"ประกายไฟน้อยๆ ลามทุ่งได้"

<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 พฤษภาคม 2551
 

กวางเจาแฟร์ มหกรรมแสดงสินค้าแดนมังกร

มีโอกาสไปเมืองจีนมาครับ เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง เป้าหมายการเดินทางไป 4 วัน 3 คืนในครั้งนี้ก็เพื่อไปเปิดหูเปิดตาดูงานแสดงสินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดงานหนึ่งของยุคสมัย นั่นก็คืองานกวางเจาแฟร์ หรือ Canton Fair ตามชื่อที่เรียกกันอย่างเป็นทางการ

ฉะนั้นไหนๆเมื่อไปมาแล้วก็ไม่ควรละโอกาสที่จะนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเล่าสู่กันฟังตามประสาคนไทยครับ เผื่อว่าผู้อ่านท่านใดสนใจก็คงจะได้รับข้อมูลบางส่วนที่เป็นประโยชน์เก็บตุนไว้บ้างไม่มากก็น้อย

ก่อนอื่นควรทราบก่อนครับว่ากวางเจาแฟร์นี้เป็นงานที่ผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมหนักและเบาจากทั่วทั้งประเทศจีนจะนำสินค้าของตนเองมาออกแสดง เพื่อเสนอต่อคู่ค้าและผู้ที่สนใจจากทั่วโลก โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นทุกปีๆ ละ 2 ครั้งในเดือนเมษายนและตุลาคม ณ นครกวางเจา มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นมณฑลทางตอนใต้ของประเทศจีน เป็นที่ตั้งของเมืองเซิ่นเจิ้นที่เรารู้จักคุ้นเคยกันดีนั่นเอง

ก็เป็นธรรมดาครับที่ระหว่างที่จัดงานนี้ กวางเจาทั้งเมืองจะเนืองแน่นไปด้วยนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ที่ต้องการจะไปเจรจาติดต่อสั่งซื้อสินค้า ผมเองซึ่งเพิ่งจะเคยไปงานนี้เป็นครั้งแรกก็ยังสามารถสัมผัสบรรยากาศของการติดต่อธุรกิจที่แสนจะคึกคักนี้ได้ และอดที่จะยอมรับไม่ได้จริงๆว่า สินค้าจากประเทศจีนในปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมและการยอมรับจากผู้คนจากทั่วโลก ทุกชาติ ทุกภาษาแล้วจริงๆ และก็คงไม่ใช่เหตุผลเพราะเรื่องราคาเพียงประการเดียวที่เป็นเหตุผลจูงใจ แต่เพราะความหลากหลายของสินค้า ทางเลือกที่มากมายอันเนื่องมาจากจำนวนรายของผู้ผลิต ตลอดจนสินค้าที่ยกระดับขึ้นมาทั้งในแง่คุณภาพและการดีไซน์ รวมไปถึงการออกแบบจัดบูธที่สวยงามทันสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบที่เกื้อหนุนธุรกิจและการค้าของประเทศจีนทั้งสิ้น

งานกวางเจาแฟร์ครั้งที่ไปนี้เป็นครั้งที่ 103 แล้ว จากข้อมูลที่ทราบก็คืองานกวางเจาแฟร์ครั้งแรกจัดขึ้นในปี 1957 โดยการสนับสนุนของนายกโจวเอินไหล อดีตผู้นำอันเป็นที่รักยิ่งของชาวจีน ว่ากันว่าสมัยนั้นมีคนเข้าร่วมงานแค่พันกว่าคนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันกลับกลายเป็นว่างานนี้เป็นงานใหญ่ระดับโลก จำนวนคนที่เข้าร่วมงานก็ต่างกับสมัยก่อนลิบลับ กล่าวคือมีตัวเลขนักธุรกิจที่เข้าชมงานในปีหลังๆมากกว่าครั้งละสองแสนคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นที่อิจฉาของเมืองอื่นๆในประเทศที่ใคร่จะเป็นเจ้าภาพจัดบ้าง เพราะอะไรนะหรือครับ? ก็เพราะจำนวนคนหลายแสนคนดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ทั้งในแง่การส่งออกและการท่องเที่ยว เข้าเมืองได้เป็นมูลค่ามหาศาลนั่นเอง

ที่ไปครั้งนี้จึงได้ทราบครับว่าสถานที่จัดงานนั้นแยกกันเป็น 2 แห่ง แห่งหนึ่งอยู่ในตัวเมืองกวางเจาซึ่งเป็นสถานที่จัดงานมาแต่เดิม ส่วนอีกแห่งที่ไปตั้งออกมาทางนอกเมือง แต่มีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่โตกว่ากันมาก โดยทั้งสองที่จะแบ่งประเภทสินค้าที่แสดงแตกต่างกันไป แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าอีกไม่นานก็น่าจะย้ายมาจัดรวมกันอยู่ในที่เดียวกัน เพราะขณะที่ไปเห็นบริเวณที่จัดงานที่ตั้งยู่นอกเมืองนั้นกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารขนาดยักษ์เพิ่มขึ้นอีกถึง 2 แห่ง ซี่งเมื่อก่อสร้างเสร็จ ขนาดพื้นที่รวมจะใหญ่โตมโหฬารขนาดไหนนั้น นึกแล้วก็สงสารคนที่จะต้องไปเดินในอนาคตขึ้นมาจับใจ

เพราะแค่ขนาดพื้นที่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็จัดว่ากว้างขวางใหญ่โตชนิดถ้าเดินทั่วทุกซอกทุกมุมพร้อมทั้งแวะพูดคุยเจรจาธุรกิจหรือไต่ถามข้อมูลกันไปด้วย ก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันจึงจะครบ

การเข้าร่วมงานนี้ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องยากครับเพราะสามารถเข้าไปที่เว็ปไซท์ที่จัดงานและลงชื่อขอบัตรเชิญ ทางผู้จัดงานจะส่งบัตรเชิญมาให้ แต่ปัจจุบันก็มีบริษัททัวร์ต่างๆจัดโปรแกรมทัวร์เพื่อดูงานนี้กันเป็นการเฉพาะหลายๆต่อหลายแห่ง ซึ่งก็สามารถอำนวยความสะดวกได้มาก ทั้งในเรื่องการขอวีซ่า จัดทำบัตรเข้างาน ที่พัก การเดินทาง และอาหารการกิน

เพราะต้องไม่ลืมครับว่า ช่วงเวลาที่มีงานกวางเจาแฟร์ผู้คนจะเยอะมาก ตั๋วเครื่องบินก็จะค่อนข้างหายาก ที่พักส่วนใหญ่จะเต็มและขึ้นราคา รถราบนถนนก็จะค่อนข้างติดขัดน้องๆกรุงเทพฯ อาหารการกินโดยเฉพาะที่อยู่ในบริเวณงานก็จะมีราคาสูงขึ้น

ดังนั้นการเดินทางไปดูงานที่นี่ ถ้าจะให้ดีควรต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าพอสมควร โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปเป็นครั้งแรก ยิ่งควรจะต้องศึกษาก่อนว่าประเภทสินค้าที่ต้องการดูนั้น เป็นสินค้าอุตสาหกรรมหนักหรืออุตสาหกรรมเบา เนื่องจากจะมีวันที่จัดก่อนหลังต่างกัน ทั้งควรทราบด้วยว่าสินค้าที่สนใจถูกจัดให้อยู่ที่สถานที่ไหน เพราะอย่างที่เรียนครับว่างานจะมีจัดพร้อมกันสองสถานที่ และเมื่อทราบสถานที่แน่นอนแล้วก็ควรดูลึกลงไปด้วยว่าตั้งอยู่ที่โซนไหนด้วยเพื่อความสะดวก เพราะพื้นที่ที่กว้างขวางมากขนาดนั้น ถ้าเดินทอดหุ่ยเรื่องไปจะค่อนข้างใช้เวลาและพลังงานขามากจนเกินไป เพราะเฉพาะสินค้าประเภทเดียวอย่างเช่น ถ้วยชาม ในโซนของถ้วยชามก็จะมีบูธของร้านถ้วยชามของบริษัทนับร้อยนับพันแห่งเรียงรายรออยู่ หรือในโซนของกระเป๋าก็จะมีบูธที่แสดงสินค้าประเภทกระเป๋าต่างๆจำนวนมากเช่นเดียวกัน

เมื่อทราบโซนแล้ว เมื่อมาถึงขั้นตอนการชมดูสินค้าหรือเจรจาพูดคุยกับผู้ขายนั้น ประการแรกอาจจะต้องพิจารณาดูครับว่า ผู้ขายนั้นเป็นผู้ผลิตหรือเป็น ผู้ค้า(หรือคนกลาง) เพราะถ้าเป็นผู้ผลิตเองก็แน่นอนครับว่าโอกาสในการเจรจาต่อรองก็น่าจะจะมีมากกว่า

เมื่อเดินดูสินค้าแล้วหากต้องการสอบถาม พูดคุย สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ครับ เพราะผู้ขายส่วนใหญ่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่ในระดับน่าพอใจไปจนถึงดีมาก เว้นแต่ว่าถ้าท่านสามารถพูดภาษาจีนได้ก็เป็นธรรมดาครับที่จะสะดวกสบายขึ้นมาก สำหรับการแต่งกายก็ควรแต่งกายให้สุภาพตามสมควรครับ บางท่านชอบแต่งตัวสบายๆ กสงเกงยีนส์ เสื้อโปโล ก็พอไหว แต่อย่างน้อยก็ควรจะใส่เสื้อสูททับไว้เพื่อให้ดูเป็นทางการบ้าง ส่วนรองเท้านั้นส่วนตัวเผมเองคิดว่าเลือกใส่รองเท้าที่ใส่สบายเอาไว้ก่อนเพราะอย่างที่บอกครับว่าต้องเดินมาก

สำหรับท่านที่ติดต่อเจรจาธุรกิจอยู่เป็นประจำเรื่องหลักการพูดคุยระหว่างผู้จะซื้อและผู้ขายคงจะทราบดีอยู่แล้ว ผมเองก็ได้ยินได้อ่านคำแนะนำมาบ้างแล้วว่า ที่นี่เวลาพูดคุยถึงจำนวนสินค้าที่จะสั่งซื้อ เขาจะพูดกันในปริมาณที่ค่อนข้างมากซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า บางชนิดเป็นเป็นพันชิ้น บางชนิดก็เป็นหมื่นชิ้น แสนชิ้นขึ้นไป ส่วนประเทศไทยของเรา ซึ่งไม่ได้มีขนาดตลาดที่ใหญ่โตมากนัก ถ้าไม่คิดว่าจะมีออเดอร์มากมายอะไรจริงๆ ก็ไม่ควรติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตสินค้าที่มีขนาดขนใหญ่เกินไป ยิ่งเรื่องที่จะขอซื้อสินค้าปลีกย่อยห้าชิ้นสิบชิ้นเหมือนงานแสดงสินค้าในบ้านเรานั้น ลืมไปได้เลยครับ เพราะในงานจะเป็นการแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจอย่างเดียว นอกเสียจากว่าจะขอสินค้าตัวอย่าง(เฉพาะบางสิ้นค้า)ไปดูนั้น พอจะเป็นไปได้ แม้แต่การถ่ายรูปสินค้านั้น ก็ควรจะจะดูป้ายสัญญลักษณ์ว่ามีการห้ามถ่ายรูปไว้หรือไม่ เพราะผู้ผลิตส่วนมากจะห้ามถ่ายรูปเนื่องจากจะระมัดระวังเรื่องการก็อปปี้แบบเพื่อนำไปสั่งทำกันเองทั้งในและนอกประเทศ ดังนั้นถ้าให้ดีก่อนจะถ่ายรูปแม้จะไม่เห็นว่าบูธนั้นๆติดป้ายห้ามถ่ายรูปไว้แต่ก็ควรจะสอบถามหรือขออนุญาตก็จะดีครับ

เมื่อการชมสินค้าที่นำมาแสดงแล้วเกิดความสนใจ การขอรายการราคาสินค้าทั้งหมดหรือหลายรายการมากจนเกินไปนั้น ก็ไม่ใคร่แนะนำครับ เพราะผู้ผลิตจะยินดีมากกว่าถ้าผู้ซื้อจะเลือกดูรายการสินค้าที่สนใจจริงๆ ขึ้นมาเพื่อสอบถามราคา จำนวนการสั่งขั้นต่ำ วิธีการจัดส่ง และเงื่อนไขต่างๆ

ด้วยเหตุนี้ การเจรจา จำเป็นต้องมีนามบัตร ไว้สำหรับแลกเปลี่ยนระหว่างกันครับ ที่ควรจะมีอีกอย่างก็คือสมุดโน้ตที่จะใช้บันทึกรายการสินค้าและข้อมูลต่างๆที่จำเป็น โดยทั่วไปเมื่อพูดคุยรายละเอียดกันแล้ว ทางผู้ผลิตจะบันทึกข้อมูลรายการสินค้าที่เราสอบถาม เพื่อจัดส่งรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้านั้นๆมาให้ทางอีเมล์อีกครั้งหนึ่ง แล้วการติดต่อธุรกิจก็จะดำเนินต่อไปตามแต่จะว่าจะตกลงกันได้หรือไม่ อย่างไร แต่วำหรับการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายบางรายที่ผู้ขายเห็นว่าพิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องเป็นราว หรือประเภทที่เคยติดต่อซื้อขายกันมาก่อน ก็อาจจะมีการนัดหมายไปเจรจาพูดคุยกันต่อตามโรงแรม หรือไม่ก็เลี้ยงโต๊ะจีนเพื่อหารือ หรือเลี้ยงขอบคุณต่อก็มี

บอกเล่ามาถึงตรงนี้คิดว่าหลายท่านคงจะพอนึกภาพออกบางแล้วนะครับว่างานแฟร์ที่ว่านี้มีความน่าสนใจยังไง และด้วยพื้นที่ที่จำกัดจึงขอแนะนำให้ท่านใดที่สนใจข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับงานดังกล่าวนี้ก็สามารถเข้าไปชดูได้ที่เว็บไซต์ //www.cantonfair.org.cn/en/index.asp กันดู เผื่อว่าเดือนตุลาคมซึ่งเป็นปลายฤดูใบไม่ผลิ ต้นฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะมีการจัดงานนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองของปี ท่านใดสนใจจะได้เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆครับ

สำหรับที่ไปในครั้งนี้ นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับงานตามที่พูดถึงมานี้ ยังมีเรื่องที่น่าสนใจอยู่อีกสองสามเรื่องซึ่งถ้ามีโอกาสจะนำมาเล่าสู่กันฟังในคราวต่อไปๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าเงินเหรียญสหรัฐที่อ่อนตัวลง ประกอบกับค่าเงินหยวนของจีนที่ยังคงแข็งค่าอยู่นี้ ซึ่งมีผลอยู่พอสมควรกับปริมาณนักธุรกิจต่างชาติที่จะเข้ามาดูงานและสั่งซื้อสินค้า ซึ่งพอกลับมาปุ๊บก็ได้ข่าวเลยว่าจีนอาจจะลดค่าเงินหยวนลงอีกระดับหนึ่ง ตลอดจนเรื่องของความเข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัยนับตั้งแต่สนามบิน ไปจนถึงบริเวณงาน และสถานที่ต่างๆ อันเนื่องมาจากการการันตีความสมบูรณ์แบบในวาระของการเป็นเจ้าภาพงานมหกรรมโอลิมปิกของจีนในราวเดือนสิงหาคมปี 2008 นี้ รวมไปถึงเรื่อง ของเมืองเล็กๆใกล้ๆกวางเจา เซินเจิ้น และฮ่องกง อย่างเมือง ตงก่วน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มั่งคั่งที่สุดเมืองหนึ่งของจีน ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่น่าสนใจทั้งสิ้น แต่สำหรับฉบับนี้ขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ.



Create Date : 23 พฤษภาคม 2551
Last Update : 23 พฤษภาคม 2551 11:06:26 น. 1 comments
Counter : 630 Pageviews.  
 
 
 
 
หนูรู้จักแต่กายกรรมกวางเจาค่ะคุณอาบูหะซัน

ขอบคุณความรู้ ข้อมูลที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ
 
 

โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:15:30 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

อาบูหะซัน
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add อาบูหะซัน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com