"ประกายไฟน้อยๆ ลามทุ่งได้"

<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 ธันวาคม 2550
 

สถานการณ์เมื่อเงินฝากกำลังเปลี่ยนไป

ดุลยทัศน์ พืชมงคล

ช่วงนี้ข่าวคราวเรื่องของสถาบันคุ้มครองเงินฝากกลับมาได้รับความสนใจขึ้นอีกครั้งครับ หลังจากค่อนข้างจะเงียบหายไประยะหนึ่ง อันเนื่องจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางด้านการเมือง แต่อย่างไรก็ดีล่าสุด พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากก็ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปแล้วเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากมีหลักเกณฑ์หรือประเด็นสำคัญที่ผู้มีเงินฝากจะมากจะน้อยพึงทราบสองเรื่องครับ หนึ่งคือเรื่องของหลักเกณฑ์ที่สถาบันการเงินต่างๆจะต้องนำส่งเงินสมทบเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ในอัตราไม่เกิน 1% ของเงินฝากในสถาบันการเงินแต่ละแห่ง ซึ่งปัจจุบันสถาบันการเงินต่างๆ จ่ายให้กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงินอยู่ในอัตรา 0.4% ของเงินฝาก

สองคือเรื่องของวงเงินฝากที่คุ้มครอง เพราะหลังจากพ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาแล้ว ก็จะใช้เวลาอีกประมาณ 6 เดือนในการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝากขึ้นกจากนั้นก็จะมีการเสนอกระทรวงการคลังออกพระราชกฤษฎีกา เพื่อกำหนดระยะเวลาการปรับลดการคุ้มครองเงินฝากจาก 100 เปอร์เซ็นต์ลงภายในระยะเวลา 5 ปี

กล่าวคือในปีแรกนั้นยังคงคุ้มครองเงินฝากอยู่เต็มจำนวน ส่วนในปีที่ 2 จะคุ้มครองอยู่ที่วงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อบัญชี จากนั้นลดลงเหลือ 25 และ 10 ล้านบาทในปีที่ 3 และ 4 ตามลำดับ และท้ายที่สุดจะปรับลดลงมาถาวรอยู่ที่ 1 ล้านบาทในปีที่ 5

สรุปก็คือเรากำลังจะมีสถาบันคุ้มครองเงินฝากกันในเร็ววันนี้ โดยเงินฝากที่จะได้รับความคุ้มครองจะได้แก่เงินฝากสกุลเงินบาท, บัญชีเงินฝากในประเทศ, เงินฝากที่มีหลักฐานเป็นตราสารที่เป็นตราสารชนิดระบุชื่อเช่นตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตั๋วเงินฝาก เป็นต้น และถ้าเป็นไปตามขั้นตอนโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ภายในกลางปี พ.ศ. 2555 เงินฝากที่เคยได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนก็จะได้รับความคุ้มครองในวงเงินเหลือไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อบัญชีต่อธนาคาร ย้ำนะครับว่าต่อบัญชีต่อธนาคาร

มีการคาดการณ์กันว่า เมื่อประกาศใช้พรบ.ฉบับนี้ในระยะแรก ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะไม่มากสักเท่าไหร่นัก เพราะจำนวนบัญชีเงินฝากส่วนใหญ่ในประเทศเป็นบัญชีเงินฝากที่มียอดเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงปีที่4 หรือปีที่ 5 เมื่อวงเงินคุ้มครองกำลังจะลดลงเหลือ 1 ล้านบาทแล้ว ก็คาดว่าน่าจะได้เห็นผู้มีเงินฝากตัดสินใจหันมาเลือกใช้วิธีการกระจายเงินเป็นบัญชีที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทกันมากขึ้น รวมไปถึงกระบวนการเคลื่อนย้ายเงินฝากที่จะปรากฎขึ้นชนิดเป็นเรื่องเป็นราวอย่างแน่นอน

สำหรับสาเหตุที่ขั้นตอนปรับลดวงเงินคุ้มครองต้องใช้เวลาถึง 4-5 นั้น ก็อย่างที่เคยพูดถึงไว้ในคอลัมน์นี้ครั้งหนึ่งเมื่อๆปีกว่าที่ผ่านมาครับว่า นอกจากจะเป็นการผ่อนเวลาให้กับสถาบันการเงินต่างๆในการเตรียมความพร้อมแล้ว

ปัจจัยสำคัญก็คือการถนอมหัวจิตหัวใจของผู้มีเงินฝากไม่ให้ตระหนกหวั่นไหวจนเกินไป เพราะอย่างที่ทราบกันนั่นแหละครับว่า ธรรมชาติของผู้ฝากเงินไม่ว่าจะฝากมากฝากน้อยต่างก็เป็นเป็นผู้ที่อ่อนไหวต่อข่าวสารความเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันกันค่อนข้างสูง

หลายคนพอได้ทราบข่าวเรื่องนี้ก็ออกตัวก่อนเลยครับว่า แม้ตัวเองจะไม่ได้มีเงินออมมากมายก่ายกองเป็นล้านๆ และแม้จะเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะมีปัญหาจนถึงกับต้องล้มหายตายจาก แต่ก็ยังอดที่จะรู้สึกว่ามีเรื่องน่าปวดหัวเพิ่มมากขึ้นมาในชีวิตไม่ได้

แต่คนที่น่าจะต้องปวดหัวตัวจริงนั้น นอกเหนือจากผู้ฝากเงินรายใหญ่แล้วคงจะหนีไม่พ้นกลุ่มธนาคารหรือสถาบันการเงินเอง โดยเฉพาะสถาบันการเงินขนาดเล็กยิ่งมีเรื่องที่ต้องขบคิดมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะผู้ฝากเงินอาจเห็นว่าการฝากเงิน (1บัญชีเกิน 1 ล้านบาท) ไว้กับธนาคารนั้นมีความเสี่ยง ดังนั้นสิ่งที่น่าจะตามมาก็คือการตัดสินใจเคลื่อนย้ายเงินฝากออกไปยังธนาคารขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงมากกว่า หรือไม่ก็ขยับเงินไปยังแหล่งลงทุนอื่นอย่างตลาดทุน ตลาดเงิน เช่นซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนประเภทต่างๆ ที่น่าจะให้ผลตอบแทนได้สูงกว่า

ปัญหาของธนาคารขนาดเล็กก็คือ เงินฝากส่วนมากกว่า 80% มักจะเป็นเงินฝากประเภทลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งธนาคารขนาดเล็กยังไม่มีเครือข่ายสาขารองรับเงินฝากออมทรัพย์รายย่อยซึ่งได้รับผลกระทบน้อยมาก

จึงคาดการณ์ได้ว่าในห้วงเวลาจากนี้ไปเราคงจะได้เห็นการปรับกลยุทธ์จากธนาคารขนาดเล็กกันอย่างคึกคักโดยเฉพาะกับการหันมาเน้นตลาดเงินฝากรายย่อย รวมถึงการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้สูงขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของการเสนอดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าธนาคารใหญ่ขึ้นไปอีกบ้างก็เป็นได้

ยังคงมีการบ้านอีกหลายข้อที่ต้องตามตีโจทย์ให้แตกว่าจะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวกันอย่างไร คำตอบที่ต้องมีข้อหนึ่งแน่ๆก็คือสถานการณ์จะที่บังคับให้สถาบันการเงินต้องปรับปรุงโครงสร้างฐานะการเงิน และการพัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยงตลอดจนภาพลักษณ์กันฝุ่นตลบ

ในอนาคตนโยบายในการบริหารของผู้บริหารสถาบันการเงินหรือธนาคารต่างๆ ที่จะส่งผลต่อความมั่นคงและเสถียรภาพธนาคารนั้นๆ คงจะได้รับการจับตามองจากผู้มีเงินฝากและสังคมกันอย่างใกล้ชิดอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว และจะเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีไม้ลายมือครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของสถาบันการเงินไทยและผู้บริหารว่าจะดีพอที่จะอยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้ในระยะยาวได้มากน้อยเพียงใด

สำหรับคนที่มีเงินฝากโดยเฉพาะที่มีมากๆ อาจจะต้องเหนื่อยหน่อย เพราะอยู่ดีๆนอกจากจะต้องเสียประโยชน์จากที่เคยได้รับความคุ้มครองแล้ว ยังจะต้องมานั่งคิดมากขึ้นว่าต่อไปนี้จะต้องจัดการเงินทองเหล่านี้กันอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผลตอบแทนที่ดี เพราะเมื่อคุ้มครองเงินฝาก 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อธนาคาร ก็จะเท่ากับว่าฝากธนาคารเดียวกันบัญชีละ 1 ล้าน 2 บัญชี ก็จะได้รับความคุ้มครองเพียงบัญชีเดียวจำนวน 1 ล้านบาท เช่นนี้คนมีเงินมากไม่วุ่นวายบ้างก็คงจะเป็นเรื่องแปลกครับ

ก่อนหน้านี้ กรรมาธิการการคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ท่านหนึ่งได้กล่าวให้สัมภาษณ์ในเชิงแนะนำแก่ผู้มีเงินฝากไว้ครั้งหนึ่งว่า แม้ว่าอนาคตรัฐบาลจะค้ำประกันแค่บัญชีละ 1 ล้านบาท แต่ประชาชนสามารถกระจายเงินฝากไปยังสถาบันการเงินในไทยทั้งหมด 43 แห่ง ดังนั้น ก็จะเท่ากับว่าลูกค้า 1 ราย รัฐบาลคุ้มครองเงินฝาก ถึง 43 ล้านบาท

แค่คิดตามคำแนะนำที่ว่าแทนคนที่มีเงินขนาดนั้นแล้วก็แสนที่จะเหนื่อยแทนกับการที่จะต้องคอยวิ่งรอกกันขนาดนี้แล้วครับ ยังไม่พักต้องพูดถึงคนที่มีเงินมากกว่า 43 ล้านบาท หรือมากกว่านั้ แต่อย่างไรเสีย คิดๆดูแล้วอย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีให้วุ่น ว่าไหมครับ.


ข้อมูลเงินฝาก(หน่วยล้านบาท)
> รายกาเงินฝากทั้งหมด 70,995,444 บัญชี เท่ากับ สัดส่วน 100%
คิดเป็นจำนวนเงิน 6,816,240 ล้านบาท

> เงินฝากเกิน 1 ล้าน 888,985 บัญชี สัดส่วน 1.25%
คิดเป็นจำนวนเงิน 5,092,407 ล้านบาท

> เงินฝากต่ำกว่า 1 ล้าน 70,108,522 บัญชี สัดส่วน 98.25%
คิดเป็นจำนวนเงิน 1,723,833 ล้านบาท


#ข้อมูลจากนสพ.รายวันข่าวหุ้น ออนไลน์ วันที่ 14 ก.ย. 255

ข้อมูลเงินฝากของระบบธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้น ก.ค. 2550 : ซึ่งดูตัวเล้วแล้วคนหรือจำนวนบัญชีที่ได้รับผลกระทบจากการลดการคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทมีน้อย แต่ตรงกันข้ามจำนวนเงินที่ได้รับผลกระทบมีมากถึงภึง 5 ล้านๆบาท หรือราว 75% ของยอดเงินฝากทั้งระบบ นอกจากนี้ตัวเลขดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นภาพประเทศไทยได้ในอีกหลากหลายแง่มุมเช่นเดียวกัน




Create Date : 03 ธันวาคม 2550
Last Update : 3 ธันวาคม 2550 17:15:55 น. 2 comments
Counter : 442 Pageviews.  
 
 
 
 
เข้ามาอ่านอะไรดีๆเพื่อความรู้อีกเช่นเคยค่ะ
 
 

โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:19:53:30 น.  

 
 
 
คงจะแนะนำอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ เพราะนาเองก็อ่านฉพาะที่นาคิดว่าสนใจ ซึ่งจะเน้นหนักไปทางแนวชีวิต กาพย์กลอนเสียมาก

หากสนใจคุณก็ลองเข้าไปตามรายชื่อเพื่อนๆในบล็อคนาได้เลยค่ะ

ถ้าให้แนะนำ ก็มี พ่อพเพีย กะว่าก๋า แล้วก็ big-lor ที่ผลงานน่าสนใจมากๆค่ะ
 
 

โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:22:36:22 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

อาบูหะซัน
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add อาบูหะซัน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com