไปว่า
อันว่ากามคุณกับความรักไม่เหมือนวิสกี้กับเบียร์ ซึ่งเราชี้หลักฐานง่ายๆ ได้ด้วยเครื่องวัดดีกรีของกรมสรรพมิตร ข้าพเจ้าไม่ทราบความรักรุนแรงขนาดไหนถึงจะเข้าขั้นกามคุณ และไม่ทราบว่ากามคุณขนาดอ่อนบางแค่ไหน จึงควรเรียกว่าความรัก ถ้าเรายังเข้าใจสองสิ่งรวมๆ รัวๆ กันอยู่ ข้าพเจ้าก็อยากจะเรียกคนชั่วในพงศาวดารผู้นี้ว่า คนหนักในความรัก
ภายใต้ฉากหลังตามพงศาวดาร รักหลังราชบัลลังก์ ของยาขอบยังได้เสริมเติมแต่งเรื่องราวแห่งความรักของทั้งคู่ไว้อย่างบรรเจิศเพริดแพร้วตอนแล้วตอนเล่าเพื่อให้ผู้อ่านเคลิบเคลิ้มคล้อยตามไปกับบทบาทความรักในจิตนาการของตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นฉากที่แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์พระราชทานดอกจำปาเป็นกำนัลแด่พันบุตรศรีเทพ หรือเมื่อคราวพันบุตรศรีเทพออกอุบายฝากจุมพิตโดยอาศัยพวงแก้มของราชบุตรผู้เยาว์เป็นพาหนะฝากประทับซ้ำรอยไปถึงนางอันเป็นที่รัก รวมถึงอีกหลายฉากหลายตอนที่ไล่เรียงอยู่ในหนังสือตลอดทั้งเล่ม
ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่า ความเป็นไปในฉากต่างๆเหล่านี้ หากใครลองได้อ่านผ่านตาซักเที่ยวหนึ่งแล้ว คงจะรู้สึกได้ว่า เป็นเรื่องกินแรงไม่น้อยที่จะบังคับน้ำใจไม่ให้แปรไปอยู่ข้างเดียวกับผู้เขียนและตัวละครทั้งคู่ได้
อาจกล่าวได้ว่า รักหลังราชบัลลังก์ เป็นบทประพันธ์เรื่องเยี่ยมชิ้นหนึ่งของยาขอบ โดยเฉพาะกับสำนวนภาษาที่ทราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้วว่ามีเสน่ห์และมนต์ขลังราวกับเป็นนายของตัวอักษรและผู้ที่ถืออ่านงานของเขา
ใครที่เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้มาแล้วก็คงทำให้การชมภาพยนตร์เรื่องสุริโยไทออกรสชาดมากขึ้นกว่าเดิม หรือใครที่เคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้วตั้งแต่ครั้งที่ออกฉาย เมื่อได้อ่านหนังสือเก่าเล่มนี้ด้วยแล้วก็คงได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้พินิจพิจารณาพงศาวดารไปในแง่มุมที่เปิดกว้างและหลากหลายกว่าเดิม เรียกได้ว่าทั้งรักทั้งรบ ได้อรรถรสครบถ้วนกระบวนความ.
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 28 ธันวาคม 2550 15:23:04 น. |
|
2 comments
|
Counter : 510 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:48:58 น. |
|
โดย: POP IP: 58.97.49.2 วันที่: 30 สิงหาคม 2552 เวลา:13:45:09 น. |
|
| |
|
อาบูหะซัน |
|
|
|
|
ขอบคุณที่มาแนะนำหนังสือที่น่าอ่านให้กันนะค่ะ
แล้วจะหาซื้อได้ที่ไหนบ้างค่ะ